ตอนที่แล้วChapter 113 The nameless tree block germinates
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 115 Masters in pouring tree

Chapter 114: Chu Tong hurries back


楚通赶回

***แก้ไขตอนที่ 95 ครับ ฉู่ถงเป็นศิษย์ หลังจากนักบุญปิศาจ.

วัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่จ้องมองต้นอ่อนที่โผล่ออกมาจากท่อนไม้,ไม่อาจยืนยันได้จึงเอ่ยออกมาว่า“เป็นไปได้ว่านี่คือ?!”

“เจี้ยนมู่!”ลู่อี้ผิงเอ่ยออกมาเล็กน้อย.

นับตั้งแต่กำเนิดสวรรค์และปฐพี,มีพฤกษาเทพเจ้าอยู่ด้วยกันสี่ต้น.

หนึ่งโหรวมู่ สองสวินมู่ สามฟู่ซ่างและสี่คือเจี้ยนมู่.

เจี้ยนมู่,คือหนึ่งในสี่ต้นไม้เทพเจ้าที่ลึกล้ำที่สุดในเทพเจ้าพฤกษาทั้งสี่.

ตามบันทึกโบราณ,กล่าวว่าเจี้ยนมู่คือสะพานที่เชื่อมต่อระหว่างอาณาจักรสวรรค์และอาณาจักรมนุษย์.

เมื่อครั้งยุคปฐมกาล,เหล่าเทพเจ้าใช้เจี้ยนมู่ในเดินทางติดต่อกันระหว่างอาณาจักรสวรรค์และอาณาจักรต่าง ๆ.

อย่างไรก็ตามหลังจากมาถึงยุคปรัมปราแล้ว,เจี้ยนมู่ก็ถูกจักรพรรดิสวรรค์ตัดไป,ทำให้ช่องทางระหว่างอาณาจักรสวรรค์และอาณาจักรต่าง ๆ ถูกตัดขาด.

หลังจากนั้น,เหล่ายอดฝีมือต้องการขึ้นสู่อาณาจักรสวรรค์,จะต้องการเป็นเทพและต้องผ่านทัณฑ์สวรรค์ก่อนด้วย

ทว่าคนของอาณาจักรสวรรค์นั้น,ไม่อาจลงสู่อาณาจักรมนุษย์ได้อีกต่อไป.

“ไม่คิดเลยว่าท่อนไม้แห้งนั้นจะเป็นเจี้ยนมู่!”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเผยความตื่นเต้นออกมา“หากเจี้ยนมู่เติบโต,หลังจากนี้พวกเราก็จะสามารถเดินทางไปยังทุกอาณาจักรได้เลยอย่างงั้นรึ?”

ตอนนี้เส้นทางไปยังอาณาจักรต่าง ๆ ถูกตัดขาด,การจะเดินทางไปยังอาณาจักรต่าง ๆจึงเป็นเรื่องยากมาก.

อย่างไรก็ตามหากว่ามีเจี้ยนมู่,พวกเขาต้องการไปยังอาณาจักรอสูร,ต้องการไปยังอาณาจักรอรหันต์,หรืออาณาจักรเซียน ก็จะสามารถเดินทางได้อย่างง่ายดาย.

ในจักรวาลนั้นมีดินแดนอาณาจักรมากมาย,พวกเขาต้องการไปใหนก็ได้.

ลู่อี้ผิงที่ส่ายหน้าไปมา“ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลากี่ปี,เจี้ยนมู่ถึงจะเติบโต,ในอดีตเจี้ยนมู่ที่กำเนิดมาพร้อมกับสวรรค์และปฐพี,เชื่อมต่ออาณาจักรมนุษย์,และอาณาจักรเทพไม่รู้ว่าสูงเท่าไหร่,ทว่าตอนนี้เป็นเพียงแค่ต้นอ่อนเล็ก ๆ เท่านั้น!”

เวลานี้เจี้ยนมู่เป็นเพียงต้นอ่อน,มีขนาดสูงเท่าฝ่ามือเท่านั้น.

วัวกระทิงมังกรเอ่ย“ไม่รู้ว่าวารีดาราฮุ่นตุ้นจะทำให้เจี้ยนมู่โตเร็วหรือไม่?”

ลู่อี้ผิงที่นำวารีดาราฮุ่นตุ้น,พร้อมกับหยดลงบนต้นอ่อนสองสามหยด.

เจี้ยนมู่ที่แผ่แสง,แผ่ลมปราณฮุ่นตุ้นที่หนาแน่นออกมาทันที.

อย่างไรก็ตาม,ขนาดของมันก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด.

ลู่อี้ผิงที่นำขวดหยก,พร้อมเทใส่ชามแล้วรดลงไปบนเจี้ยนมู่.

ท้ายที่สุด,เจี้ยนมู่ก็เติบโตขึ้นมาอีกเล็กน้อย.

“มารดาเถอะ,มันช่างล้างผลาญจริง ๆ.”วังกระทิงมังกรเขาทองคำที่เบ้ปาก.

ทรายดาราฮุ่นต้นหนึ่งเม็ดราคาหนึ่งล้านศิลาวิญญาณเกรดสวรรค์,ส่วนวารีดาราฮุ่นตุ้นเองก็มีมูลค่ามากกว่าทรายดาราสวรรค์ด้วยซ้ำ,หนึ่งหยดมีราคามหาศาล,ตอนนี้ได้ใช้รดเจี้ยนมู่หนึ่งชาม,กับโตขึ้นมาเพียงแค่นิดเดียว.

ลู่อี้ผิงที่พูดไม่ออกเช่นกัน,ไม่ค่อยยินดีเท่าใดนัก,แม้นว่าจะไม่เติบโตขึ้นอย่างเร็วไว,ทว่าก็ทำให้มันเติบโตขึ้นเล็กน้อย.

“แม้แต่จักรพรรดิสวรรค์จะกำเนิดขึ้นมาใหม่,ใช้ของสมบัติของศาลสวรรค์ทั้งหมด,ต้องการให้เจี้ยนมู่เติบโตใช้งานได้,เกรงว่าคงจะยาก.”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเอ่ย.

ลู่อี้ผิงเองที่รดน้ำด้วยวารีดาราฮุ่นตุ้นอีกชาม ทำให้มันเติบโตขึ้นมาอีกเล็กน้อย ทว่าหลังจากรดลงไปอีกชามก็ต้องหยุดลง.

ในครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด.

“ดูเหมือนว่า,เจี้ยนมู่จะดูดซับได้เพียงแค่สองชามวารีดาราฮุ่นตุ้น,หากมากกว่านี้ก็ไร้ประโยชน์.”ลู่อี้ผิงเอ่ย.

เขาที่เก็บมันลงไปในหม้อจักรวาล,ตัดสินใจที่จะลองอีกครั้งพรุ่งนี้.

แม้นว่าจะทำให้เจี้ยนมู่เติบโตนั้นยากเป็นอย่างมาก,ทว่าขอเพียงแค่รดมันด้วยวารีดาราฮุ่นตุ้น,ลู่อี้ผิงก็เชื่อว่าสักวันหนึ่งเจี้ยนมุ่จะกลับมายิ่งใหญ่ตั้งต้นที่สง่างามเช่นในยุคปรัมปรา.

เจี้ยนมู่,ไม่ใช่แค่เป็นหนึ่งในพฤกษาเทพเจ้า,สามารถทำให้ผู้คนเดินทางไปยังอาณาจักรอื่น ๆ ได้ง่ายแล้ว,ใบและดอกของเจี้ยนมูเองก็ไม่ธรรมดา

ใบเจี้ยนมู่,สามารถนำมาหลอมเป็นเม็ดยาเทวะปฐมกาลฮุ่นตุ้นได้,และยังหลอมเม็ดยาเปิดสวรรค์ระดับเทวะได้ด้วย!

ส่วนดอกของเจี้ยนมู่ยังสามารถหลอมยาอายุวัฒนะได้หลายอย่าง.

แน่นอน,ที่ล้ำค่าที่สุดคงจะเป็นผลของเจี้ยนมู่.

ในตำนานกล่าวว่า,ผลของเจี้ยนมู่นั้น,มีประโยชน์มากมาย,สามารถที่จะบ่มเพาะเผ่าเทพได้,ซึ่งเมื่อมันเติบโตแล้วจะกลายเป็นสิ่งประดิษฐ์เทวะระดับปฐมกาลฮุ่นตุ้น,นอกจากนี้ยังสามารถที่จะนำมาบ่มเพาะกายาเทวะฮุ่นตุ้นได้ด้วย.

กล่าวกันว่าหากนำมาใช่บ่มเพาะกายา,จะทำให้กายเทพนั้นยกระดับไปยังดินแดนที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก.

สวีเฉี่ยยหยินนิกายฉินหัว,หลังจากนางนำเหออี้ออกจากนิกายกระบี่กุยหยวนแล้ว,นางก็เอ่ยอย่างเคร่งขรึม”ไม่คาดคิดเลยว่าวิถีกู่ฉินของลู่อี้ผิงจะสูงขนาดนี้.

“ก่อนหน้านี้ข้าเป็นแค่กบที่แหงนมองท้องฟ้าในก้นบ่อเท่านั้น.”

เหออี้แค่นเสียง“ข้าคิดว่าเจ้าคนแซ่ลู่นั้น,วางท่าทำเป็นลึกลับต่างหาก,จักรพรรดิกู่ฉิน,บรรพชนกู่ฉินแค่เรื่องไร้สาระ,ช่างน่าหัวเราะจริง ๆ.”

“บางทีเสียงจากกู่ฉินมังกรทมิฬนั้น,เป็นฝีมือของจิตวิญญาณราชามังกรทมิฬ,ไม่ใช่ฝีมือของลู่อี้ผิง,ท่านไม่ได้แพ้ต่อลู่อี้ผิงสักหน่อย! ลู่อี้ผิงช่างหน้าด้านไร้ยางอาย,แย่งชิงจักรวาลบนผืนหิมะไป,ข้ารู้สึกโกรธเกรี้ยวแทบบ้า!”

สวีเฉี่ยวหยินที่ดูลังเลเอ่ยออกมาว่า“จักรวาลบนผืนหิมะ,แน่นอนว่าพวกเราจะต้องนำมันกลับ!”

หากเป็นกู่ฉินตัวอื่น,เมื่อพ่ายแพ้แล้วนางก็พอยอมทำใจได้,ทว่าจักรวาลบนผืนหิมะนั้นคือกู่ฉินของเจ้าวังกู่ฉินศักดิ์สิทธิ์,มันมีความพิเศษมากกว่ากู่ฉินเครื่องอื่น ๆ.

“ความหมายของศิษย์พี่คือ?”เหออี้เอ่ยถาม.

“พวกเราต้องกลับไปรายงานอาจารย์,ให้อาจารย์ขอให้บรรพชนเทพกู่ฉินออกมาจากการปิดด่าน!”สวีเฉี่ยวหยินเอ่ย“เมื่อบรรพชนเทพกู่ฉินออกมา,แม้แต่ฉู่ถงก็คงไม่กล้าคุ้มครองเขา.”

“ในเวลานั้น,เจ้าคนแซ่ลู่ยังจะไม่กล้าส่งกู่ฉินจักรวาลบนผืนหิมะคืนกลับมาอีกรึ?!”

สวีเฉี่ยวหยินที่คิดถึงทำนองเสียงของกู่ฉินมังกรทมิฬ,ใบหน้าของนางก็สั่นไปมาทันที,เสียงดังกล่าวนั้นมันเย็นยะเยือบน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก.

เหออี้ที่เผยยิ้มอย่างมีความสุข,“บรรพชนชราเทพกู่ฉิน,หากออกจากปิด่าน,จะเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก!”

“ในเวลานั้น,เมื่อบรรพชนชราเทพกู่ฉินออกมา,ไม่เพียงแค่จักรวาลบนผืนหิมะที่ได้กลับคืนมา,พวกเรายังทำให้เจ้าคนแซ่อลู่ต้องคุกเข่าคำนับให้กับศิษย์พี่หญิงด้วย!”

เทพกู่ฉิน!

หนึ่งในตัวตนยุคโบราณที่สุดของจิวเทียน,ผู้ที่อาวุโสยิ่งกว่าฉู่ถง,ยอดฝีมือยุคเดียวกับนักบุญปิศาจ,ผู้ก้าวไปบนวิถีกู่ฉิน,ในยุคของนักบุญปิศาจเป็นอันดับหนึ่งในจิวเทียน,เขาก็ได้รับฉายาเทพกู่ฉินแล้ว.

ผ่านมาเนิ่นนานหลายปีแล้ว,เกรงว่าวิถีกู่ฉินของเขาได้ก้าวสู่ระดับที่เกินจินตนาการแล้ว.

สวีเฉี่ยวหยินเอ่ย,พร้อมกับนำยันต์สื่อสารออกมา,พร้อมกับส่งข่าวเรื่องกู่ฉินจักรวาลในผืนหิมะให้กับอาจารย์ของนาง,ซึ่งอาจารย์ของนางก็คือเจ้านิกายกู่ฉิน เฉิงไป๋นั่นเอง.

เฉิงไป๋ที่ลังเลอยู่ชั่วครู่,จากนั้นก็ก้าวเข้าไปในดินแดนบรรพชน,เมื่อมาถึงส่วนลึกสุดของดินแดนบรรพชน,สถานที่ปิดด่านของเทพกู่ฉิน.

“เฉิงไป่น้อมพบบรรพชนชราเทพกู่ฉิน.”เฉิงไป่คุกเข่า,พร้อมกับโขลกศีรษะคำนับด้วยความเคารพ.

“มีเรื่องอันใดถึงได้มารบกวนข้า?”เสียงที่แหบเครือดังขึ้น,ดูผันผวนสั่นส่ายไปมา เห็นเป็นภาพลวงตา.

เฉิงไป๋ไม่คิดที่จะปกปิด,เอ่ยออกมาว่า“หากเป็นเรื่องอื่น,เฉิงไป่ไม่กล้ารบกวนบรรพชนชราเทพกู่ฉิน,ทว่ากู่ฉินจักรวาลบนผืนหิมะถูกคนอื่นชิงไป,เฉิงไป๋ไม่มีทางเลือกอื่น,ต้องมารายงานท่าน.”

“อะไรนะ,จักรวาลบนผืนหิมะถูกคนช่วงชิงไป!”เสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว,ดังกึกก้อง,ก่อนที่ประตูตำหนักจะเปิดออก,เฉิงไป๋ที่เห็นชายชราผู้หนึ่งก้าวออกมา,ชายชราที่ผอมแห้ง,จมูกเหมือนนกอินทรี,ดวงตาเคร่งขรึม.

ชายชราผู้นี้ก็คือฟู่เฉา,เทพกู่ฉินนั่นเอง!

“เป็นฝีมือใคร?”ฟู่เฉาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา.

“เขามีนามว่าลู่อี้ผิง.”เฉิงไป๋เอ่ย“คนผู้นี้ตอนนี้เข้าไปในดินแดนบรรพชนนิกายกระบี่กุยหยวน,ดูเหมือนว่าจะเป็นคนรู้จักของผู้ก่อตั้งนิกายกระบี่กุยหยวนฉู่ถง.”

ฟู่เฉาแค่นเสียง“เพียงแค่นิกายกุยหยวนอันกระจ้อยร่อย,ไปกินหัวใจหมีมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน,กล้าช่วงชิงกู่ฉินจักรวาลบนผืนหิมะของข้า!”จากนั้นเขาก็ก้าวออกไปร่างกายหายไปในทันที“ข้าจะไปยังนิกายกระบี่กุยหยวน,แล้วจะรีบกลับมา.”

ผ่านไปหนึ่งวัน.

เช้าวันถัดมา.

งามชุมนุมกระบี่ยังคงดำเนินไปตามแผนการ,บนยอดเขานิกายกระบี่กุยหยวน,ผู้คนมากมายยังคงเดินทางมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก.

ขณะที่งานชุมนุมนิกายกระบี่กำลังจะเริ่ม,ก็ปรากฏเงาร่างของใครบางคนที่บินมาด้วยความเร็วสูงตัดห้วงอากาศ ปรากฏขึ้นที่บนท้องฟ้าของนิกายกระบี่กุยหยวนในทันที.

ศิษย์นิกายกระบี่กุยหยวนที่เงยหน้าขึ้นมองต่างก็ตกใจไปตาม ๆ กัน,เมื่อได้สติก็เร่งรีบแสดงความเคารพ.

คนที่มานั้น,ก็คือบรรพชนผู้ก่อตั้งที่เร่งรีบเดินทางมาจากดินแดนไท่สวี,ฉู่ถงนั่นเอง.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด