ตอนที่แล้วตอนที่ 938 โจมตีเต็มรูปแบบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 940 มาสู้กัน

ตอนที่ 939 รับรู้ก่อนรบขั้นเด็ดขาด


ภายในวังวนพายุหมุนกระบี่  วิญญาณของถังเทียนถูกปรับแต่และถูกกลั่นเมื่อมลทินสุดท้ายถูกชำระออกไป ร่างของเขาสั่นสะท้านความรู้สึกผ่อนคลายที่อธิบายไม่ถูกทะลักไปทั่วร่างของเขาและทำให้เขารู้สึกเหมือนกับเกิดใหม่

กายและวิญญาณของเขาเข้ากันได้อย่างลงตัวสมบูรณ์แบบ

เขาอยู่ในสถานะที่นักสู้ทุกคนไล่ฝันไขว่คว้าและในประวัติศาสตร์มนุษยชาติจำนวนคนที่ได้เข้าถึงสภาวะเช่นนี้นับได้แค่มือข้างเดียว แค่เฉพาะเรื่องนี้ถังเทียนก็สามารถยืนหยัดเคียงข้างตำนานในประวัติศาสตร์ทุกคนและหัวเราะมองดูคนอื่นอย่างหยิ่งผยองได้

เมื่อกายและวิญญาณทั้งสองกลมกลืนลงตัวสมบูรณ์แบบ ความรู้ลึกซึ้งเกินพรรณนาก็หลากไหลเข้ามาในตัวเขาอย่างราบรื่น

ประสบการณ์และการรู้แจ้งของถังเทียนทั้งหมดผุดผ่านหมุนเวียนเข้ามา

สภาพใจที่เหมือนกับน้ำตาลสายไหมที่ลอยคล้ายเมฆปกคลุมไปด้วยสายใยแห่งชีวิตราวกับว่ามีบางอย่างอยู่ภายใน  รูปน้ำตาลสายไหมเริ่มเปลี่ยนรูปร่างแบบต่างๆ  และท้ายที่สุดกลายเป็นเปลวเพลิง หมอกคล้ายแก้วละเอียดเนียนยิ่งกว่าทรายละเอียดเปลี่ยนเปลวกระพือช้าๆ

ชีพจรทุกอย่างปล่อยรัศมีแก้วสีรุ้งภายในรัศมีแก้วสีรุ้งมีสายใยสีดำเลือนรางแหวกว่ายอยู่ภายในรัศมี

ถังเทียนสังเกตและสัมผัสความรู้สึกนี้อยู่เงียบสายใยสีดำละเอียดทั้งหมดเป็นเหมือนกฎธรรมชาติที่สร้างเกราะเทพเจ้าและพลิกโฉมแก้ไขตัวมันเองในแสงสว่าง เกราะเทพเจ้าบนร่างของถังเทียนก็มีการเปลี่ยนแปลงตนเองแสงเหมือนสีรุ้งดูเหมือนกระจายตัวออกจากสายใยกฎอยู่บนเกราะเทพเจ้า  เปลี่ยนให้เกราะเทพเจ้าให้มีสีสันต่างๆและส่งเสียงเต้นของชีพจรด้วย

ภายในแสงรุ้ง ความรู้แจ้งทั้งหมดของเขาเปลี่ยนแปลงเกราะเทพเจ้าโดยอัตโนมัติ

ความจริงก็เหมือนกับสิ่งที่ตู้เค่อคิด  ถังเทียนเป็นจอมเผด็จการที่ใช้กฎธรรมชาติ เขาใช้กำลังป่าเถื่อนบังคับสายใยกฎธรรมชาติต่างๆเพื่อสร้างเกราะเทพเจ้าตื่นรู้ของเขา ตู้เค่อรู้ว่าดูเหมือนง่าย แต่ความจริงแล้วยากมาก มันมีเหตุผลง่ายๆ แต่นอกจากถังเทียนแล้วใครอื่นจะประสบความสำเร็จในสิ่งนั้นได้

ไม่จำเป็นต้องสงสัยถึงพลังของเกราะเทพเจ้าตื่นรู้  แต่ไม่มีพื้นที่อะไรให้เติบโตก้าวหน้าได้  การควบคุมของถังเทียนเหนือเกราะเทพเจ้านั้นกลายเป็นแข็งแกร่งมาก แต่ส่วนใหญ่เป็นเพราะความจริงที่ว่าร่างกายของเขาได้เสริมความแข็งแกร่งมามาก กฎธรรมชาติของเกราะเทพเจ้าตื่นรู้อยู่ในสภาพขัดขืน และเป็นเหตุผลใหญ่ที่สุดในเรื่องขีดจำกัดในพลังอำนาจของมัน

ไฟแก้วในร่างถังเทียนเป็นแรงบันดาลใจที่เขาได้รับจากเพลิงศักดิ์สิทธิ์จากวิหาร ลักษณะพิเศษเฉพาะของเพลิงศักดิ์สิทธิ์ความสามารถในการออกแบบกฎธรรมชาติ  ไฟแก้วของถังเทียนไม่สามารถโยงเข้ากฎธรรมชาติได้ แต่อาจจัดลำดับเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกฎธรรมชาติก็ได้  ถังเทียนไม่ต้องการจะเดินตามเส้นทางพลังงานกลวง  แม้ว่ามันจะทรงพลังมาก และมีประโยชน์ต่างๆ  แต่ความจริงมันก็คือพลังงานกลวงซึ่งเหมาะกับขุนพลวิญญาณ

ร่างของถังเทียนมีควมดเด็ดขาดและเดินตามแนวพลังงานกลางจะทำให้เขาสูญเสียประโยชน์กับการไล่ตามสิ่งที่ไม่รู้

สิ่งที่ถังเทียนต้องการคือการจัดลำดับสายใยกฎธรรมชาติที่ผิดปกติของเกราะเทพเจ้า  ด้วยการกระทำนั้น ข้อบกพร่องแต่เดิมของเขาในการบังคับใช้สายใยกฎธรรมชาติด้วยกันจะหายไป  และขณะเดียวกัน  เขาสามารถสร้างวิธีการรูปแบบต่างๆในการปรับปรุงคุณภาพของเกราะเทพเจ้า

ที่ระดับของถังเทียนหรือของตู้เค่อไม่มีใครสามารถบอกพวกเขาได้ว่าจะพัฒนาวิถียุทธของพวกเขาได้ยังไง

ตู้เค่ออยู่ในสภาวะที่ดีขึ้น  แม้ว่าวิถีของเขาจะเป็นไปตามจารีตนิยมมากกว่าและแม้ว่าเขาเองจะมาถึงระดับสุดยอดแล้วแต่ก็มีคนก่อนหน้าเขาที่ได้รับความสำเร็จมาก่อน

ถังเทียนแย่กว่า  เนื่องจากเขาชอบสุ่มเสี่ยงกระทำซ้ำ  ตั้งแต่เด็กวิถีวิทยายุทธของเขาแรงขับเคลื่อนของเขาต่างจากคนอื่น  ตัวอย่างเช่น ร่างพลังกายเป็นศูนย์ สำหรับร่างพลังกายเป็นศูนย์  เขาตกอยู่ในสภาพอนาถมาก  และสำหรับเกราะเทพเจ้าของเขาไม่เคยมีใครทำสำเร็จมาก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถหาคำแนะนำได้ เหตุผลที่เขาไม่ถึงระดับนี้เป็นข้อพิสูจน์

การเปลี่ยนสภาพใจกระจกแก้วเป็นเพลิงแก้วเป็นเรื่องบังเอิญและวาสนา  แต่มีแง่มุมต่างๆที่ถังเทียนเองได้รับการรู้แจ้งผ่านสภาวะนี้

ถังเทียนเรียนรับรู้กับการเปลี่ยนแปลงของเกราะเทพเจ้าอย่างระมัดระวัง

หน้ากากของเขากลายเป็นสีดำเป็นสีดำสนิทกว่าสีดำทั่วไป ดำยิ่งกว่าท้องฟ้ายามราตรีและอำพรางพลังผันผวนที่ร่างของถังเทียนปล่อยออกมา ตาของเขาเหมือนกับมีชั้นกระจกบางเป็นแสงโปร่งใสและเมื่อมองผ่านแสงที่คล้ายกระจกใสนี้เข้าไปจะกลายเป็นโลกที่แตกต่างออกไป  เสียง กลิ่น อุณหภูมิกฎธรรมชาติที่ได้รับการกระตุ้นมากขึ้นๆ และเมื่อกฎธรรมชาติได้รับการกระตุ้นก็จะนำข้อดีทั้งหมดของมันเข้าและ ทั้งหมดรวมกันนี้ถังเทียนตระหนักได้ว่าโลกกลายเป็นที่ไม่คุ้นเคย

เขาสามารถมองเห็นแสงต่างๆที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน และเขาสามารถเห็นสายใยกฎธรรมชาติในอากาศ กลิ่นเจือจางที่เขาเคยได้เมื่อในอดีตที่ผ่านมากลายปรากฏชัดและเขาสามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างส่วนผสมที่ซับซ้อนของฝุ่นดินและวัตถุอื่นๆ  เขาสามารถรู้สึกพลังผันผวนเบาบางจากอีกด้านหนึ่งของทวีปเซียน

‘หือ?’

เขาสังเกตได้โดยเร็วว่ามีระลอกคลื่นมากขึ้นอยู่ในระยะไกล  ซึ่งยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

แค่เพียงคิดข้อมูลซับซ้อนนับไม่ถ้วนเข้ามารวมอยู่ในใจของเขาและจัดเรียงตัวออกมากลายเป็นฉากภาพที่เขาเห็นได้อย่างน่าประหลาดใจ

ภายในทะเลเพลิงศักดิ์สิทธิ์  มีรังไหมอยู่มากมาย และเกิดรอยร้าวนับไม่ถ้วนและพอรังไหมแตกทำลายก็ผลิตขุนพลวิญญาณออกมา ทะเลเพลิงศักดิ์สิทธิ์มีขุนพลวิญญาณอยู่แล้ว  และถังเทียนสามารถมองเห็นผ่านประวัติศาสตร์ของเขาที่เหลือจากเศษซากของร่างกายพวกเขา

เขาเกลียดจะยอมรับเรื่องนี้ แต่เขารู้สึกนับถือความเลือดเย็นและอำมหิตของประมุขผู้อาวุโส

จากนั้นเขาเห็นประมุขผู้อาวุโสและโซเฟีย

ประมุขผู้อาวุโสจะมีความรู้สึกถึงเขาได้  เขาเงยหน้ามองมาทางตำแหน่งของเขาทันที  ด้วยการคำรามครั้งเดียวเพลิงศักดิ์สิทธิ์นับไม่ถ้วนระเบิดออกและกลายเป็นกำแพงไฟขนาดใหญ่  ทำให้ถังเทียนตาพร่าและไม่สามารถเห็นอะไรได้อีกต่อไป

แต่ฉากภาพนั้นก็เพียงพอให้ถังเทียนระมัดระวังเพิ่มขึ้น

เขามีความคิดในตอนแรกว่าลำแสงเพลิงทั้งสิบสี่ก็คือไพ่เด็ดของประมุขผู้อาวุโส  แต่หลังจากได้เห็นฉากภาพนั้นแล้ว  ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าประมุขผู้อาวุโสเตรียมขุนพลวิญญาณไว้มากมาย  ‘กองทัพขุนพลวิญญาณ ประมุขผู้อาวุโสต้องการใช้เพลิงศักดิ์สิทธิ์เพื่อสร้างกองทัพขุนพลวิญญาณ  ในสภาพแวดล้อมของทวีปเซียน  พลังสู้รบของขุนพลวิญญาณจะเพิ่มขึ้นมากมาย’

‘เราเพียงแต่มีขุนพลวิญญาณอยู่ร้อยเดียว...’  แม้แค่เพียงเหลือบมองแว่บเดียวแต่ถังเทียนก็เห็นว่าจำนวนขุนพลวิญญาณอย่างน้อยมีเป็นหมื่น

ถังเทียนเข้าใจทันทีว่าการสู้รบต่อไปจะเป็นศึกที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา  ตราบเท่าที่เขาเอาชนะประมุขผู้อาวุโสได้  วิหารจะล่มสลาย  และทวีปกวงหมิงจะทำลายตัวเองโดยที่พวกเขาไม่จำเป็นต้องโจมตี เขาจะไม่มีศัตรูในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป และชัยชนะในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์จะทำให้เขาชนะในสวรรค์วิถีอีกด้วย  แหล่งทรัพยากรเรือรบและทหารของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์คือสิ่งที่สวรรค์วิถีไม่สามารถต่อกรได้  ตราบใดที่พวกเขาพบทางผ่าน  ถังเทียนจะสามารถนำกองเรือรบกวาดสวรรค์วิถีได้

ตราบใดที่เขาชนะศึกต่อไป  จะไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้

ศัตรูข้างหน้าเขาแข็งแกร่งอย่างไม่เคยพบเจอมาก่อน  และอันตรายของการสู้รบจะเป็นประวัติการณ์  แต่พวกเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงมันได้

เป็นการต่อสู้ตัดสินขั้นเด็ดขาด

ทันใดนั้นถังเทียนสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของกระบี่อมตะ

ภายในกระบี่อมตะเหนือทะเลสุคติที่สงัดหมอกพัดปกคลุมเต็มไปหมด

หมอกหนาแน่นมากจนถ้าใครคนหนึ่งยื่นนิ้วออกไปจะไม่สามารถมองเห็นปลายนิ้วได้เลย พลังงานกลวงไร้ที่สิ้นสุดที่ถูกดูดซับเข้ามาในกระบี่อมตะเปลี่ยนเป็นหมอกหนาแน่น  ทะเลสุคติที่ถูกหมอกกักเอาไว้ค่อยๆ สงบลงที่ใดที่แตะกับผิวทะเล หมอกจะซึมเข้าไปในน้ำดำทันที เหมือนฝูงปลาสีเงินว่ายอยู่ในน้ำ

ที่ก้นบึ้งทะเลสุคติซึ่งแสงส่องไปไม่ถึง  ร่างๆ แล้วร่างเล่ายืนเป็นกระบวนพยุหะ ทั้งหมดอยู่ในความเงียบเหมือนกับทหารหุ่นดินเผามีรอยร้าวตั้งแต่ศีรษะถึงเท้า ถ้าไม่มีอะไรอื่นทหารเหล่านี้ยังจะคงหลับต่อไปอีกร้อยปี และรอตื่นขึ้นจนกว่าจะครบรอบอีกร้อยปี

แสงสีเงินชุดแล้วชุดเล่าเหมือนกับจะไปเคาะประตูเยี่ยมเยียนแผ่นดินที่เงียบสงบ

แสงเหล่านั้นบรรจบรวมกันจากตำแหน่งต่างๆและเข้าไปในร่างที่เงียบสงบนั้นทั้งหมด แสงเงินปริมาณมากทะลักเข้าไปในร่างที่แตกร้าวทั้งหมดและยิ่งทะลักเข้าไปมาก รอยแตกร้าวบนหุ่นนั้นก็เริ่มสมานตัวและร่างทั้งหมดเริ่มปรากฏชัด และดูเหมือนกับว่ากลายเป็นร่างหยาบรูปเส้นใบหน้าชัดเจนขึ้น ขณะที่มีปาก คิ้ว จมูก...

ราวกับว่ามีมือที่มองไม่เห็นค่อยๆสลักหุ่นที่มีชีวิตจากร่างเลือนรางเหล่านั้น

เมื่อรอยแตกร้าวบนร่างพวกเขาฟื้นฟูหายดีเมื่อร่างของเขาปรากฏเป็นร่างหยาบชัดเจน พวกเขาค่อยๆ ลืมตา ตาของพวกเขายังคงมีความมุ่งมั่นพุ่งผ่านเมฆแห่งกาลเวลาและความมืดมิดเงียบสนิทของทะเลสุคติ

พวกเขาค่อยๆโผล่ศีรษะขึ้นมาและร่างของพวกเขาเริ่มลอย

เมื่อพวกเขาอลยออกมาจากน้ำทะเล หมอกรอบๆพวกเขาก็ทะลักเข้าหาพวกเขาทันทีหมอกที่ถูกสร้างขึ้นโดยพลังงานกลวงเข้าไปในร่างของพวกเขาทั้งหมด เหมือนกับซึมซับเข้าไปฟองน้ำแห้ง  พวกเขาซึมซับหมอกไว้อย่างเต็มที่

หลังจากดูดซับพลังงานกลวง ร่างของพวกเขายังคงควบแน่นหยาบขึ้นด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า  และจากที่เป็นร่างพร่าเลือน  พวกเขากลายเป็นเหมือนร่างประกอบด้วยของเหลวจากนั้นมีกระดูกและเลือดเนื้อ

นอกจากผิวสีเทาที่ขุนพลวิญญาณทั้งหมดจะพึงมี  พวกเขาไม่ต่างอะไรจากคนที่มีชีวิต  ตาของพวกเขาสร้างขึ้นจากสีน้ำทะเลดำดำสนิท  แต่มีประกายแวววาว

ถ้าอาซิ่นเห็นพวกเขา  เขาคงตกใจอย่างแน่นอน

เมื่อทหารของพวกเขามีร่างชัดเจนขึ้นและหมอกสามารถเข้าไปในร่างพวกเขา พวกเขาอยู่บนผิวน้ำ และเดินอยู่ภายในหมอกอย่างเงียบๆ

ภายในหมอก มีพื้นที่รูปสี่เหลี่ยมสมบูรณ์แบบซึ่งคงอยู่โดยคนอื่นไม่รู้ ทหารที่กำเนิดใหม่เดินอยู่ในขบวนรูปสี่เหลี่ยมและเดินไปประจำตำแหน่งที่ยังไม่เต็ม และหยุดนิ่งไม่ไหวติง

ภายในน้ำทะเลดำ มีร่างเลือนร่างลืมตาขึ้น  ภายในหมอก กระบวนรูปสี่เหลี่ยมที่ยังขาดอยู่ถูกเติมเต็มเงียบๆ

ถังเทียนมองดูฉากภาพที่เกิดขึ้นภายในกระบี่อมตะอย่างเงียบๆ  หัวใจของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ตื้นตัน

จากตั้งแต่ต้นที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงวิญญาณทั้งหมดที่แตกร้าวไม่ยินดีจะพักอย่างสงบ ไม่ก่อเสียง พวกเขาไม่ดีใจกับชีวิตใหม่ และแม้จะมีชีวิตใหม่  พวกเขาไม่เคยลืมภารกิจของพวกเขา พวกเขาไม่เคยลืมความเชื่อมั่นของเขาต่อกระบี่อมตะ

พวกเขามีชีวิตเพื่อสู้

ยิ่งวิญญาณแตกเสียหายภายใต้น้ำและถูกเรียกให้ตื่นขึ้นเนื่องจากตำแหน่งในกระบวนศึกยังขาดอยู่ รังสีฆ่าฟันที่ทรงพลังยังแฝงอยู่ในอากาศ

ในหมอกที่แผ่กระจายไปทั่วทะเลสุคติ ร่างที่ยืนอยู่ยังคงนิ่งเป็นระเบียบวินัยเหมือนหนึ่งหมื่นปีที่แล้ว แม่ทัพใหญ่ยืนอยู่ข้างหน้าชูธงขนาดมหึมาอย่างเงียบงัน  และชี้นำอยู่หน้ากระบวนศึก

หมื่นปีต่อมา ธงศึกของกองทัพดาวกางเขนใต้จะถูกชักขึ้นสูงอีกครั้ง

เมื่อถังเทียนเห็นธงศึกของกองทัพดาวกางเขนใต้ถูกชูขึ้นอีกครั้ง  จิตวิญญาณนักสู้ภายในตัวของเขาระเบิดทันที

‘เจ้ามีกองทัพขุนพลวิญญาณของเจ้า  ข้าก็มีของข้า เรามาดูกัน กองทัพใครจะแข็งแกร่งกว่า!’

อารมณ์ของถังเทียนปั่นป่วนเนื่องจากความตั้งใจสู้ในตัวเขาทะลักไปทั่วทุกส่วนของร่างกายเขา

‘ข้าไม่ต้องทนรอนานนัก!’

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด