ตอนที่แล้วตอนที่ 937 จับกุมเจียย่า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 939 รับรู้ก่อนรบขั้นเด็ดขาด

ตอนที่ 938 โจมตีเต็มรูปแบบ


“ชิวซิ่วหัว!  ชิวซิ่วหัว! เจ้านั่นทรยศ!  เจ้านั่นทรยศ!”

โกวเฉิงเวิ่นเต้ากรีดร้องดังลั่นจนคนที่อยู่ห่างไกลสามารถได้ยินเขา  แต่จากช่วงเวลานั้น ไม่มีใครลุกขึ้นยืน  คลิฟและแม่ทัพอีกสองคนตกตะลึง  พวกเขาไม่เคยคิดว่าในเวลาอย่างนั้นชิวซิ่วหัวจะทรยศพวกเขา

เป็นเรื่องร้ายแรงมากที่พวกเขาไม่มีพลังจะตอบโต้

เมื่อคิดถึงเรื่องที่พวกเขาปฏิเสธชิวซิ่วหัวทุกคนเต็มไปด้วยความขมขื่นและเสียใจ

เมื่อโกวเฉิงเวิ่นเต้นได้รับคำขอของชิวซิ่วหัวเพื่อเข้าพัก  เขากลับลังเลเกินไปและทั้งสามคนก็พูดคุยปรึกษากันแล้ว พวกเขาตัดสินใจหลังจากปรึกษากันนาน เกี่ยวกับการต่อสู้ภายในทวีปกวงหมิงที่พวกเขาทุกคนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ความสูญเสียของตระกูลชิวไม่ส่งผลต่อพวกเขามากนัก  ตราบใดที่พวกเขายังเงียบ  พวกเขาก็แค่มาพร้อมกับข้ออ้างหลังจากนั้น

แต่ไม่ต้องคำนึงถึงกลยุทธและความเป็นไปได้ทั้งหมดที่พวกเขาได้คิดกัน พวกเขาไม่เคยคาดว่าชิวซิ่วหัวต้องการจะยอมแพ้ต่อสัมพันธมิตรใต้  ตระกูลชิวเป็นตระกูลชั้นสูงในทวีปกวงหมิง แม้ว่าพวกเขาล้มเหลวก็ไม่มีอะไรผลักดันให้ชิวซิ่วหัวยอมจำนน

ในประวัติศาสตร์ของทวีปกวงหมิงไม่เคยมีกรณีที่แม่ทัพใหญ่ยอมแพ้ ชิวซิ่วหัวเป็นคนแรก ถ้าข่าวเช่นนั้นรั่วไหลออกไปก็จะเหมือนกับกระตุ้นคลื่นใหญ่  มันคือความตกต่ำที่สุดที่เกิดขึ้นกับทวีปกวงหมิงยิ่งกว่าความสูญเสียที่พวกเขาได้รับก่อนหน้านี้เสียอีก

ใช่แล้วไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่พวกเขาจะพิจารณาเรื่องการกระทำที่รุนแรง พวกเข้าต้องกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของพวกเขาเอง  เนื่องจากพวกเขาอยู่ในที่ๆ น่ากลัวที่สุด

ขณะที่พวกเขาปฏิเสธกองทัพชิวซิ่วหัวไม่ให้เข้าทวีปซางโจวชิวซิ่วหัวถูกบังคับให้ไปประจำอยู่ในทวีปน้อยแห่งหนึ่งบนเส้นทางลำเลียงบำรุง การยอมแพ้ของชิวซิ่วหัวหมายความว่าเส้นทางส่งกำลังบำรุงและทางถอยของโกวเฉิงเวิ่นเต้าถูกตัดขาดสิ้นเชิง  และขณะที่ทวีปซางโจวไม่ใช่สถานที่ตั้งรับที่ดีที่สุด  และพวกเขาไม่ชำนาญในการตั้งรับ  สำหรับพวกเขาแล้ว  พวกเขาถูกกักอย่างสมบูรณ์

การสูญเสียเรือรบของพวกเขาหมายความว่าพวกเขาไม่อาจเริ่มเร่งเต็มความเร็วโดยผ่านชิวซิ่วหัวได้ แม้ว่าความสมบูรณ์ของกองทัพพวกเขาจะมีมากกว่าชิวซิ่วหัว  แต่ชิวซิ่วหัวถือความได้เปรียบหยุดอยู่ในทางถอยภายใต้การขาดแคลนเรือรบ การพยายามแล่นเรือผ่านจุดดักของชิวซิ่วหัวเป็นเรื่องไม่สมเหตุผล

ทุกคนมีสีหน้ากังวลและบรรยากาศอึมครึม

หลังจากนั้นครู่หนึ่งโกวเฉิงเวิ่นเต้าก็สงบใจได้ และตะโกนบอกทุกคน เมื่อพวกเขาเห็นโกวเฉิงเวิ่นเต้าปรากฏตัว พวกเขาตกใจกันหมด  เจ้านายมีเส้นเลือดปูดโปนอย่างเห็นได้ชัดและสีหน้าของเขาหม่นหมอง

“ทีนี้บอกข้าที พวกเจ้าทุกคนมีความคิดอะไรอยู่บ้าง?”

ทุกคนได้แต่เงียบ

โกวเฉิงเวิ่นเต้ารอต่ออีกเล็กน้อยและเมื่อไม่มีใครพูดขึ้น เขาลุกขึ้นยืนอย่างเหลืออด “พวกเจ้าไม่มีความคิดเลยสักอย่างหรือ?”

คลิฟได้แต่ยืนขึ้น“เราทำได้เพียงอยู่ป้องกันและรอกำลังเสริม ความมั่นคงของพวกเราค่อนข้างจะสมบูรณ์ ถ้าเราต้านรับได้กำลังเสริมจากวิหารควรจะมาถึง”

“ควรจะมาหรือ?”  เมื่อโกวเฉิงเวิ่นเต้าได้ยินคำเหล่านั้น  เขาแค่นเสียง “มากะผีน่ะสิ!  เจ้าโง่พวกนั้นกำลังต่อสู้อย่างหนักดูเหมือนว่าพวกเขามีชีวิตแขวนอยุ่บนเส้นด้าย  แม้ว่าการสู้รบจะจบไปแล้วพวกเขาก็มัวยุ่งกับการจัดการความยุ่งเหยิง สนับสนุนเราน่ะหรือ?  ใครจะจำเราได้?”

ทุกคนยังคงเงียบความกระตือรือร้นในสายตาพวกเขาหมองลง พวกเขายังคงรู้ว่าการฝากความหวังไว้ที่กำลังเสริมจากวิหารเป็นเพียงความคิดเพ้อฝัน

พวกเขาไม่สามารถป้องกันได้  พวกเขาไม่สามารถหนีนั่นคือสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขา

สิ่งที่แย่กที่สุดก็คือการเสริม  ความสมบูรณ์ของของกองทัพทั้งหมดค่อนข้างสมบูรณ์ซึ่งก็หมายความว่าพวกเขาจำเป็นต้องได้เสบียงสนับสนุนเพิ่มมากขึ้นพอเส้นทางส่งบำรุงถูกตัด  พวกเขาก็ไม่สามารถรับการเสริมกำลังได้และวันที่เสบียงของเขาหมดลงก็จะเป็นวันตัดสินพวกเขา

คลิฟและพวกที่เหลือสามารถเดาได้ว่าสัมพันธมิตรใต้แค่ล้อมพวกเขาอย่างเดียวโดยไม่ต้องสู้และรอให้พวกเขาอ่อนแรงลง

ถึงอย่างนั้นพวกเขาจะสามารถทำอะไรได้?”

โจมตีก่อน? ทุกคนรู้ว่ากองเรือรบของพวกเขาถูกลอบโจมตีจนส่งผลใหญ่ต่อทุกคน

“ทวีปกวงหมิงตกอยู่ในอันตรายครั้งนี้อย่างแท้จริง”

โกวเฉิงเวิ่นเต้าพูดคำเหล่านี้ทันทีทำให้ทุกคนพากันสะดุ้ง และไม่มีใครรู้สึกตัวอยู่นาน

หลังจากได้แต่เงียบเป็นเวลานาน ทุกคนจึงรู้สึกตัวและสีหน้าพวกเขาเปลี่ยน

“นายท่านท่านหมายความว่าเป้าหมายของสัมพันธมิตรใต้อยู่ที่แนวหลังเราหรือ?”  คลิฟที่มั่นคงที่สุดถาม

“ถ้าไม่อย่างนั้นจะเป็นที่ไหนเล่า?”  ตาของโกวเฉิงเวิ่นเต้าเป็นประกายเจ็บปวด  แต่เขาแค่นเสียง “เจ้าคิดว่าสัมพันธมิตรใต้ยังจะมีเป้าหมายอยู่ที่เราหรือ?  หึหึ ตื่นได้แล้วพวกเราทุกคนกลายเป็นเป็ดย่างมานานแล้ว โจมตีเต็มกำลัง  พวกเขากำลังจะโจมตีเต็มกำลัง!  เจ้าพวกโง่เง่านั่น ครั้งนี้ทุกคนจบแน่”

โกวเฉิงเวิ่นเต้าพึมพำอย่างมึนงง

ทุกคนหน้าซีดด้วยความตกใจ

*****************

ชิวซิ่วหัวมองเซี่ยอวี่อันที่อยู่ด้านหน้าเขาซึ่งมีท่าทางงงงวย  เป็นการพบกันครั้งแรกของแม่ทัพผู้ลือนาม แต่เขาไม่เคยคิดว่าจะอยู่ภายใต้สถานการณ์อย่างนั้น

“แม่ทัพชิว, ข้าได้รับคำสั่งให้แทนที่ตำแหน่งสูงส่งของท่าน”

เซี่ยอวี่อันพูดอย่างสุภาพและสงบไม่แสดงอาการของผู้ชนะ

ชิวซิ่วหัวประหลาดใจ แม่ทัพนายกองใดๆที่ได้สร้างชื่อเสียงมักจะเย่อหยิ่งเสมอ แต่เซี่ยอวี่อันที่อยู่ข้างหน้าเขามีมารยาทและสงบ  ชิวซิ่วหัวชื่นชมเขาในใจ และพูดอย่างเป็นกันเอง  “ไม่มีปัญหา ข้ายกที่นี่ให้ท่าน  ท่านแม่ทัพ”

สัมพันธมิตรใต้ได้ส่งมอบตำแหน่งป้องกันให้กับเซี่ยอวี่อันผู้เชี่ยวชาญในการป้องกันตามแผนการบีบคั้นโกวเฉิงเวิ่นเต้าจนตาย

ชิวซิ่วหัวรู้ว่าโกวเฉิงเวิ่นเต้าจบแล้ว

ความพ่ายแพ้สิ้นเชิงที่แนวหน้าของทวีปกวงหมิงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว  แม้ว่าเขาจะร่วมกับสัมพันธมิตรใต้ แต่ชิวซิ่วหัวยังคงมีความเศร้าอยู่ในใจของเขาบ้าง  พวกเขาเคยคิดว่าพวกเขาไร้เทียมทาน  แต่ความเป็นจริงกระทบกระเทือนใจพวกเขาอย่างหนัก

ครั้งนี้แม้แต่แผ่นดินของทวีปกวงหมิงก็ตกอยู่ในอันตราย  ชิวซิ่วหัวมีความรู้สึกที่เฉียบคมโดยรู้สึกจากการระดมกองทัพของสัมพันธมิตรใต้ ความตั้งใจของพวกเขาไม่ใช่แค่ทวีปซางโจว

สัมพันธมิตรใต้มีความตั้งใจจะโจมตีเต็มกำลัง!

ชิวซิ่วหัวคิดถึงเรื่องถังเทียนผู้ยังอยู่ภายในทวีปกวงหมิง และเมื่อเขาคิดถึงเรื่องของความเข้ากันได้ของกลยุทธของถังเทียนกับปิง  หัวใจของเขาสั่นสะท้าน

ทันใดนั้นใจของเขามีความคิดอย่างหนึ่งว่าศึกสุดท้ายระหว่างสัมพันธมิตรใต้และทวีปกวงหมิงได้เริ่มขึ้นแล้ว!

ตัวละครหลักของศึกสุดท้ายและรุนแรงไม่ใช่การระดมกองทัพของสัมพันธมิตรใต้  แต่เป็นถังเทียนผู้ลอบเร้นเข้าทวีปกวงหมิง

มือที่อยู่ในเงามืดซึ่งอำพรางตัวเองมายาวนานในที่สุดก็แสวงหาโอกาสโจมตีอย่างรุนแรง และไม่มีความตั้งใจจะรอคอยต่อไป

การสู้รบรุนแรงกำลังจะเริ่มขึ้น

*****************

ประมุขผู้อาวุโสมองดูโซเฟียและแสดงท่าทางพอใจ

โซเฟียแตกต่างไปจากเดิมสิ้นเชิงเหมือนกับว่านางเกิดใหม่เกราะทั่วตัวของนางคลุมไปด้วยชั้นเพลิงศักดิ์สิทธิ์สีทอง  และเพลิงศักดิ์สิทธิ์ลุกโชนเงียบๆ  เปล่งรัศมีที่นุ่มนวลสง่างาม  จากศีรษะจรดเท้า  มีแต่เพียงหน้าของนางที่ไม่มีเพลิงศักดิ์สิทธิ์คลุม  แต่หน้ากากสีทองเข้มปกปิดหน้าส่วนใหญ่ของนางไว้เผยให้เห็นแต่ดวงตาสีแดงเข้ม

ดวงตาสีแดงเข้มมีอาการเฉยเมย  นางยืนอยู่ต่อหน้าประมุขผู้อาวุโสเงียบๆเพลิงศักดิ์สิทธิ์ลุกโหม  ที่หน้าผากนางมีรอยดวงอาทิตย์ซึ่งทำให้นางดูเด่นสง่างาม

ราศีของโซเฟียแตกต่างจากแต่ก่อนโดยสิ้นเชิง กระบวนการเปลี่ยนแปลงได้เปลี่ยนนางไปอย่างสิ้นเชิง  โซเฟียในตอนนี้ดูเหมือนเครื่องจักรนักฆ่าที่เลือดเย็นด้วยคำสั่งเดียว นางจะทำลายศัตรูของนาง

กระบวนการเปลี่ยนแปลงสมบูรณ์ของโซเฟียเป็นผลงานสร้างที่สมบูรณ์ที่สุดของประมุขผู้อาวุโส  และเป็นสิ่งที่เขาพอใจเป็นที่สุด

ไม่เพียงแต่พลังส่วนตัวของโซเฟียจะมีคุณภาพก้าวกระโดดเท่านั้น แม้ว่าคุณสมบัติของชีวิตก่อนของนางในการสั่งการและวางแผนทำสงครามจะยังสงวนไว้อย่างดี แต่โซเฟียคือผลผลิตแท้จริงที่ทางวิหารใช้ความพยายามไปมากและน้อยคนมาที่จะรู้เรื่องนั้น  แต่ห้าแม่ทัพใหญ่ในปัจจุบันเคยสอนโซเฟียมาก่อน นี่คือเหตุผลที่ประมุขผู้อาวุโสต้องการให้โซเฟียรั้งตำแหน่งผู้บัญชาการอัศวินกวงหมิงเพราะเป็นผู้บัญชาการที่มีคุณสมบัติได้รับการแนะนำสั่งสอนจากห้าแม่ทัพใหญ่กวงหมิง

โซเฟียไม่ปล่อยให้ประมุขผู้อาวุโสผิดหวัง  นางแสดงพรสวรรค์ที่โดดเด่น  และได้รับการยอมรับจากห้าแม่ทัพใหญ่ นั่นคือเหตุผลที่โซเฟียสามารถนั่งอยู่ในตำแหน่งอย่างมั่นคงในตำแหน่งผู้บัญชาการอัศวินกวงหมิงโดยไม่มีใครคลางแคลงใจนางเลย

ประมุขผู้อาวุโสให้การส่งเสริมโซเฟียทุกอย่างก็เพื่อสถานการณ์เช่นนั้น เขาต้องการแม่ทัพทหารที่มีมาตรฐานสูงมากแต่ว่าภักดีต่อเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข

ความภักดีของมู่จือเสียและพวกที่เหลือไม่อาจเทียบขุนพลวิญญาณได้

แม้แต่อัศวินกวงหมิงทั้งสิบสองที่กลายเป็นขุนพลวิญญาณก็ประสบความสำเร็จ  พวกเขาด้อยกว่าโซเฟีย แต่พวกเขาก็จะเป็นกำลังหลักของกองทัพขุนพลวิญญาณและยังอย่างอื่นได้หลายอย่าง

สำหรับขุนพลวิญญาณที่ประมุขผู้อาวุโสสร้างขึ้น หลังจากดูดกินเพลิงศักดิ์สิทธิ์ไปเป็นปริมาณมาก พลังของพวกเขาแข็งแกร่งมากขึ้นเมื่อเทียบกับอัศวินกวงหมิงเมื่อตอนที่พวกเขายังมีชีวิต  ที่สำคัญยิ่งกว่ามีเพิ่มขึ้นมากมายนักเมื่อเทียบกับอัศวินกวงหมิงเดิม

ด้วยผู้บัญชาการที่โดดเด่นอย่างโซเฟีย สิบสองเซียนอัศวินกวงหมิงในฐานะเป็นแกนหลักและทหารขุนพลวิญญาณจำนวนมากที่เชื่อฟังคำสั่งและยังทรงพลังมากก็เพียงพอจะสร้างกองทัพขุนพลวิญญาณที่ทรงพลังแล้ว

และด้วยเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่มีไม่รู้จบนี้ทวีปเซียนจะกลายเป็นแผ่นดินที่สำคัญที่สุดเพื่อให้วิหารได้ฟื้นฟูทหาร

ในแผนการของประมุขผู้อาวุโสเขาไม่เคยเตรียมตัวสร้างกองทัพขุนพลวิญญาณเร็วนัก แต่การปรากฏตัวของตู้เค่อ ทำให้เขาต้องผลักดันแผนการนี้ให้เร็วขึ้น เพียงแค่นั้นก็ทำให้ประมุขผู้อาวุโสรู้สึกดีใจ ถ้าเราต้องบอกกันว่าก่อนนั้นเขายังมีความกังวลใจเล็กน้อย  แต่ตอนนี้ด้วยกองทัพขุนพลวิญญาณ  เขาไม่มีความกังวลใจต่อไป เขาเชื่ออย่างมั่นคงว่าไม่มีกองทัพอื่นในโลกนี้ที่สามารถสู้กองทัพขุนพลวิญญาณของเขาได้

แม้แต่มู่จือเสียและพวกที่เหลือก็ไม่สามารถสู้กับพวกเขาได้

นอกจากนี้ เขายังรู้ว่าเมล็ดเพลิงศักดิ์สิทธิ์ในตัวของมู่จือเสียได้ทำงานแล้ว  และมู่จือเสียตายแล้ว

เขารู้สึกเสียใจอยู่บ้าง  มู่จือเสียเป็นขุนพลวิญญาณที่เขาชื่นชม  แต่มู่จือเสียปฏิเสธหลักการในแผนการของเขา

คนที่เขาไม่ต้องการไม่ว่าจะสำคัญแค่ไหนโดดเด่นแค่ไหน ก็ต้องตาย

สำหรับเขา การสู้รบครั้งนี้สำคัญที่สุด  สำเร็จหรือล้มเหลวขึ้นอยู่กับการสู้รบครั้งนี้  เมื่อเขาชนะทวีปเซียน  เขาจะชนะทวีปกวงหมิงและเขาจะชนะดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์

เพียงแค่นั้นจะไม่มีใครหยุดเขาหรือกองทัพขุนพลวิญญาณของได้

รุ่นของเขาจะเริ่มต้นจากการสู้รบครั้งนี้

เขาตื่นเต้นและมองไปข้างหน้า  “หลังจากวางแผนมาเป็นเวลานาน  หลังจากยอมสูญเสียไปมาก ยังจะไม่ชนะอีกหรือ?’

ในทะเลเพลิงศักดิ์สิทธิ์ เสียง ‘เผียะ’ดังออกมา เหมือนกับเสียงไข่ไก่แตก เสียงเปลือกไข่แตกเหมือนกับการหลอมรวมเสียงแตกนับไม่ถ้วนดังออกมาและกลายเป็นเหมือนเสียงน้ำไหล

สายตาของประมุขผู้อาวุโสลุกโชนเหมือนกับเปลวไฟมองดูรังไหมสีแดงที่แตกอยู่ภายในทะเลเพลิงศักดิ์สิทธิ์  และหัวใจเขาปั่นป่วน

‘กองทัพขุนพลวิญญาณที่ไร้เทียมทานของข้าถือกำเนิดแล้ว’

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด