ตอนที่แล้วตอนที่ 926 ทะลวงผ่านหน้าต่าง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 928 จำพราก

ตอนที่ 927 กระตุ้นความเคลื่อนไหว


เมื่อถังเทียนลืมตารัศมีของม่านพลังก็หมองสลัว และหมิ่นเหม่จะพังทลายมีเพียงสมาชิกกองพลเกราะเทพเจ้าครึ่งหนึ่งที่ยังยืนอยู่ ส่วนคนอื่นๆที่หมดแรงนอนกับพื้นล้วนใกล้จะสิ้นสติ ขณะที่จี๋เจ๋อและพวกที่เหลือกำลังดิ้นรนพยายามอย่างหนัก  พวกเขาถึงขีดจำกัดของตัวเองแล้ว  หน้าของพวกเขาซีดขาวร่างของพวกเขาโชกไปด้วยเหงื่อ และสั่นสะท้านมากขึ้นทุกที  สมาชิกบางคนมีรอยเลือดอยู่ที่มุมปาก

เป็นครั้งแรกที่พวกเขาอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากอย่างนั้นนับตั้งแต่ก่อตั้งกองพลเกราะเทพเจ้า

“สลายม่านพลังซะ”

ถังเทียนสั่งอย่างไม่เกรงใจ  แต่จี๋เจ๋อและพวกไม่ลังเลใจแม้แต่น้อยสลายม่านพลังทันที  ทุกคนเบิกตากว้าง  บางคนมองดูถังเทียนด้วยความสงสัยและคาดหวัง  จี๋เจ๋อกับพวกรู้ซึ้งถึงพรสวรรค์ของเจ้านาย แต่อาซิ่นและเสี่ยวม่านยังไม่เคยเห็นความสามารถที่แท้จริงของเขา   ที่ทำการกองทัพตระกูลชิว ตอนแรกถังเทียนต้องการจัดการด้วยตัวเอง  แต่อาซิ่นกลับขโมยผลงานไปเฉยและทุกคนสามารถเห็นประจักษ์การแสดงฝีมือที่น่าตื่นตาตื่นใจของอาซิ่น

ตาของเชียนฮุ่ยเป็นประกายขณะที่นางกลั้นใจโดยไม่รู้ตัว

นับตั้งแต่พวกเขาพัวพันอยู่ในเรื่องอันตรายนางยังคงรักษาความสงบไว้ได้ นางรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องกังวล เนื่องจากนางมีพี่เทียนอยู่กับนาง นางก็เช่นกัน ไม่เข้าใจตนเองว่าทำไมถึงได้รู้สึกอย่างนั้น  บางทีอาจเป็นเพราะเมื่อพวกเขายังอายุน้อยพี่เทียนมักจะคอยปกป้องคุ้มกันอยู่ข้างหน้านางอย่างกล้าหาญ?  นางมักจะเต็มไปด้วยความมั่นใจต่อถังเทียน  ความมั่นใจที่ไม่มีสาเหตุที่มา เหมือนอย่างที่ทุกคนในสถาบันแอนดรูว์คิดว่าถึงเทียนผู้รู้แต่เพียงวิทยายุทธพื้นฐานเป็นแค่ตัวตลก  แต่นางยังรู้สึกว่าเขาทรงพลังมากมาย เช่นเดียวกับที่พวกเขาไม่ได้สัญญารักอมตะนิรันดร์กาลต่อกันแต่ก็ยังรู้สึกคาดหวังและมั่นใจต่ออนาคตของพวกเขา ไม่มีเหตุผลหรือตรรกะใดซ่อนอยู่เบื้องหลัง

นางคลี่รอยยิ้มไม่หวั่นไหว  ดวงตาเป็นประกายของนางไม่เคยคลาดจากถังเทียน

‘ต่อให้เราทำไม่สำเร็จได้ตายเคียงข้างพี่เทียนก็นับว่าเป็นบุญแล้ว’

จะมีเรื่องเสียใจค้างคาใจอยู่บ้างก็คือนางไม่เคยช่วยพี่เทียนของนายได้เลย นางเชี่ยวชาญในการสั่งการรบ และพลังส่วนตัวของนางยังห่างไกลจากถังเทียนมาก  นางไม่เคยมีโอกาสสั่งการรบหลังจากได้พบถังเทียนดังนั้นจึงไม่เคยได้แสดงฝีมือของนางเลย

แต่ความเสียใจทั้งหมดเหล่านี้หายไปในพริบตา  ‘มีพี่เทียนอยู่ใกล้ๆก็นับว่าดีแล้ว’

หน้ากากที่สวมอยู่บนหน้าของถังเทียนถูกกฎธรรมชาติของเกราะเทพเจ้าหลอมละลายไปนานแล้ว  เขาไม่มีใบหน้าที่หล่อ  แต่เหมือนกับมีแม่เหล็ก กลับดึงดูดสายตาของนาง เทียบกับพี่เทียนจากความทรงจำสมัยเด็กของนางแล้ว หน้าที่อยู่ต่อหน้านางไม่ค่อยดื้อรั้นเล็กน้อย  มีความเป็นผู้ใหญ่และสงบขึ้นมาบ้าง แต่สีหน้าที่จริงจังและฉลาดเฉลียวยังเป็นเหมือนในอดีต

ถังเทียนรู้สึกได้ถึงสายตาของเชียนฮุ่ย  เขาคิดว่าเชียนฮุ่ยกลัว จึงยิ้มให้นาง

เชียนฮุ่ยยิ้มหวานตอบ

ถังเทียนสลายรอยยิ้มและเคร่งขรึม ตาของเขาเพ่งพินิจขณะที่เขาจ้องมองเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ลอยอยู่ในท้องฟ้า  ความปลอดภัยของทุกคนอยู่ในมือของเขา  และขณะนั้น เขากำลังแบกรับความกดดันใหญ่  พวกเขามีเพียงโอกาสเดียว  เขาสามารถกระตุ้นเกราะเทพเจ้าได้อีกครั้งและถ้าพวกเขาล้มเหลว...

ถังเทียนคิดอยู่เงียบๆ  ‘อย่างนั้นเราจะสูญเสียทุกอย่าง’

รวมทั้งทุกคนที่อยู่กับเขาจะถูกจัดการ  สัมพันธมิตรใต้ที่จะล้มเหลวในสงครามจะถูกพวกวิหารกลืน แม้แต่ชะตากรรมของเมืองสามวิญญาณและกลุ่มดาวหมีใหญ่ก็จะดิ่งเหว  ประสบการณ์ของทุกคนจากการรบหลายครั้ง  ความสำเร็จของทุกคนที่มาจากความขยันหมั่นเพียรของพวกเขาจะสูญหายเป็นควันไปหมดหากว่าพวกเขาแพ้

ถังเทียนหลับตา  เขาสามารถได้ยินเสียหัวใจตนเองเต้น  มันกังวลเหมือนกับคนอื่น  ใจเต้นแรงเร็วเหมือนกลองรัว  จนร่างกายของเขารู้สึกชา

หนุ่มชาวฟ้า....

เขาพึมพำอยู่ในใจของเขาเอง

เขาไม่ตะโกนชื่อหนุ่มชาวฟ้าด้วยตัวเองมานานแล้ว เขาไม่ใช่เด็กหนุ่มที่อ่อนแออย่างในอดีตอีกต่อไป  เขาเริ่มมองลงมายังโลกได้  เขาสามารถเดินทางไปได้กับทุกคน  เขาเริ่มกลายเป็นผู้นำ และกลายเป็นราชันย์

แต่ลึกลงไปในส่วนที่ลึกที่สุดของหัวใจ  เขายังเป็นเด็กหนุ่มผู้ไม่กลัวเกรง ความรู้สึกที่เขาไม่ได้รู้สึกมาเป็นเวลานานทะลักเข้ามาในร่างกายเขาเหมือนกับลาวา  การจุดความกระหายในเส้นเลือดที่สงบมาเป็นเวลานาน ความตื่นเต้นที่อธิบายไม่ได้กระจายไปทั่วทุกมุมร่างกายเหมือนกระแสไฟฟ้า  และความกังวลในตอนแรกทำให้หัวใจของเขาเต้นเร็วเป็นเชื้อช่วยเร่งพลังใจให้ลุกโชน

เขาเป็นเหมือนมังกรที่หลับมาเป็นเวลาหมื่นปีและตื่นขึ้นในที่สุดและดีใจที่จะได้แสดงจิตวิญญาณนักสู้ของเขาต่อชาวโลก

ถังเทียนลืมตาของเขา  ลึกลงไปในสายตาของเขาเหมือนกับมีเพลิงเปล่งออก

“หนุ่มชาวฟ้า...”

เขาพูดกับตัวเอง  ก็เหมือนวิธีที่เขาทำเมื่อตอนยังอยู่ในเมืองซิงฟงขณะที่เขามองมาที่หุบเขา

เขาใช้พลังของเขาทั้งหมดตะโกนออกมาอย่างไม่มียั้งเขาพร่ำบอกตัวเองว่าเขาต้องการคำตอบ

“....ไปไป ไป!”

เหมือนกับพายุที่พัดอยู่ในใจของเขา  เหมือนกับพระอาทิตย์ที่ปลดปล่อยรัศมีอบอุ่นเหมือนกับตอนที่เขายังเป็นเด็ก

ความกังวลทั้งหมดถูกโยนทิ้งไปทันที  เขาบินขึ้นไปบนท้องฟ้าเหนืออาคาร เรียกใช้งานเกราะเทพเจ้าอีกครั้ง ของเหลวสีทองไหลเป็นเส้นพันรอบร่างกายของเขา  และสภาพใจของถังเทียนอยู่ในสภาวะเฉพาะอีกครั้ง

ทันทีที่เกราะเทพเจ้าทำงาน เพลิงศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดก็บินเข้าหาเขาเหมือนกับฉลามทันที

แต่ขณะที่พวกมันจะได้สัมผัสกับถังเทียนความเร็วของพวกมันพลันช้าลง พวกมันสูญเสียเป้าหมาย

ที่นอกร่างกายของถังเทียนมีชั้นม่านพลังบางๆที่เขาซ่อนไว้  ชั้นพลังที่เบาบางนี้ได้กันกลิ่นอายของเกราะเทพเจ้าออกไป  ถังเทียนจ้องมองเพลิงศักดิ์สิทธิ์รอบตัวเขา พวกมันลอยอ้อยอิ่งอีกครั้งหลังจากสูญเสียเป้าหมายเหมือนกับแมงกะพรุนในมหาสมุทร

เหยื่อตาของถังเทียนเป็นประกายแสงเยือกเย็น เพลิงศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่เหมือนกับแมงกะพรุนกลายเป็นเหยื่อของถังเทียนโดยไม่รู้ตัว

เมื่อเขากำลังพัก ถังเทียนมีแผนการที่สมบูรณ์ของเขา

โดยการฉายพลังกฎธรรมชาติในพลังงานอย่างนั้นก็ใช้กฎธรรมชาติกับพลังงานกลวงเพื่อกลืนพลังงานเป็นพื้นฐานการเปลี่ยนแปลงธรรมชาติของพลังงาน  นี่เป็นการแยกออกจากหมวดหมู่วิชาทั่วไป ก็เหมือนกับที่เพลิงศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถเปลี่ยนไปเป็นพลังงานหรือกฎธรรมชาติได้มันกลับสร้างรูปแบบพลังงานแบบใหม่ที่ไม่มีใครคาด และเป็นสิ่งที่ทำให้ประมุขผู้อาวุโสทรงพลังอย่างแท้จริง การสร้างวิทยายุทธแบบใหม่และการสร้างพลังแบบใหม่เป็นสองเรื่องที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

แม้แต่ร่างพลังกายเป็นศูนย์ของถังเทียนก็ยังไม่อาจเทียบกับเรื่องนี้ได้  ร่างพลังกายเป็นศูนย์ของเขาไม่ทิ้งจากประเภทพลังกาย  แม้แต่เกราะเทพเจ้าของถังเทียน  แม้ว่าจะเป็นการสร้างใหม่ที่น่าสนใจ  แต่ก็ไม่อาจเทียบกับพลังแบบใหม่นี้

ถ้าไม่ใช่เพราะความคลั่งและความโหดร้ายเป็นประวัติการณ์ของประมุขผู้อาวุโส  แค่อาศัยเพลิงศักดิ์สิทธิ์  ความสำเร็จของเขาก็สร้างความรุ่งเรืองให้กับเขาได้ตลอด

ทั้งสองฝ่ายล้วนเป็นคนแปลกประหลาด  และแม้ว่าถังเทียนจะชื่นชมประมุขผู้อาวุโส  แต่ใจของเขาก็เพียงแต่คิดว่าวิธีเอาชนะเขา

ประมุขผู้อาวุโสมั่นใจในเพลิงศักดิ์สิทธิ์ของตนเองเป็นอย่างมากซึ่งเห็นได้จากข้อที่ว่าแผนของเขาทั้งหมดเดินไปรอบๆ เพลิงศักดิ์สิทธิ์  ความมั่นใจของเขาเองก็นับว่าสมควรแล้ว พวกเขาต้องรู้ว่าแม้ว่าหลังจากสร้างไฟศักดิ์สิทธิ์มาเป็นเวลาหลายปี  ไม่มีใครเคยค้นพบความลับเรื่องเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่ายังไงก็เป็นผู้อาวุโสของวิหารหรือผู้มีฝีมือดีของวิหาร  และประมุขผู้อาวุโสมีการปรับตัวมากที่สุด

แต่ประมุขผู้อาวุโสไม่เคยคาดว่าในโลกนี้ยังมีคนชื่อถังเทียน

ถังเทียนรู้สึกชื่นชมต่อประมุขผู้อาวุโสมากเป็นพิเศษ  แต่เขาไม่รู้ว่าเขาก็เป็นตัวประหลาดสำหรับคนอื่นเช่นกัน  ร่างพลังกายเป็นศูนย์,กฎธรรมชาติปรับเปลี่ยนร่างกาย, เกราะเทพเจ้าตื่นรู้, กองพลเกราะเทพเจ้า,ทั้งหมดเป็นเขาสร้างขึ้นมา  หลังจากเห็นประจักษ์ถึงพลังต่างๆแล้วความสามารถทางใจของถังเทียนและสายตามองการณ์ไกลของเขาไม่เหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป  ขณะที่คนอื่นกลัวเพลิงศักดิ์สิทธิ์  เขากลับเข้าใจหลักการที่อยู่เบื้องหลังเพลิงศักดิ์สิทธิ์แล้ว และเต็มไปด้วยความชื่นชมต่อเพลิงศักดิ์สิทธิ์และประมุขผู้อาวุโส

ใช่แล้ว เพียงแต่ชื่นชม แต่ไม่กลัว

เขาไม่กลัวต่อการเผชิญกับเพลิงศักดิ์สิทธิ์ เพลิงศักดิ์สิทธิ์ทำให้เขาทึ่งด้วยความชื่นชม  สมดุลที่สมบูรณ์แบบและประหลาดเต็มไปด้วยความงามและเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของประวัติศาสตร์มนุษย์ แต่ไม่ใช่สิ่งที่เขากลัว

ไม่เคยมีพลังไร้เทียมทานในโลก และพลังทุกอย่างมีข้อบกพร่องและนั่นคือสามารถควบคุมได้

พลังงานกลวงเปล่าคือปมสำหรับบำรุงเลี้ยงขุนพลวิญญาณ ถังเทียนไม่เคยค้นคว้าศึกษาเรื่องขุนพลวิญญาณอย่างจริงจัง  แต่เขามีขุนพลวิญญาณอยู่ฝ่ายเขามากมายและตัวเขาเองก็มีความเข้าใจต่อขุนพลวิญญาณด้วย ในบางความรู้สึกขุนพลวิญญาณเหมือนกับมีความคงอยู่ที่ว่างเปล่านั่นคือเหตุผลที่ขุนพลวิญญาณไม่สามารถดูดซับพลังงานมาเสริมพลังพวกเขาโดยตรง

‘พลังงานกลวงเปล่าจำเป็นต้องคงอยู่ ขณะที่กฎธรรมชาติเทียมในเพลิงศักดิ์สิทธิ์ต้องถูกกำจัด’

ถังเทียนไตร่ตรองอย่างต่อเนื่องเกี่ยวชนิดของกฎธรรมชาติเทียมภายในเพลิงศักดิ์สิทธิ์  แม้ว่าเขาจะได้เห็นกฎธรรมชาติเทียมภายในเพลิงศักดิ์สิทธิ์ในทันทีที่เมื่อเกราะเทพเจ้าและเพลิงศักดิ์สิทธิ์มีปฏิกิริยาต่อกัน  แต่เวลาที่ใช้ในตลอดทั้งกระบวนการสั้นมาก  และเขาไม่เข้าใจชัดเจนว่าเป็นกฎธรรมชาติอะไร  แต่เขาเข้าใจได้ทันที นั่นเป็นกฎแสงรังสีนั่นคือกฎแสงรังสีเทียม!  เป็นกฎธรรมชาติอื่นไปไม่ได้  และต้องเป็นกฎแสงรังสีเท่านั้น

เพราะพวกมันมาจากวิหาร และเพลิงศักดิ์สิทธิ์ของประมุขผู้อาวุโสถูกเพลิงศักดิ์สิทธิ์จากวิหารกลืนอยู่

ความชัดเจนและรู้แจ้งฉับพลันนี้ช่วยแก้ปัญหาความคิดมากมายที่ถังเทียนมี  เขาเรียนรู้เพลิงศักดิ์สิทธิ์ธรรมดามาก่อน  และเข้าใจต่อกฎธรรมชาติรังสี  กฎธรรมชาติรังสีจะบริสุทธิ์และข่มขี่  แต่ร่างของถังเทียนผ่านปรับแต่งจากกฎธรรมชาตินับไม่ถ้วนมาก่อน

การกระทำที่ตามมาของเขาทำให้ทุกคนประหลาดใจ  เขาโยนการ์ดวิญญาณออกไปใบหนึ่ง

เป็นการ์ดวิญญาณชั้นทอง  มันตกอยู่ห่างจากถังเทียนสิบเมตรและลอยอยู่ในอากาศไม่เคลื่อนไหว  การกระทำของถังเทียนรวดเร็วมาก แสงสีทองสายแล้วสายเล่ายิงออกมาจากร่างของเขา  ในพริบตามเดียวก็มีการ์ดวิญญาณทั้งหมดรายรอบตัวเขา ทั้งหมดเป็นการ์ดวิญญาณชั้นทอง

การ์ดวิญญาณชั้นทองหนึ่งร้อยใบลอยอยู่รอบตัวเขาเงียบๆเหมือนกับว่ามีพลังที่มองไม่เห็นผูกการ์ดเหล่านั้นไว้ด้วยกัน

ถังเทียนถอนหายใจโล่งอก  ‘โชคดีที่ข้านำการ์ดวิญญาณชั้นทองมาด้วยอย่างเพียงพอ’ ทั้งหมดนี้ผี่ผาจัดเตรียมไว้ให้เขาด้วยการปรากฏตัวขึ้นของเซียนหลายคนและความรุ่งเรืองของกองทัพจักรกลในสวรรค์วิถี   คุณค่าของการ์วิญญาณจึงลดลง  กลุ่มดาวหมีใหญ่กลายเป็นดาวมั่งคั่งมีรายได้เข้ามามากมาย ดังนั้นพวกเขาจึงเตรียมการ์ดทองไว้นับไม่ถ้วน  ผี่ผาเจ้าความคิดและเมื่อถังเทียนกลับไปเยี่ยมเยียนครั้งล่าสุด นางจัดเตรียมของใช้ให้มากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือการ์ดวิญญาณ และจำนวนของการ์ดวิญญาณก็มีถึงหนึ่งร้อยใบ

การ์ดวิญญาณชั้นทองร้อยใบกระพริบเปล่งประกายสีทองอยู่รอบตัวถังเทียนเหมือนระลอกคลื่นทองคำ ตำแหน่งของการ์ดวิญญาณถูกถังเทียนกำหนดไว้อย่างระมัดระวังและไม่มีใบใดสัมผัสกับเพลิงศักดิ์สิทธิ์

‘กลับไปข้าคงต้องขอบคุณผี่ผา’  ถังเทียนจดจำในใจ

เขาหันไปทางอาซิ่นและเสี่ยวม่านและขุนพลวิญญาณคนอื่นที่ยืนอยู่ใต้การ์ดวิญญาณจากให้สั่งให้ทั้งหมดนั่งขัดสมาธิ

พวกเขาทำตามคำสั่งของถังเทียนเข้าประจำตำแหน่ง  และทุกคนสงบโดยไม่รู้ตัว

ร่างทองในท้องฟ้ามองดูเหมือนเทพสงครามกางแขนทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด