ตอนที่แล้วตอนที่ 925 ความลับของเพลิงศักดิ์สิทธิ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 927 กระตุ้นความเคลื่อนไหว

ตอนที่ 926 ทะลวงผ่านหน้าต่าง


ตั้งแต่เริ่มต้น ถังเทียนคิดว่ารูปร่างเส้นไข่ปลาเป็นสายใยกฎธรรมชาติรูปแบบหนึ่ง เพราะรูปทรงจุดไข่ปลาอยู่ในรูปร่างที่เป็นเส้นเช่นกันและคล้ายกับสายใยกฎธรรมชาติ ถังเทียนคุ้นเคยกับสายใยกฎธรรมชาติมาก และการสร้างสายใยที่เป็นจุดๆนั้นคล้ายกับสายใยกฎธรรมชาติต่างๆ

แต่ในเวลาอันรวดเร็วถังเทียนก็คาดการณ์ได้อีก เขาคิดอย่างระมัดระวังเกี่ยวกับรายละเอียดเล็กน้อยที่เขาได้มามากและพบรูปแบบใหม่ๆ

สายใยจุดไข่ปลาที่ลึกลับมีลักษณะคล้ายกับสายใยกฎธรรมชาติ  แต่มีเพียงข้อแตกต่างกันก็คือเหมือนกับเป็นรูปภาพที่ตรงกันข้าม  ถูกแล้วถังเทียนจำได้ถึงความรู้สึกที่ชัดแจ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่เมื่อเส้นจุดไข่ปลาและสายใยกฎธรรมชาติปะทะกัน  ความรู้สึกจะชัดเจนมาก  ถ้าเป็นคนธรรมดาอื่นพวกเขาคงจะรู้สึกสับสนแน่นอน ภาพเส้นใยกฎธรรมชาติกลับกันนั้นได้มาจากไหน?’

ถังเทียนเชื่อมั่นความรู้สึกของเขา สัญชาตญาณของเขาแหลมคมและสามารถเข้าใจรายละเอียดเล็กน้อยที่คนอื่นมองข้ามเป็นปกติซึ่งพิสูจน์ได้จากการผ่านการสู้รบมานับครั้งไม่ถ้วน

‘มันไม่ใช่ความเข้าใจผิด  แต่มันคืออะไร?’

ถังเทียนไตร่ตรอง  เขาไม่ได้จำกัดความคิดการฝึกฝนของเขา  เพลิงทองศักดิ์สิทธิ์ไม่มีเหตุผลคงอยู่ในตัวมันเอง แม้กระทั่งมีบางสิ่งที่ผิดปกติสองสามอย่างที่มีมากกว่าปกติ

ฉากภาพการปะทะฉายภาพซ้ำแล้วซ้ำเล่าในใจของถังเทียน  เขาจดจ่อความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

หลังจากอดทนไม่หยุดหย่อนในที่สุดถังเทียนก็เข้าใจเหตุผลที่เขาคิดว่าภาพที่สะท้อนเป็นเพียงภาพลวงตาเสมือนสายใยกฎธรรมชาติ และสายเส้นประคือสิ่งที่ลึกลับเป็นรูปแบบที่ยากอธิบาย  แม้ว่าสายใยกฎธรรมชาติยากจะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า  แต่ความจริงที่เหลืออยู่ก็คือพวกมันคงอยู่ระหว่างพื้นที่  และบังเอิญกลับกลายเป็นว่าภาพในความว่างเปล่ากลับอยู่ตรงข้าม  มันคงอยู่ในมิติอวกาศ  ในแง่ของการสลักประทับสายใยกฎธรรมชาติเป็นสายใยแข็งที่ยืดออกมา ขณะที่สายใยกฎเส้นประจะเป็นขาดๆ วิ่นๆ

เป็นครั้งแรกที่ถังเทียนเผชิญกับเส้นสายใยกฎธรรมชาติที่เว้าแหว่ง

‘มิน่าเล่าพวกมันถึงถูกทำลายเมื่อปะทะกัน พวกมันเหมือนหยินหยางตรงกันข้ามเป็นตัวแทนสองขั้วแตกต่างซึ่งจะต้องถูกกำจัดเป็นธรรมดาเมื่อปะทะกัน’  นั่นคือเหตุผลที่เพลิงศักดิ์สิทธิ์มีปฏิกิริยาเหมือนฉลามได้กลิ่นเลือดเมื่อถังเทียนกระตุ้นการทำงานเกราะเทพเจ้า  และแห่กันเข้ามาหาเขา  ขณะที่จี๋เจ๋อและพวกที่เหลือไม่ได้รับผล นั่นเป็นเพราะจี๋เจ๋อและพวกที่เหลือใช้กฎธรรมชาติควบคุมพลังงาน  กล่าวอีกอย่างก็คือสายใยกฎธรรมชาติของจี๋เจ๋อและคนอื่นคลุมไปด้วยชั้นเลือดเนื้อ  และนั่นก็คือพลังงาน ขณะที่เกราะเทพเจ้าของถังเทียนไม่มีพลังงานคลุมรอบ มีแต่เฉพาะสายใยล้วนๆในอากาศเพลิงศักดิ์สิทธิ์จึงถูกดูดเข้ามาหาเขา

หลังจากทำความเข้าใจแล้ว ถังเทียนรู้สึกว่าประมุขผู้อาวุโสเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง

ถังเทียนจัดระเบียบความคิดนี้และเข้าใจเพลิงศักดิ์สิทธิ์ว่าแค่ถูกกั้นไว้ด้วยหน้าต่างบางดุจแผ่นกระดาษ  ตอนนี้หน้าต่างบางๆ ถูกฉีกขาดแล้ว ถังเทียนสามารถคาดเดาแผนการของประมุขผู้อาวุโสได้

‘เป็นการฉายพลัง!’

‘ประมุขผู้อาวุโสน่าจะใช้การฉายของพลังกฎธรรมชาติในพลังงาน ลายเส้นจุดไข่ปลานี้ไม่ใช่กฎธรรมชาติที่แท้จริง  แต่เลียนแบบการฉายกฎธรรมชาติในพลังงาน กฎธรรมชาติที่ฉายและพลังงานแสงสว่างก็สามารถสร้างองค์ประกอบที่มั่นคงบางชนิดได้  ช่างน่าทึ่ง นี่คือกฎธรรมชาติเทียมที่สร้างพลังขึ้นในพลังงานอย่างยากลำบาก  แต่ในพลังงานแสงสว่างที่บริสุทธิ์ที่สุดเด็ดขาดที่สุดสามารถรักษาเสถียรภาพได้’

ถังเทียนสามารถนึกภาพประมุขผู้อาวุโสมีความสุขได้เมื่อเขาค้นพบองค์ประกอบที่เป็นเอกลักษณ์

‘อัจฉริยะจริงๆ!’  ถังเทียนอดสรรเสริญอีกครั้งไม่ได้

หลังจากประมุขผู้อาวุโสค้นพบองค์ประกอบที่เป็นเอกลักษณ์  เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่จบการค้นคว้าไว้เพียงแค่นี้

องค์ประกอบที่มหัศจรรย์และมั่นคงประกอบด้วยการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่ง  กฎธรรมชาติเทียมที่มั่นคงอยู่ภายในพลังงานรังสีที่บริสุทธิ์เริ่มสร้างผลในตัวพลังรังสีเอง  พลังงานรังสีที่แต่เดิมมีพลังข่มขี่และบริสุทธิ์ค่อยๆเป็นพลังกลวง คุณสมบัติของพลังงานเริ่มอ่อน และเปลี่ยนเป็นสร้างพลังงานเฉพาะแบบที่เกิดจากการผสมกันของพลังงานและกฎธรรมชาติ

รูปแบบที่ไม่เหมือนใครนี้สร้างลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์

ขณะนั้นถังเทียนก็เข้าใจเหตุผลที่ประมุขผู้อาวุโสฝากความหวังทั้งปวงไว้กับขุนพลวิญญาณได้ในที่สุด

ในบางความรู้สึก ขุนพลวิญญาณจะเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างผสมผสาน เป็นสภาพเฉพาะพิเศษที่อยู่ระหว่างความเป็นกับความตาย  สำหรับขุนพลวิญญาณ เพลิงศักดิ์สิทธิ์คืออาหารบำรุงเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่

พอถังเทียนเข้าใจจุดนี้ก็มีชีวิตชีวาทันที

อุปสรรคเพียงอย่างเดียวที่กันเสี่ยวม่านและขุนพลวิญญาณที่เหลือจากการดูดซับเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็คือคุณสมบัติทางรังสีของเพลิงศักดิ์สิทธิ์  พลังงานรังสีที่บริสุทธิ์เป็นรูปแบบพลังงานที่รุนแรงมาก  และขุนพลวิญญาณ ก็เทียบเท่ากับยาพิษ  แม้ว่าพลังงานรังสีในเพลิงศักดิ์สิทธิ์จะมีช่องว่าง  และคุณสมบัติที่กดขี่ของมันผ่านการเปลี่ยนแปลงมาอย่างยิ่งใหญ่  และมีแต่เพียงเศษพลังงานรังสีที่เหลือไว้ด้านหลัง

ขุนพลวิญญาณแปลงในวิหารสามารถเข้ากันได้กับพลังงานแสงสว่างนั่นวิธีที่พวกเขาสามารถกลืนเพลิงศักดิ์สิทธิ์ได้โดยไม่ถูกขัดขวาง  แต่สำหรับเสี่ยวม่านและพวกการดูดซับเพลิงศักดิ์สิทธิ์ทำได้ยากมาก พลังงานกลวงของเพลิงศักดิ์สิทธิ์อาจทำร้ายพวกเขา

ในทางตรงกันข้าม พลังงานรังสีที่เปล่งออกมาโดยเพลิงศักดิ์สิทธิ์  หลังจากพลังกลวงอ่อนโยนลงมาก  และบางลงกว่าเพลิงศักดิ์สิทธิ์เอง ดังนั้นเสี่ยวม่านและพวกก็สามารถดูดซับเพลิงที่เหลือโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ  และสามารถช่วยบำรุงเลี้ยงพวกเขาเองด้วย

แต่ปริมาณช่องโหว่พลังงานแสงสว่างในอากาศให้ดูดซับมีน้อยเกินไป  ขณะที่ขุนพลวิญญาณของวิหารสามารถดูดซับเพลิงศักดิ์สิทธิ์ได้โดยตรง เสี่ยวม่านกับพวกสามารถดูดซับได้เพียงจากช่องว่างของพลังงานรังสีบางๆเท่านั้น ความในการเสริมพลังของทั้งสองฝ่ายต่างกันราวฟ้ากับดิน  ถ้าเป็นไปตามวิธีการนั้น  พวกเขาจะยังอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก

ถังเทียนไม่รู้ว่าสัตว์ประหลาดอะไรจะถูกสร้างขึ้นมาหลังจากดูดซับเพลิงศักดิ์สิทธิ์ในท้องฟ้าทั้งหมด  จำนวนของเพลิงสูงมากจนน่ากลัว

แต่เนื่องจากเขาเข้าใจหลักการได้ชัดเจน เป็นธรรมดาที่ถังเทียนเชื่อว่าเขาจะพบทางแก้ไขได้

การริเริ่มเดิมของประมุขผู้อาวุโสควรค่าแก่การเคารพ  แต่ในแง่ใช้ประโยชน์จากกฎธรรมชาติ  คนเดียวที่ทัดเทียมกับถังเทียนก็คือตู้เค่อผู้ได้รับการรู้แจ้งสนามพลังกฎธรรมชาติ ความแตกต่างกันก็คือ ตู้เค่ออาศัยความเข้าใจเรื่องกฎธรรมชาติของเขา  ขณะที่ถังเทียนอาศัยเกราะเทพเจ้าของเขา

ไม่ว่าพวกเขาจะอาศัยอะไรชัยชนะยังจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในเวลาเช่นนั้น

ถังเทียนไม่ยอมให้ตัวเองมีนิสัยหลีกเลี่ยง

สมองของเขาทำงานอย่างรวดเร็ว  ‘เสี่ยวม่านและพวกไม่สามารถทนต่อคุณสมบัติของพลังงานรังสีในเพลิงศักดิ์สิทธิ์ได้  แต่ข้าทนได้’  ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งของเขา  เขาไม่กลัวพลังงานรังสีบริสุทธิ์ในพลังงานกลวง  ตรงจุดนี้แม้แต่ตู้เค่อก็ไม่อาจเทียบกับเขาได้  นั่นเป็นรูปแบบที่ร่างกายของเขาแข็งแกร่งทรงพลัง

‘ข้าสามารถเป็นสะพานเชื่อม เอ๊ย..ตัวกรอง’

‘ข้าจะส่งผ่านเพลิงศักดิ์สิทธิ์ผ่านตัวข้า และข้าสามารถดูดซับคุณสมบัติของพลังงานรังสีที่เหลือภายในเพลิงศักดิ์สิทธิ์หรือเก็บไว้ หรือขับพวกมันออก ขณะที่เหลือก็ให้อาซิ่นและพวกดูดซับ’

ความจริงถังเทียนเองรู้สึกว่าความคิดนี้ดูประหลาดไปเล็กน้อย

แต่ในสนามรบที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย  ถ้ามีคนไม่ยอมเสี่ยง  พวกเขามีแต่รอความตาย  ขณะที่เสี่ยงอาจได้รับผลตอบแทนโดยตรงก็ได้  นอกจากนี้ แม้จะได้ความคิดเชิงบวก  แต่ทั้งหมดก็ต้องขอบคุณถังเทียนที่ทำให้พวกเขาใช้วิธีนั้นได้

ถ้าเขาไม่มีพลังร่างกายที่แข็งแกร่งน่ากลัว  เขาคงเท่ากับหาที่ตายจริงๆ และถ้าเขาไม่มีเกราะเทพเจ้าที่ทำให้เขาควบคุมกฎธรรมชาติได้แข็งแกร่งที่สุด  เขาก็ยังเท่ากับหาที่ตาย

แม้ว่าวิธีนี้จะมีความเสี่ยงมาก  แต่ตามทฤษฎีมีโอกาสสำเร็จได้มาก  แน่นอนเพลิงศักดิ์สิทธิ์เห็นเกราะเทพเจ้าของถังเทียนเป็นศัตรูคนหนึ่ง  และเขาต้องคิดหาวิธีหลีกเลี่ยงปัญหานั้น

ต้องกล่าวว่า ภายใต้แรงกดดัน ศักยภาพของคนผู้หนึ่งจะถูกกระตุ้นได้โดยง่าย ถังเทียนตระหนักว่าความคิดของเขาทำงานได้เร็วกว่าธรรมดาแม้ว่าจะยังไม่ใช้งานเกราะเทพเจ้าก็ตาม

******************

เสี่ยวเหยาฝึกมาทางกฎธรรมชาติธาตุแสง  และแม้ว่ากฎธาตุแสงและกฎแห่งรังสีจะเป็นคำที่แยกจากกันแต่ก็มีความแตกต่างกันมากมาย  เป็นเรื่องจนใจในสถานการณ์อันตราย เขาต้องแข็งใจยอมรับ

เขายืนอยู่ด้านข้างม่านพลังงานพร้อมกับสหายอื่นอีกห้าคนด้านหลังเขา  ทุกคนยืนเป็นรูปกระบวนสีหน้าพวกเขาพวกเขาเคร่งเครียดจริงจัง

“ข้าจะเริ่มละนะ”  เสี่ยวเหยาสูดหายใจลึก และเตือนสหายด้านหลังเขา

เพียงแค่นั้นเขายื่นฝ่ามือออกไปที่ม่านพลังงานและหลับตา พลังงานแสงรังสีต่างๆด้านนอกม่านพลังงานทำให้เขากลัวจนคิดอะไรไม่ออก ความเข้มข้นของพลังงานรังสีสูงกว่าที่เขาคาดและไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับเขา

เนื่องจากเขาไม่คุ้นกับพลังงาน  ปัญหามากมายจึงผุดขึ้นมา  และพลังงานหนาแน่นด้านนอกเพิ่มขึ้นถึงระดับน่าตกใจ

เสี่ยวเหยาฝืนตนเองให้เพ่งสมาธิและค่อยๆใช้พลังกฎธรรมชาติของเขา

รัศมีแสงขาวอ่อนโยนสว่างวาบที่ฝ่ามือของเขา  แสงเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  ขณะที่เหงื่อเม็ดโตผุดเต็มหน้าของเสี่ยวเหยาและในเวลาอันรวดเร็ว แสงก็กลายเป็นขนาดหินเจียระไน  ทุกคนภายในอาคารมองดูด้วยความกังวลแสงกลุ่มใหญ่ยังคงแฝงด้วยพลังงานรวมอย่างน่าประหลาดและถ้ามันระเบิดผลที่ไม่คาดคิดจะตามมา

โชคดีที่การระเบิดที่ทุกคนคาดคิดกังวลว่าจะเกิดกลับไม่เกิด  แสงดูเหมือนจะหลอมละลาย รัศมีแสงขาวไหลไปตามม่านพลังงานที่จี๋เจ๋อและพวกยืนขึ้นและทำให้ม่านพลังงานดูเหมือนกับว่าจะมีชั้นพลังสีขาวเพิ่มขึ้น

ในเวลาอันรวดเร็ว ม่านชั้นพลังสีขาวก็คลุมม่านพลังไปครึ่งหนึ่ง จี๋เจ๋อและพวกที่เหลือทั้งหมดมีสีหน้ายินดี  ตราบใดที่ชั้นพลังสีขาวสามารถคลุมได้ทั่วม่านพลังงาน  พวกเขาก็จะสร้างม่านพลังงานรังสีได้

ทันใดนั้นเสี่ยวเหยากระอักโลหิตเหมือนกับว่าเขาถูกค้อนหวดใส่  เขาปลิวกระเด็นกลับหลัง

สหายที่อยู่ด้านหลังของเขาตกใจ  พวกเขาไปคว้าตัวเสี่ยวเหยาโดยไม่รู้ตัว  เขาหมดสติไปแล้ว เลือดยังคงไหลออกจากปากของเขา

ชั้นพลังแสงสีขาวที่คลุมม่านพลังแต่ทันที

สีหน้าของทุกคนหวาดผวาอย่างหนัก  แต่ขณะนั้นเอง พวกเขาเห็นถังเทียนกลับมาและทุกคนถอนหายใจโล่งอก

“ข้ามีความคิดอย่างหนึ่ง  แต่อาจต้องเสี่ยงกันบ้าง”

เมื่อเข้ามาในม่านพลังงาน  ถังเทียนพูด ในเวลาเช่นนั้นพวกเขาไม่มีเวลาอธิบายละเอียด  ทุกนาทีที่พวกเขาเสียไป จะเพิ่มอันตรายมากขึ้น

เชียนฮุ่ยตอบโดยไม่ลังเล  “ได้เลย!”

นางเชื่อมั่นถังเทียนอย่างไม่มีเงื่อนไขและเชื่อมั่นว่าถังเทียนคงไม่ล้อเล่นในสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเช่นนั้น

“อย่างนั้นก็รีบเริ่มได้แล้ว  เรามีเวลาอีกไม่มาก”  อาซิ่นพูดตามตรง

ขณะนั้นทุกคนทุ่มความไว้วางใจทั้งหมดไปที่ถังเทียน  ถังเทียนตื่นเต้น  แต่ไม่ยอมเสียเวลา  “จี๋เจ๋อ, ต้านทานต่ออีกเล็กน้อย  ข้าต้องการเวลาอีกนิด”

จี๋เจ๋อกัดฟันและพยักหน้า  “นายท่าน ตามที่ท่านสั่งเลย!”

หลังจากออกคำสั่งแล้ว  ถังเทียนไม่พูดต่อไป  และนั่งขัดสมาธิ  เขาต้องการเวลาฟื้นฟู  เขาเหน็ดเหนื่อยมากเนื่องจากใช้พลังไปมาก  และยังจำเป็นต้องใช้เกราะเทพเจ้า ซึ่งไม่สามารถทำงานโดยไม่ใช้ความแข็งแรงทางกายได้

เวลาคืบคลานไปช้าๆ  แต่ถังเทียนยังคงไม่ขยับ ตาของเขายังคงปิด

แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่น่าห่วง  แต่ถังเทียนยังคงพัก  และไม่เร่งเริ่มต้น เขารู้ว่าต้องเริ่มในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมจึงจะมีโอกาสสำเร็จ  เขาไม่สามารถบังคับมันได้เนื่องจากว่ามีแต่จะทำให้สถานการณ์เลวร้าย

นอกจากนี้เขาใช้เวลาพักเพื่อกำหนดกระบวนการความคิดของเขาและรายละเอียดทั้งหมดอย่างระมัดระวัง

แผนแรกที่อยู่ในสภาพตัวอ่อน ได้สมบูรณ์แล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด