ตอนที่แล้วตอนที่ 878 เรือรบไร้เทียมทาน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 880 เหตุวิกฤติที่สุดของกวงหมิง

ตอนที่ 879 กลืนไม่เข้าคายไม่ออก


ความกล้าหาญของกั๊ตและเคิร์ทไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้กับหน่วยสุญญตาเลย  เนื่องจากพวกเขาเพ่งสมาธิอยู่กับเรื่องเดียว

โจมตี!  โจมตีเต็มกำลัง!

พวกเขาไม่เคยได้รับพลังอย่างเข้มข้นแบบนั้นมาก่อน พลังงานที่ถ่ายเข้าไปในอาวุธเรือรบสร้างผลกระทบเล็กน้อยกับอสูรร้ายที่เหมือนคนเหล่านี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่แข็งแกร่งเท่ากับอาโมรี่และหานปิงหนิงจนถึงขั้นใช้อาวุธเรือรบเพียงคนเดียว แต่พวกเขาก็ยังเหนือกว่าทหารมาตรฐานชั้นสูงสุดยอดของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์หลายเท่าตัว

กั๊ตและเคิร์ทไม่เคยคิดว่าจะมีทางเป็นไปได้ต่อให้เขาคิดจนศีรษะแตกก็ตามว่าจะมีสิ่งที่เรียกว่าร่างพลังกายเป็นศูนย์อยู่ในโลกนี้  ในแดนบาปพวกเขาได้ปรับตัวผ่านกฎธรรมชาติและฝึกดาบมารพิฆาตจนร่างกายแข็งแกร่งอยู่ในระดับที่น่ากลัว แม้แต่ในเรื่องการควบคุมอาวุธเรือรบหน่วยสุญญตายังด้อยอยู่เมื่อเทียบกับเคิร์ทและกั๊ตแต่ก็ไม่เป็นเรื่องสำคัญ

ร่างกายที่ไม่ธรรมดาของพวกเขาชดเชยจุดอ่อนทางด้านนี้ได้  ถ้าพวกเขายิงไม่ถูกเป้าหมาย  ก็ไม่เป็นไรพวกเขาก็แค่ลองยิงใหม่สองสามครั้ง เพราะเวลาทำให้เคิร์ท กั๊ตและพวกที่เหลือพอจะเริ่มโจมตีหน่วยสุญญตาก็เริ่มโจมตีไปสองสามครั้งแล้ว

เนี่ยชิวยังคงสังเกตตรงจุดนี้ ดังนั้นในการฝึกเขาไม่เคยกดดันให้ถูกต้อง แต่สำหรับการประสานพลัง การใช้การประสานพลังก็เพื่อให้ได้จำนวนโจมตีที่เท่ากันสร้างห่าฝนพลังโจมตีป้องกันศัตรูหลบหนีไม่ได้ลดความสามารถในการสร้างความบาดเจ็บของพวกเขาให้ลดลง  แต่จะทำให้แกร่งกล้าขึ้น จะถูกต้องหรือไม่ก็ไม่สำคัญ

ร่างกายที่ไม่เหมือนใครของพวกเขาไม่เพียงแต่ขับเคลื่อนกลยุทธมาถึงระดับนี้ได้เท่านั้น ถ้ากั๊ตและเคิร์ทได้ขึ้นเรือรังสีกัมปนาทแล้ว พวกเขาจะต้องตกใจเมื่อได้ทราบว่าอาวุธเรือรบที่ทรงพลังทั้งหมดควบคุมด้วยกำลังคนเต็มที่เพียง20 คนเท่านั้น!

เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับเรือรบลำอื่น  มาตรฐาน 20คนจะเอาไว้ใช้ควบคุมอาวุธเรือรบที่มีขนาดเล็กกว่าในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ อาวุธเรือรบที่แข็งแกร่งกว่าและขนาดใหญ่กว่าทั้งหมดต้องการคนผลัดเปลี่ยนเป็นจำนวนหลายร้อยคน  ไม่เพียงแต่ยากจะควบคุมเท่านั้นแต่ระดับพลังโจมตียังต่ำมาก  และได้รับผลสะท้อนจากอาวุธเรือรบจำนวนมากที่สามารถติดตั้งในเรือรบ

จำนวนการรับผลสะท้อนพลังงานของทหารที่มีร่างพลังกายเป็นศูนย์สามารถทนได้เหนือกว่าทหารธรรมดา  ดังนั้นไม่เพียงแต่เพิ่มพลังโจมตีถี่ๆ ได้เท่านั้น แต่ยังเพิ่มกำลังคนให้กับพลประจำอาวุธเรือรบ ทั้งหมดนี้หมายความว่าเรือรบมีการติดตั้งอาวุธประจำเรือรบได้มาก  นี่ยังเป็นเหตุผลที่เมื่อเคิร์ทและพวกเขาเห็นจำนวนแสงที่ยิงออกมาจากเรือรบรังสีกัมปนาทมองดูเหมือนกับเม่นแสง พวกเขาเชื่อว่าจำนวนอาวุธบนเรือรบรังสีกัมปนาทำลายสถิติเรือรบในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด

อาวุธเรือรบยิ่งมีมาก  พวกเขาก็สามารถโจมตีได้เร็วมากขึ้น สามารถระดมโจมตีได้ถี่เป็นสายฝนจนดูเหมือนกับทะเลแสง

สมาชิกหน่วยสุญญตาไม่ทราบถึงความตื่นตระหนกที่พวกเขาสร้างให้กับศัตรู พวกเขาไม่เคยคิดว่าการกระทำของเขาจะส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาทุ่มเทให้ความสนใจกับการโจมตีของเขาเท่านั้น  ทุกคนสนุกกับการสู้รบ

มีสมาชิกหน่วยสุญญตาสองสามคนที่เริ่มถอดเสื้อท่อนบนของพวกเขา  หน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น  ปากของพวกเขาส่งเสียงคำราม  ร่างที่แข็งแกร่งล่ำสันของพวกเขาเหมือนกับทำจากทองแดงมีเหงื่อไหลย้อยลงมา  บางครั้งพวกเขาทุกคนปล่อยไอร้อนออกมา  ร่างล่ำสันแข็งแกร่งจะมีหมอกขาวอยู่รอบๆตัวกันทุกคน ทำให้เกิดเป็นภาพทรงพลังและงดงาม

แต่ไม่มีใครสนใจ

เพลิงระเบิดเป็นออกเป็นระยะในทะเลแสง  ฝนกระบี่และดาบแสงเป็นระลอกแหวกอากาศในท้องฟ้าเสียงหวีดหวิวรุนแรงของพลังโจมตีทำให้ทุกคนวิญญาณแทบกระเจิงจากร่าง  เสียงระเบิดที่เกิดขึ้นได้ยินทั่วทั้งสถานที่เหมือนกลองศึกในสนามรบที่วุ่นวาย

ม่านพลังงานของเคิร์ทและกั๊ตที่ยังเหลือของเรือรบขนาดกลางไม่สามารถทนรับพลังโจมตีต่อไปได้และแตกกระจายเหมือนแก้ว

ม่านตาของเคิร์ทขยายตัว “ไม่...”

ก่อนที่รัศมีจะแตกกระจายหายไป เสียงรังสีดาบกระบี่กรีดฝ่าอากาศเหมือนฉลามได้กลิ่นเลือดมันกระโจนตรงเข้าไปในเรือรบ

เป๊าะ เป๊าะ ปัง!

พลังโจมตีที่เข้มข้นรุนแรงปะทะใส่ทำให้เศษซากกระจายไปทั่วในพริบตา เรือรบพรุนกลายเป็นรังผึ้งทั่วทั้งลำเสียงแผดร้องโหยหวนดังออกมาจากรูเหล่านี้ เป็นภาพที่น่าสยดสยอง

ปัง!

เปลวไฟลุกลามออกมาจากเรือรบ  และก่อนที่เปลวไฟจะลามออกมา  เสียงระเบิดดังต่อเนื่องอีกครั้ง

ราวกับว่าเรือรบกำลังปริแตกเหมือนกับดอกไม้หลายดอกบาน  ความตายและความงามมักเกี่ยวพันกันเสมอ

เรือรบถึงขีดจำกัดของมัน  และไม่สามารถทนเสียหายได้อีก  พังถล่มทลายอย่างสิ้นเชิง ปังเปลวไฟลุกลามรุนแรงจนกลบเรือรบ ภายในเรือรบ ทหารยังไม่ทันได้ร้องทรมานก็กลายเป็นผุยผงเสียก่อน

ภายในทะเลแสง กลุ่มเปลวเพลิงปรากฏให้เห็นอยู่ทุกที่

เพียงแต่หลังจากกองเปลวเพลิงสุดท้ายวูบขึ้นความคลั่งระห่ำของสมาชิกหน่วยสุญญตาบนเรือรบรังสีกัมปนาทก็หยุดลงในที่สุด  พวกเขาหอบหายใจ  เหงื่อของเขาท่วมไปทั้งตัวขณะที่พวกเขามองดูรอบๆ สมรภูมิที่ว่างเปล่าและเงียบ

ทะเลแสงหายไปพร้อมกับกองเรือรอบๆ ตัวพวกเขา

ทุกคนสะดุ้งและเสียงหอบหายใจในเรืองรังสีกัมปนาทหายไปอย่างรวดเร็ว

‘เรา..ชนะด้วยหรือ?’

หน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ พวกเขาจ้องมองซากหักพังที่อยู่รอบตัวพวกเขา  ในสมรภูมิ นอกจากพวกเขาแล้วไม่มีใครรอดชีวิต  เศษซากชิ้นส่วนของเรือรบมองเห็นได้  เศษซากเรือรบทั้งหมดกลายเป็นส่วนที่ไฟไหม้ไม่มีเรือรบที่สมบูรณ์เหลืออยู่เลย

ต้องรู้ไว้ก่อนว่ากระดูกงูของเรือรบขนาดกลางนั้นมีความทนทานมาก และในสภาพแวดล้อมปกติยากจะทำลายได้ นั่นคือวิธีการที่อาเฮ่อใช้แนวซากเรือป้องกันต่อต้านกองทัพของโกวเฉิงเวิ่นเต้าได้นาน

แต่ที่อยู่ต่อหน้าต่อตาพวกเขา  ทุกอย่างกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

กองทัพของโอลิเวอร์และกองเรือรบทั้งหมดถูกพวกเขาทำลาย

ทุกคนตกใจกับความสามารถในการทำลายล้างของเรือรบรังสีกัมปนาท  รวมทั้งหน่วยสุญญตาก็ยังตะลึงกับพลังของพวกเขาเอง พวกเขาไม่มีความสงสัยว่าชัยชนะสูงสุดจะตกเป็นของพวกเขา  แต่พวกเขากลับได้รับมาอย่างง่ายดาย  นั่นทำให้พวกเขาประหลาดใจ

แม้แต่เนี่ยชิวที่มักสงบนิ่งอยู่เสมอก็ยังตกตะลึง

ไม่ว่าการฝึกฝนจะดำเนินได้ดีแค่ไหน  เนี่ยชิวไม่เคยสนใจเรื่องนั้น  เขารู้ว่าการฝึกก็คือการฝึก  และการรบจริงๆ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง  ไม่สำคัญว่าจะฝึกได้สมบูรณ์แบบเพียงไหน  แต่พอรบจริงจะแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง  ในการฝึกฝน เขาพอใจมากกับพลังโจมตีของเรือรบรังสีกัมปนาท  แต่เขาไม่เคยคาดว่าจะมีประสิทธิภาพในการต่อสู้ที่แท้จริง

ความสามารถของร่างพลังกายเป็นศูนย์ที่แสดงอยู่บนเรือรบนั้นเกินกว่าเขาจะคาดคิด

พลังโจมตีของเรือรบรังสีกัมปนาทเกินไปกว่าที่เขาคาดหวัง

เนี่ยชิวใจเย็นและอดทนและพยายามข่มความดีใจและรู้สึกมีความคิดลึก  ชัยชนะสร้างประโยชน์และความได้เปรียบมหาศาลต่อสถานการณ์ทั้งหมด แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าการสู้รบในทวีปรกร้างจะเป็นยังไง  แต่พวกเขาได้รับชัยชนะแล้ว  และตราบใดที่พวกเขาป้องกันประตูดวงดาวได้  พวกเขาจะตัดทางถอยของคอลลินได้

เราสามารถคาดคิดได้ว่าวิหารกวงหมิงจะตกใจมากขนาดไหน เนี่ยชิวตื่นเต้นมากที่รู้ว่าวิหารกวงหมิงจะตอบสนองอย่างไรเมื่อพบว่ามีเรือรบที่ทรงพลังขนาดนั้น

เขาจะต้องประเมินพลังของหน่วยสุญญตาใหม่อีกครั้ง เนื่องจากระดับพลังที่พวกเขาใช้อยู่นั้นทำได้ดีขึ้น

เขาไม่ได้มาดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์เพื่อเที่ยวเล่นๆ

*************

บนยอดเขาในทวีปแดนเถื่อน

อากาศเบาบางและหนาวเย็น  แต่มู่จือเสียอยู่ห่าง เขาเหมือนกับรูปปั้นจ้องมองจากระยะไกลโดยไม่ขยับแม้แต่นิ้วเดียว

ในระยะไกลมีกองทัพใหญ่เคลื่อนกำลังพลอยู่  แม้ว่าพวกเขาจะแยกออกมาไกลแต่มู่จือเสียยังสามารถรู้สึกได้ถึงขนาดที่น่ากลัวของกองทัพใหญ่   กองกำลังที่หนาแน่นไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีขีดจำกัด

มู่จือเสียยังคงรักษาตำแหน่งของเขาไว้เป็นเวลาครึ่งชั่วโมง

เขาเคยมีปฏิสัมพันธ์กับเผ่าต่างๆในทวีปแดนเถื่อนมาเป็นสิบๆ ปี แต่ไม่เคยเห็นทหารมากขนาดนั้นมาก่อน ดูแล้วไม่ใช่ชนเผ่า เนื่องจากไม่มีเผ่าไหนที่สามารถนำคนจำนวนเท่านั้นมาได้  กองทัพที่อยู่ต่อหน้าเขาอย่างน้อยจะต้องมีเกินสิบเผ่าจึงจะสามารถรวมกันได้กองทัพใหญ่ขนาดนั้น

ความเยียบเย็นทะลักเข้าไปในใจของมู่จื่อเสีย

ในทวีปคนเถื่อน ดินแดนแห่งความยุ่งเหยิงเรื่องแบบนั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทวีปแดนเถื่อนมีมากมายหลายเผ่าพันธุ์ที่ต่อสู้รบกันเองเพื่อประโยชน์ของเผ่าตนเอง  และเรื่องนี้คงอยู่มาอย่างยาวนานนับปีไม่ถ้วน แม้เรื่องที่สำคัญที่สุดที่อาจเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้เกิดสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์มายาวนานเป็นทศวรรษระหว่างสองเผ่า ไม่มีใครเคยเห็นคนสามารถรวมกลุ่มคนในทวีปแดนเถื่อนมาเลยในอดีต

‘แต่ตอนนี้มีบางคนทำได้’

‘สตรีลึกลับผู้นั้น!’

มู่จือเสียแน่ใจเต็มร้อยว่ากองทัพที่อยู่ต่อหน้าเขาถูกนางสร้างขึ้นมา

สิ่งที่ทำให้เขาตกใจมากยิ่งขึ้นก็คือทิศทางที่กองทัพใหญ่กำลังมุ่งไป

‘พวกเขากำลังเดินทางไปทวีปเว่ยเย่กวน!’

เขารู้สึกได้ถึงอันตราย ‘ทวีปกวงหมิงต้องตกอยู่ในความยุ่งยาก!’  เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น  แต่ภาพที่อยู่ต่อหน้าเขาแสดงให้เห็นว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น‘นางไม่ได้รวบรวมทวีปแดนเถื่อน  ทำไมจู่ๆ นางถึงรีบเกณฑ์ผู้คนไปโจมตีทวีปเว่ยเย่กวน?’

‘นั่นไม่สมเหตุผลเลย!’

เว่ยเย่กวนเป็นเมืองยุทธศาสตร์อยู่ภายใต้การปกครองของทวีปกวงหมิงซึ่งมู่จือเสียใช้เวลาหลายสิบปีสร้างขึ้นมา  และกลายเป็นแนวป้องกันที่ผ่านเข้าไปไม่ได้

‘สตรีนางนั้นไม่ใช่คนโง่แต่นางเป็นคนที่ทรงพลังมาก นางต้องมีความตั้งใจอย่างอื่นถึงได้ทำเรื่องเช่นนั้น!’

น่าเสียดายที่นางไม่ปรากฏตัวในกองทัพ มิฉะนั้นเขาจะทำทุกอย่างเพื่อเอาศีรษะนางมาให้ได้

เขาต้องยอมรับว่านางทรงพลังมากเกินไป  เพราะนางเขาต้องระดมพลของกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดจากทวีปเว่ยเย่กวน  มู่จือเสียฝืนยิ้ม  เนื่องจากภารกิจในการเคลื่อนกำลังเข้าทวีปแดนเถื่อนล้มเหลวสิ้นเชิง ไม่เพียงเขาล้มเหลวในการกำจัดราชินีเพอซูสเท่านั้น แต่เขายังปล่อยให้ทวีปเว่ยเย่กวนตกอยู่ในอันตราย

ตอนนี้การกระทำที่เร่งด่วนที่เขาควรกระทำก็คือรีบกลับไปทวีปเว่ยเย่กวน

แต่.....

“พวกเขากำลังมา!”

หน่วยสอดแนมรายงานเขา  มู่จือเสียสูดหายใจลึกและทิ้งความคิดทั้งหมดออกไป สายตาของเขาเต็มไปรังสีฆ่าฟัน มือของเขาเลื่อนมาจับด้ามกระบี่ และพูดขึ้น  “เตรียมตัวรบ!”

‘แท้จริงยังคงมีอิทธิพลและจิตวิญญาณคงล่องลอยอยู่’

ทั้งสองฝ่ายสู้กันมามากกว่าสิบครั้งแล้ว  พวกเขาสู้กันได้อย่างคู่คี่ทั้งสองฝ่ายมีความสูญเสียมาก และในเวลาเดียวกันก็รู้สึกเหนื่อยล้า  แต่ทั้งสองฝ่ายไม่มีความตั้งใจยอมแพ้  พวกเขาทั้งสองฝ่ายไม่ยินดีและยังคงรังควานกันและกันอย่างต่อเนื่อง

มู่จือเสียยังคงไม่เข้าใจเหตุผล  พูดโดยทั่วไปแล้วสำหรับพวกเขากองทัพที่มีพลังที่เกือบจะเทียบเท่ากองทัพระดับสูงสุดเว้นแต่มีความเกลียดชังระหว่างกันอย่างลึกซึ้ง ทั้งสองฝ่ายจะแยกจากกันโดยกลยุทธหลังจากพิสูจน์ฝีมือสองสามครั้งผลที่เกิดจากการคุกคามและโจมตีอย่างต่อเนื่องทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่พอใจกัน

แต่เมื่อเขาเห็นธงของศัตรู ในที่สุดเขาก็จำได้ว่าเขาเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

กองทัพดาวกางเขนใต้  ในตำนานของสวรรค์วิถี  หนึ่งในสามกองทัพใหญ่ที่เรืองอำนาจในยุคสามกองทัพ

เขาเคยเห็นรายงานของสวรรค์วิถีครั้งหนึ่งที่วิหารกวงหมิงให้  นั่นคือเหตุผลที่เขารู้สึกว่าคุ้นเคยมาก  เมื่อเขารู้ว่าศัตรูมาจากไหน  เขาไม่คิดต่อไปแล้วว่าทุกอย่างเป็นเรื่องบังเอิญ  ‘กองทัพจักรกลไม่ใช่นักสู้ฝีมือดีจากทวีปทอง  พวกเขาคือพันธมิตรของถังเทียน!’

เมื่อเขาเข้าใจแล้วว่าศัตรูมาจากไหน และเมื่อเขาเห็นกองทัพใหญ่แดนเถื่อนมุ่งหน้าสู่ทวีปเว่ยเย่กวนมู่จือเสียรู้ว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

นี่ยังคงทำให้เขารู้ชัดว่าพวกเขาจะถอยต่อไปอีกไม่ได้

‘เราเหยียบย่ำซากศพกองทัพดาวกางเขนใต้กันก่อนและค่อยกลับไปเสริมกำลังที่ทวีปเว่ยเย่กวน’

‘หรือไม่เราก็ตาย’

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด