ตอนที่แล้วตอนที่ 877 กลัวและอ่อนแอ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 879 กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ตอนที่ 878 เรือรบไร้เทียมทาน


ความสนใจของเนี่ยชิวไม่เคยหย่อนยาน เขาเกิดมาตาบอดแต่มีสัมผัสความรู้สึกที่คมชัด ความผันผวนและความเปลี่ยนแปลงของพลังเล็กน้อยเขาสามารถรับรู้ได้  สำหรับเขา โลกมืดไม่เคยหม่นหมอง  เป็นที่อุดมสมบูรณ์และเต็มไปด้วยความลึกลับนับไม่ถ้วน

มันคือโลกของเขา

เมื่อเรือรบศัตรูแยกกันออกไปเหมือนนก  เขาเข้าใจทันทีว่าขุนพลฝ่ายศัตรูพยายามจะทำอะไร

“ระวังให้ดี  ศัตรูต้องการสู้ระยะประชิดกับเรา”  เนี่ยชิวเตือน “หลังจากศัตรูแยกกำลังกันประจำที่แล้ว พวกเขาจะโจมตีเราจากทุกตำแหน่ง!”

“เข้าใจแล้ว”  หานปิงหนิงตอบรับโดยตรง

อาโมรี่แค่นเสียง  “พวกเขาดูถูกพลังรุกของเราจริงๆ”

คนอื่นๆ ก็แค่นเสียงว่าเช่นกัน  ในช่วงเวลาที่พวกเขาใช้ในการฝึกฝน พวกเขาคุ้นเคยมากกับพลังรุกของเรือรบรังสีกัมปนาท ถ้าจะกล่าวกันว่าระบบป้องกันที่เซรีนและลั่วซือสร้างขึ้นมาไม่น่าเชื่อถือ อย่างนั้นระบบรุกที่พวกเขาทำย่อมคุ้มค่าอย่างแน่นอน  และมันแข็งแกร่งมาก  ทวีปซางโจวพัฒนาอาวุธเรือรบนั่นผ่านการทดสอบมาแล้ว นอกจากนี้โลหะพิเศษที่ปรับสร้างขึ้นโดยเมืองสามวิญญาณ  และสมบัติดวงดาวที่ใช้กับอาวุธเรือรบเป็นระดับที่ไม่เคยปรากฏมีมาก่อน

แม้แต่ช่างฝีมือท้องถิ่นของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ก็ยังรู้สึกกลัวไม่กล้าวิจารณ์อาวุธเรือรบที่ทรงพลัง

หลังจากผ่านการฝึกฝนขัดเกลาในแดนบาป  หน่วยสุญญตามีประสบการณ์การสู้รบอย่างทหารบก แม้ว่าพวกเขาจะกังวลเนื่องจากวิถีการต่อสู้แบบใหม่ แต่ลูกไฟสองลูกที่ยิงทำลายเรือรบศัตรูสองลำทำให้พวกเขารู้สึกตัว   นี่คือความแตกต่างระหว่างทหารผ่านศึกกับทหารเกณฑ์ใหม่ ทหารผ่านศึกแข็งแกร่งมีความสามารถประเมินตนเองได้เข้าใจคุณภาพของสภาพจิตใจในการสู้รบ

“ตอนนี้เราจะเริ่มแบ่งเป้าหมายกัน”  เนี่ยชิวพูดอย่างรวดเร็ว

ทุกคนที่หยอกล้อและหัวเราะกันกระจายหายไปทันที  เรือรบเงียบสงัด แม้แต่เข็มตกก็ยังได้ยิน  เนี่ยชิวไม่พูดเสียงดัง  แต่เสียงของเขาสามารถได้ยินชัดเจนในทุกมุม

ทุกคนสลายยิ้มและเพ่งมองอย่างจริงจัง  เนื่องจากพวกเขาจำงานของตนเองได้

เนี่ยชิวลอยตัวอยู่ในกลางอากาศในท่านั่งขัดสมาธิ ตากลวงของเขาน่ากลัวดูเหมือนจะสามารถสังเกตการสมรภูมิจากที่ไกลได้ รังสีฆ่าฟันที่มองไม่เห็นเริ่มแผ่ขยายออกมาจากภายในเรือรบรังสีกัมปนาท ขณะที่อุณหภูมิเริ่มต่ำลง

หน้าของหานปิงหนิงเยือกเย็นเหมือนน้ำแข็งนางควบคุมเรือรบอย่างใจเย็น กระบี่แสงสีน้ำเงิน 36 สายลอยอยู่รอบตัวนาง  เหมือนฝูงปลาสีน้ำเงิน  นี่คืออาวุธเรือรบที่เซรีนออกแบบให้นางโดยเฉพาะกระบี่มังกรยะเยือก

อาโมรี่มีท่าทางกระตือรือร้น  ร่างของเขาโน้มไปข้างหน้าแขนทั้งสองข้างปล่อยห้อยลง แม้ว่าจะไม่มีอะไรในมือ แต่เขาดูเหมือนกับว่าเขากำลังถือดาบเล่มใหญ่  บนหลังของเขาเป็นแสงผนึกสีแดงคล้ายกับกรงเล็บหมีที่กระพริบอยู่เรื่อย นี่คืออาวุธอีกชิ้นหนึ่งที่เซรีนสร้างให้เขาเป็นพิเศษ ดาบปีศาจหมีใหญ่

ทั้งสองคนเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในหน่วยสุญญตาถึงขั้นที่พวกเขาสามารถอาศัยกำลังของพวกเขาเองควบคุมอาวุธเรือรบ  เพราะเพื่อประโยชน์ในการปลดปล่อยความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาเซรีนจึงทุ่มเทความคิดและความสามารถกับอาวุธเรือรบทั้งสอง องค์ประกอบหลักกระบี่มังกรน้ำแข็งเป็นสมบัติระดับทองจากกลุ่มดาวมังกรกระบี่มังกร ขณะที่องค์ประกอบหลักของดาบปีศาจหมีใหญ่ก็เป็นสมบัติดวงดาวระดับทองจากกลุ่มดาวหมีใหญ่ซึ่งก็คือขวานเล็บหมี

อาวุธเรือรบทั้งสองไม่ใช่มีความหมายอย่างอาวุธเรือรบธรรมดาต่อไปไม่เพียงแต่เซรีนใช้องค์ประกอบหลักเป็นสมบัติชั้นทอง แต่ยังเพิ่มสมบัติวิญญาณปรับแต่งเข้าไปด้วย  จึงทำให้น่ากลัวมาก  ด้วยพลังที่เกินกว่าใครจะคาดคิดจุดอ่อนประการเดียวก็คือไม่สามารถลดพลังโจมตีได้ทำให้หานปิงหนิงและอาโมรี่กลัวการใช้เต็มกำลังในเวลาฝึก

ในที่สุดพวกเขาก็สามารถปลดปล่อยทุกอย่างในสมรภูมิได้ อาโมรี่รู้สึกเหมือนกับว่าเขาท่วมท้นไปด้วยพลัง  ถ้าเป็นในอดีต เขาคงตื่นเต้นแหงนหน้าโห่ร้องอยากจะทะยานออกไปต่อสู้ใจจะขาด  แต่หลังจากผ่านการฝึกฝนในกองทัพมายาวนาน  เขาไม่ได้เอาแต่ใจหรือใจร้อนเหมือนในอดีต  เขาสามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้ในที่สุด

เขากำลังรอคำสั่ง

ทุกๆ รายละเอียดเล็กน้อยในสนามรบสะท้อนอยู่ในใจของเนี่ยชิวเหมือนกับน้ำใสในทะเลสาบ  เมื่อเรือรบลำแรกเข้ามาในวิถียิง  เขาไม่ตอบสนองแม้แต่น้อย  เพียงแต่หลังจากเรือรบลำที่สี่เข้ามาในแนวยิงของเรือรบรังสีกัมปนาท  เขาเงยหน้าเสียงของเขาเยือกเย็นมากเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟันกึกก้องไปทั้งเรือ เหมือนกับสายฟ้าผ่าทั้งลำเรือ

“ฆ่า!”

สมาชิกหน่วยสุญญตาทั้งหมดผู้สะสมพลังรอลงมือโดยไม่ลังเล

คนแรกที่เคลื่อนไหวก็คืออาโมรี่  ผนึกแสงกรงเล็บหมีสีแดงข้างหลังเขาสว่างและแสงสีแดงนับไม่ถ้วนคลุมทั่วตัวของเขา แสงสีแดงเหมือนงูแดงตัวเล็กที่พลิกตัวร่วงจากตัวเขาลงบนฝ่ามือของเขา ฝ่ามือของอาโมรี่อยู่ในท่าเหมือนกับว่าเขากำลังถืออะไรบางอย่างที่เริ่มเรืองแสงตาของเขาจ้องมอง กล้ามเนื้อทั้งหมดในร่างของเขาเริ่มตึง ขณะที่เขาฟันมือลงทันทีด้วยฝ่ามือที่เรืองแสงสีแดง

ดาบมารพิฆาต!

ดาบแสงสีแดงยิงออกไปทันที

ก่อนที่ดาบแสงสีแดงจะบินออกจากเรือรบ รัศมีแสงระเบิดจากใต้เท้าของอาโมรี่เหมือนกับว่ามันพยายามจะกลืนเขา

แสงสีแดงฉานขยายเป็น 10 เท่าทันที  ภายในรังสีแดง จะมีร่างเงาปีศาจร้ายร่างหนึ่งปีศาจร้ายย่างเท้าไปข้างหน้า ก่อนที่มันจะย่างเท้าครบก้าว มันหายไปในทันที

เรือรบลำหนึ่งห่างออกไปสิบลี้มีแสงแพรวพราวทันที ขณะที่รังสีแดงฉานระเบิดขึ้นข้างหน้าพวกเขาโดยไม่มีเค้าลาง

แสงสีแดงจำนวนมากไม่มีที่สุดทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาอยู่ในทะเลเลือด

‘นั่นมันพลังโจมตีอะไร?’

ทหารบนเรือรบทุกคนถูกความตกใจครอบงำ  ก่อนที่พวกเขาจะทันตั้งตัวเรือรบใต้เท้าของเขาก็สั่นอย่างรุนแรง เหมือนกับว่าพวกเขาชนกับภูเขา พลังที่รุนแรงถูกส่งเข้ามาทำให้เรือพวกเขาสูญเสียการควบคุมลำเรือและปลิวออกไปร่วงลงพื้นและกลิ้งไปทั้งหมด

“หนักแน่นเข้าไว้!”  ผู้บังคับการเรือรู้ว่าพวกเขาอยู่ในสถานการณ์อันตรายจึงคำรามเสียงดังลั่น เศษเรือแตกกระทบที่หน้าผากของเขา ทำให้เลือดไหลนองเต็มหน้าเขาทำให้เขามองดูน่ากลัว

ทหารที่แข็งแกร่งสองสามคนไม่สนใจความเจ็บปวดของตนเองและพยายามคลานกลับขึ้นมา

ผู้บังคับการเรือเช็ดเลือดที่หน้าและร้องตะโกน“ม่านพลังงาน!  เปิดการทำงานของม่านพลังงานเดี๋ยวนี้!”

ทหารคนหนึ่งมีสีหน้าแตกตื่นขณะที่เขาตอบด้วยเสียงสั่นสะท้าน  “ม่านพลังงาน.... ม่านพลังงานมีรอยแตก....”

“ซวยแล้ว!”  ผู้บังคับการเรือสบถ  หน้าของเขามีความหวาดผวา  แค่โจมตีเพียงครั้งเดียวแต่ม่านพลังก็มีรอยแตกเสียแล้ว นี่เป็นครั้งแรกของเขาที่เผชิญกับสถานการณ์เช่นนั้น

‘เรือรบชั้นสูงสุด... นี่คือพลังของเรือรบชั้นสูงสุดหรือ?’

‘พลังโจมตีของมันน่ากลัวเกินไป...’

ผู้บังคับการเรือไม่รู้ว่าพวกเขาพวกเขาสามารถเดินหน้าได้ต่อไป  แต่ขณะนั้นเองแม้แต่ความลังเลเล็กน้อยมีแต่จะเร่งให้พวกเขาตายเร็วขึ้น

“แล่นเข้าไป!  เร่งความเร็ว!  อย่าหยุด!”

ผู้บังคับการเรือคำรามลั่นทั้งลำเรือได้ยินกันทั่ว ทหารทั้งหมดหน้าซีดขาวและตัวสั่นตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า  พวกเขาเข้าไปในรัศมียิงของศัตรูแล้ว  และเป็นเหมือนกับแกะที่รอถูกเชือด  แล้วพวกเขาจะมีพลังตอบโต้ได้ยังไง  พวกเขาได้แต่ภาวนาในใจ  ภาวนาว่าพวกเขาจะสามารถผ่านช่วงนี้ไปได้

เสียงระเบิดด้านนอกดังต่อเนื่องเข้มข้นหนาแน่นจนทำให้หัวใจทุกคนเต้นสะท้านเร็ว

ผู้บังคับการเรือผู้กล้าหาญมองดูด้านนอกหน้าต่างของเขาและสิ่งที่เขาเห็น เขาจะไม่ลืมไปชั่วชีวิต

ปัง!

เสียงที่เกิดจากการยิงสิบครั้งซึ่งเกิดขึ้นพร้อมกันเป็นเสียงที่ทุ้มต่ำแหวกอากาศเหมือนกับคนใช้ค้อนยักษ์หวดใส่หัวใจทุกคน หน้าของผู้บังคับการเรือตกตะลึง เขาสั่นและสีหน้าว่างเปล่า  เขามองดูแสงสิบสายถูกยิงออกมาจากเรือรบของศัตรูอย่างมึนงง  ประกายเพลิงแปลบปลาบสีแดงเหมือนกับดอกไม้แห่งความตาย  เรือรบขนาดเล็กปะทะกับพลังยิงโดยตรง และก่อนที่ซากหักพังของเรือรบจะสามารถบินออกไปได้  พวกมันก็ถูกเปลวเพลิงกลืนทั้งลำ

ผู้บังคับการเรือไม่เคยเห็นฉากภาพที่น่ากลัวอย่างนั้นมาก่อน  หน้าของเขาซีดขาวยิ่งกว่ากระดาษ

‘เรือรบชั้นสูงสุด...’ สายตาของเขาหันไปมองเรือรบรังสีกัมปนาท

แสงรังสีนับไม่ถ้วนยิงออกมาจากเรือรบรังสีกัมปนาท  ดูเหมือนกับเม่นที่ปกคลุมด้วยหนามแสง

กั๊ตและเคิร์ทมีสีหน้าเหมือนกัน  ถ้าจะบอกว่าเรือกลืนเมฆและเรือแสงเหนือที่ถูกทำลายเป็นการพิสูจน์ว่าเรือรบรังสีกัมนาทมีพลังโจมตีของเรือรบชั้นสูงสุดอย่างแท้จริง  อย่างนั้นพวกเขาได้พบกับตัวเองว่ามันทำให้พวกเขารู้ว่าเข้าใจผิดไปมากมายเพียงไหน

‘พลังโจมตีของเรือรบชั้นสูงสุด?  ไม่!’

แม้ว่าเคิร์ทและกั๊ตจะไม่เคยทำหน้าที่บนเรือรบชั้นสูงสุดมาก่อน แต่พวกเขายังมีความรู้เรื่องพลังโจมตีของมัน  เนื่องจากพวกเขาเคยเห็นพลังโจมตีของเรือรบชั้นสูงสุดมาแล้ว แต่มันไม่อาจเทียบได้กับสิ่งที่พวกเขาเห็นประจักษ์อยู่ข้างหน้านี้เลย

ฝนแสง วลีนี้ถูกนำมาใช้อธิบายถึงความรุนแรงของการโจมตีถี่  แต่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ได้เห็นเรือรบรังสีกัมปนาทจึงจะรับรู้ความหมายที่แท้จริงของฝนแสง

มันบ้ามาก

สมรภูมิคลุมเต็มไปด้วยฝนแสงถึงขั้นที่เขาไม่สามารถเห็นเรือรบฝ่ายเขาได้   เห็นได้แต่แสงที่ระดมยิงเป็นสายฝน ไม่จะเรียกว่าฝนแสงอีกต่อไปไม่ได้ นั่นทะเลแสง

สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกไม่สามารถจินตนาการได้ก็คือพลังโจมตีที่น่ากลัวอย่างแท้จริงมาจากเรือลำเดียว นั่นคือเหตุผลให้เขารู้สึกว่ามันไม่ใช่เรือรบที่มีพลังโจมตีระดับชั้นสูงสุดอีกต่อไป  เพราะไม่มีเรือรบระดับสูงสุดลำไหนสามารถยิงพลังที่น่ากลัวเช่นนั้นออกมาได้

‘ไม่มีอย่างแน่นอน!’

‘นี่ขัดกับมาตรฐานทั่วไปจริงๆ!’

ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเพิ่มจำนวนตำแหน่งประจำการรบและอาวุธเรือรบบนเรือ  แต่ไม่เคยมีใครทำอย่างนั้นมาก่อน

เพราะทหารไม่สามารถทนรับพลังได้

อาวุธเรือรบนั้นแข็งแกร่ง  ยิ่งสะสมพลังหนักเกินไปภาระหนักจะไปตกอยู่ที่ทหาร ไม่ใช่ว่าไม่มีอาวุธเรือรบที่แข็งแกร่ง  แต่พลังงานที่สะสมทหารสามารถรับได้สูงจนถึงจุดที่มันสามารถทำร้ายทหารผู้ใช้อาวุธจนบาดเจ็บไม่อาจกอบกู้ได้

แต่เรือรบลำนี้พลิกคว่ำองค์ความรู้ของเคิร์ท

พลังโจมตีของศัตรูทรงพลังเกินไปจากเท่าที่ดูเขาคาดว่าพวกเขาต้องมีทหารนับไม่ถ้วนที่สามารถทำเช่นนั้นได้  อาวุธเรือรบระดับนั้นปกติจะสร้างจากอาวุธเรือรบใหญ่ แต่พลังโจมตีทั้งหมดที่มาจากเรือรบรังสีกัมปนาทนั้นทรงพลังจริงๆ

‘พวกเขาจะต้องใช้ทหารเท่าใดกันแน่!  ต้องเป็นจำนวนที่น่าประหลาดแน่’

‘แต่ต่อให้เราใช้เรือรบชั้นสูงสุด เนื่องจากเป็นเรือรบมหึมา  ไม่น่าจะพอดีกับคนขนาดนั้น’

และสิ่งที่ทำให้เคิร์ทรู้สึกสิ้นหวังยิ่งขึ้นก็คือความถี่ของการโจมตีเรือของศัตรูที่พวกเขาสร้างขึ้นมา

เหมือนกับว่าพวกเขาไม่มีการหยุด  พลังโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับว่าไม่รู้จักเหนื่อยล้า

‘พวกเขาไม่รู้ว่าอาวุธเรือรบจะสร้างพลังงานที่สะท้อนใส่ทหารหรือ?

เคิร์ทรู้สึกงุนงงเหมือนอยู่ในดินแดนความฝัน  เขาไม่เคยเห็นอาวุธเรือรบแบบนั้นมาก่อน  เขาไม่เคยเห็นการโจมตีถี่ๆ แบบนั้นมาก่อนและไม่เคยเห็นทะเลแสงแบบนั้น

‘หวังว่านี่จะเป็นแค่ความฝัน’

“ไปไป ไป!” กั๊ตเหมือนสัตว์ป่าที่บ้าคลั่งน่ากลัว ที่ฝืนตัวเองอย่างสิ้นหวัง  เขาคำรามลั่น “นั่นคือไม้ตายของศัตรู ไม้ตายของพวกเขา! พวกเขาต้องมีจุดอ่อน!  เรือรบทุกลำมีจุดอ่อนทั้งนั้น! ลุยเข้าไป, ลุยจนกว่าเราชนะ!”

เรือรบทุกลำเดินหน้าอย่างบ้าคลั่งเหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟ พวกเขาบุกเข้าไปในทะเลแสง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด