ตอนที่แล้วตอนที่ 868 พยานประวัติศาสตร์ พยานในปาฏิหาริย์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 870 ต้องมีคนยืนหยัดต้านทาน

ตอนที่ 869 คลื่นดำมรณะ


เมื่อตั๊กแตนมัจจุราชอาบแสงรางวัลของกฎสวรรค์ด้วยอารมณ์ปิติยินดี

เสียงของพญาเหยี่ยวดังขึ้นอย่างมิอาจควบคุมไว้ได้  เขาถามอย่างตื่นเต้น  “เจ้า  เจ้า  เจ้าทำได้ยังไง?....”

เย่ว์หยางไม่ตอบ เขาแค่ยิ้มเฉยๆ จะให้เขาบอกได้ยังไง?

ความจริงก็คือเย่ว์หยางต้องการจะบอกว่าเขาเองได้เห็นหัวข้อที่คล้ายกันนี้ในหนังสือคณิตคิดสนุกและเกมปริศนาซูโดกุก่อนข้ามโลกเข้ามาแล้ว?  นอกจากนี้ความรู้ที่เขาได้รับตกทอด และสำนึกเทพที่เขาได้รับช่วยให้เขาไขปัญหาเหล่านี้ได้โดยใช้มือข้างเดียวเท่านั้น

เนื่องจากอสูรปีศาจและผู้พำนักกำลังดีใจแทบคลุ้มคลั่งเกินไป เย่ว์หยางยังจัดการอะไรไม่ได้จึงกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์ที่เงียบสงบชั่วคราว

ด้วยวิธีนี้เขาจึงปล่อยให้ชาวหุบเขาอสูรระบายความตื่นเต้นของพวกเขาเต็มที่  ปล่อยให้พวกเขาได้ระบายความตื่นเต้นบ้าง พวกเขาจะได้ไม่คลั่งเกินไป

ที่สำคัญที่สุดคือตั๊กแตนมัจจุราชที่ยังอาบแสงรางวัลจากกฎสวรรค์ได้รับความรู้แจ้งทางวิญญาณและวิวัฒนาการ นางจำเป็นต้องใช้เวลาในการปรับตัวเพื่อผสานภูมิปัญญาที่วิวัฒนาการใหม่ และย่อยความรู้ที่เพิ่งตื่นขึ้น จากการถือกำเนิดใหม่ในหุบเขาอสูรและตอนนี้ได้อาบแสงรู้แจ้งวิญญาณ  ตั๊กแตนมัจจุราชนับว่าเป็นอสูรที่โชคดีที่สุดอย่างมิต้องสงสัย  ความจริงตั้งแต่นางเกิดมา นางมักเป็นอย่างนี้เสมอ

ไข่พี่น้องของนางแตกหมด มีแต่นางที่ฟักตัวออกมาได้อย่างปลอดภัย เดิมทีด้วยคุณสมบัติของนางเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับการชำระให้บริสุทธิ์  นางเกรงว่าเย่ว์หยางคงทำได้แค่ฝึกฝนนางให้ดีที่สุด

อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดกลับเป็นช่วงเวลาที่นางมีความปีติและสุขที่สุดในชีวิต เมื่อนางเข้าหุบเขาอสูรและถือกำเนิดใหม่.. เมื่อนางได้เริ่มต้นอีกครั้ง ความสามารถเก่าทั้งหมดของนางกลายเป็นศักยภาพและได้เจ้านายคอยฝึกนางอย่างระมัดระวังเต็มที่ จนขึ้นชั้นเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์  นางกลายเป็นอสูรที่มีศักยภาพความสามารถ

ที่โชคดียิ่งกว่าคือตอนแรกไม่ใช่นางที่เย่ว์หยางต้องการให้ฝึกในหุบเขาอสูร แต่เป็นภูตเพลิงฟ้า

เพราะในหุบเขาราคะ ภูตเพลิงฟ้าดูดซับพลังเทพวิบัติไปด้วยและได้พลังจากอสูรโลกจึงทำให้อยู่ในสภาวะหลับใหล ด้วยความบังเอิญนี้โอกาสจึงตกมาถึงนาง!

ถ้านี่ไม่ใช่โชคดี  อย่างนั้นจะให้เรียกว่าอะไร?

สาวน้อยตั๊กแตนมัจจุราชอยู่ในช่วงเวลาหลับสั้นๆ  ใบหน้านางยังมีน้ำตาไหล ราวกับไข่มุกขาวที่มีเม็ดฝนเกาะ

ทุ่งกระดานหิน หุบเขาอสูร

อสูรปีศาจและผู้พำนักพากันกลับไปรายงานเจ้านายของตน

ที่ยังรั้งอยู่ก็มีอีกมากพูดคุยถึงปาฏิหาริย์ที่น่าตื่นเต้นในช่วงที่ผ่านมา สิ่งที่ทำให้พวกเขาคาดไม่ถึงที่สุดก็คือเย่ว์หยางประกาศคำตอบต่อหน้าธารกำนัล  แม้ว่าแสงรางวัลรู้แจ้งศักดิ์สิทธิ์จะมีเพียงครั้งเดียว ก็ปล่อยให้ตั๊กแตนมัจจุราชได้ไป  ต่อไปจะไม่มีรางวัลอย่างเดียวกันนี้อีกแล้ว แต่การประกาศเฉลยคำตอบนี้ ก็ยังทำให้คนหรืออสูรที่เสียใจทุกข์ใจมาหลายพันปี ไม่ต้องมีความเสียใจในชีวิตอีกต่อไป... อย่างน้อยก็รู้คำตอบ  ถ้ายังมีผู้ท้าทายตามมารุ่นหลัง  พวกเขาจะสามารถเอาคำตอบนี้ไปเป็นเงื่อนไขแลกเปลี่ยนราคาสูงเท่าที่พวกเขาเองต้องการ

ไม่มีรางวัลก็ดีเหมือนกัน เพราะจะต้องผ่านการสอบให้ได้อยู่ดี

ด้วยคำตอบที่อยู่ในมือนี้  ไม่มีใครที่ไม่สามารถเรียกราคาได้

ขณะที่อสูรปีศาจและผู้พำนักกระตือรือร้นศึกษาคำตอบต่างๆ ที่เย่ว์หยางทิ้งไว้ให้  ทันใดนั้นมีกลุ่มเมฆดำครึ้มคลุมผืนฟ้าและแผ่นดิน

หือ?

พญาเหยี่ยวและนางพญาผึ้งพิษหยุดการศึกษาคำเฉลยพร้อมกัน  แม้แต่เสือหน้ามนุษย์ที่เพิ่งมาถึงก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป

ต่อให้เป็นคนโง่ก็รู้ว่ามีลางไม่ดี

พวกเขาแหงนหน้ามองดูท้องฟ้า

นางพญาผึ้งพิษเหลือบมองดูผู้ชมดู และพยายามมองหาเหตุผิดปกติ

เสือหน้ามนุษย์กำหมัดแน่น  ประกายตาของเขาดุร้าย  “นี่คล้ายกับพลังกาฬสุริยันต์ของจีอู๋ลี่ ดูเหมือนว่าจะเป็นพวกจากตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์”

พญาเหยี่ยวฟังมาว่าจีอู๋ลี่ออกไปแล้ว  ไม่เพียงแต่จีอู๋ลี่เท่านั้น แม้แต่จงหัวก็จากไปด้วย...

เสือหน้ามนุษย์แค่นเสียง  “พวกเขาจากไปแล้วจริงๆ  แต่ยังมีเจ้าตำหนักอยู่ถึงสองคนหลานฟงกับว่านหมอ, พญาเหยี่ยว นางพญาผึ้งเจ้าทั้งสองไม่รู้อะไรเลยหรือ?  นี่คำนวณวางแผนเอาไว้ดีจริงๆ!”

“เจ้ากำลังพูดอะไร?  บางคนต้องการจะเริ่มต้นสู้กับเราหรือ?”  นางพญาผึ้งพิษไม่พอใจ

“มันเป็นใคร?”  พญาเหยี่ยวตะลึง

“ใครเล่าไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ?”  เสือหน้ามนุษย์ตะโกนและกล่าว  “วันนี้คือวันเกิดปาฏิหาริย์ที่ทุ่งกระดานหิน ผู้นำของกลุ่มสามผู้พำนัก ไม่มีใครมาดู และห้าจ้าวอสูรมีพวกเราเพียงสามคน  บอกตามตรง ข้าลังเลใจเล็กน้อยในตอนแรก  ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเสมอ มันง่ายเกินไปจนกระทั่งเขาผ่านด่านได้โดยไม่มีอุปสรรค คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นจริงเช่นนั้น  ความจริงก็คือเย่ว์ไตตันและอสูรของเขาที่เพิ่งจากไปกับเราผู้สนใจเป็นพันธมิตรร่วมมือกับเขา กำลังจะเผชิญเจอกับแผนการ.....”

“เจ้ากำลังพูดถึงพญาราชสีห์หรือ? คงไม่ใช่? เขาเป็นพวกหัวอนุรักษ์และไม่มีความทะเยอทะยานจะขยายอำนาจ!”  พญาเหยี่ยวไม่อาจทำใจเชื่อ

“พญาราชสีห์เป็นพวกหัวโบราณแน่นอน  แต่ก็ไม่เห็นเราในสายตา  วันนี้แม้ว่าเขาจะไม่มีส่วนแบ่งด้วยก็แสดงว่ายินยอมโดยปริยาย แต่เรากำลังมีปัญหา ถ้าเราไม่ร่วมมือกันอย่างจริงจัง  ข้าเชื่อว่าคนในตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์จะรวบเอาทุกอย่างในคราวเดียว และเราจะกลายเป็นพลังงานเพิ่มพลังให้กับพวกเขา”  เสือหน้ามนุษย์มีสีหน้าน่ากลัว

“อย่างนั้น, เจ้าจะทำยังไง?...”  นางพญาผึ้งพิษตัดสินใจฟังเสือหน้ามนุษย์

“เจ้าจะอพยพคนได้ทันทีไหม?”  พญาเหยี่ยวตกใจ

“ถ้าเป็นเจ้าติดตั้งกับดักขนาดใหญ่  พวกเจ้าจะคำนวณให้ศัตรูหลบหนีไปได้หรือไม่?  ท้องฟ้ากลายเป็นสีดำ และนั่นคืออสูรกาฬสุริยันต์ที่จีอู๋ลี่ทิ้งไว้หลังจากเขาผ่านด่านหุบเขาอสูรได้  เขาไม่ได้เอามันไปด้วย  แต่ทิ้งเอาไว้ให้หลานฟงและว่านหมอ ไม่อย่างนั้นพญาราชสีห์จะหนีไปห่างไกลอย่างนั้นหรือ? ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ จ้าวคางคกยังกล้าอาละวาดอย่างนี้หรือ?”  เสือหน้ามนุษย์ฉลาดมาก หลังจากคำนวณไตร่ตรองหาสาเหตุ เขาพบจุดปัญหาได้ทันที

ดี

After the distant Rock, an ugly big head was revealed.

ด้านหลังก้อนที่อยู่ห่างไกลออกไป มีศีรษะที่น่าเกลียดโผล่ขึ้นมา

นั่นคือจ้าวคางคก

แม้ว่าเขาจะล้มเหลวในการสอบด่านกระสุนอสูร แต่เขาก็ยังเป็นจ้าวคางคกและยังคงสถานะเป็นผู้พำนัก   ท่าทางของเขาเป็นอย่างที่เสือหน้ามนุษย์พูด  เขายืนเชิดหน้าและปรบมือดังๆ “เป็นเสือหน้ามนุษย์ผู้ฉลาดที่สุด ได้เวลาขุดรากถอนโคนกันแล้ว”  เมื่อเห็นจ้าวคางคกปรากฏตัว อสูรปีศาจและผู้พำนักหลายคนถึงกับหน้าซีด

นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือกาฬสุริยันต์ของจีอู๋ลี่  เพราะจีอู๋ลี่ต้องการฝึกอสูรนี้ ไม่รู้ว่าทั้งมนุษย์อสูรและผู้พำนักต้องถูกฆ่าไปมากมายเท่าใด

ถ้าคนของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ร่วมมือกับจ้าวคางคกจริง  จ้าวคางคกคงนำทางมันเข้าหุบเขาอสูร เกรงว่าจะเกิดมรสุมโลหิตอีกสายหนึ่ง  จ้าวคางคกโบกมือ  “ทุกคนไสหัวไปให้พ้น, ข้าไม่สนใจพวกลูกกระจ๊อกอย่างพวกเจ้า....”

อสูรปีศาจและผู้พำนักที่ได้ยินคำนี้ เหมือนกับได้รับนิรโทษกรรม เผ่นหนีกระจายไปในทิศทางต่างๆ ทันที พวกเขานึกรังเกียจว่ามีขาไม่มากพอ

หลงหม่าและวีเซลหางดาบมีความคิด หลังจากได้ยินคำสนทนาระหว่างเสือหน้ามนุษย์และพญาเหยี่ยว  พวกเขาตระหนักได้ว่าสถานการณ์เลวร้าย  เมื่อเห็นอสูรปีศาจหนีไป  พวกเขาตะโกนสั่งการทันที  “อย่าแตกตื่นตกใจ นั่นเป็นการคิดร้ายแบ่งแยกกำลังของศัตรู  ถ้าพวกเจ้าต้องการมีชีวิตรอด พวกเจ้าต้องรวมตัวกับผู้นำทั้งสามอย่างเหนียวแน่นและผนึกกำลังกับผู้นำทั้งสามเอาชนะศัตรู  ไม่อย่างนั้นลำพังอาศัยกำลังขาพวกเรา  เป็นไปไม่ได้ที่จะต่อต้านกาฬสุริยันต์  นอกจากนี้ จ้าวคางคกยังเป็นผู้นำทางมันมา  เราจะหลบหนีไปที่ใดได้?”

เมื่อได้ยินเสียงตะโกนบอกของทั้งสอง อสูรปีศาจและผู้พำนักก็เริ่มเข้าใจ  หลายคนกลับมาหาหลงหม่าและวีเซลหางดาบทันที   บางส่วนยังลังเลจะไปต่อ  อสูรปีศาจและผู้พำนักส่วนใหญ่รวมตัวกัน  พวกที่ยังเชื่อถือคำของจ้าวคางคกฉวยโอกาสที่เหตุการณ์วุ่นวายหนีเอาชีวิตรอด

เมฆดำเคลื่อนถอยออกไป

ดวงอาทิตย์สีดำขนาดใหญ่แผ่รัศมีประกายสีดำที่น่ากลัว นี่ไม่ใช่ดวงอาทิตย์จริง  แต่เป็นอสูรกาฬสุริยันต์ที่จีอู๋ลี่ฝึกเลี้ยงขึ้นมา

กาฬสุริยันต์ : อสูรปราณฟ้าระดับแปด  อสูรยักษ์ชั้นพิเศษรูปกลม มีเส้นรอบวงห้ากิโลเมตรและมีความสามารถในการดูดซับพลังงานทั้งหมด  ระยะการทำงานที่ความสูงหมื่นเมตร  ในร่างของมันนี้ประกอบไปด้วยเมฆดำ พลังปราณฟ้าระดับห้า อสูรเสริมทักษะพิเศษทำให้เกิดเหตุการณ์ : สภาพอากาศแห้งแล้ง ดินไหม้แตกระแหง แสงมรณะ เมฆคลุมอาทิตย์ คลื่นแสงมรณะ, บุปผาพิรุณโลหิต

กาฬสุริยันต์มีความน่ากลัวอย่างแน่นอน ไม่อาจฝึกมันได้ในช่วงเวลาไม่กี่เดือน   ในหุบเขาอสูรแห่งนี้ แม้แต่จีอู๋ลี่ก็ยังทำได้ไม่สำเร็จ

ความจริงจีอู๋ลี่ไม่ได้ย่างเท้าเข้ามาในหุบเขาอสูรเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านั้นเขาเข้ามาในดินแดนมิติฝึกฝนหลายครั้งเพื่อสกัดขัดขวางกัปตันคุ้กผู้ต่อต้านตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์  กาฬสุริยันต์ที่เขาพัฒนามันขึ้นเมื่อครั้งแรกที่เข้ามาเติบโตเป็นอสูรปราณฟ้าระดับแปดที่น่ากลัว หลังจากเวลาผ่านไปหลายพันปี

แม้ว่าภูมิปัญญาของมันจะไม่เติบโตและมันไม่ใช่อสูรศักดิ์สิทธิ์ก็ตาม  แต่มันมีพลังสะสมไม่มีขีดจำกัด  ในหุบเขาอสูรมันเป็นอมตะ

แน่นอนว่าในบรรดาอสูรทั้งหลายที่จีอู๋ลี่มีอยู่ มันเป็นอสูรที่อ่อนแอที่สุด

เพื่อปกป้องความปลอดภัยให้มัน เขาปล่อยให้หลานฟงและว่านหมอรับภาระผ่านด่าน และจีอู๋ลี่กลับออกไป

มันได้รับการบำรุงเลี้ยงดู...

กาฬสุริยันต์ฉายรัศมีสีดำทะมึนทันที

ระหว่างพื้นฟ้าและแผ่นโลกมีรัศมีที่น่ากลัวคลุมเต็มไปหมด  ไม่มีใครสามารถลืมตาได้   ต่อให้สามารถลืมตาได้ เขาจะกลายเป็นคนตาบอดในท่ามกลางทะเลแสงดำนี้

ลำแสงดำเป็นพันสาดฉายออกมาจากผิวของกาฬสุริยันต์

อสูรปีศาจที่แตกตื่นหนีไปรอบๆ นั้นและอสูรกับผู้พำนักที่ตกอยู่ใต้ลำแสงสีดำนี้ตายไปอย่างน่าอนาถ  ที่หลบรอดได้เหลือไม่ถึงครึ่ง

หลงหม่าและวีเซลหางดาบหลบซ่อนลำแสงอย่างคล่องแคล่ว อสูรแรดที่เคลื่อนไหวช้าเล็กน้อย  หางของถูกแสงยิงกระจายหายไป  หางของมันแปรสภาพเป็นควันหายไป เป็นไปได้ยากที่จะป้องกันได้อย่างสมบูรณ์  ถ้าไม่ใช่เพราะอสูรแมวลิงซ์มาช่วยผลักอสูรแรดในช่วงวิกฤติ ทั้งยังได้วีเซลหางดาบช่วย อสูรแรดคงถูกฆ่าตายทันที คลื่นแสงสีดำที่กาฬสุริยันต์ปล่อยออกมา ไม่สามารถต้านทานป้องกันได้เลย

อสูรปราณฟ้าระดับแปด ไม่เพียงแต่อสูรกาฬสุริยันต์เป็นอสูรชนิดพิเศษมีมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร มันยังสามารถฆ่าอสูรปีศาจในหุบเขาอสูรได้อย่างง่ายดายอีกด้วย

ความจริงอสูรอย่างกาฬสุริยันต์ที่มีความสามารถฆ่าได้ฉับพลันนั้น หาได้ยากอยู่แล้วในแดนสวรรค์

มันถูกพัฒนาขึ้นโดยจีอู๋ลี่

จึงเป็นอสูรที่ไม่ธรรมดา!

“ถ้าคิดว่าเจ้าสามารถฆ่าเราได้  นั่นเป็นเรื่องไร้สาระ”  พญาเหยี่ยวโกรธ  ไม่มีประโยชน์ที่จะรักษาชีวิตเอาตัวรอดอย่างเดียว  เขาเองก็เป็นนักสู้ระดับราชาเช่นกัน!

“อย่างนั้นเหรอ?  ข้ารู้, พญาเหยี่ยว เจ้ามีพลังไม่เลว แต่ถ้าเจ้าคิดว่าข้ามีลูกเล่นเพียงแค่นี้ อย่างนั้นเจ้าก็คิดผิดแล้ว!  เชิญออกมาได้!  กับดักถูกวางไว้เรียบร้อยแล้ว ปลากินเบ็ดแล้ว เชิญสนุกกับความตายได้”  จ้าวคางคกพูดด้วยความเคารพ

ที่อยู่ข้างหน้าเขา ไม่รู้ว่ามีเงาร่างที่น่ากลัวมากกว่าสิบร่างปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อใด !-!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด