ตอนที่แล้วตอนที่ 797 อสูรสงคราม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 799 การต่อสู้เริ่มต้น

ตอนที่ 798 เวลาจะพิสูจน์ทุกอย่าง


“ว่าไงนะ!”

ไป๋เยี่ยกระโดดผาง เขาตกตะลึง แต่ส่ายศีรษะโดยเร็ว “เรือรบล้อมโจมตีขนาดใหญ่ 22 ลำ?  เป็นไปไม่ได้! ทวีปกวงหมิงเอาเรือล้อมโจมตีขนาดใหญ่มามากมายขนาดนั้นได้ยังไง?  อย่าล้อเล่นน่ะ 22 ลำมีเรือรบล้อมโจมตีขนาดใหญ่ 22 ลำในทั่วดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ด้วยหรือ?”

ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงว่าเป็นแม่ทัพเผิงรั่วยืนอยู่ต่อหน้าเขา  เขาคงเตะออกนอกประตูไปแล้ว

ก้วนจินกำลังยืนอยู่ด้านข้างยังคงมีท่าทีสงสัย  ข่าวฟังดูเกินจริงไปหน่อย

เรือรบล้อมตีขนาดใหญ่เป็นอาวุธขั้นสุดยอดในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์  และเป็นราชาในการรบแบบล้อมโจมตี  เรือรบล้อมโจมตีขนาดใหญ่ มีความใหญ่โตมหึมาถึงขนาดคล้ายกับเป็นป้อมรบลอยฟ้า

ขนาดที่ใหญ่โตน่าประหลาดใจต้องใช้วัสดุราคาแพง นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เรือรบล้อมโจมตีขนาดใหญ่มีราคาแพงมาก   ความยากลำบากในการผลิตออกมาจำเป็นต้องใช้เทคนิคระดับสูง

เรือรบล้อมโจมตีขนาดใหญ่ที่สร้างเพื่อต่อต้านป้อมปราการที่มั่นต้องใช้เคล็ดเทคนิคการสร้างระดับสูง ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์มีองค์กรค้าอาวุธนับไม่ถ้วน  แต่มีเพียงสามองค์กรที่สามารถผลิตเรือรบล้อมตีขนาดใหญ่ได้  แม้แต่สมาคมการค้าสวีจี้ก็เหมือนกันที่มีชื่อเสียงกว้างขวางในกิจการค้าอาวุธของพันธมิตรใต้ พวกเขาไม่สามารถผลิตได้

มีเพียงผู้ค้าอาวุธชั้นนำมีความมั่งคงและเทคนิคที่มั่นคงสามารถผลิตเรือล้อมโจมตีได้

แต่แม้อย่างนั้น เวลาและความพยายามที่จำเป็นต้องใช้ผลิตเรือขนาดนั้นต้องใช้เวลานานสามปีทำให้ผู้คนกลัวที่จะสร้างมัน  ไป๋เยี่ยและก้วนจินไม่เคยได้ยินว่ามีเรือรบล้อมโจมตีขนาดใหญ่สิบลำหรือมากกว่านั้นจะปรากฏพร้อมกันครั้งเดียวจู่ๆ พอได้ยินว่ากองเรือล้อมโจมตีขนาดใหญ่ 22 ลำ พวกเขาจะยอมเชื่อได้ยังไง

เผิงรั่วไม่คิดจะหยอกล้อแต่อย่างใด  “ข้าตรวจสอบถึงสองครั้งจึงกล้ายืนยันข่าวนี้”

แม่ทัพเฒ่าจริงจังมาก เมื่อเขาเห็นรายงานเขาก็แทบไม่อยากเชื่อเช่นกัน ไม่เชื่อจนกระทั่งเขารับการยืนยันซ้ำ เขารู้ว่ารายงานที่ดูไร้สาระนี้จริงแท้ไม่มีการผิดพลาด ทำให้อารมณ์ของเขาดิ่งฮวบ

เรือรบล้อมโจมตีขนาดใหญ่ 22ลำเป็นกองเรือล้อมตีที่ฟุ่มเฟือยที่สุดในประวัติศาสตร์ เป็นเหตุให้แม่ทัพเฒ่ายิ่งผิดหวังมาก  ‘ฉากภาพเรือรบล้อมโจมตีขนาดใหญ่22 ลำซึ่งเป็นเหมือนอสูรสงครามมารวมกันต้องเป็นภาพที่งดงามแน่นอน’

แต่อสูรสงครามนั้นเป็นของฝ่ายศัตรูทำให้แม่ทัพเฒ่าสั่นสะท้าน

ป้อมรบใดก็ตามที่เผชิญหน้ากับกองเรือที่คาดไม่ถึงอย่างนั้นคงพังทลายยุ่ยเหมือนกระดาษ  ไม่มีแนวป้องกันที่เป็นไปได้ว่าจะหยุดอสูรสงครามได้ และตำแหน่งที่ได้เปรียบก็จะพิสูจน์ว่าไร้ประโยชน์

สำหรับภูมิภาคใต้ ถือเป็นข่าวที่น่าหวาดหวั่นมากที่สุด

หลังจากสู้รบกับชิวซิ่วหัวเผิงรั่วมีประสบการณ์โดยตรงกับความสามารถในการสู้รบของทวีปกวงหมิง  ถ้าไม่ใช่เพราะการลอบโจมตีของไป๋เยี่ยกองทัพศัตรูคงเอาชนะเขาได้ไปนานแล้ว ในสมรภูมิ กองทัพภูมิภาคใต้ต่างๆ ไม่ได้ขาดแคลนความมุ่งมั่นในการสู้รบ  และภูมิภาคใต้ไม่ด้อยกว่าในเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ทั้งหมด แต่คุณภาพภายในและมาตรฐานของบุคลากรของทั้งสองฝ่ายต่างระดับกันโดยสิ้นเชิง

ทวีปกวงหมิงมีส่วนร่วมในกลยุทธต่อสู้ทั้งหมดมาเป็นเวลาหลายปี  แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยสู้ในสงครามใหญ่  พวกเขาก็ยังสู้ในสงครามขนาดเล็กอย่างต่อเนื่อง  กองทัพต่างๆของทวีปกวงหมิงมีประสบการณ์ผ่านศึกตลอด แต่กองทัพภูมิภาคใต้ส่วนใหญ่จะเป็นไปเพื่ออวดหรือแสดง และอาจจะพบโจรสลัดมาบ้างซึ่งเป็นโอกาสที่ยากจะมี หลายกองทัพที่สร้างขึ้นมาเป็นเวลานานไม่เคยมีประสบการณ์การรบที่แท้จริง

ทวีปกวงหมิงมีการรวมตัวเหนียวแน่นมาก เมื่อทำการตัดสินใจทุกคนจะต้องปฏิบัติตามอย่างจริงจัง แต่แม้ว่าเผิงรั่วจะเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพพันธมิตร  แต่ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใต้บังคับบัญชาเขายุ่งเหยิงและซับซ้อนหลายคนที่ภายนอกคล้อยตาม แต่ภายในตรงกันข้าม และหลายๆ เรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นถี่

เหตุผลทั้งหมดนี้ไม่เป็นเหตุให้แม่ทัพเฒ่าสูญเสียความหวัง  เพราะพวกเขาอยู่ในดินแดนมาตุภูมิและมีความได้เปรียบในพื้นที่ของตนเองมีความเชี่ยวชาญลึก แม้ว่าพวกเขาจะต้องแยกแยะผู้บาดเจ็บออกไปหลายคน  พวกเขามีแต่ต้องคุมเชิงยันกันกับศัตรูและมันอาจเป็นชัยชนะของพวกเขาก็ได้

แต่การปรากฏตัวของอสูรสงครามทำให้ความมั่นใจกระจัดกระจาย

อสูรสงครามนั้นเคลื่อนไหวได้ช้า และกองทัพของทวีปกวงหมิงสามารถรุกรานและยึดพื้นที่ได้มากขึ้น เวลานั้นสถานการณ์จะเลวร้ายเกินกว่าพวกเขาจะหาทางกู้คืน

ปากของไป๋เยี่ยอ้าค้าง สีหน้าของเขาไร้สีเลือด  แต่เขาไม่ส่งเสียงอะไร  หน้าของก้วนจินก็ขาวเหมือนกระดาษเช่นกัน

เผิงรั่วถอนหายใจ เขาไม่มีอารมณ์จะหยอกล้อไป๋เยี่ย ปฏิกิริยาของเขาเองก็เหมือนกันเมื่อได้รับข่าวนี้ แต่เขายังคงเป็นแม่ทัพเฒ่าที่มากประสบการณ์คนหนึ่ง  และแม้ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังที่สุดเขาไม่เคยหมดหวัง

“แนวป้องกันของพันธมิตรใต้จะพ่ายแพ้ในอีกไม่นาน  ทวีปซางโจวไม่อาจถูกยืดได้”  แม่ทัพเฒ่ากล่าว  “หลังจากพวกเขายึดทวีปซางโจวได้พวกเขาจะได้ทองดำไป และสถานการณ์ของเราจะตกอยู่ในสภาพเลวร้าย เราจำเป็นต้องคิดหาวิธีทำลายเรือรบล้อมโจมตีขนาดใหญ่นั้นไม่ว่าจะต้องทุ่มเทยังไง...”

ไม่มีความจำเป็นที่เขาต้องพูดต่อ

ก้วนจินเม้มริมฝีปากแน่นจนขาวซีด  “มันคงจะยาก โกวเฉิงเวิ่นเต้าจะต้องทุ่มเทปกป้องเรือเหล่านั้นเอาไว้อย่างแน่นอน”

“มันอาจจะยาก” แม่ทัพเฒ่าพยักหน้า “แต่ไม่ว่าจะยากยังไงเราก็ต้องทำลายพวกมัน ป้อมพิทักษ์สมุทรจะไม่อาจทนได้ในที่สุดและแนวป้องกันของพันธมิตรใต้จะต้องแตกสลายแน่นอน ถ้าทวีปกวงหมิงวางแผนยึดทวีปซางโจวจริงๆ เรายังอาจมีโอกาส”

ก้วนจินไม่เข้าใจว่าแม่ทัพเฒ่ากำลังพูดอะไร

เผิงรั่วมองดูไป๋เยี่ยที่หดหู่ และกล่าว“พลังของพันธมิตรใต้ยังแข็งแกร่งมากกว่าที่ข้าคิดไว้มาก ป้อมพิทักษ์สมุทรไม่สามารถหยุดโกวเฉิงเวิ่นเต้าได้  พวกเขามีแต่ต้องถอย  ตลอดทางจนถึงทวีปซางโจวปากอ่าวพลังงานของทวีปซางโจวเล็ก เรือล้อมโจมตีมีขนาดใหญ่โตไม่สามารถเข้าไปได้ และแม้แต่เรือล้อมโจมตีขนาดกลางก็ยังไม่สามารถเข้าไปได้  สำหรับพันธมิตรใต้  โอกาสของพวกเขาที่มีก็คือนำการสู้รบเข้าสู่ทวีปซางโจว ถ้าทวีปกวงหมิงต้องการจะยึดทวีปซางโจวจริงๆ โกวเฉิงเวิ่นเต้าจะต้องระดมทหารของเขาเข้าไปในทวีปซางโจว ถึงเวลานั้นการป้องกันเรือรบขนาดใหญ่ก็จะกลายเป็นจุดอ่อนของพวกมันที่สุดและนั่นจะเป็นโอกาสของเรา”

ก้วนจินเข้าใจทันทีว่าแม่ทัพเฒ่าเตรียมปล่อยให้พันธมิตรใต้เป็นอาหาร แต่เขาต้องยอมรับว่าเป็นแผนการที่แยบยลและเป็นหนทางเป็นไปได้ในปัจจุบันที่มีอยู่

“เวลาเป็นสาระสำคัญ ข้าหวังว่ากองทัพของเจ้าพร้อมจะเคลื่อนออกไป เราจะเริ่มโจมตีชิวซิ่วหัวและคุ้มกันหลังให้เจ้า”  แม่ทัพเฒ่ากล่าว

ก้วนจินมองไป๋เยี่ย ในทั่วทั้งภูมิภาคใต้ มีกลุ่มเดียวที่สามารถทำภารกิจได้สำเร็จก็คือกองพลกาขาวและกองพลเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์,  แต่กองกำลังศัตรูต้องการตรึงแม่ทัพเฒ่าไว้ดังนั้นภารกิจอาจหมายถึงพวกเขา

ไป๋เยี่ยเงยหน้าขึ้นทันทีและส่ายหน้าอย่างคาดไม่ถึง“  สถานการณ์อาจไม่เลวร้ายอย่างที่เราคิด”

เผิงรั่วอดหงุดหงิดไม่ได้ เขาไม่เคยคิดว่าในสภาพแบบนั้นไป๋เยี่ยยังคงมั่นใจเขา  เขาค่อนข้างแปลกใจ  หลังจากสู้เคียงข้างไป๋เยี่ยผ่านมาสองสามวัน  เขาค่อยๆรู้และเข้าใจว่าไป๋เยี่ยเป็นคนที่มั่นคงและมีเหตุผล

แต่เวลาเป็นหัวใจสำคัญ

กองเรือล้อมโจมตีขนาดใหญ่ 22 ลำไม่สามารถหยุดได้  และถ้าไม่ใช่เพราะความเร็วในการเคลื่อนไหวช้า  พวกเขาจะไม่มีโอกาสแม้แต่น้อย  ในเมื่อเป็นแบบนั้นถ้าไป๋เยี่ยจากไปเร็วเท่าที่ทำได้และรีบด่วน พวกเขาอาจจะมีโอกาส ถ้าพวกเขาช้ามากขึ้นเท่าไร เวลาและโอกาสของพวกเขาจะหายไป

ไป๋เยี่ยเป็นแม่ทัพที่โดดเด่น  และเผิงรั่วเชื่อว่าข้อผิดพลาดง่ายๆจะไม่มีทางเกิดขึ้นกับเขา

เขากำลังรอให้ไป๋เยี่ยอธิบาย

ก้วนจินกำลังรอให้เจ้านายของเขาอธิบาย สำหรับเขามันคือโอกาสที่พวกเขามี เขาไม่เข้าใจเช่นกันทำไมเจ้านายถึงลังเลในเวลาวิกฤติอย่างนั้น

“สถานการณ์ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น”  ไป๋เยี่ยทบทวนกับตัวเอง  เขาจัดระเบียบความคิดและคิดหาวิธีเรียบเรียง  “เซี่ยอวี่อันอยู่ในป้อมพิทักษ์สมุทรและป้อมใดก็ตามกับเขาจะไม่มีทางถูกทำลายได้ง่าย ต่อให้ศัตรูมีเรือโจมตีขนาดยักษ์หลายลำก็ตาม  ก็จะไม่ใช่ง่าย  ข้ารู้จักเขา เขาไม่ใช่คนที่จะรามือรอความตาย”

ขณะที่เขาพูด ดวงตาของเขาสว่างขึ้นเรื่อย  “นอกจากนี้ผู้บัญชาการสูงสุดของพวกเขาไม่ใช่คนที่ปล่อยให้ตัวเองต้องถูกจับในสถานการณ์อย่างนั้น”

เผิงรั่วมีท่าทีผิดหวัง คำพูดของไป๋เยี่ยไม่ใช่ข้อมูลที่มีประโยชน์  เซี่ยอวี่อันไม่ใช่คนที่จะรอความตาย  ผู้บัญชาการสูงสุดของพันธมิตรใต้ก็ไม่ใช่คนที่จะนั่งรอความตาย  นั่นจะมีประโยชน์อะไร?  ในการเผชิญหน้ากับการใช้พลังอำนาจเด็ดขาด  คำพูดเช่นนั้นไม่มีประโยชน์

“เลิกแชเชือนได้แล้ว” เผิงรั่วตัดบททันทีและพูดอย่างเย็นชา “ในฐานะผู้บัญชาการสูงสุดของกองกำลังพันธมิตร  ข้าขอสั่งกองพลกาขาวเคลื่อนกำลังออกไปเดี๋ยวนี้!”

ไป๋เยี่ยหัวเราะ

“เจ้าต้องการขัดขืนคำสั่งข้า?”  เผิงรั่วหรี่ตา

“ต้องขออภัย, ข้าไม่ได้อยู่ในบังคับกฎอัยการศึกของกองกำลังพันธมิตร”  ไป๋เยี่ยหยุดยิ้ม  และพูดอย่างใจเย็น  “กองพลกาขาวของข้าอยู่ใต้บังคับพันธมิตรใต้และรับคำบัญชาการจากท่านปิงผู้บัญชาการสูงสุดของสัมพันธมิตรใต้”

ก้วนจินอ้าปากกว้าง ‘ทำไมข้าไม่รู้เรื่องนั้น?’

เผิงรั่วไม่พูดอะไรเขาสังเกตไป๋เยี่ยที่ไม่แสดงความตื่นเต้นหรืออารมณ์หลอกๆ  เขาค่อนข้างผิดหวังแต่ประหลาดใจมาก  ‘กองพลกาขาวรับคำสั่งจากผู้บัญชาการสูงสุดของสัมพันธมิตรใต้?’

กองพลกาขาวเป็นกองทัพระดับทองมีสถานะสูงส่ง ภูมิภาคใต้มีกองทัพระดับทองเหลืออยู่สองกองทัพ และถ้าไม่ใช่เพราะศักดิ์ศรีของไป๋เยี่ยยังขาดไปบ้างเขาจะสามารถรับอำนาจสั่งการกองกำลังพันธมิตรได้เช่นกัน

ไม่ว่าเผิงรั่วจะมองยังไง กองพลกาขาวมีน้ำหนักมากเกินกว่าผู้บัญชาการสูงสุดของพันธมิตรใต้

เขาไม่คาดเลยว่ากองพลกาขาวจะยอมเชื่อฟังสัมพันธมิตรใต้  ‘มีปัญหาให้แก้มากมายในที่นี้ทุกคนชื่นชมว่าตระกูลไป๋เพียงแต่ลงทุนในพันธมิตรใต้ แต่ไม่ได้นอบน้อมสิ้นเชิง  จากที่เห็นดูเหมือนว่าผู้มีอำนาจในพันธมิตรใต้จะต่างจากที่ผู้คนคิด’

นับเป็นครั้งแรกที่เผิงรั่วให้ความสนใจผู้ที่เรียกว่าผู้บัญชาการสูงสุดในสัมพันธมิตรใต้

เมื่อเห็นความหนักแน่นของไป๋เยี่ยเผิงรั่วไม่ทำอะไรและได้แต่พูด“ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจกับการตัดสินใจของตัวเจ้าเอง”

“เวลาจะพิสูจน์ทุกอย่าง” ไป๋เยี่ยพูดด้วยความเคารพ

เมื่อแม่ทัพเฒ่าจากไปอย่างเฉยเมย  หน้าของก้วนจินเขียวคล้ำ  “นายท่าน,ทำไมผู้น้อยไม่รู้ข้อมูลสำคัญนั้นเลย?”

ไป๋เยี่ยหัวเราะ “โอวๆๆ ก็ข้าเพิ่งตัดสินใจนี่นา”

ก้วนจินตะลึงตามมาด้วยอารมณ์โมโหที่ผุดขึ้นมาเต็มหัวใจ “นายท่าน, ท่านรู้ไหมว่าสิ่งที่ท่านตัดสินใจหมายความว่ายังไง? ท่านรู้ไหมหลายคนของทั่วทั้งภูมิภาคใต้จะตายเพราะท่าน?  ผู้น้อยไม่เข้าใจเลยทำไมนายท่านถึงมั่นใจพวกเขามากมายขนาดนั้น และในยามที่เผชิญสถานการณ์อย่างนั้น นายท่าน ท่านยินดีจะเชื่อว่าพวกเขามีแผนหรือ ถึงได้รีบร้อนตัดสินใจอย่างนั้น...”

ไป๋เยี่ยยิ้มขณะยกแก้วชา “ดื่มชาดับโมโหซะบ้าง”

เมื่อเห็นไป๋เยี่ยไร้ยางอายเหลือเกิน  ความโกรธในตัวก้วนจินหายไปด้วยเหตุผลบางอย่าง

“เวลาจะพิสูจน์ทุกอย่าง”

รอยยิ้มบนใบหน้าของไป๋เยี่ยหายไปขณะเขาพูดอย่างเฉยเมย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด