ตอนที่แล้วตอนที่ 793 วิเคราะห์ของชิวซิ่วหัว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 795 พลังโจมตีที่น่าทึ่งของผิงเสี่ยวซาน

ตอนที่ 794 คนกลางติดต่อ


“จิ้งจอกแดนใต้ สมชื่อจริงๆตัวแทนพันธมิตรใต้ ข้าขอขอบคุณกองทัพของเจ้าอย่างจริงใจที่เข้ามาเสริมกำลังได้ทันเวลา”

ผมของเผิงรั่วขาวบริสุทธิ์และหน้าของเขามีร่องรอยของความยากลำบาก เขามีรูปร่างสูงใหญ่ ทุกคนคงพอจะนึกภาพได้ว่าเมื่อเขายังอายุน้อยเขาต้องสูงใหญ่ราวกับหอคอยเหล็กเขารับหน้าที่เป็นแม่ทัพกองพลเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์มาเกินสามทศวรรษ  และชื่อของเขาเป็นที่รู้จักกันทั่วภูมิภาคใต้

ตาของแม่ทัพเฒ่าเป็นประกายด้วยความชื่นชมเมื่อเขามองดูไป๋เยี่ยผู้ยืนอยู่ข้างหน้าเขา

การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของกองพลกาขาวในสมรภูมิไม่เพียงสร้างความตกใจให้ชิวซิ่วหัวเท่านั้น  แม้แต่เผิงรั่วก็คาดไม่ถึง  ปฏิบัติการของกองพลกาขาวหลังจากนั้นคาดไม่ถึง  ทำให้แม่ทัพเฒ่ามีประสบการณ์มาหลายปีต้องตกใจ ความเข้าใจในโอกาสและความเด็ดขาดในการร่วมรบด้วยความดุดันและการต่อสู้ที่เฉียบขาดทำให้เอาชนะกองทัพใหญ่ของชิวซิ่วหัวได้อย่างรวดเร็ว

กองทัพพันธมิตรมีคนหลายคนที่สงสัยว่าไป๋เยี่ยมาถึงก่อนแล้วและรอเวลาช่วงสุดท้ายขณะมองดูพวกเขาตาย

เสียงเหล่านี้ทั้งหมดถูกข่มโดยแม่ทัพเฒ่า  การเลือกปรากฏตัวของไป๋เยี่ยทำได้สมบูรณ์แบบ  ผลที่ออกมาจึงสมบูรณ์  พิสูจน์ได้ว่าเขาเป็นแม่ทัพที่โดดเด่น  นอกจากนี้ไป๋เยี่ยไม่ได้อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา ไม่ควรต้องมีความผิด เขาไม่สบายใจมานานกับการดำเนินงานของกองทัพพันธมิตร

“ท่านยกยอข้ามากเกินไป  นี่เป็นเพราะโชคของผู้เยาว์ดีกว่า”  ไป๋เยี่ยพูดด้วยความเคารพ

ความเคารพของเขาไม่ได้เสแสร้ง กองพลเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์มีประวัติศาสตร์ยาวนาน  และมักแข็งทื่อไม่ยืดหยุ่น  จะหาความยุติธรรมกับคนที่มาปกป้องพวกเขาและเผิงรั่วก็มีกำลังใจและชื่อเสียงที่ดี เมื่อไป๋เยี่ยยังเรียนอยู่ในโรงเรียน เผิงรั่วมักมีอยู่ในบทเรียนอยู่เสมอ และบ่อยครั้งที่หยิบยกเรื่องของเขามาเป็นหัวข้ออภิปรายรายงาน

เผิงรั่วเมิมปาก  เขาไม่ชอบพูดอ้อมค้อมจึงพูดเข้าตรงประเด็น  “ม่อซินเล่า?”

“ไม่ต้องสนเขา”  ไป๋เยี่ยพูดตามตรง  อารมณ์ไม่ใส่ใจของเขาแทบจะกำเริบ  แต่เมื่อเห็นแม่ทัพเฒ่าผู้เข้มแข็งอยู่ต่อหน้าเขา  เขายืดตัวตรงทันที  “เรากำลังสู้ในมาตุภูมิของเราและครอบครองแผ่นดินที่โปรดปรานสิ่งที่เราควรพิจารณาก่อนก็คือ ศัตรูยังมีกำลังต่อสู้มากแค่ไหน”

เผิงรั่วพยักหน้า  เขาเห็นด้วยกับความคิดของไป๋เยี่ย  จากนั้นถามอีกคำถาม  “กองกำลังของเจ้าตั้งใจจะทำอะไรต่อไป?”

“เราจากไปไม่ได้อีกแล้ว”  ไป๋เยี่ยฝืนยิ้ม  “ชิวซิ่วหัวจะต้องวางแผนตรึงเราไว้ที่นี่”

เผิงรั่วทราบสถานการณ์ของสมรภูมิชัดเจน    ชิวซิ่วหัวจะกลับมาและสู้ตอบโต้อย่างรวดเร็วและขู่ขวัญแทบจะทุกคน ก่อนที่พวกเขาจะมีโอกาสฉลองชัยชนะที่ยากลำบากของพวกเขา  พวกเขาต้องต้อนรับกับกองทัพในการรบอื่น

ชิวซิ่วหัวจงใจแบ่งกองกำลังของเขาหนึ่งในสามไปสู้กับกองพลกาขาว

เป็นความเคลื่อนไหวที่มากไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม  ชิวซิ่วหัวนำกำลังพลแปดหมื่นผสมกับกองกำลังพันธมิตรอีกหมื่นห้า แต่ก็ไม่ได้เสียเปรียบ บริวารของเขาเว่ยเยี่ยนำกองทัพสี่หมื่นคนตรึงกองพลกาขาวไว้

เผิงรั่วพูดออกมาทันที  “เจ้ามาจากสัมพันธมิตรใต้  และมีภารกิจต้องเสริมกำลังให้ทวีปซางโจว  ถ้าเจ้าจำเป็นต้องจากไปจงรีบมาใกล้กองทัพข้าเร็วเข้า ข้าจะเบิกทางออกไปให้เจ้า”

หน้าของคนของเขาเปลี่ยนไปทันที  พวกเขาเข้าใจว่าเผิงรั่วกำลังพูดอะไร  ถ้าพวกเขาต้องการดึงกองพลกาขาวออกจากการสู้รบ  พวกเขาจำเป็นต้องต้านทานเว่ยเยี่ยไว้  นั่นไม่ต่างจากบอกให้พวกเขาใช้ร่างของพวกเขาป้องกันดาบให้กองพลกาขาว

แววเคารพนับถือผุดขึ้นมาในใจของไป๋เยี่ย  เขารู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่แม่ทัพเฒ่าจะพูดคำเหล่านั้นออกมาใจสถานการณ์ที่ยากลำบาก

“ขอบคุณในความเมตตาของท่าน”  เขายิ้มให้ทันที “ทวีปซางโจวไม่จำเป็นต้องให้ข้าสนับสนุนพวกเขา ข้าสนใจจะทำที่นี้ให้เป็นพื้นที่ฝังศพชิวซิ่วหัวมากกว่า”

สีหน้าของเผิงรั่วไม่เปลี่ยน  แต่มีแววประหลาดใจทอประกายลึกอยู่ในตาของเขา  ขณะที่เขาพูดอย่างใจเย็น  “เจ้ามั่นใจในทวีปซางโจวมากสินะ”

“ใช่แล้ว”  ไป๋เยี่ยวพูดอย่างเปิดเผย “พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่โดดเด่นที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบมา”

“ข้าหวังว่าพวกเขาจะเป็นเหมือนที่เจ้าคิด”  แม่ทัพเฒ่าพยักหน้า  เขาไม่พูดเรื่องนี้อีกต่อไปและเปลี่ยนหัวข้อพูด “อาวุธเรือรบในหน่วยของเจ้ายอดเยี่ยมมาก ข้าแปลกใจว่าเจ้าจะสนับสนุนเราได้ไหม? เรายินดีจ่ายเพื่อซื้อหา”

กองพลกาขาวติดตั้งอาวุธเรือรบที่ทรงพลังได้รับการพิสูจน์แล้วในสมรภูมิ เรือรบกองพลกาขาวทุกลำเหมือนกับเม่นที่มีหนามเต็มไปทุกที่  มีความสามารถในการสู้รบที่ทรงพลังสร้างความประทับใจให้กับแม่ทัพเฒ่าอย่างลึกซึ้ง

สิ่งประทับใจลึกซึ้งก็คือเรือรบของกองพลกาขาวทุกลำติดตั้งอาวุธเรือรบมากขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับเรือรบของเขาเอง  เรือรบของสองกองทัพมีขนาดเท่ากัน  ซึ่งก็หมายความเพียงประการเดียวว่าอาวุธเรือรบกองพลกาขาวต้องลดจำนวนพลต้องการคนประจำอาวุธ

ไป๋เยี่ยตกใจชั่วครู่  แต่รีบตอบโดยเร็ว  “ข้าเสียใจด้วย  เรามีสำรองไว้ไม่มาก  ถ้าท่านต้องการซื้อหาอาวุธจริงๆข้ายินดีเป็นตัวกลางเจรจาติดต่อกับผู้ผลิตให้ท่านได้  แต่ท่านจะต้องจัดขบวนขนส่งกลับไปที่ทวีปซางโจว”

“ทวีปซางโจว?”  แม่ทัพเฒ่ามองดูไป๋เยี่ยอย่างประหลาดใจ  “ไม่ใช่สมาคมการค้าสวีจี้หรอกหรือ?”

ทุกคนรู้ว่าใครเป็นใครในสัมพันธมิตรใต้  แต่ด้วยเรื่องเกี่ยวกับอาวุธ  ทุกคนคิดถึงสมาคมการค้าสวีจี้โดยไม่รู้ตัวเนื่องจากอาวุธของพวกเขาก้าวหน้าและมีความซับซ้อนมากกว่าที่อื่น

‘เป็นทวีปซางโจวจริงๆ!’

“ถูกแล้ว ทวีปซางโจว”  ไป๋เยี่ยอธิบาย “ทองดำคือผลิตภัณฑ์ที่เป็นสินค้าเฉพาะของทวีปซางโจว  แม้ว่าพวกเขาจะจัดหาบางส่วนให้สมาคมการค้าสวีจี้และผลิตได้ไม่จำกัด แต่อาวุธเรือรบแบบใหม่เหล่านี้สร้างมาจากป้อมไพรกระบี่  ทวีปซางโจวเชี่ยวชาญการผลิตอาวุธเรือรบ  ข้าเองยังคิดว่ามาตรฐานของพวกเขายังสูงมากกว่าสมาคมการค้าสวีจี้  แต่พวกเขาไม่ได้ขายมันในตลาด”

ก้วนจินที่ยืนอยู่ข้างไป๋เยี่ยก็แสดงท่าทางเห็นด้วย

ในฐานะเป็นนายทหารผู้ช่วยของไป๋เยี่ย  อาวุธทั้งหมดจัดซื้อโดยเขา เวลานั้นเมื่อไป๋เยี่ยแนะนำให้เลือกอาวุธเรือรบที่ผลิตโดยทวีปซางโจวก้วนจินยังคัดค้านไม่เห็นด้วย จนกระทั่งพวกเขาได้ทดสอบระยะหนึ่งหลังจากผ่านการทดสอบแล้วทำให้เขาตระหนักว่าทวีปซางโจวที่ใครไม่รู้จักพวกเขามีอาวุธที่โดดเด่นขนาดนั้น

กองพลกาขาวได้รับการจัดการใหม่และเพิ่มพลังขึ้นอีกมากมาย

‘แต่น่าเสียดาย คนเหล่านี้ไม่สนใจผลิตเรือรบ..”

ก้วนจินรู้สึกว่าถ้าป้อมไพรกระบี่เริ่มผลิตเรือรบ  จะต้องทรงพลังอย่างแน่นอน

“ข้าคิดว่าจะต้องได้จดหมายแนะนำจากเจ้า”เผิงรั่วคำนับให้ไป๋เยี่ย

“ข้ายินดีจะทำอะไรบางอย่างให้ท่านได้ ”ไป๋เยี่ยคำนับตอบ

เผิงรั่วได้รับคำแนะนำของไป๋เยี่ยเดินออกมาอย่างมีความสุข  ในฐานะแม่ทัพของกองทัพพันธมิตร  เขาไม่กังวลเรื่องการใช้เงิน  ธุรกิจที่รุ่งเรืองของภูมิภาคใต้ระหว่างทวีปต่างๆแข็งแกร่งมากพอให้เขาได้รับทรัพย์สิน สำหรับการขนส่ง ไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย พวกเขาจำเป็นต้องอ้อมเป็นวงใหญ่และตรงเข้าที่ด้านหลังทวีปซางโจว แต่ในสงครามที่ถูกคาดการณ์ไว้ว่าจะคงอยู่หลายวัน  พวกเขายังมีเวลา

ไป๋เยี่ยมองดูขณะที่เผิงรั่วจากไปและลูบคางเขา  “ด้วยการใช้จ่ายใหญ่ขนาดนั้น  ข้าน่าจะไปพบที่ป้อมไพรกระบี่รับค่านายหน้าบางส่วน  อากวน, บอกข้าซิ เท่าไหร่จึงจะเหมาะสม 10% ดีไหม?”

“ไม่เห็นจะยอดเยี่ยมตรงไหนเลย”  ก้วนจินพูดอย่างไม่เกรงใจ  “แทนที่จะสนใจส่วนแบ่งเปอร์เซ็น  เราน่าจะให้ความสนใจถึงการผลิตอาวุธใหม่ของป้อมไพรกระบี่มากกว่า  มันน่าตื่นตะลึงมาก”

“นั่นก็ถูก!  พวกนั้นมันพวกบ้าชัดๆ!”  ไป๋เยี่ยพูดทันที  “พวกเขาจะมีของใหม่ดีๆ ออกมาแน่นอน!  เราต้องส่งคนไปตรวจสอบที่นั่นดู”

กองพลกาขาวมีประการณ์เรื่องผลประโยชน์และตื่นเต้นมากกับอาวุธของทวีปซางโจว

ทันใดนั้นสีหน้าของก้วนจินเปลี่ยน

ไป๋เยี่ยสังเกตได้เขาถาม “เกิดอะไรขึ้น?”

“โกวเฉิงเวิ่นเต้านำกำลังตีป้อมพิทักษ์สมุทรด้วยตัวเองเอง!”  หน้าของก้วนจินซีดขาว

ไป๋เยี่ยสูดอากาศหนาวเหน็บ

เขารู้ว่าแนวป้องกันของทวีปซางโจวจะต้องแบกรับความตึงเครียดครั้งยิ่งใหญ่ แต่พวกเขาไม่กังวลเรื่องป้อมพิทักษ์สมุทรแม้แต่น้อย  ป้อมของที่นั่นตกอยู่ในมือของเซี่ยอวี่อันบุรุษผู้ชำนาญในการตั้งรับ และความสามารถที่เขาสามารถสร้างขึ้นมา เกินคาดจริงๆ

แต่ไป๋เยี่ยรู้ว่าสหายเก่าร่วมชั้นเรียนชำนาญในการตั้งกระบวนรับมากเพียงไหน  ในสถานบันตำแหน่งการป้องกันของเซี่ยอวี่อันใช้งานได้ดีทำให้อาจารย์ทุกคนต้องปวดหัว  ทำให้เวลาต้องยืดออกไปเกินขอบเขตทุกครั้งที่ไป๋เยี่ยให้เซี่ยอวี่อันช่วยเขาทำงาน  เขาต้องเสริมจุดที่เปิดเผยพลังเพียงครึ่งเดียวและต้องปล่อยให้มีข้อบกพร่องอย่างน้อยห้าจุด

ถ้าไม่อย่างนั้น อาจารย์ของพวกเขาจะต้องรู้ทันทีว่าใครคือคนทำงานที่แท้จริง

เขามีความมั่นใจเซี่ยอวี่อันมาก  เขาไม่รู้ ไม่ว่าเซี่ยอวี่อันจะได้รับขนานนามเป็นองครักษ์พิทักษ์ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ดีที่สุดเป็นอันดับสามหรือไม่ก็ตาม  แต่ในเรื่องการวางแนวต้านรับ เขาเชื่อว่าสหายร่วมรุ่นของเขาเป็นอันดับหนึ่งแน่นอน

แม้แต่ไป๋เยี่ยเองยังไม่กล้าแตะต้องเซี่ยอวี่อันผู้มีฐานอยู่ในระดับต่ำกว่าเขา

‘แต่...’

‘นั่นคือโกวเฉิงเวิ่นเต้า!’

ความสำเร็จในการสู้รบของโกวเฉิงเวิ่นเต้าน่ากลัวที่สุดในห้าแม่ทัพพยัคฆ์กวงหมิง

มู่จือเสียปกป้องอยู่ในทวีปเว่ยเย่กวนมาหลายปี และสู้รบมาในสงครามขนาดต่างๆในทวีปแดนเถื่อนในช่วงเริ่มต้น  จะต้องเจ็บตัวแน่นอนอยู่สองสามครั้ง  สำหรับเจียย่าผูกขาดในเรื่องพลังป้องกันเขาเป็นคนที่แพ้ยาก ชิวซิ่วหัวก็ได้รับความเสียหายสองสามครั้งในการสู้รบของเขา  แต่จากตรงนั้นเขาเดินหน้าสู้ต่อ  สำหรับม่อซินผู้แสวงหาทางเลือกที่ดีที่สุด  เขาไม่มีวี่แววว่าจะแพ้

แค่ช่วงสี่ปีมานี้โกวเฉิงเวิ่นเต้าก็ได้รับความเสียหายแพ้หลายครั้งแต่เขาเป็นศัตรูที่แม่ทัพทั้งหมดไม่ยินดีเผชิญหน้าด้วย

เขาสนใจแต่จะโจมตีเพื่อสังหาร  เขาบ้าระห่ำและชอบทำลายล้าง  โกวเฉิงเวิ่นเต้ามักจะปล่อยข้อบกพร่องและจุดอ่อนต่างๆในการรบ  แต่เขาไม่สนใจเนื่องจากเขาเชื่อมั่นแน่นอนว่าต่อให้เขาพ่ายแพ้ ศัตรูของเขาจะต้องแตกก่อน  แม้ในสถานการณ์สิ้นหวังที่สุดปฏิกิริยาอันดับแรกของเขาคือโจมตี จะสู้กับเขา อีกฝ่ายจะคิดถอยไม่ได้ ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเขาจะต้องเตรียมตัวตั้งรับตลอดไป

ถ้ามีเขาแค่เพียงทัพเดียวก็ยังไม่น่ากลัว  แต่สิ่งที่น่ากลัวก็คือเขามีกลุ่มคนที่บ้าระห่ำอำมหิตเป็นกองทัพที่ขึ้นตรงต่อเขา!

คนธรรมดาทั่วไปจะไม่แตะต้องป้อมพิทักษ์สมุทรแน่นอน เนื่องจากเป็นป้อมที่มีองครักษ์พิทักษ์ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ดีที่สุดอันดับสามประจำการอยู่!

มีสถานที่ดีๆ หลายแห่งในแนวป้องกันให้โจมตี แต่ทำไมบางคนถึงเลือกสถานที่มีการป้องกันที่ดีที่สุดเพื่อโจมตี?

แต่ทางเลือกที่ไร้เหตุผลนี้กลายเป็นสมเหตุผลมากเมื่ออยู่ในมือของโกวเฉิงเวิ่นเต้า

ไป๋เยี่ยอดรู้สึกกังวลไม่ได้

ถ้าเป็นแม่ทัพทหารอื่นบุกตีป้อมพิทักษ์สมุทรเขาคงไม่ใส่ใจ ต่อให้เป็นชิวซิ่วหัวหรือม่อซิน ตราบใดที่พวกเขารู้ว่ามันใช้ไม่ได้  พวกเขาจะไม่มีทางยอมเสียชีวิตทหารของเขา  แต่โกวเฉิงเวิ่นเต้าไม่มีคำว่า ‘เป็นไปไม่ได้’ อยู่ในพจนานุกรมของเขา

เขาจะโจมตีต่อเนื่องอย่างร้อนแรง  แม้ว่าเขาจะต้องเสียเลือดเอง  เขาก็จะบังคับให้ศัตรูเสียเลือดด้วย

ก้วนจินกัดริมฝีปาก  และเค้นเสียงลอดไรฟัน  “พวกเขาต้องการความช่วยเหลือ”

“ไม่”ไป๋เยี่ยส่ายศีรษะอย่างคาดไม่ถึง “เราจะต้องทำตามแผนเดิมต่อไป”

“แต่...”

“เราต้องเชื่อใจเขา”  ไป๋เยี่ยสูดหายใจลึกและกัดฟันพูด  “ต่อให้เป็นโกวเฉิงเวิ่นเต้าเราต้องเชื่อมั่นในอาเซี่ย!  นอกจากนี้, อย่าลืมท่านปิงสิ บุรุษผู้กลอกกลิ้งเจ้าเล่ห์จะไม่นั่งดูดายปล่อยให้อาเซี่ยต้องทนทุกข์แน่นอน”

ความกังวลบนใบหน้าของก้วนจินไม่ได้ลดลง เขามักรู้สึกว่าไป๋เยี่ยเชื่อมั่นผู้บัญชาการสูงสุดของทวีปซางโจวอย่างตาบอดเกินไป

‘ทำไมอาเยี่ยมักคิดว่าคนผู้นั้นจะต้องมีความคิดเห็นพิเศษ?’

‘หรือว่าคนผู้นั้นเตรียมการนี้ไว้ก่อนแล้ว?’

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด