ตอนที่แล้วตอนที่ 777 แผนของไป๋เยี่ย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 779 ป้อมพิทักษ์สมุทร

ตอนที่ 778 มุทราจิตวิญญาณไร้ลักษณ์


“ข้าผิดหวังจริงๆ”

เสียงของโกวเฉิงเวิ่นเต้าเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง ดวงตาที่น่ากลัวและเย็นชากวาดมองเหล่าแม่ทัพที่นั่งตัวตรง  ห้องยุทธศาสตร์เงียบกริบ ผมม้าของเขาปรกลงมาถึงครึ่งตาทำให้ใบหน้าที่หล่อเย็นชาของเขาดูขาวซีด

นอกจากเสียงเย็นชาแล้วเขายังดูเฉยชา

“เป็นแนวป้องกันที่เล็กน้อยอย่างนั้นพวกเขายังขัดขวางพวกเจ้าได้ถึงสามวันเชียวหรือ คลิฟ!นี่คือความรับผิดชอบของเจ้า”

คลิฟลุกขึ้นยืนและตอบรับ“ขอรับ!”

เขาไม่ผลักความรับผิดชอบออกไปและไม่หาข้ออ้างใดๆ ทั้งสิ้น ล้มเหลวก็คือล้มเหลว

“นั่งลงก่อน”โกวเฉิงเวิ่นเต้ามองดูผมหงอกของคลิฟ รอยย่นบนใบหน้าที่ซูบดูอ่อนโยนลง คลิฟ เคน และซีเก้คือสามแม่ทัพใหญ่ใต้บังคับบัญชาของเขาโดยตรง  คลิฟอยู่ข้างกายเขามานานที่สุดและมีส่วนร่วมมากที่สุด  นอกจากนี้เขาเข้าใจว่าบรรดาขุนทัพของเขาเอง คลิฟชำนาญรูปแบบสงครามและไม่ค่อยก่อความผิดพลาดได้ง่ายๆ

เซี่ยอวี่อันแข็งแกร่งทรงพลังนั่นคือความคิดที่เขาได้รับเมื่อคลิฟส่งรายงานให้เขา

“ขอรับ!  คลิฟไม่พูดอะไรอื่นและนั่งลง

โกวเฉิงเวิ่นเต้าหยีตามีแววชื่นชมอยู่บ้างไม่ว่าชนะหรือพ่ายแพ้คลิฟไม่เคยอวดอ้างหรือแก้ตัว และไม่เคยสงสัยคำสั่ง  เพราะจุดนี้เคนและซีเก้จึงไม่มีทางเทียบกับคลิฟได้

สีหน้าเขาเย็นชาอีกครั้ง  และน้ำเสียงของเขาสูงแหลม “เราไม่ได้ต่อสู้นอกทวีปกวงหมิงมานานมากแล้ว  ทุกคนยังไม่คุ้นเคยกับมัน เรามีข้อมูลพันธมิตรใต้อย่างจำกัดเช่นกัน  แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ข้ออ้างสำหรับความล้มเหลว”

สายตาของเขากวาดมองไปทั่วพื้นที่  “ชัยชนะ!  ข้าต้องการชัยชนะเท่านั้น!  เข้าใจไหม?”

หัวใจของแม่ทัพต่างๆเย็นเฉียบ  พวกเขาตอบพร้อมเพรียงกัน “ขอรับ!”

‘กำลังใจยังดี, ดูเหมือนผลกระทบจากเซี่ยอวี่อันไม่ใช่เรื่องใหญ่’

โกวเฉิงเวิ่นเต้ายังคงทำสีหน้าไร้ความรู้สึกขณะที่เขาตัดสินสั่งการทหาร และยังคงพูดต่อ “กำลังใจของศัตรูแข็งแกร่งยอดเยี่ยมมาก และพวกเขาไม่ยินดียอมแพ้ง่ายๆพวกเขาต้องการดึงเราให้เข้าไปอยู่ในจังหวะของพวกเขา และต้องการใช้แนวป้องกันของพวกเขาสร้างเป็นเครื่องบดเนื้อ  ดังนั้นพวกเขาหวังว่าเราจะต้องแบ่งกำลังทหาร”

เขาหยุดครู่หนึ่งนัยน์ตาของเขามองดูแม่ทัพของเขา เขาพูดอย่างเฉยเมย “เราจะแบ่งทหารของเราออก”

แม้ว่าแม่ทัพหลายคนยังคงสงบ แต่แววตกใจในดวงตาพวกเขาขัดแย้งกับสีหน้าที่พวกเขาแสดงออก  แต่คลิฟ เคนและซีเก้ สามแม่ทัพใหญ่ไม่แสดงร่องรอยความประหลาดใจออกมา

“เวลา” โกวเฉิงเวิ่นเต้าพูดอย่างเย็นชา “ถ้าเราต้องการหลีกเลี่ยงจากสภาพที่พัวพันอยู่นี้เราต้องเป็นเหมือนดาบที่คมกริบที่ตัดผ่านเกราะหนังได้  เราต้องทำลายล้างแนวป้องกันให้ราบคาบอย่าให้เวลาพวกเขาได้จัดตั้งแนวป้องกันใหม่อีก ข้าไม่มีความอดทนจะสู้รบอย่างไม่มีเวลาจบสิ้นกับพวกเขา  พวกเขากำลังพนันให้เราแบ่งแยกกองกำลัง  ดังนั้นก็จะสามารถตัดความได้เปรียบของเราในเรื่องจำนวนคน แต่นี่ยังจะเพิ่มโอกาสเราในการหาช่วงแนวป้องกันของพวกเขา”

“ข้ามีข้อขอร้องง่ายๆ  พวกเจ้าทุกคนต้องร่วมกันผลักดันและทำลายแนวป้องกันนี้ให้ได้”

โกวเฉิงเวิ่นเต้าพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายและตาที่หรี่ปรืออยู่ครึ่งหนึ่งพลันเบิกกว้าง แสดงให้เห็นความเยือกเย็นหนาวเหน็บยิ่งกว่ารังสีดาบ

“ข้าจะกำจัดเซี่ยอวี่อัน,และปล่อยที่เหลือให้กับพวกเจ้า สงสัยอะไรอีกไหม?”

ทุกคนลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าเย็นชาและรับปฏิบัติพร้อมกัน

พวกเขาตกใจกันหมดผู้บัญชาการจะลงมือด้วยตนเอง!

*****************

ถังเทียนลืมตากระบี่อมตะยังคงเปล่งคลื่นสั่นสะเทือนที่ละเอียดมากกวาดไปทั่วตัวเขาอย่างต่อเนื่อง

พลังสั่นสะเทือนเล็กน้อยโคจรลึกไปภายในกระดูกของเขาทำให้ความไม่บริสุทธิ์ปนเปื้อนที่เขาไม่มีทางขจัดได้ ค่อยๆ ถูกขจัดออกมา การเสริมพลังของมุทรากระบี่กำสรวลช้ายิ่งกว่ามุทราหัตถ์เด็ดบุปผาและมุทราหมัดพิโรธแต่มีประสิทธิภาพมากและลึกล้ำ

ร่างของเขาที่หยุดก้าวหน้าเริ่มก้าวหน้าได้อีกครั้ง

เหตุผลที่เขาไม่รีบบินไปที่เมืองม้าบินเป็นเพราะเขารู้สึกว่าติดอยู่ในสภาพคอขวดอีกครั้ง

การสู้รบรุนแรงต่อเนื่องกับยอดฝีมือทั้งหมดในทำเนียบนักสู้ช่วยเปิดโลกทัศน์ให้เขาจนรู้แจ้งมากมาย

เขายังทำสมาธิและค่อยๆรำลึกถึงการสู้รบ ค่อยๆ ได้รับการรู้แจ้ง เขาไม่ถึงกับไม่คุ้นเคยกับสภาพเช่นนี้อีกต่อไป  ในการฝึกฝนของเขาทั้งหมดเขาเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนั้นหลายครั้งแล้ว

เขาได้รับการรู้แจ้งในสามมุทราของหกมุทราเทพอสูร  แต่ความจริง นอกจากมุทราหมัดพิโรธแล้วการรู้แจ้งมุทราหัตถ์เด็ดบุปผาและมุทรากระบี่กำสรวลยังคงค่อนข้างตื้น สภาพลวงตาที่เขาอยู่กับเสี่ยวหลานก่อนหน้านี้และกระบี่อมตะทำให้เขารู้ว่าภาพลวงตาไม่ง่ายอย่างที่มันเป็น

‘หรือว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในภาพลวงตาเป็นบางอย่างที่ข้าได้ผ่านมาก่อน?’

ในขณะนั้นเขานึกทบทวนเกี่ยวกับกระบวนการฝึกหมัดปีศาจพันแปลงที่มีความคล้ายคลึงกัน

‘ภาพลวงตา?  ข้าไม่เคยได้ยินว่าภาพลวงตาทรงพลังขนาดนั้น!’

‘เอาเถอะ,เรื่องนี้ดูเหมือนจะซับซ้อนเกินไป’ ถังเทียนโยนความคิดนี้ออกไปจากใจ ไม่ว่าจะเป็นภาพลวงตาหรือไม่ ก็ยังทำให้เขาได้รู้แจ้งมุทราหัตถ์เด็ดบุปผาและมุทรากระบี่กำสรวล  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภาพลวงตาเป็นภาพที่คมชัด เขาจำได้ถึงอารมณ์ที่เขารู้สึกภายในนั้นอย่างชัดเจน

‘เป็นการต่อสู้ที่หนักหน่วงจริงๆ’

จนกระทั่งเดี๋ยวนี้การต่อสู้ในภาพลวงตานั้นรุนแรงที่สุด จนเขาแทบจะทนอยู่ไม่ได้  มีมากมายหลายครั้งที่เขาพบตัวเองว่าจะพังทลายถ้าให้เขาต้องทำทั้งหมดอีกครั้ง เขาไม่กล้ายืนยันว่าจะทำได้อีกหรือไม่

เพราะเหตุผลบางอย่าง เขาคิดถึงอารมณ์ที่เขามีในสถานการณ์ตอนนั้นทันที

‘นั่นคือจุดวิกฤติของข้า’

‘เวลานั้นข้าอาศัยสัญชาตญาณต่อสู้เพียงอย่างเดียว’ เขาไม่ล้มลงแต่เขาไม่สามารถอยู่เหนือจุดวิกฤติได้ และโดยคาดไม่ถึง นั่นเป็นช่วงเวลาที่รูปแบบการต่อสู้ของเขาน่ากลัวที่สุด

เหมือนกับเครื่องจักรฆ่าที่แท้จริง!

วิธีการที่เขาใช้ทั้งหมด รูปแบบของเขาทั้งหมดถูกปลดปล่อยออกมาในระดับสูงสุด

ขณะนั้นดาบมารพิฆาตของเขาไม่สามารถหยุดได้แข็งแกร่งมากกว่าปกติ

‘เป็นไปได้ไหมว่าสภาวะที่เราอยู่มีขีดจำกัดเราปลดปล่อยศักยภาพทั้งหมดได้เมื่อไหร่?’

เมื่อความคิดนั้นผุดขึ้นมาก็ไม่สามารถหยุดได้ ความปรารถนาของถังเทียนที่จะเพิ่มพลังให้ได้มาก  ไม่ว่าจะใช้วิธีไร  ตราบใดที่ทำให้เขาแข็งแกร่ง  เขาจะใช้โดยไม่ลังเลเลย

‘ทุกคนกำลังรอให้ข้าไปช่วยพวกเขา ข้าจำเป็นต้องต่อสู้หาทางกลับไปยังดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์!’

‘แต่ข้าจะเข้าไปสู่สภาวะวิกฤตินั้นได้ยังไง?’  ถังเทียนขมวดคิ้ว  พลังกายในปัจจุบันของเขาก็เฉียบขาดดีอยู่แล้วแทบทำให้คนที่รู้สั่นสะท้านได้  ความแข็งแรงระดับนี้ไม่เพียงบ่งบอกถึงพลังร่างกายของเขาเท่านั้น  แต่ยังรวมไปถึงพลังชีวิตที่น่ากลัวแก่นต้นกำเนิดชีวิตมากมายที่เขาได้กลืนกิน การสู้รบธรรมดาไม่สามารถทอนความแข็งแรงของเขาได้ ขณะที่ความสิ้นเปลืองพลังยังไม่เทียบเท่าอัตราการฟื้นฟูพลังของเขา

ถ้าไม่ใช่เพราะภาพลวงตา ถ้าไม่ใช่เพราะคลื่นคนแคระพลอยน้ำเงินที่ทะลักตะลุยเข้ามาไม่หยุด  เขาคงไม่สามารถเข้าสู่สภาวะวิกฤตินั้นได้

เขาฝืนหัวเราะ เขาไม่เคยคิดว่าอาจมีสักวันที่เขาจะต้องมาหงุดหงิดกับระดับการฟื้นฟูซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคาดถึงมาก่อนในอดีต

‘เส้นทางนี้จะหยุดเพียงเท่านี้หรือ?’

ถังเทียนไม่ได้รามือ  เขารู้สึกเลือนรางว่าความคาดเดาของเขาน่าจะถูก

“ข้าจะปล่อยให้พลังกายอยู่ในระดับต่ำสุดของมันได้ยังไง?’

‘เข้าใจแล้ว!’  ถังเทียนผู้ไม่ค่อยใช้สมองพบวิธีการทันที

หมัดเทพเจ้า!  เขายังมีหมัดเทพเจ้า!

‘ทุกครั้งที่ข้าใช้หมัดเทพเจ้า ข้ารู้สึกว่าพลังจะหมดไปจนถึงจุดแทบตายไม่ใช่หรือ?’

‘ใช่แล้ว!’

ถังเทียนตื่นเต้นทันทีโดยไม่พูดอะไรสักคำ  เขาบินขึ้นไปในอากาศ

ในกลุ่มเมฆ..ตาถังเทียนสว่างเหมือนดวงดาวขณะที่เขารั้งหมดตั้งท่าช้าๆ

ซี่...!

สายใยกฎธรรมชาตินับไม่ถ้วนตรงเข้าหาหมัดของเขาจากทุกทิศทางเครื่องหมายรูปแบบต่างๆ นับไม่ถ้วนผ่านเข้ามาในใจเขา  รัศมีสว่างบนหมัดของเขาเริ่มสว่างมากขึ้นและในพริบตาก็สว่างเจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์

เมืองพายุสว่างไสวราวกับตอนกลางวัน

รัศมีที่น่ากลัวเปล่งออกมาจากหมัดเทพเจ้ากวาดผ่านไปทั่วทั้งเมืองทำให้ทุกคนมองดูถังเทียนด้วยความตกใจ

ถังเทียนรู้สึกได้ว่าพลังร่างกายของเขาเหือดแห้งลงอย่างรวดเร็ว  กล้ามเนื้อของเขาอ่อนแรงลงมากสภาพใจกระจกใสของเขาทรงพลังเนื่องจากความแตกต่างของความรู้สึกสองอย่างนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิงปรากฏออกมาเป็นภาพขัดแย้งกัน

‘ไม่, ยังไม่พอ!’

แม้ว่าร่างของเขายังรู้สึกว่างเปล่า  แต่ก็ยังไม่พอจะถึงระดับจุดวิกฤติ

โดยไม่ทันรู้ตัวร่างของเขาแข็งแกร่งขึ้นมาจนถึงจุดที่ถังเทียนสามารถปล่อยหมัดเทพเจ้าได้  แต่สิ่งที่ทำให้เขาหงุดหงิดก็คือนั่นหมายความว่าเขาต้องหาทางทำให้เรี่ยวแรงของเขาหมดไปอีก

‘ข้าจะทำอะไรอื่นได้บ้าง?’

‘หรือว่าใช้หมัดเทพเจ้าอีกครั้งหนึ่ง?’

ถังเทียนส่ายศีรษะ  เขารู้สึกถึงความว่างเปล่าแล้ว และไม่สามารถทำต่อหมัดเทพเจ้าได้แม้สักวินาที  ถ้าเขายังฝืนใจพยายามต่อไป เขาจะตกอยู่ในอาการวิกฤติ

ที่สำคัญยิ่งกว่าการเปลี่ยนแปลงในหมัดเทพเจ้าของเขานั้นถึงขีดจำกัดของมัน

หมัดเทพเจ้าของเขาแฝงด้วยความเปลี่ยนแปลงในวิชาหมัดพร้อมกับวิชาหมัดพื้นฐานของเขา ซึ่งเป็นตรงกันข้ามเปลี่ยนจากรูปแบบซับซ้อนเป็นรูปแบบที่ง่ายที่สุด มุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงทั้งหลายเป็นวิชาหมัด  หมัดนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีกต่อไป เพียงแต่เครื่องหมายต่างๆซึ่งดึงดูดสายใยกฎธรรมชาติเข้า  และเครื่องหมายต่างๆ มากมาย  เขาสามารถสร้างฉากภาพที่เขาดึงดูดสายใยกฎธรรมชาติเข้ามา

แต่ไม่ว่าจะมีเครื่องหมายเปลี่ยนแปลงมาเท่าใด  ก่อนหน้านี้เขามีอยู่เพียงหนึ่ง

อากาศรอบตัวถังเทียนถูกแช่แข็ง  สายใยกฎธรรมชาตินับไม่ถ้วนครอบคลุมอยู่ในหมัดของเขา  และถูกบีบอัดเป็นลูกกลมแสง

‘ข้าจะทำอะไรอื่นได้อีก?’

การเปลี่ยนแปลงในมือขวาของเขาเต็มเปี่ยมเหมือนบ่อน้ำเต็มไปด้วยน้ำไม่สามารถรองรับน้ำอีกได้แม้แต่หยุดเดียวนอกจากปลอดปล่อยหมัดของเขา เขาไม่สามารถทำอะไรอย่างอื่นได้อีกต่อไป

‘ไม่, ข้ายังมีมือซ้าย’  ถังเทียนคิดทันที

‘ใช่แล้วข้ายังมีมือซ้าย’

‘ข้าจะทำอะไรกับมือซ้ายข้าได้?  ดาบมารพิฆาต? มุทราหมัดพิโรธ?  มุทราหัตถ์เด็ดดอกไม้? หรือมุทรากระบี่กำสรวล?’

มุทราที่คุ้นเคยแต่ประหลาดปรากฏขึ้นมาในใจเขา  และโดยไม่รู้ตัว  เขาเริ่มที่มือซ้ายของเขา

มุทราค่อนข้างสั่นแต่ยังสมบูรณ์

มุทราจิตวิญญาณไร้ลักษณ์

นอกจากเทวรูปห้ามุทราเขาคุ้นเคยกับปางมือจิตวิญญาณไร้ลักษณ์ เพราะมันช่วยเพิ่มสัญชาตญาณให้เขา แต่มุทราจิตวิญญาณไร้ลักษณ์เป็นสิ่งที่เขายังไม่รู้แจ้งและนี่ทำให้เขารู้สึกแปลกประหลาด

จากเทวรูปห้าปางและเทพอสูรหกมุทรามีความเกี่ยวพันกันอย่างยิ่งใหญ่  และสามารถถือได้ว่าเป็นการจำลองเทพอสูรหกมุทราและในอดีตมันช่วยสร้างเส้นชีพจรห้าเส้นเฉพาะแบบในร่างกายของเขาซึ่งเขาเคยใช้มาแล้ว แต่หลังจากถังเทียนใช้วังวนพายุกระบี่ปรับเปลี่ยนสภาพร่างกายของเขาและฝึกร่างพลังกายเป็นศูนย์  เส้นชีพจรทั้งหมด ตันเถียนและสิ่งที่ไม่ถูกต้องทั้งหมดถูกกวาดหายไป

เทพอสูรหกมุทราใช้พลังงานของร่างกาย  ด้วยเครื่องหมายที่เปลี่ยนแปลงในมือเขาพลังกายที่เหลืออยู่ของเขาถูกใช้หมดไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อมุทราวิญญาณไร้ลักษณ์สำเร็จ  ร่างของถังเทียนสะท้านเฮือกอากาศขาวเลือนรางหายไปในทุกตำแหน่ง โดยมีเขาเป็นศูนย์กลาง

เหมือนกับสายธนูที่มองไม่เห็นกระตุกดึงหูเขา  ความเคลื่อนไหวในความเงียบก็หยั่งรู้ได้

ถังเทียนลืมตาช้าๆขณะที่โลกที่อยู่ต่อหน้าเขาแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด