ตอนที่แล้วตอนที่ 776 ราชาขาหมูกับหน่วยกะโหลก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 778 มุทราจิตวิญญาณไร้ลักษณ์

ตอนที่ 777 แผนของไป๋เยี่ย


“พวกเขากล้าดูถูกเราเชียวหรือ?  สายตาของพวกเขาแย่มากจริงๆ”

เมื่อไป๋เยี่ยพูดคำเหล่านี้ออกมา  เขาพูดงัวเงียเหมือนกับคนเพิ่งตื่น เขาเป็นแม่ทัพผู้มีชื่อเสียงตั้งแต่เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว และกองพลกาขาวภายใต้บัญชาของเขาเป็นหนึ่งในสามกองพลระดับทองในภูมิภาคใต้

อีกสองกองพลมีความร่ำรวยทางประวัติศาสตร์ยาวนานด้วยมรดกของพวกเขาเอง ขณะที่กองพลกาขาวเพิ่งจะเลื่อนชั้นเป็นกองทัพระดับทองไม่นาน

ชีวิตของไป๋เยี่ยน่าสนใจมาก  เขาซุกซนและห่ามตั้งแต่ยังอายุน้อย และมักเป็นเช่นนั้นเสมอจนกระทั่งจบการศึกษา  เขากับเซี่ยอวี่อันเป็นสหายร่วมรุ่น  แต่เก่งกันคนละด้าน เขาชอบลอกการบ้าน โดดเรียน ลอกข้อสอบและก่อเรื่องในสถาบันมากมาย และถ้าไม่ใช่เพราะสถานะของเขามาจากตระกูลไป๋  เขาคงโดนไล่ออกไปนานแล้ว

ไม่มีใครในตระกูลไป๋เคยคิดว่าอนาคตของพวกเขาจะขึ้นอยู่กับคนแบบนั้น

จบการศึกษาตอนอายุ16 ปี เขากลับบ้านและเข้าไปหาประมุขตระกูลเพื่อขออนุญาตให้เขารวบรวมและสร้างกองทัพต้องการมีกองทัพของตัวเอง   คำขอไร้สาระนี้ถูกปฏิเสธทันทีและใครกันจะรู้ว่าไป๋เยี่ยไม่ยอมแพ้  เขาเริ่มรบเร้าทั้งวันทั้งคืนจนประมุขตระกูลไป๋และผู้อาวุโสตระกูลทนทรมานไม่ไหว จึงยอมสร้างกองทัพง่ายๆเพื่อตามใจเด็กน้อย

ทุกคนทำเหมือนเป็นเรื่องไม่สำคัญ  แต่ไป๋เยี่ยทำด้วยความสนใจ  ‘สร้างกองทัพง่ายนักหรือ?  เงิน, คน อุปกรณ์  เด็ก 16 ปีจะรับมือเรื่องอย่างนี้ได้หรือ?’

ประมุขและผู้อาวุโสตระกูลรู้ดีว่าไป๋เยี่ยจบการศึกษามาได้ยังไง

‘เนื่องจากเป็นแค่ตำแหน่งปากเปล่าก็ปล่อยให้เขาได้เล่นเกมกองทัพไปก่อน’

ใครจะรู้กันว่าไป๋เยี่ยสร้างกองทัพของตนเองจริงๆ  ประมุขและผู้อาวุโสตระกูลประหลาดใจ  แต่แน่นอนว่าเพียงเล็กน้อยมาก  พวกเขาทุกคนรู้สึกว่า 90% ของทหารที่ถูกสร้างจะดึงเด็กมาด้วยสองสามคน

‘ช่างเถอะตราบเท่าที่พวกเขามีความสุขกับเรื่องนี้’

ไป๋เยี่ยผู้กล้าหาญดึงกองทัพที่เพิ่งสร้างใหม่นี้ไปไล่ล่าหาโจรสลัดอย่างตื่นเต้น  ทั่วทั้งตระกูลไป๋ตกใจหนักจากข่าวนั้น  พวกเขาส่งคนไปตามหาเขาทันที แต่ไม่มีประโยชน์

หลังจากผ่านไปหนึ่งปีเมื่อตระกูลไป๋คิดว่าไป๋เยี่ยพบกับสถานการณ์ที่โชคร้ายไป๋เยี่ยนำกองทัพที่เหนื่อยล้ากลับมาได้อย่างน่าอัศจรรย์

ตั้งแต่นั้นมากองพลกาขาวจึงถือได้ว่าผลงานเข้าตาของระดับสูงในตระกูลไป๋  หลังจากได้ชัยชนะไม่หยุดหย่อน  แม้ว่าพวกเขาจะสู้โดยไม่มีชื่อ  แต่พวกเขาก็เติบโตกล้าแข็งมากขึ้นทุกที  และจำนวนของยอดฝีมือที่พลาดท่าให้กับพวกเขามีมากขึ้น  กองพลกาขาวแข็งแกร่งมากขึ้นทุกคน  จากกองทัพระดับบรอนซ์ เป็นกองทัพระดับเงิน  และในที่สุดพวกเขาก็ก้าวขึ้นมาเป็นกองทัพระดับทอง

พวกเขาตรงกันข้ามกับพฤติกรรมที่สงบและระมัดระวังของเซี่ยอวี่อัน ไป๋เยี่ยไม่ให้ความสำคัญกับการดำเนินตามแบบแผนเล็กๆ น้อยๆเขาเป็นคนฉลาดคิดเร็วทำเร็วจนได้ฉายาว่าหมาป่าแดนใต้

แต่ไม่มีใครคิดกับเขาในเชิงบวก

สามกองทัพใหญ่จากทวีปกวงหมิงกองทัพของโกวเฉิงเวิ่นเต้า, ชิวซิ่วหัว, และม่อซินเป็นเหมือนหัวลูกศรสามลูกที่มุ่งหน้าไปได้อย่างสม่ำเสมอ

ฝ่ายโกวเฉิงเวิ่นเต้าได้เปรียบในเรื่องกำลังของพวกเขานอกจากการสู้รบของเซี่ยอวี่อันแล้วแนวป้องกันแรกของพันธมิตรใต้พังทลายในเวลาชั่วข้ามคืน  นี่ทำให้ทุกคนรู้ว่าไม่มีทางปรองดองกันได้ระหว่างพันธมิตรใต้และทวีปกวงหมิง

เกือบทุกคนรู้สึกในแง่ร้ายต่ออนาคตของพันธมิตรใต้  สำหรับพวกเขาเป็นเพียงเรื่องของเวลาที่พันธมิตรใต้จะล่มสลายลง

ชิวซิ่วหัวพบกับกองทัพระดับทองกองทัพแรกของภูมิภาคใต้กองพลเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้มากประสบการณ์นี้  ในฐานะอัจฉริยะเต็มไปด้วยพรสวรรค์  เขาไม่ได้เสียเปรียบแม้แต่น้อย  ทั้งสองฝ่ายสู้เสมอกันทั้งสองฝ่ายมีการสูญเสียไปบางส่วน

ขณะที่ฝ่ายม่อซินพวกเขาเอาชนะกองทัพระดับทองอีกฝ่ายได้กองพลพายุใต้

ความพ่ายแพ้ของกองพลพายุใต้ก่อให้เกิดการถล่มทลายล่มสลายของแนวหน้าของพันธมิตรใต้  ตั้งแต่แรกเริ่ม ไม่มีใครเชื่อว่าพันธมิตรใต้จะสามารถหยุดสามกองทัพใหญ่ของทวีปกวงหมิงได้ ก็เหมือนกับไม่มีใครเชื่อว่าทวีปกวงหมิงจะโจมตีเพราะประโยชน์ของพันธมิตรใต้

ทวีปกวงหมิงเคลื่อนไหวครั้งใหญ่อย่างนั้นเพราะแค่พันธมิตรใต้เท่านั้นหรือ?

เกือบทุกคนเชื่อว่าเป้าหมายของทวีปกวงหมิงไม่ใช่พันธมิตรใต้ แต่เป็นภูมิภาคใต้ทั้งหมด ทวีปกวงหมิงจับตาดูภูมิภาคใต้มานานแล้ว และความทะเยอทะยานของพวกเขากับจิตใจที่เจ้าเล่ห์ของพวกเขามีความชัดเจนมานานแล้ว  หลังจากความวุ่นวายที่มีในตอนแรก ภูมิภาคใต้ก็ตั้งตัวได้โดยเร็วและทำความเข้าใจทั่วไปนั่นคือต้องปกป้องภูมิภาคใต้!

กองพลเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์และกองพลวายุใต้เคลื่อนขบวนอย่างเปิดเผย

ทุกคนรู้ว่าภูมิภาคใต้อ่อนแอกว่าในเรื่องพลังต่อสู้  และด้วยความกลัวที่พวกเขามีต่อทวีปกวงหมิง  พวกเขาประชุมเพียงสามกองพลระดับทอง  ขณะที่ตามหน้ากระดาษ ทั้งสองฝ่ายดูเหมือนค่อนข้างเท่ากัน

ทั้งสองฝ่ายมีกองทัพระดับทองมีความคุ้นเคยกับจำนวน  ดังนั้นแม้ว่าฝ่ายที่มีความเสียเปรียบพวกเขาก็ยังสามารถสู้ศึกที่ยากลำบากได้

การรบระหว่างกองทัพระดับทองยากจะได้เห็นเพราะประวัติศาสตร์ของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์

แต่เมื่อกองพลวายุใต้พ่ายแพ้สูญเสียอย่างหนัก  เป็นเหตุให้กองทัพใต้หมดคำที่จะพูด เทียบกับความสามารถในการป้องกันที่โกวเฉิงเวิ่นเต้าเจอมาแล้วและความฉลาดของชิวซิ่วหัว  ม่อซินไม่มีด้านที่สะดุดตานัก แต่ผลงานที่ออกมาดูเหมือนว่าคนที่เหมือนกับธรรมดาสู้ได้อย่างแข็งแกร่ง

ความหวาดกลัวแผ่กระจายไปทั่วภูมิภาคใต้อย่างรวดเร็ว

พวกเขาเป็นกองทัพระดับทอง  แต่ความแตกต่างระหว่างความแข็งแกร่งนั้นใหญ่มาก กองพลวายุใต้แตกต่างจากกองพลกาขาวที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาเมื่อเร็วๆนี้ กองพลวายุใต้เป็นกองพลที่มีประสบการณ์ แต่ไม่มีใครคาดว่าพวกเขาจะพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ

แม้แต่กองพลวายุใต้ไม่สามารถต้านทางม่อซินได้  ไม่มีใครคาดหวังอะไรกับไป๋เยี่ย

ข่าวแต่ละอย่างที่พวกเขาได้รับน่ากลัวมากกว่าแต่ก่อน เนื่องจากภูมิภาคใต้แพ้ไปแล้วพวกเขาไม่สนใจการสนับสนุนของไป๋เยี่ย

“คุณภาพของเรายังคงตื้นเกินไป”  คนที่ฉีกทำลายข่าวก็คือก้วนจินผู้มีสีหน้าสงบเย็น  เขาเป็นนายทหารผู้ช่วยของไป่เยี่ยและหนึ่งในคนที่แก่ที่สุดในกองพลกาขาว

ไป่เยี่ยเหมือนกับเคลื่อนไว้ได้โดยไม่สะทกสะท้าน  สำหรับภาพที่เขาพูดอย่างเฉื่อยชากับก้วนจินอย่างระมัดระวัง  พวกเขาเป็นคู่หูกัน

“ถูกแล้ว” ไป๋เยี่ยพาดขาบนโต๊ะกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้โดยไม่สนใจภาพพจน์  เขาพูดอย่างเกียจคร้าน  “แต่การถูกประเมินแบบนี้แย่  เราจะไม่สนใจได้ยังไง?”

‘ดูเหมือนว่าเจ้าห่วงใยนักหรือนี่?’

ก้วนจวินพยายามไม่ทำตาเหลือก  จากนั้นเขารินน้ำชาให้ตัวเองและดื่มบรรเทาอาการคอแห้ง  “ม่อซินไม่ใช่ว่าจะรับมือได้ง่าย”

“งั้นเราไม่ต้องรับมือเขา”  ไป๋เยี่ยพูดตามปกติ

“ไม่เหรือ?”ก้วนจวินวางแก้วชาอย่างหงุดหงิด “นอกจากเรา ก็ไม่มีใครหยุดเขาได้”

“ทำไมเราต้องหยุดเขาด้วย?”  ไป๋เยี่ยโต้แย้ง

ก้วนจินตกใจ

“ทวีปกวงหมิงกล่าวว่าเป้าหมายของพวกเขาคือพันธมิตรใต้”

ก้วนจินปฏิเสธโดยไม่รู้ตัว  “เป็นไปไม่ได้ แค่พันธมิตรใต้ไม่มีค่าพอให้พวกเขาต้องระดมพลมากมายขนาดนั้น  นอกจากนี้ ถ้าเป็นเพราะพันธมิตรใต้จริง  พวกเขาไม่จำเป็นต้องแบ่งกองทัพเป็นสามทาง”

“ไม่ว่าจะมีค่ามากพอหรือไม่  มีแต่พวกเขาที่รู้”  ไป๋เยี่ยหาว “ตอนนี้ทั่วทั้งภูมิภาคใต้เชื่อกันว่าพวกเขากำลังบุกภูมิภาคใต้แต่จะเป็นยังไงถ้าพวกเขาไปที่พันธมิตรใต้จริงๆ?  อธิบายได้ง่าย เหตุผลที่แบ่งกองกำลังออกเป็นสามเส้นทางไม่สามารถรับกองทัพมากมายได้ นอกจากนี้ เจ้าก็เห็น มีใครสนับสนุนพันธมิตรใต้ไหม? ทำไมถึงไม่เล่า? กองทัพของทุกคนถูกบังคับให้ต้องจับตาดูม่อซินและชิวซิ่วหัว”

หน้าของก้วนจินสลด  เขาเชื่อการตัดสินของไป๋เยี่ย  แม้ว่าเขาจะดูไม่น่าเชื่อถือ  แต่การตัดสินใจของเขากับสถานการณ์สู้รบมีสัญชาตญาณที่แหลมคม และแทบไม่มีผิดพลาด

“อย่างนั้นเราจะไปเสริมกำลังให้พันธมิตรใต้ไหม?”  ก้วนจินอดถามไม่ได้

“ไม่” ไป๋เยี่ยขยับร่าง  หลังจากคิดเรื่องของถังเทียนและกลุ่มของเขาแล้วความเกียจคร้านบนใบหน้าของเขากลายเป็นเสียงแค่น “ทวีปกวงหมิงและภูมิภาคใต้ประเมินทวีปซางโจวต่ำเกินไป”

“พันธมิตรใต้เพิ่งประสบความพ่ายแพ้”  ก้วนจินเตือนไป๋เยี่ย  จากนั้นเสริมต่อ  “สหายเก่าของท่านก็สู้ได้ดี”

“ข้ารู้จักเขา เขามีความสามารถขนาดนั้น” สีหน้าของไป๋เยี่ยดีขึ้นมาก “เขาคือคนที่เมื่อได้รับโอกาสแล้ว เขาจะทำความเข้าใจและไม่ยอมปล่อยผ่านไป ฝ่ายสัมพันธมิตรใต้แพ้พิสูจน์ได้แค่เพียงว่าเป็นกลุ่มมือสมัครเล่น  แต่พวกเขามีผู้บัญชาการชั้นสุดยอด”

“สุดยอดผู้บัญชาการ?”  ก้วนจินประหลาดใจ  ตาของไป๋เยี่ยมองไปที่เบื้องสูงอยู่เสมอและเขายากจะให้คำตัดสินกับผู้คนอย่างสูงส่ง

ไป๋เยี่ยตบหน้าผาก  “ข้าลืมไป พวกเขามีสองคน!”

ก้วนจินเริ่มคิดว่าไป๋เยี่ยกำลังล้อเล่น  ‘สุดยอดผู้บัญชาการงอกอยู่ริมถนนเหมือนกับผักงั้นหรือนี่?’

ไป๋เยี่ยเห็นก้วนจินทำหน้าไม่สบายใจจึงหัวเราะ “อย่ามาเถียงเรื่องแบบนี้เลย สัมพันธมิตรใต้อ่อนแอ แต่ทวีปซางโจวแข็งแกร่งมาก  ถ้าทวีปกวงหมิงคิดว่าแค่โกวเฉิงเวิ่นเต้าก็มีฝีมือพอ  อย่างนั้นพวกเขาคงได้เจ็บตัวแน่นอน  ความจริงข้าอยากจะสู้กับเหล่าแม่ทัพของกวงหมิงหรือกองพลเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ดูสักตั้งจากนั้นก็สู้กับคนในทวีปซางโจวดู”

“เพราะผู้บัญชาการของพวกเขาโดดเด่นหรือ?”  ก้วนจินถาม

“ไม่” ไป๋เยี่ยส่ายหน้า  “เป็นเหมิ่งหนาน บุรุษที่เหลือเชื่อ  เขาไม่ใช่คนฉลาดแต่เขาไม่เคยกลัวหรือหวั่นเกรง เขาไม่มีวันยอมถอย ต่อให้ไม่มีหวังก็ตาม เขาไม่เคยยอมแพ้และจะสู้จนกว่าจะล้มลง คุณภาพที่เขานำมาให้ทวีปซางโจวนั่นแหละ น่ากลัวที่สุด”

“ดังนั้นท่านจึงคิดว่าพวกเขาสามารถหยุดโกวเฉิงเวิ่นเต้าได้?”

“เขาเป็นคนที่แม้แต่ข้าก็ยังพบกับความลำบาก  เฮ้, เจ้าไม่เชื่อสายตาข้าหรือ?”  ไป๋เยี่ยแสดงความไม่พอใจ

“แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจเหตุผลที่ท่านมั่นใจพวกเขามาก  แต่ข้าหวังว่าการตัดสินของท่านคงจะถูกต้อง”  ก้วนจินคร้านจะโต้เถียงกับเขา และกล่าว  “งั้นตอนนี้เราจะไปที่ใด?”

“กองพลเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์”  สีหน้าของไป๋เยี่ยน่ากลัว  “เราเป็นกองทัพระดับทองมือใหม่และต้องร่วมกับคนเก่าๆ ด้วย  นอกจากนี้เจ้าไม่คิดว่าสู้สองต่อหนึ่ง มันน่าสนุกไม่ใช่หรือ?”

ก้วนจินตกใจ  “อย่างนั้นเราจะปล่อยให้ม่อซินนเข้าภูมิภาคใต้หรือ?”

“เข้ามา? เขาจะไม่เข้ามา ม่อซินเป็นคนช่างระมัดระวังตัว และจะไม่ยอมผิดพลาดเข้ามาตามลำพังแน่นอน พวกเขาไม่ได้อยู่ในทวีปกวงหมิง  การบุกลึกเกินไปมีแต่จะตัดทางถอยและพวกเขาคงได้แต่ร้องไห้แน่” ไป๋เยี่ยแค่นเสียง

ก้วนจินสังเกตความได้เปรียบในแผนของไป๋เยี่ยทันที  “อย่างนั้นเราก็ต้องพรางตัวเองให้ดี  พวกทวีปกวงหมิงแทรกซึมภูมิภาคใต้ลึกไม่เบา  ถ้าเราไปปรากฏตัวหน้าชิวซิ่วหัวได้เขาคงได้ตกใจแน่”

“หวา.. เจ้ารู้ตั้งแต่เมื่อใดกันนี่  งั้นก็ไม่ใช่ปัญหาของข้าอีกต่อไป  ข้าไปนอนดีกว่า”

ไป๋เยี่ยหาวเหยียดตัวหลับตา และไม่นานต่อมาเขาหลับสนิท

ก้วนจินชินเสียแล้ว  เขาตื่นเต้นกับแผนยอดเยี่ยมของไป๋เยี่ยและต้องการเตรียมแผนเคลื่อนไหวทันที ในที่สุดเขาก็เข้าใจเหตุผลที่ความเคลื่อนไหวของพวกเขาถึงได้แปลกประหลาดมาก

เขามองดูไป๋เยี่ย  ทุกคนถูกบุรุษที่กำลังหลับอยู่ข้างหน้าเขา

แต่แม้ว่าไป๋เยี่ยจะหลับได้  แต่ก้วนจินหลับไม่ได้  มิตรภาพของพวกเขานับว่าพิเศษ  ไป๋เยี่ยไม่ออกปากแต่คนที่ทำงานที่แท้จริงคือก้วนจิน ก้วนจินทำหลายอย่างได้น่าทึ่งและไม่ค่อยผิดพลาด

‘ชิวซิ่วหัว  เรากำลังไปหาเจ้า’

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด