บทที่ 5: ดาวน์โหลดครั้งแรกและล่าสมบัติในอาคารป่า
เสียงการต่อสู้และเสียงคำรามดังขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่พักหนึ่งก่อนจะค่อย ๆ เบาลง ๆ จนไม่ได้ยินอีกต่อไป
ถังเจิ้นใช้เวลานานกว่าจะรู้สึกถึงแรงจากแขนและขาที่ฟื้นคืนมา จากนั้นเขาก็คลานออกจากซากร่างของเจ้าโคโบลท์ด้วยท่วงท่าที่น่าเกลียดอย่างยิ่ง เอามือปาดเลือดที่เปื้อนหน้าอยู่จากนั้นค่อยมองไปรอบ ๆ เพื่อยืนยันว่าการต่อสู้สิ้นสุดลงแล้วจริง ๆ
มอนสเตอร์ทั้งหมดในบริเวณนั้นได้ถูกกวาดจนเรียบ มีผู้พเนจรสองสามคนตายไปอย่างน่าเสียดาย ซากศพของพวกเขาถูกลากไปไว้ด้านข้างเพื่อรอการกลบฝัง ส่วนคนที่เหลือต่างก็ได้รับบาดเจ็บมากน้อยคละ ๆ กันไป ตอนนี้ก็ทำการทำแผลไม่ก็เย็บแผลกันอยู่
ถังเจิ้นหอบหนักอยู่นานกว่าลมหายใจจะกลับมาเป็นปกติ จากนั้นก็ลากขาไปเก็บสินสงครามของตนด้วยมือที่สั่นเทา สิ่งที่ล่อตาล่อใจที่สุดก็คือลูกปัดสมองทั้งสองเม็ดนั่นแหล่ะ ทำเอาเขาทนรอต่อไปไม่ไหวแล้วจริง ๆ
เขาแงะเอาลูกปัดสมองเลเวล 1 สีขาวจั๊วะทั้ง 2 เม็ดออกมาจากซากศพของมอนสเตอร์ทั้ง 2 ตัว จากนั้นถังเจิ้นก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินในส่งเม็ดหนึ่งคืนให้กับเฉียนหลง
ถึงกระนั้นอีกฝ่ายก็ยังยืนกรานปฏิเสธ พอถังเจิ้นยื่นให้อีกฝ่ายก็ทำหน้าบูดใส่ จนเขาไม่มีทางเลือกเลยต้องยอมแพ้ไป
ถังเจิ้นจำบุญคุณนี้ไว้ในใจและแอบดูดซับลูกปัดสมองอีกครั้งในจังหวะที่คนอื่น ๆ เผลอ จากนั้นก็แอบเช็กสเตตัสของตัวเอง ขณะที่คนอื่นๆ ไม่ได้ให้ความสนใจ เขาได้แอบตรวจสอบข้อมูลส่วนตัวในโทรศัพท์และรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง ตอนแรกที่เห็นเหรียญทองเพิ่มขึ้นมาอีก 20 นั้นไม่ได้มีอะไร แต่ที่ประหลาดใจคือ EXP ที่เพิ่มมา 2 หน่วยต่างหาก แปลว่าขาดอีก 8 หน่วยเขาก็จะเลเวลอัปได้
สมรรถภาพทางกายของถังเจิ้นนั้นดี และพลังที่เขาปะทุนั้นก็แข็งแกร่งมากจนด้อยกว่ามอนสเตอร์เลเวล 1 เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น จากการเปลี่ยนแปลงในแอปข้อมูลส่วนตัวทำให้สรุปได้ว่าเมื่อฆ่ามอนสเตอร์เลเวล 1 ที่มีความแข็งแกร่งพอ ๆ กับตัวเองเขาก็จะได้ EXP ตัวละ 1 หน่วย!
ถ้าหากว่าฆ่ามอนสเตอร์เลเวล 10 ได้ 10 ตัวก็จะอัปเลเวลเป็นเลเวล 1 ได้!
บนพื้นหญ้าที่ปกคลุมไปด้วยเลือดและเศษเนื้อเศษกระดูก เหล่าผู้พเนจรที่ทำแผลเสร็จแล้วต่างพากันนอนพัก จากนั้นก็รีบหยิบอาวุธของตนกระวีกระวาดวิ่งเข้าไปยังอาคารป่า โดยชายคนหนึ่งได้ถีบประตูเน่า ๆ ให้เปิดออกและเผยให้เห็นทางเดินมืด ๆ ที่อยู่ข้างใน
ทางเดินเองก็เน่าไม่แพ้ประตู ผนังสีขาวมีรอยด่างและหลุดร่อน ขยะและสิ่งของที่ดูไม่รู้ว่าเคยเป็นอะไรมาก่อนบ้างกองอยู่ทั่วทุกที่
ถังเจิ้นสังเกตเห็นว่ายังมีคราบเลือดสีน้ำตาลเข้มจำนวนมากบนผนังและที่มืด ๆ บางแห่ง ซึ่งเป็นคราบเลือดที่แห้งกรังไปหมดแล้ว นอกจากนี้ยังมีเศษกระดูกของทั้งคนทั้งสัตว์ตกเกลื่อนไปทั่วทำให้บรรยากาศของมันทั้งมืดมนและน่ากลัว
ทว่าเหล่าผู้พเนจรกลับไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้เลย หลักจากคุยอะไรกันอยู่ครู่หนึ่งเหล่าผู้พเนจรก็ขึ้นบันไดไปเก็บกวาดพวกมอนส์เตอร์ที่อยู่ประปรายตามรายทางพร้อมกับแงะประตูที่ปิดอยู่ออก
ก็เหมือนกับซื้อหวยนั่นแหล่ะ ไม่มีใครรู้หรอกว่าข้างในมีอะไรซ่อนอยู่จนกว่าจะเปิดเข้าไปดู และหัวใจของเหล่าคนไร้บ้านในตอนนี้ก็เป็นหัวใจดวงเดียวกับเหล่าคนซื้อหวย
แม้ว่าจะมีสิ่งล่อใจขนาดใหญ่รออยู่เบื้องหน้าแต่เหล่าผู้พเนจรก็ไม่ก่อความวุ่นวายใด ๆ กลับกันเลยคือผู้มีอำนาจสูงสุดในกลุ่มกลับออกมาสุ่มจัดห้องให้กับทุก ๆ คนแยกกันไปสำรวจ
หลังจากเข้าไปในห้องแล้วผลประโยชน์ทั้งหมดที่ผู้พเนจรคนนั้นเจอจะเป็นของตัวคนผู้นั้นเอง หากมีสิ่งใดที่ได้มาแต่ไม่มีประโยชน์ต่อตัวเองแล้วสามารถนำมาแลกเปลี่ยนกับผู้อื่นได้หลังจากที่การสำรวจสิ้นสุดลง
แน่นอนว่าหลังจากการปฏิบัติการทั้งหมดสิ้นสุดลงเหล่าผู้พเนจรเองก็ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับผู้ที่ค้นพบอาคารป่าและผู้ริเริ่มปฏิบัติการสำรวจด้วย ก็นะโลกนี้ของฟรีไม่มีอยู่จริง คนที่ทำงานหนักควรต้องได้รับผลตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อ
เหล่าผู้พเนจรทั้งหลายได้ร่วมมือกันเคลียร์ทางอย่างรวดเร็วจากนั้นผู้นำก็เริ่มจัดสรรห้องให้
เมื่อถึงตาของถังเจิ้นเขาได้รับมอบหมายห้อง 2 ห้องบนชั้นสี 2 ของส่วนที่ 2 และเมื่อมาถึงหน้าห้องเขาก็ต้องพบกับประตูกันขโมยขนาดใหญ่ขวางทางอยู่
เครื่องมือในมือของเขาจึงไม่เพียงพอที่จะเปิดประตู และมันทำให้เขาพึ่งจะรู้เอาตอนนี้เองว่าทำไมถึงได้เห็นผู้พเนจรทุกคนพกชะแลงกันหมด ที่แท้ก็เอาไว้ใช้งัดประตูนี่เอง
โชคดีที่เฉียนหลงซึ่งตามมาติด ๆ สังเกตเห็นสถานการณ์ของถังเจิ้นตั้งแต่แรกแล้ว เขาเดินเข้ามาหาและใช้เครื่องมืออย่างชำนาญแงะประตูเหล็กให้เปิดออกได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที
เฉียนหลงหันหลังกลับและไปเปิดห้องของตัวเองโดยไม่มองห้องของถังเจิ้นเลย
ถังเจิ้นก็กำลังจะเข้าห้องไป แต่จู่ ๆ ก็นึกขึ้นมาได้ว่ามีแอปชื่อรูเล็ตเสี่ยงโชคอยู่ด้วยนี่นา หลังจากที่ลังเลอยู่พักหนึ่งสุดท้ายก็ตัดสินใจหยิบมือถือออกมาเปิดดูร้านขายแอปและคลิกดาวน์โหลดมันซะเลย
ความเร็วในการดาวน์โหลดนั้นเร็วมากและยังติดตั้งเสร็จภายในเวลาไม่ถึงสามวินาทีด้วย
ถังเจิ้นจิ้มมันทันที
รูเล็ตขนาดใหญ่ที่มีรูปลักษณ์สวยงามอย่างยิ่งปรากฏขึ้นบนหน้าจอ มันแบ่งช่องเป็นหลายร้อยช่องโดยช่องส่วนใหญ่นั้นว่างเปล่าไม่มีอะไร ซึ่งแปลว่าถ้าหมุนแล้วตกช่องว่างคือไม่ได้อะไรเลย และเมื่อเช็กดูดี ๆ ก็เห็นว่าอัตราการถูกมันต่ำเกินไป
ถัดจากรูเล็ตไปก็เป็นกล่องคำแนะนำที่อธิบายวิธีการเล่นอย่างละเอียด
โดยวิธีการเล่นรูเล็ตเสี่ยงโชคนั้นเดิม ๆ เลย คือแบ่งเป็นสลากหลัก จับครั้งละ 10 เหรียญทอง โดยที่การเติมทุก ๆ 10 เหรียญทองจะสามารถลบช่องที่ว่างอยู่ได้ 1 ช่อง เมื่อจับสลากแล้วช่องว่างจะกลับมาเหมือนเดิม
สลากระดับกลาง จำนวนของรางวัลจะเพิ่มขึ้น และระดับของของรางวัลบางอย่างจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยทุก ๆ 100 เหรียญทองสามารถลบช่องที่ว่างอยู่ได้ 1 ช่อง เมื่อจับสลากแล้วจะกลับมาเหมือนเดิม โดยการจับสลากนั้นจะต้องแน่ใจว่าช่องว่างที่เหลืออยู่นั้นมีไม่น้อยกว่า 10 ช่อง
สลากระดับสูงที่ใช้ 1,000 เหรียญทองและสลากพิเศษที่ใช้ 10,000 เหรียญทอง!
รูเล็ตเสี่ยงโชคนี้มีการเล่นหลายระดับ ถังเจิ้นที่เห็นยังแอบตะลึง เพราะว่าสิ่งนี้ถ้าไม่มีเงินคือเล่นไม่ได้
ก็ในเมื่อโหลดมาแล้วสุดท้ายมันก็ต้องเล่น ถังเจิ้นได้เลือกโหมดสลากหลักและกดเริ่ม
รูเล็ตเริ่มหมุนอย่างรวดเร็ว ถังเจิ้นมองไม่ออกเลยว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง และเมื่อมันหมุนช้าลงช่องต่าง ๆ ก็เริ่มชัดขึ้น และถังเจิ้นก็สามารถมองเห็นของในช่องได้อย่างชัดเจนแล้ว...
และขณะที่เขากำลังพยายามมองอ่านเนื้อหาของแต่ละช่องให้ดี ๆ จู่ ๆ ไอ้เจ้ารูเล็ตมันก็หยุดหมุนทันที
[ขอแสดงความยินดี คุณมีโชคเล็กน้อย ได้รับไพ่นำโชคสองเท่า!]
การ์ดสีทองปรากฏขึ้นบนหน้าจอมีกล่องข้อความกำกับว่า [เพิ่มโชคสองเท่า ใช้ได้หนึ่งชั่วโมง ใช้หรือไม่]
‘ถูกด้วยเหรอ?’
ถังเจิ้นแทบจะร้องไห้ออกมา เขาซื้อหวยมานานตั้งหลายปีเคยถูกรางวัลสูงสุดแค่ 10 หยวน แต่นี่กลับกดทีเดียวติด หรือว่าไอ้ไพ่เพิ่มโชคนี่มันจะส่งผลล่วงหน้าด้วยกันหนอถึงได้ทำให้จับทีเดียวถูกเลย
ไม่ว่าจะอะไรยังไงการถูกสลากก็เป็นเรื่องดีอยู่แล้ว!
ถังเจิ้นกดที่ไอคอนเพื่อใช้มัน จากนั้นการ์ดก็กลายเป็นดอกไม้ไฟทันทีและลอยหายไป ในเวลาเดียวกันดูเหมือนว่าในใจของเขาจะเกิดอาการกระตุก จากนั้นความรู้สึกมั่นใจจากไหนก็ไม่รู้ได้ไหลทะลักออกมาอย่างไม่มีปีมี่ขลุ่ย ทำให้เขารู้สึกว่าตอนนี้ไม่ว่าอะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น
แม้ว่าจะประหลาดใจและไม่รู้ว่าความรู้สึกดังกล่าวมันเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ก็ตาม แต่เขาก็คิดว่าความมั่นใจแบบนี้มันฟินจริง ๆ
จากนั้นเขาก็ผลักประตูเข้าไปด้วยความมั่นใจในตนเองอย่างท่วมท้น
มือก็คว้ามีดทำครัวมากระชับไว้แล้วค่อย ๆ เดินเข้าไปข้างในอย่างช้า ๆ
ในห้องก็ตามที่ถังเจิ้นคาดไว้ เป็นห้องรก ๆ ที่มีแต่ฝุ่นจับเขรอะ พอมองดูเฟอนิเจอร์แล้วมันก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนได้กลับโลกเดิมเพราะล้วนแต่เป็นสิ่งที่คุ้นเคยทั้งสิ้น
ทีวี ตู้เย็น โซฟา...
ทุกสิ่งที่ควรมีในบ้านสมัยปัจจุบันที่นี่ล้วนมี
จะน่าเสียดายก็ตรงที่มันพังไปหมดแล้ว ไม่อาจนำไปใช้งานได้อีก สรุปคือกลายเป็นกองขยะไปแล้วนนั่นเอง
‘ตกลงว่ามันเกี่ยวกันปะวะ โลกเรากะโลกนี้อะ?’ คำถามนี้ได้เข้ามาในใจของถังเจิ้นอีกครั้ง แต่เขาก็ไม่ได้หมกมุ่นกับมันมากนัก ตั้งสติกับปัจจุบันดีกว่า
ในห้องนี้มีแต่ขยะล้วน ๆ หากคนอย่างละเอียดอาจเจออะไรดี ๆ สำหรับคนที่นี่มากมายก็เป็นได้ ทว่าทั้งหมดเหล่านั้นไม่ได้อยู่ในสายตาของถังเจิ้นเลย
เพราะแค่เขากับโลกเดิมไปล่ะก็สามารถหาของพวกนี้ได้อย่างสบาย ๆ ไม่จำเป็นต้องมานั่งคุ้ยขยะหาเลย
โดยไอ้สิ่งที่เรียกว่า ‘ของดี’ ของพวกเขาเหล่านั้นหากเอากลับไปขายในโลกเดิมล่ะก็รับรองว่าคงขายได้แค่ที่ร้านรับซื้อของเก่าที่ให้ราคาน้อยนิดเท่านั้น แต่เมื่อมาลองพิจารณาถึงการแลกเปลี่ยนซื้อขายกันระหว่างผู้พเนจรที่ต้องเกิดขึ้นแล้วถังเจิ้นก็ลองหาดี ๆ อีกรอบ
สำหรับเขาแล้วสิ่งที่ต้องการมากที่สุดคือลูกปัดสมอง และสิ่งของพวกนี้ก็น่าจะเอาไปแลกได้
ห้องครัว ห้องนอน ตู้เสื้อผ้า โต๊ะ...
หลังจากที่ถังเจิ้นค้นหาดูอย่างละเอียดแล้วก็ต้องรู้สึกอึ้ง
อย่างแรกเลยคือมีแบงก์! เป็นธนบัตร! หลายปึกด้วย! แถมยังเป็นสกุลเงินที่เขาใช้ในโลกเดิมอีก! แม้ปีที่พิมพ์จะดูน่าสงสัย แต่เมื่อเช็คดูอย่างละเอียดแล้วเขาก็ยืนยันได้ว่ามันไม่ใช่แบงก์ปลอมแต่เป็นของแท้!
นี่มันโคตรเหลือจะเชื่อ! ดูท่าไพ่นำโชคสองเท่าเองก็น่าจะเป็นของแท้ด้วยแล้วสิเนี่ย!
จากนั้นเขาก็ทั้งขุดทั้งคุ้ยอย่างขะมักเขม้นด้วยความลิงโลด จากนั้นสิ่งต่อไปที่เขาพบคือเครื่องทองเครื่องเงินและตั๋วแลกเงิน ซึ่งไม่รอช้ารีบเอาทั้งหมดยัดใส่กระเป๋าที่เก็บได้จากในห้องนั่นแหละ
10 นาทีต่อมาถังเจิ้นได้เก็บเสื้อผ้าและเส้นหมี่ขึ้นราซึ่งดูเหมือนจะอยู่ในสภาพดีมาด้วย หลังจากที่เช็กดูอีกรอบว่าพลาดอะไรไปหรือเปล่าเสร็จแล้วก็สะพายเป้เดินออกไปค้นห้องที่ 2 ต่อ
ประตูเหล็กของห้องนี้แง้มไว้อยู่แล้วซึ่งช่วยประหยัดแรงเขาได้เยอะเลย
แต่สิ่งที่อยู่ในห้องที่สองนี่ถือว่าคาดไม่ถึง เพราะมันคือซอมบี้ตัวหนึ่งที่กำลังเดินไปเดินมา
ไอ้ตัวนี้เทียบกับที่เคยเจอแล้วตัวใหญ่กว่ามาก มองแว้บเดียวรู้เลยว่าก่อนตายกลายเป็นซอมบี้มันต้องเป็นเจ้าอ้วนคนหนึ่ง ผิวซีด ๆ ของมันมีรอยสักสีฟ้าครามอยู่เต็มตัวไปหมด
“เชี่ย~ ซอมบี้นักเลงว่ะ”
ถังเจิ้นพูดเสียงยานคางแต่ก็ไม่ได้ประมาท เขาค่อย ๆ ก้าวเข้าไปหามันอย่างระมัดระวัง
ไอ้ซอมบี้ตัวนี้มันถือไม้เบสบอลโลหะอยู่ในมือ และเมื่อมันเห็นถังเจิ้นปุ๊บก็อ้าปากกว้างจนแก้มฉีกยันใบหูส่งเสียงคำรามและลากเท้าครืด ๆ พุ่งเข้าหาเขา
“ทุ้ย……”
ถังเจิ้นถุยน้ำลายอย่างอดไม่ได้ ก่อนปาเป้ใส่มันแล้วพุ่งเข้าสวนกับมันทันที
ทันทีที่เป้โดนตัวมันถังเจิ้นก็จับจังหวะเอนตัวไปด้านข้างอย่างรวดเร็วแล้วเงื้อมีดทำครัวฟันหัวเข่าของมันไม่ยั้ง
เมื่อมีดเฉือนเข้าไปในหัวเข่ามันได้ไอ้จ้าซอมบี้อ้วนก็สะดุดเป้ล้ม ด้วยน้ำหนักตัวที่กดทับทำให้ขาข้างหนึ่งของมันหักทันที จากนั้นมันก็กลิ้งหลุน ๆ ไปพร้อมกับเป้พลางฟาดแขนฟาดขามั่วซั่วตั้วเหลงไปหมด
โคร่ม!
ไม้เบสบอลที่บินออกมาจากมือของมันไปกระแทกโดนเตียงที่หักอยู่จนเป็นรูเผยให้เห็นช่องที่ดูแล้วน่าจะเป็นที่ซ่อนของอะไรบางอย่างใต้เตียง
ทว่าเขาก็ยังไม่ไปเช็ก เพราะสิ่งที่ต้องรีบจัดการก่อนเลยคือการฆ่าไอ้ซอมบี้นี่ซะ
เขาอาศัยจังหวะที่มันไม่อาจตั้งตัวได้เข้าไปฆ่ามัน มีดทำครัวพัง ๆ ที่อยู่ในมือก็ฟันหลังหัวมันเข้าเต็ม ๆ หนึ่งที สองที สามที...
ฟันรัวไปเรื่อยจนเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า และเมื่อมาดูอีกทีหัวของมันก็กลายเป็นกองเนื้อเน่ากองหนึ่งไปแล้ว แถมยังส่งกลิ่นชวนคายของเก่าออกมาอีก เขาถึงกับเกือบจะอ้วกเอาบะหมี่ที่กินก่อนจะมาโลกนี้ออกมาแล้ว
“เออ! ซอมบี้ที่ดีที่สุดคือซอมบี้ที่ตายไปแล้วจริง ๆ ด้วย!”
บ่นไปพลางก็เดินผละออกไปค้นห้องต่อเพราะไม่มีตัวอันตรายมายุ่งแล้ว
ที่แรกเลยที่เขาเล็งไว้คือใต้เตียงที่ไอ้เจ้าซอมบี้มันทำรูไว้ให้ หลังจากเขี่ยเศษซากเตียงออกไปแล้วเขาก็เห็นว่ามันมีช่องลับซ่อนอยู่จริง ๆ ด้วย ขนาดยาวประมาณเมตรครึ่งมีของที่มีลักษณะเรียวยาววางอยู่
โดยมันถูกผ้าคลุมไว้และมีลักษณะนูน ๆ ขึ้นมา
ถังเจิ้นยื่นหยิบมันออกมาทั้งห่อและรู้สึกว่ามันโคตรหนักเลย เมื่อเปิดผ้าออกดูก็พบว่าเป็นของมีคมอย่างพวกมีดดาบทั้งเล็กทั้งใหญ่เป็นโหล!