ตอนที่แล้วบทที่ 4: ลูกปัดสมอง อาคารป่า และการต่อสู้!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 6: การเก็บเกี่ยวและการค้า

บทที่ 5: ดาวน์โหลดครั้งแรกและล่าสมบัติในอาคารป่า


เสียงการต่อสู้และเสียงคำรามดังขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่พักหนึ่งก่อนจะค่อย ๆ เบาลง ๆ จนไม่ได้ยินอีกต่อไป

ถังเจิ้นใช้เวลานานกว่าจะรู้สึกถึงแรงจากแขนและขาที่ฟื้นคืนมา  จากนั้นเขาก็คลานออกจากซากร่างของเจ้าโคโบลท์ด้วยท่วงท่าที่น่าเกลียดอย่างยิ่ง  เอามือปาดเลือดที่เปื้อนหน้าอยู่จากนั้นค่อยมองไปรอบ ๆ เพื่อยืนยันว่าการต่อสู้สิ้นสุดลงแล้วจริง ๆ

มอนสเตอร์ทั้งหมดในบริเวณนั้นได้ถูกกวาดจนเรียบ  มีผู้พเนจรสองสามคนตายไปอย่างน่าเสียดาย  ซากศพของพวกเขาถูกลากไปไว้ด้านข้างเพื่อรอการกลบฝัง  ส่วนคนที่เหลือต่างก็ได้รับบาดเจ็บมากน้อยคละ ๆ กันไป  ตอนนี้ก็ทำการทำแผลไม่ก็เย็บแผลกันอยู่

ถังเจิ้นหอบหนักอยู่นานกว่าลมหายใจจะกลับมาเป็นปกติ  จากนั้นก็ลากขาไปเก็บสินสงครามของตนด้วยมือที่สั่นเทา  สิ่งที่ล่อตาล่อใจที่สุดก็คือลูกปัดสมองทั้งสองเม็ดนั่นแหล่ะ  ทำเอาเขาทนรอต่อไปไม่ไหวแล้วจริง ๆ

เขาแงะเอาลูกปัดสมองเลเวล 1 สีขาวจั๊วะทั้ง 2 เม็ดออกมาจากซากศพของมอนสเตอร์ทั้ง 2 ตัว  จากนั้นถังเจิ้นก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินในส่งเม็ดหนึ่งคืนให้กับเฉียนหลง

ถึงกระนั้นอีกฝ่ายก็ยังยืนกรานปฏิเสธ  พอถังเจิ้นยื่นให้อีกฝ่ายก็ทำหน้าบูดใส่  จนเขาไม่มีทางเลือกเลยต้องยอมแพ้ไป

ถังเจิ้นจำบุญคุณนี้ไว้ในใจและแอบดูดซับลูกปัดสมองอีกครั้งในจังหวะที่คนอื่น ๆ เผลอ  จากนั้นก็แอบเช็กสเตตัสของตัวเอง  ขณะที่คนอื่นๆ ไม่ได้ให้ความสนใจ  เขาได้แอบตรวจสอบข้อมูลส่วนตัวในโทรศัพท์และรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง  ตอนแรกที่เห็นเหรียญทองเพิ่มขึ้นมาอีก 20 นั้นไม่ได้มีอะไร  แต่ที่ประหลาดใจคือ  EXP ที่เพิ่มมา 2 หน่วยต่างหาก  แปลว่าขาดอีก 8 หน่วยเขาก็จะเลเวลอัปได้

สมรรถภาพทางกายของถังเจิ้นนั้นดี  และพลังที่เขาปะทุนั้นก็แข็งแกร่งมากจนด้อยกว่ามอนสเตอร์เลเวล 1 เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น  จากการเปลี่ยนแปลงในแอปข้อมูลส่วนตัวทำให้สรุปได้ว่าเมื่อฆ่ามอนสเตอร์เลเวล 1 ที่มีความแข็งแกร่งพอ ๆ กับตัวเองเขาก็จะได้ EXP ตัวละ 1 หน่วย!

ถ้าหากว่าฆ่ามอนสเตอร์เลเวล 10 ได้ 10 ตัวก็จะอัปเลเวลเป็นเลเวล 1 ได้!

บนพื้นหญ้าที่ปกคลุมไปด้วยเลือดและเศษเนื้อเศษกระดูก  เหล่าผู้พเนจรที่ทำแผลเสร็จแล้วต่างพากันนอนพัก  จากนั้นก็รีบหยิบอาวุธของตนกระวีกระวาดวิ่งเข้าไปยังอาคารป่า  โดยชายคนหนึ่งได้ถีบประตูเน่า ๆ ให้เปิดออกและเผยให้เห็นทางเดินมืด ๆ ที่อยู่ข้างใน

ทางเดินเองก็เน่าไม่แพ้ประตู  ผนังสีขาวมีรอยด่างและหลุดร่อน  ขยะและสิ่งของที่ดูไม่รู้ว่าเคยเป็นอะไรมาก่อนบ้างกองอยู่ทั่วทุกที่

ถังเจิ้นสังเกตเห็นว่ายังมีคราบเลือดสีน้ำตาลเข้มจำนวนมากบนผนังและที่มืด ๆ บางแห่ง  ซึ่งเป็นคราบเลือดที่แห้งกรังไปหมดแล้ว  นอกจากนี้ยังมีเศษกระดูกของทั้งคนทั้งสัตว์ตกเกลื่อนไปทั่วทำให้บรรยากาศของมันทั้งมืดมนและน่ากลัว

ทว่าเหล่าผู้พเนจรกลับไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้เลย  หลักจากคุยอะไรกันอยู่ครู่หนึ่งเหล่าผู้พเนจรก็ขึ้นบันไดไปเก็บกวาดพวกมอนส์เตอร์ที่อยู่ประปรายตามรายทางพร้อมกับแงะประตูที่ปิดอยู่ออก

ก็เหมือนกับซื้อหวยนั่นแหล่ะ  ไม่มีใครรู้หรอกว่าข้างในมีอะไรซ่อนอยู่จนกว่าจะเปิดเข้าไปดู  และหัวใจของเหล่าคนไร้บ้านในตอนนี้ก็เป็นหัวใจดวงเดียวกับเหล่าคนซื้อหวย

แม้ว่าจะมีสิ่งล่อใจขนาดใหญ่รออยู่เบื้องหน้าแต่เหล่าผู้พเนจรก็ไม่ก่อความวุ่นวายใด ๆ กลับกันเลยคือผู้มีอำนาจสูงสุดในกลุ่มกลับออกมาสุ่มจัดห้องให้กับทุก ๆ คนแยกกันไปสำรวจ

หลังจากเข้าไปในห้องแล้วผลประโยชน์ทั้งหมดที่ผู้พเนจรคนนั้นเจอจะเป็นของตัวคนผู้นั้นเอง  หากมีสิ่งใดที่ได้มาแต่ไม่มีประโยชน์ต่อตัวเองแล้วสามารถนำมาแลกเปลี่ยนกับผู้อื่นได้หลังจากที่การสำรวจสิ้นสุดลง

แน่นอนว่าหลังจากการปฏิบัติการทั้งหมดสิ้นสุดลงเหล่าผู้พเนจรเองก็ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับผู้ที่ค้นพบอาคารป่าและผู้ริเริ่มปฏิบัติการสำรวจด้วย  ก็นะโลกนี้ของฟรีไม่มีอยู่จริง  คนที่ทำงานหนักควรต้องได้รับผลตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อ

เหล่าผู้พเนจรทั้งหลายได้ร่วมมือกันเคลียร์ทางอย่างรวดเร็วจากนั้นผู้นำก็เริ่มจัดสรรห้องให้

เมื่อถึงตาของถังเจิ้นเขาได้รับมอบหมายห้อง 2 ห้องบนชั้นสี 2 ของส่วนที่ 2 และเมื่อมาถึงหน้าห้องเขาก็ต้องพบกับประตูกันขโมยขนาดใหญ่ขวางทางอยู่

เครื่องมือในมือของเขาจึงไม่เพียงพอที่จะเปิดประตู  และมันทำให้เขาพึ่งจะรู้เอาตอนนี้เองว่าทำไมถึงได้เห็นผู้พเนจรทุกคนพกชะแลงกันหมด  ที่แท้ก็เอาไว้ใช้งัดประตูนี่เอง

โชคดีที่เฉียนหลงซึ่งตามมาติด ๆ สังเกตเห็นสถานการณ์ของถังเจิ้นตั้งแต่แรกแล้ว  เขาเดินเข้ามาหาและใช้เครื่องมืออย่างชำนาญแงะประตูเหล็กให้เปิดออกได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที

เฉียนหลงหันหลังกลับและไปเปิดห้องของตัวเองโดยไม่มองห้องของถังเจิ้นเลย

ถังเจิ้นก็กำลังจะเข้าห้องไป  แต่จู่ ๆ ก็นึกขึ้นมาได้ว่ามีแอปชื่อรูเล็ตเสี่ยงโชคอยู่ด้วยนี่นา  หลังจากที่ลังเลอยู่พักหนึ่งสุดท้ายก็ตัดสินใจหยิบมือถือออกมาเปิดดูร้านขายแอปและคลิกดาวน์โหลดมันซะเลย

ความเร็วในการดาวน์โหลดนั้นเร็วมากและยังติดตั้งเสร็จภายในเวลาไม่ถึงสามวินาทีด้วย

ถังเจิ้นจิ้มมันทันที

รูเล็ตขนาดใหญ่ที่มีรูปลักษณ์สวยงามอย่างยิ่งปรากฏขึ้นบนหน้าจอ  มันแบ่งช่องเป็นหลายร้อยช่องโดยช่องส่วนใหญ่นั้นว่างเปล่าไม่มีอะไร  ซึ่งแปลว่าถ้าหมุนแล้วตกช่องว่างคือไม่ได้อะไรเลย  และเมื่อเช็กดูดี ๆ ก็เห็นว่าอัตราการถูกมันต่ำเกินไป

ถัดจากรูเล็ตไปก็เป็นกล่องคำแนะนำที่อธิบายวิธีการเล่นอย่างละเอียด

โดยวิธีการเล่นรูเล็ตเสี่ยงโชคนั้นเดิม ๆ เลย  คือแบ่งเป็นสลากหลัก  จับครั้งละ 10 เหรียญทอง  โดยที่การเติมทุก ๆ  10 เหรียญทองจะสามารถลบช่องที่ว่างอยู่ได้ 1 ช่อง  เมื่อจับสลากแล้วช่องว่างจะกลับมาเหมือนเดิม

สลากระดับกลาง  จำนวนของรางวัลจะเพิ่มขึ้น  และระดับของของรางวัลบางอย่างจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน  โดยทุก ๆ 100 เหรียญทองสามารถลบช่องที่ว่างอยู่ได้ 1 ช่อง  เมื่อจับสลากแล้วจะกลับมาเหมือนเดิม  โดยการจับสลากนั้นจะต้องแน่ใจว่าช่องว่างที่เหลืออยู่นั้นมีไม่น้อยกว่า 10 ช่อง

สลากระดับสูงที่ใช้ 1,000 เหรียญทองและสลากพิเศษที่ใช้ 10,000 เหรียญทอง!

รูเล็ตเสี่ยงโชคนี้มีการเล่นหลายระดับ  ถังเจิ้นที่เห็นยังแอบตะลึง  เพราะว่าสิ่งนี้ถ้าไม่มีเงินคือเล่นไม่ได้

ก็ในเมื่อโหลดมาแล้วสุดท้ายมันก็ต้องเล่น  ถังเจิ้นได้เลือกโหมดสลากหลักและกดเริ่ม

รูเล็ตเริ่มหมุนอย่างรวดเร็ว  ถังเจิ้นมองไม่ออกเลยว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง  และเมื่อมันหมุนช้าลงช่องต่าง ๆ ก็เริ่มชัดขึ้น  และถังเจิ้นก็สามารถมองเห็นของในช่องได้อย่างชัดเจนแล้ว...

และขณะที่เขากำลังพยายามมองอ่านเนื้อหาของแต่ละช่องให้ดี ๆ จู่ ๆ ไอ้เจ้ารูเล็ตมันก็หยุดหมุนทันที

[ขอแสดงความยินดี  คุณมีโชคเล็กน้อย  ได้รับไพ่นำโชคสองเท่า!]

การ์ดสีทองปรากฏขึ้นบนหน้าจอมีกล่องข้อความกำกับว่า [เพิ่มโชคสองเท่า  ใช้ได้หนึ่งชั่วโมง  ใช้หรือไม่]

‘ถูกด้วยเหรอ?’

ถังเจิ้นแทบจะร้องไห้ออกมา  เขาซื้อหวยมานานตั้งหลายปีเคยถูกรางวัลสูงสุดแค่ 10 หยวน  แต่นี่กลับกดทีเดียวติด  หรือว่าไอ้ไพ่เพิ่มโชคนี่มันจะส่งผลล่วงหน้าด้วยกันหนอถึงได้ทำให้จับทีเดียวถูกเลย

ไม่ว่าจะอะไรยังไงการถูกสลากก็เป็นเรื่องดีอยู่แล้ว!

ถังเจิ้นกดที่ไอคอนเพื่อใช้มัน  จากนั้นการ์ดก็กลายเป็นดอกไม้ไฟทันทีและลอยหายไป  ในเวลาเดียวกันดูเหมือนว่าในใจของเขาจะเกิดอาการกระตุก  จากนั้นความรู้สึกมั่นใจจากไหนก็ไม่รู้ได้ไหลทะลักออกมาอย่างไม่มีปีมี่ขลุ่ย  ทำให้เขารู้สึกว่าตอนนี้ไม่ว่าอะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น

แม้ว่าจะประหลาดใจและไม่รู้ว่าความรู้สึกดังกล่าวมันเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ก็ตาม  แต่เขาก็คิดว่าความมั่นใจแบบนี้มันฟินจริง ๆ

จากนั้นเขาก็ผลักประตูเข้าไปด้วยความมั่นใจในตนเองอย่างท่วมท้น

มือก็คว้ามีดทำครัวมากระชับไว้แล้วค่อย ๆ เดินเข้าไปข้างในอย่างช้า ๆ

ในห้องก็ตามที่ถังเจิ้นคาดไว้  เป็นห้องรก ๆ ที่มีแต่ฝุ่นจับเขรอะ  พอมองดูเฟอนิเจอร์แล้วมันก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนได้กลับโลกเดิมเพราะล้วนแต่เป็นสิ่งที่คุ้นเคยทั้งสิ้น

ทีวี  ตู้เย็น  โซฟา...

ทุกสิ่งที่ควรมีในบ้านสมัยปัจจุบันที่นี่ล้วนมี

จะน่าเสียดายก็ตรงที่มันพังไปหมดแล้ว  ไม่อาจนำไปใช้งานได้อีก  สรุปคือกลายเป็นกองขยะไปแล้วนนั่นเอง

‘ตกลงว่ามันเกี่ยวกันปะวะ  โลกเรากะโลกนี้อะ?’  คำถามนี้ได้เข้ามาในใจของถังเจิ้นอีกครั้ง  แต่เขาก็ไม่ได้หมกมุ่นกับมันมากนัก  ตั้งสติกับปัจจุบันดีกว่า

ในห้องนี้มีแต่ขยะล้วน ๆ หากคนอย่างละเอียดอาจเจออะไรดี ๆ สำหรับคนที่นี่มากมายก็เป็นได้  ทว่าทั้งหมดเหล่านั้นไม่ได้อยู่ในสายตาของถังเจิ้นเลย

เพราะแค่เขากับโลกเดิมไปล่ะก็สามารถหาของพวกนี้ได้อย่างสบาย ๆ ไม่จำเป็นต้องมานั่งคุ้ยขยะหาเลย

โดยไอ้สิ่งที่เรียกว่า ‘ของดี’ ของพวกเขาเหล่านั้นหากเอากลับไปขายในโลกเดิมล่ะก็รับรองว่าคงขายได้แค่ที่ร้านรับซื้อของเก่าที่ให้ราคาน้อยนิดเท่านั้น  แต่เมื่อมาลองพิจารณาถึงการแลกเปลี่ยนซื้อขายกันระหว่างผู้พเนจรที่ต้องเกิดขึ้นแล้วถังเจิ้นก็ลองหาดี ๆ อีกรอบ

สำหรับเขาแล้วสิ่งที่ต้องการมากที่สุดคือลูกปัดสมอง  และสิ่งของพวกนี้ก็น่าจะเอาไปแลกได้

ห้องครัว  ห้องนอน  ตู้เสื้อผ้า  โต๊ะ...

หลังจากที่ถังเจิ้นค้นหาดูอย่างละเอียดแล้วก็ต้องรู้สึกอึ้ง

อย่างแรกเลยคือมีแบงก์!  เป็นธนบัตร!  หลายปึกด้วย!  แถมยังเป็นสกุลเงินที่เขาใช้ในโลกเดิมอีก!  แม้ปีที่พิมพ์จะดูน่าสงสัย  แต่เมื่อเช็คดูอย่างละเอียดแล้วเขาก็ยืนยันได้ว่ามันไม่ใช่แบงก์ปลอมแต่เป็นของแท้!

นี่มันโคตรเหลือจะเชื่อ!  ดูท่าไพ่นำโชคสองเท่าเองก็น่าจะเป็นของแท้ด้วยแล้วสิเนี่ย!

จากนั้นเขาก็ทั้งขุดทั้งคุ้ยอย่างขะมักเขม้นด้วยความลิงโลด  จากนั้นสิ่งต่อไปที่เขาพบคือเครื่องทองเครื่องเงินและตั๋วแลกเงิน  ซึ่งไม่รอช้ารีบเอาทั้งหมดยัดใส่กระเป๋าที่เก็บได้จากในห้องนั่นแหละ

10 นาทีต่อมาถังเจิ้นได้เก็บเสื้อผ้าและเส้นหมี่ขึ้นราซึ่งดูเหมือนจะอยู่ในสภาพดีมาด้วย  หลังจากที่เช็กดูอีกรอบว่าพลาดอะไรไปหรือเปล่าเสร็จแล้วก็สะพายเป้เดินออกไปค้นห้องที่ 2 ต่อ

ประตูเหล็กของห้องนี้แง้มไว้อยู่แล้วซึ่งช่วยประหยัดแรงเขาได้เยอะเลย

แต่สิ่งที่อยู่ในห้องที่สองนี่ถือว่าคาดไม่ถึง  เพราะมันคือซอมบี้ตัวหนึ่งที่กำลังเดินไปเดินมา

ไอ้ตัวนี้เทียบกับที่เคยเจอแล้วตัวใหญ่กว่ามาก  มองแว้บเดียวรู้เลยว่าก่อนตายกลายเป็นซอมบี้มันต้องเป็นเจ้าอ้วนคนหนึ่ง  ผิวซีด ๆ ของมันมีรอยสักสีฟ้าครามอยู่เต็มตัวไปหมด

“เชี่ย~  ซอมบี้นักเลงว่ะ”

ถังเจิ้นพูดเสียงยานคางแต่ก็ไม่ได้ประมาท  เขาค่อย ๆ ก้าวเข้าไปหามันอย่างระมัดระวัง

ไอ้ซอมบี้ตัวนี้มันถือไม้เบสบอลโลหะอยู่ในมือ  และเมื่อมันเห็นถังเจิ้นปุ๊บก็อ้าปากกว้างจนแก้มฉีกยันใบหูส่งเสียงคำรามและลากเท้าครืด ๆ พุ่งเข้าหาเขา

“ทุ้ย……”

ถังเจิ้นถุยน้ำลายอย่างอดไม่ได้  ก่อนปาเป้ใส่มันแล้วพุ่งเข้าสวนกับมันทันที

ทันทีที่เป้โดนตัวมันถังเจิ้นก็จับจังหวะเอนตัวไปด้านข้างอย่างรวดเร็วแล้วเงื้อมีดทำครัวฟันหัวเข่าของมันไม่ยั้ง

เมื่อมีดเฉือนเข้าไปในหัวเข่ามันได้ไอ้จ้าซอมบี้อ้วนก็สะดุดเป้ล้ม  ด้วยน้ำหนักตัวที่กดทับทำให้ขาข้างหนึ่งของมันหักทันที  จากนั้นมันก็กลิ้งหลุน ๆ ไปพร้อมกับเป้พลางฟาดแขนฟาดขามั่วซั่วตั้วเหลงไปหมด

โคร่ม!

ไม้เบสบอลที่บินออกมาจากมือของมันไปกระแทกโดนเตียงที่หักอยู่จนเป็นรูเผยให้เห็นช่องที่ดูแล้วน่าจะเป็นที่ซ่อนของอะไรบางอย่างใต้เตียง

ทว่าเขาก็ยังไม่ไปเช็ก  เพราะสิ่งที่ต้องรีบจัดการก่อนเลยคือการฆ่าไอ้ซอมบี้นี่ซะ

เขาอาศัยจังหวะที่มันไม่อาจตั้งตัวได้เข้าไปฆ่ามัน  มีดทำครัวพัง ๆ ที่อยู่ในมือก็ฟันหลังหัวมันเข้าเต็ม ๆ หนึ่งที  สองที  สามที...

ฟันรัวไปเรื่อยจนเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า  และเมื่อมาดูอีกทีหัวของมันก็กลายเป็นกองเนื้อเน่ากองหนึ่งไปแล้ว  แถมยังส่งกลิ่นชวนคายของเก่าออกมาอีก  เขาถึงกับเกือบจะอ้วกเอาบะหมี่ที่กินก่อนจะมาโลกนี้ออกมาแล้ว

“เออ!  ซอมบี้ที่ดีที่สุดคือซอมบี้ที่ตายไปแล้วจริง ๆ ด้วย!”

บ่นไปพลางก็เดินผละออกไปค้นห้องต่อเพราะไม่มีตัวอันตรายมายุ่งแล้ว

ที่แรกเลยที่เขาเล็งไว้คือใต้เตียงที่ไอ้เจ้าซอมบี้มันทำรูไว้ให้  หลังจากเขี่ยเศษซากเตียงออกไปแล้วเขาก็เห็นว่ามันมีช่องลับซ่อนอยู่จริง ๆ ด้วย  ขนาดยาวประมาณเมตรครึ่งมีของที่มีลักษณะเรียวยาววางอยู่

โดยมันถูกผ้าคลุมไว้และมีลักษณะนูน ๆ ขึ้นมา

ถังเจิ้นยื่นหยิบมันออกมาทั้งห่อและรู้สึกว่ามันโคตรหนักเลย  เมื่อเปิดผ้าออกดูก็พบว่าเป็นของมีคมอย่างพวกมีดดาบทั้งเล็กทั้งใหญ่เป็นโหล!

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด