ตอนที่ 763 คนแคระพลอยน้ำเงิน
ถังเทียนรู้อยู่แก่ใจว่าการอวดฝีมือไม่ใช่นิสัยที่ดี
ใจของเขาตึงเครียดกระดูกปลาในมือของเขาปลดปล่อยแรงฟันในระดับความถี่ที่น่าประหลาด รังสีดาบน้ำสายแล้วสายเล่ายิงออกมาทุกทิศทาง มีปลาประหลาดจำนวนมากมายถูกฟันขาดสองท่อน หมอกน้ำเงินจากร่างของมันรั่วออกมาและรบกวนการมองเห็นของเขา
มือซ้ายของเขายังคงตั้งท่ามุทราหัตถ์เด็ดบุปผาต่อเนื่องไม่มีหยุด
เสี่ยวหลานรู้ว่าสถานการณ์เลวร้ายและมันไม่เอาแต่หมอบนิ่งอยู่ตลอดเวลา ช่วยถังเทียนให้เชื่อมโยงกับเทพอสูรด้วยทำให้มุทราหัตถ์เด็ดบุปผาของถังเทียนกล้าแข็งมากขึ้น
สภาพใจของเขาใสเหมือนกระจกไม่สะทกสะท้านหวั่นไหวไม่มีเศษธุลีเกาะ
ฉากภาพรอบตัวเขาถูกสะท้อนอยู่ในสภาพใจที่ใสเหมือนกระจกแจ่มชัดมากซึ่งถังเทียนยังไม่คุ้นเคย เขามักจะโถมตัวเองเข้าสู้ศึก จิตใจนักสู้เดือดทะลักนั่นเป็นวิธีที่เขาใช้ต่อสู้ แต่ตอนนี้สภาพใจของเขาและอารมณ์ดึงตัวเขาให้เหมือนเป็นผู้สังเกตการณ์ แม้ว่าประสิทธิภาพของการต่อสู้จะเพิ่มขึ้นมากแต่ก็ยังเป็นสิ่งที่เขาไม่คุ้นเคย
เป๊าะ.. กระดูกปลาในมือเขาแตกหัก แม้ว่าจะมีความทนทานมากแต่การใช้งานอย่างหนักหน่วงด้วยวิชาดาบมารพิฆาตที่ทรงพลังทำให้มันเปราะและแตกได้ในที่สุด
นี่เป็นกระดูกปลาชิ้นที่หกที่ถังเทียนใช้ โชคดีสำหรับเขาที่มีกระดูกปลาสำรองไว้ให้เขาใช้อย่างเหลือเฟือ
ร่างของถังเทียนกระพริบวาบและมาถึงที่หน้าซากปลาเขาดึงกระดูกปลาชิ้นอื่นออกมาแล้วกลับเข้าไปสู้ต่อ
ส่วนที่ยุ่งยากที่สุดของปลาประหลาดก็คือความสามารถในการพรางตัวเองในหมอกน้ำเงินของมัน แม้ถังเทียนจะใช้มุทราหัตถ์เด็ดบุปผาขับไล่สลายการโจมตีทางจิต แต่เขาก็ยังได้รับความเจ็บปวดจากการโจมตีเหล่านั้น
โชคดีที่ร่างกายถังเทียนมีความแข็งแรงโดดเด่น และความเสียหายที่คลื่นเสียงนั้นสร้างได้ก็มีเล็กน้อย อาศัยหนังที่ด้านและหนาถังเทียนเริ่มใช้หลายอย่างด้วยกำลังตรงๆ เขาวิ่งชนโดยตรง การปะทะตรงๆอย่างไม่มีเหตุผลนี้ยิ่งเพิ่มอัตราการเสี่ยงตายให้ถังเทียน ปลาประหลาดได้รับบาดเจ็บในระดับที่เร็วมากและในเวลาครึ่งชั่วโมงทั่วสถานที่มีแต่ซากปลาลอยเกลื่อน
ถังเทียนสูดลมหายใจการฆ่าอย่างต่อเนื่องสิ้นเปลืองพลังกายของเขาไปมาก
เขาไม่รู้สึกถึงเรื่องนี้ในระหว่างต่อสู้ ความเหนื่อยล้าก่อตัวและความสิ้นเปลืองพลังเพิ่มมากขึ้น บาดแผลเกิดอยู่ทั่วร่างของเขา และแม้คลื่นเสียงของปลาประหลาดก็ไม่สามารถทำอันตรายถังเทียนได้ก็จริงแต่ก็ยังสร้างร่องรอยฟกช้ำไว้บนร่างเขา
มีร่องรอยความกลัวอยู่ในใจของถังเทียน พลังคลื่นเสียงค่อนข้างจะทรงพลัง พลังสั่นสะเทือนความถี่สูงนั้นสูงจนเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ แต่ร่างของเขาดูเหมือนจะถูกปรับแต่งจนอยู่ในสภาพดีที่สุดและสามารถรอดผ่านมาได้ ถ้าเป็นคนอื่นเผชิญหน้ากับความสั่นสะเทือนความถี่สูงขนาดนั้น อวัยวะภายในของพวกเขาอาจะได้รับบาดเจ็บ อันตรายที่มาจากแรงสั่นสะเทือนมักจะน่ากลัว แต่จบลงด้วยการแตกสลาย
นอกจากนี้ คลื่นเสียงยังแฝงด้วยพลังจิตโจมตีอยู่ในนั้น
ถังเทียนผู้มีมุทราหัตถ์เด็ดบุปผาและพลังร่างกายที่แข็งแกร่งทรงพลังของเขาเป็นศัตรูตามธรรมชาติสำหรับปลาประหลาดนั้น
ซากปลาที่ลอยอยู่รอบๆทั้งหมดกลายเป็นอาหารเลี้ยงฉลองให้กับเสี่ยวหลาน
มันร้องและกระโจนออกมา ด้วยพลังทั้งหมดของมัน มันกินเพลิงน้ำเงินทั้งหมดที่อยู่ที่หนวดของปลาประหลาดอย่างมูมมาม ระดับการดูดกลืนของมันเร็วเพิ่มขึ้นทุกทีและเมื่อเพลิงน้ำเงินสุดท้ายถูกกลืนกิน ร่างของเสี่ยวหลานเป็นสีฟ้าอย่างสมบูรณ์
มันบินเข้าไปในมุทราหัตถ์เด็ดบุปผาและเต้นระริกอยู่ที่นั่น
ถังเทียนรู้สึกได้ถึงประโยชน์ที่เสี่ยวหลานจะได้รับ สีน้ำเงินเข้มหนาแน่นและสงวนไว้ ถังเทียนฟื้นเรี่ยวแรงได้บางส่วนและถอนหายใจโล่งอกซากของปลาแปลกสลายไปในทะเลน้ำเงิน เหลือแต่กระดูกปลา
ถังเทียนมัดทั้งหมดไว้รวมกัน
กระดูกปลาทั้งหมดแหลมคมและทนทานมากสามารถทำเป็นอาวุธธรรมชาติได้ ดาบมารพิฆาตไม่ใช่วิชาที่สามารถใช้ได้กับอาวุธอะไรก็ได้และกระดูกปลาค่อนข้างจะเป็นทางเลือกที่ดี นอกจากสิ้นเปลืองได้รวดเร็วมาก แต่ก็ไม่ได้อ่อนแอกว่าอย่างอื่น
กองใหญ่ที่เขาได้รวบรวมไว้มีถึง 100 ชิ้นขึ้นไปซึ่งเขาสามารถใช้มันได้ชั่วเวลาหนึ่ง
‘แม้ว่าการใช้มือเพื่อปลดปล่อยพลังดาบมารพิฆาตมันทรงพลังและยืดหยุ่น แต่ความคมของมันไม่สามรถเทียบได้กับการใช้กระดูกปลานี้
เสี่ยวหลานตื่นเต้นจัด ไม่เฉื่อยชาเหมือนอย่างที่เคยเป็นตอนหลังกินอีกต่อไปทำให้ถังเทียนประหลาดใจมาก ความกระหายของมันดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นและดูเหมือนว่าเสี่ยวหลานจะมีความแข็งแกร่งมากขึ้น แต่ถังเทียนยังสงสัยว่ารูปร่างสุดท้ายของเสี่ยวหลานจะเหมือนอะไร
ดูเหมือนเสี่ยวหลานจะสัมผัสความคิดของถังทียนได้มันแสดงอารมณ์ที่ใกล้ชิดออกมา
ถังเทียนหัวเราะ เขาลากกองกระดูกปลาและเคลื่อนไหวไปข้างหน้าการเข่นฆ่าหมู่อย่างรุนแรงทำให้เขาเป็นอิสระจากใจที่ว่างเปล่า ‘ข้าไม่รู้ว่าข้างหน้ามีอะไร และไม่รู้ว่าอะไรรอข้าอยู่ แต่ไม่ว่าศัตรูหรืออุปสรรคจะเป็นยังไง ข้าจะทำลายด้วยตนเองให้เรียบ’
ผ่านไปอีกสองสามวัน ถังเทียนพบกับฝูงปลาประหลาด เขาใช้วิธีปะทะโดยตรงและกำจัดพวกมัน กองกระดูกปลากระจัดกระจายมีเป็นกองพะเนินย่อมๆ และเขาไม่มีทางเลือกได้แต่ถอดชุดของเขามัดกระดูกปลารวมกันไว้
เสี่ยวหลานไม่ปล่อยเพลิงน้ำเงินใดๆ ให้เสียเปล่าและถังเทียนรู้สึกว่าเสี่ยวหลานกำลังจะก้าวหน้าเพิ่ม เสี่ยวหลานหดตัวได้มากราวกับว่ามันมีความเหลวและหนืด และมันไม่ช้าอีกต่อไป
ถังเทียนเองก็มีความก้าวหน้าอีกมากมายมุทราหัตถ์เด็ดบุปผาของเขามีความบริสุทธิ์มาก สภาพจิตของคนอื่นจะพร่ามัว แต่สภาพใจของเขาจะใสและกระจ่างเหมือนแก้วผลึก
ถังเทียนมีความรู้สึกว่าเขากำลังจะบรรลุระดับใหม่และขาดแค่เพียงโอกาสเท่านั้น
เขาไม่รู้ว่าโอกาสเช่นนั้นคืออะไรและไม่สนใจขณะที่แหวกว่ายต่อไป เขาต้องการออกไปจากทะเลให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้ ทุกคนกำลังต่อสู้ แต่เขายังติดอยู่ในสถานที่แปลกประหลาดนี้
เขาไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะฆ่าปลาประหลาดมากไปหรือเปล่า แต่ร่างของเขาเปล่งรัศมีเดี๋ยวปรากฏเดี๋ยวหายทุกครั้ง ถังเทียนรู้จักร่างกายของเขาดีและเขาไม่มีเคยมีรัศมีแบบนี้ในอดีต
เสี่ยวหลานดูเหมือนจะมีรัศมีที่เต็มไปด้วยความน่ากลัวและทำตัวว่าง่ายต่อหน้าถังเทียน
มีอยู่สองสามครั้งล่าสุดที่ถังเทียนพบกับปลาประหลาดสองสามตัวขณะที่เขาเตรียมจะเลาะกระดูกปลาเท่านั้น เจ้าปลาประหลาดหนีการต่อสู้ เขาตะลึงมองดู เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่เขาพบว่าปลาประหลาดเผ่นหนีเขา
‘เป็นไปได้ไหมว่าข้าฆ่าพวกมันมากเกินไปจนตัวข้าเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน?’
ถังเทียนหัวเราะเบาๆ ดูเหมือนเขาไม่ใส่ใจเพราะเขาไม่รู้ว่าตัวเองฆ่าปลาประหลาดไปมากมายเท่าใดกันแน่
สิ่งที่ตามมาหลังจากเขารู้สึกเช่นนั้น เขามุ่งไปข้างหน้า
ทะเลน้ำเงินเข้มเริ่มสว่างขึ้น ทำให้ถังเทียนตื่นเต้น ในสถานที่อย่างนี้การเปลี่ยนย่อมดีกว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ยิ่งว่ายต่อไป ทะเลน้ำเงินก็ยิ่งสว่างขึ้น
หัวใจถังเทียนสะท้าน ‘หรือว่าข้าเข้าใกล้ผิวน้ำ?’
การคาดเดานี้ทำให้เขาตื่นเต้น เขาคิดเรื่องของเมืองจื่อจวนซึ่งอยู่ใกล้ทะเล ‘หรือว่าข้ากำลังกลับไปที่เมืองจื่อจวน?’
ถังเทียนพอตื่นเต้นก็ใช้กำลังแหวกว่ายไปข้างหน้ามากขึ้น
แม้แต่ข้างหน้าก็สว่างขึ้นเรื่อยๆ แต่มันสว่างมากกว่าที่คิดทำให้ถังเทียนรู้สึกเหนื่อย ในที่สุดเมื่อเขาเห็นผิวน้ำ เขายินดีและรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดโผล่ออกจากผิวน้ำ
ผิวน้ำเหมือนกับไพลินเต็มไปด้วยความสงบไม่มีระลอกคลื่นเหมือนกับกระจกไร้ขอบเขตยืดขยายออกไปทุกทิศ เมฆในท้องฟ้าดูเหมือนแทบจะเอื้อมถึงเมฆสีขาวนุ่มเหมือนปุยฝ้ายลอยอย่างเงียบสงบ
ถังเทียนตะลึง ทำไมฉากภาพข้างหน้าของเขาถึงได้คุ้นเคยนัก?
หลังจากนั้นชั่วขณะเขาก็จำได้ มันคือทะเลกระจกคราม!
ทะเลกระจกครามของกองทัพดาวกางเขนใต้!
กองทัพดาวกางเขนใต้มีทะเลอยู่สี่แห่ง
ทะเลเนรเทศ คุกที่ไม่มีที่สุดสำหรับคุมขังนักโทษ
ทะเลกระจกคราม โลกระหว่างความเป็นจริงกับภาพลวงตาเป็นที่สำหรับฝึกฝน
ทะเลทุ่งเพลิง สถานที่เต็มไปด้วยพลังงานที่ซึ่งวิญญาณนับล้านถือกำเนิด
ทะเลสันติภาพ สถานที่ที่คนตายไปเป็นที่ให้วิญญาณนักรบในสงครามได้พักผ่อนตลอดกาล
ถังเทียนนั่งลงบนผิวกระจกที่เหมือนกับน้ำทะเล และมองดูทะเลกระจกไร้ขอบเขตอย่างมึนงง
‘ทำไมข้ามาอยู่ในทะเลกระจกครามได้?’
‘ทะเลกระจกครามเป็นส่วนหนึ่งของทะเลน้ำเงินหรือ?’
ทันใดนั้นถังเทียนคิดเรื่องเวลาที่เขาฝึกวิชามือปีศาจพันแปลงในทะเลกระจกครามและมีความสงสัยในการรู้แจ้งที่เขาได้รับจากที่นั้น เมื่อเขาอยู่ภายในทะเลน้ำเงิน เขารู้สึกเหมือนกับว่ากระแสเวลามีความแปลกประหลาดและไม่สามารถยืนยันได้ว่าประหลาดยังไง
โลกระหว่างความเป็นจริงกับภาพลวงตา
‘มิน่าเล่า!’
‘ข้าติดอยู่ในภาพลวงตาขนาดใหญ่!’
ปฏิกิริยาแรกของถังเทียนคือผ่อนคลาย สิ่งที่เขากังวลที่สุดก็คือการตกไปอยู่ในทะเลน้ำเงินจริงๆ ทุกคนกำลังรอให้เขาไปช่วย แต่เขาถูกดึงเข้ามาในที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง และเมื่อคิดก็ยิ่งทำให้เขากังวล
‘ถ้านี่คือภาพลวงตา ข้าก็แค่ต้องทำลายมันและข้าจะกลับไปสู่โลกที่เป็นจริง’
ถังเทียนปลุกตัวเองความสงสัยที่เขากังวลที่สุดได้รับการคลี่คลายแล้ว เมฆสีเทาในใจเขาทั้งหมดหายไป และความตั้งใจต่อสู้ของบุรุษหนุ่มเพิ่มขึ้น
หลังจากพักสั้นๆ ขณะหนึ่งเขาก็ฟื้นคืนความแข็งแรงของร่างกาย และปล่อยให้เสี่ยวหลานได้รู้สึกถึงตำแหน่งทิศทางและเคลื่อนที่อีกครั้ง
กระจกที่เหมือนผิวน้ำทำให้มองดูเหมือนกับถังเทียนกำลังเล่นสเก็ตน้ำแข็งการลากกองกระดูกปลาที่สูงมากกว่าเขาทำให้ความเร็วของเขาเร็วกว่าตอนที่เขาว่ายน้ำอยู่ในทะเลน้ำเงิน เขาเหมือนกับนกที่บินหารังของมันไม่รู้จักเหนื่อยล้า
ฉากภาพของทะเลกระจกครามไม่เปลี่ยนไป และหลังจากเคลื่อนที่เดินทางเป็นเวลานาน ถังเทียนก็ยอมรับอย่างผิดๆว่าเมฆในท้องฟ้าดูเหมือนจะเป็นภาพวาด
ทันใดนั้นถังเทียนหยุดอยู่กับที่ทันที เขาชักกระดูกปลาออกมาและจ้องมองข้างหน้าเขา
เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายกระพริบเข้าและออก ‘ซุ่มโจมตี!’
กระจกที่เหมือนผิวน้ำยังคงเรียบไม่มีอะไรอยู่บนนั้น ถ้าเป็นใครอื่น พวกเขาคงคิดว่าพวกเขาคิดไปเอง แต่ถังเทียนมักจะมีความมั่นใจและเชื่อมั่นสัญชาตญาณ สวรรค์ของเขาต้องพึ่งพาสัญชาตญาณนั่นเป็นเรื่องที่น่าตกใจ นอกจากนี้การฝึกฝนกับปิงและการเปลี่ยนแปลงจากมุทราหัตถ์เด็ดบุปผาที่ทำกับสภาพใจของเขา สัญชาตญาณต่อสู้ของเขาถึงอีกระดับที่น่าทึ่ง
เวลาคืบคลานผ่านไปช้าๆ แต่ไม่มีความปั่นป่วนอะไรอยู่รอบเขา
ถังเทียนยังคงอยู่ในท่าพร้อมสู้เหมือนกับรูปปั้น ไม่ขยับเลยสักนิ้ว ถังเทียนอยู่ในสภาพพร้อมต่อสู้จะมีความอดทนมาก
ทันใดนั้นผิวน้ำข้างหน้าเขามีฟองผุดขึ้น
ร่างสีน้ำเงินเริ่มโผล่ขึ้นผิวน้ำช้าๆ
ตาถังเทียนเห็นได้ชัด นั่นคือคนแคระน้ำเงิน!
‘ไม่,พวกมันไม่ใช่คนแคระน้ำเงิน คนแคระน้ำเงินพวกนี้เหมือนสลักจากพลอยน้ำเงิน ร่างของพวกมันใสมาก สายตาของพวกมันไม่มีแววชีวิต ไม่มีความโกรธหรืออารมณ์ใดๆ’ สายตาของถังเทียนมองที่พื้นที่หัวใจของคนแคระน้ำเงิน มีเพลิงน้ำเงินเต้นเป็นจังหวะเหมือนหัวใจ
คนแคระพลอยน้ำเงินเหล่านี้ทั้งหมดถือหอกอยู่ในมือ ไม่ใช่หอกสั้น
พวกมันเหมือนกับกองทัพ จัดรูปคล้ายกับกระบวนศึก หอกของพวกมันมีลักษณะตั้งตรงมีลักษณะเหมือนกับป่า
สิ่งที่ทำให้ถังเทียนต้องสูดหายใจก็คือเบื้องหลังกองทัพยังมีคนแคระน้ำเงินปรากฏต่อเนื่องไม่มีที่สิ้นสุด
กองทัพคนแคระพลอยน้ำเงินเดินหน้าทันที
ครืนน ครืนนน
ทะเลกระจกครามสั่นสะเทือน แม้แต่เมฆในท้องฟ้าก็สั่นไปด้วย
เสี่ยวหลานรู้สึกถึงอันตรายอย่างไม่เคยมีมาก่อนจากข้างหน้า เหมือนกับว่ามีบางอย่างกำลังเรียกหามัน
คนแคระพลอยน้ำเงินข้างหน้าดูไม่เหมือนว่าพวกมันมาดีและต้องการตามตอแย เนื่องจากจำนวนที่เห็นแล้วรู้สึกสิ้นหวัง
‘เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถหยุดข้าได้เพียงแค่นี้หรือ?’
‘ฮ่าห์...’ ถังเทียนยิ้มเย้ย เขาชักกระดูกปลาออกมาจากกองด้านหลังสองสามชิ้นและเหน็บไว้ที่เอว
‘งั้นก็เข้ามา!’