ตอนที่ 764 ไม่ต้องปกป้อง พักอย่างสงบ
ถังเทียนต่อสู้จนตาของเขาแดงก่ำ เขาไม่จำต้องแยกแยะว่าใครล้อมรอบเขาเนื่องจากทุกคนล้อมเขาคือศัตรู เขาแค่ต้องการฆ่าพวกเขาต่อไป เขาดึงกระดูกปลาออกมาอีก และฟันสุดกำลัง
เมื่อกระดูกปลาแตก เขาจะดึงกระดูกปลาอีกท่อนมาฆ่าต่อไป
ถึงตอนนี้กลยุทธและเคล็ดวิชาไม่สำคัญอีกต่อไป คลื่นคนแคระพลอยน้ำเงินไม่ยอมให้เขาได้มีเวลาคิดและได้แต่ฟันออกไปตามสัญชาตญาณเท่านั้น
นอกจากสัญชาตญาณฆ่าแล้ว ยังคงมีความคิดเดียว
ความคิดบุกตะลุยไปข้างหน้า
เขาร่ายรำพร้อมกับกระดูกปลาเหมือนกับเครื่องจักรฆ่าเหมือนเครื่องจักร ฟันใส่คนแคระพลอยน้ำเงินจนตาย
ปัง! กระดูกปลาในมือของเขาแตกอีกครั้ง ถังเทียนเคลื่อนไหวมือไปที่กองกระดูกปลาโดยไม่รู้ตัว แต่ไม่สัมผัสถึงอะไร
เขาตกใจอยู่ชั่วขณะ แต่ระลึกได้ทันทีว่ากองกระดูกปลาที่สูงกว่าตัวเขาถูกใช้ไปหมดแล้ว
ถังเทียนรู้สึกตัวก็ตระหนักได้ว่าเขามีอาการบาดเจ็บทั่วตัวเหมือนกับมนุษย์โลหิต ขาของเขาหนักเหมือนกับตะกั่ว แขนของเขาก็หนักเกินกว่าจะยก ทั่วทั้งร่างของเขาเจ็บปวด เขาเซไปทางขวาทีซ้ายที แต่ไม่ยอมทรุดนั่ง คนแคระพลอยน้ำเงินที่รายล้อมอยู่มีสีหน้าเฉยเมยและไร้ชีวิต และพวกมันไม่ก้าวหน้าเข้าหาถังเทียน ถังเทียนหันศีรษะกลับมาด้วยความยากลำบาก ด้านหลังเขาคือศพของคนแคระน้ำเงินเต็มเหมือนกับทุ่งข้าวสาลีไกลจนสุดสายตาของเขา
หือ...
ถังเทียนต้องการหัวเราะ แต่เขาไม่มีกำลังเหลือจะขยับปาก
ระลอกพลังที่คุ้นเคยมาจากเบื้องบนเขา ถังเทียนไม่เงยหน้าขึ้นมอง แต่เขารู้ว่าเป็นเสี่ยวหลาน
เขาไม่สามารถเห็นเสี่ยวหลานได้ แต่ถ้าเขาเห็น เขาจะต้องประหลาดใจแน่นอน ร่างของเสี่ยวหลานกลายเป็นผลึกสีน้ำเงินและปลดปล่อยพลังที่น่ากลัว แต่ละระลอกเหมือนหินร่อนไปบนผิวน้ำมองเห็นชั้นของความเคลื่อนไหวเป็นชั้นๆ
คนแคระพลอยน้ำเงินระเบิดเสียงโห่ร้องความกลัวบนใบหน้าของพวกมันเพิ่มมาก
ที่ใดก็ตามที่ระลอกผ่านไปสายใยเพลิงน้ำเงินจะถูกดึงออกมาจากศพของคนแคระพลอยน้ำเงิน
ถังเทียนตกใจ เขามองดูไกลเท่าที่เขาเห็นได้เปลวเพลิงน้ำเงินค่อยๆ ลอยขึ้นเหมือนกับหิ่งห้อยน้ำเงินที่ไม่มีที่สิ้นสุดมองดูงดงาม
เพลิงน้ำเงินที่ขนาดเท่าหัวแม่มือถูกเรียกออกมาและค่อยๆ ลอยเข้าหาเสี่ยวหลาน
ฉากภาพต่อหน้าเขาเป็นเหตุมหัศจรรย์มากทำให้ถังเทียนลืมความอ่อนล้าของเขาไปชั่วขณะ เพลิงน้ำเงินเข้าไปในร่างของเสี่ยวหลาน ทำให้เสี่ยวหลานเปล่งรัศมีน้ำเงินเปล่งปลั่งคนแคระพลอยน้ำเงินจำนวนมากมายต้องถอยกลับไปเหมือนกับว่าพวกมันกลัวแสงสีน้ำเงิน
แสงน้ำเงินสว่างเจิดจ้าขึ้น ถังเทียนรู้สึกเหมือนกับว่ามีดวงอาทิตย์สีน้ำเงินอยู่เหนือศีรษะเขา แสงสีน้ำเงินเจิดจ้าจนเขาลืมตาไม่ขึ้น
เขาหลับตา และจมอยู่ในแสงน้ำเงินที่สว่าแพรวพราว
ร่างที่เหนื่อยล้าของเขาเริ่มฟื้นตัว แสงสีน้ำเงินไม่อบอุ่น แต่ก็ทำให้ถังเทียนรู้สึกสบายใจ
เขาตกอยู่ในสภาพฝันโดยไม่รู้ตัว
ฝันของเขาแปลกประหลาดมาก ลึกลงไปในทะเลน้ำเงินมีต้นไม้ใหญ่ที่เติบโตแล้วต้นหนึ่งมีใบไม้เป็นล้าน และใบไม้เป็นล้านนั้นทุกๆใบจะมีขนาดเท่าเนินเขา ในกลางใบไม้ทุกใบจะมีวังวน และวังวนนั้นจะปล่อยพลังน้ำเงินออกมาอย่างไม่มีที่สุด พลังงานน้ำเงินออกมาราวกับสายน้ำ
หลังจากผ่านไปทุกช่วงเวลาหนึ่งต้นไม้สีน้ำเงินมหึมาจะปล่อยเมล็ดนับไม่ถ้วนเหมือนดอกแดนดิไลออน เมล็ดทั้งหมดเหล่านี้จะไหลไปตามกระแสพลังงานและลอยไปทั่วทุกมุมในทะเลน้ำเงิน แต่ในเวลาอันรวดเร็วเมล็ดเหล่านี้จะถูกกินโดยสิ่งมีชีวิตในทะเลน้ำเงินนับไม่ถ้วน
พวกมันจะปล่อยกลิ่นอายที่หอมหวานและไม่สามารถหลบหลีกสิ่งมีชีวิตจำนวนมหาศาลได้
ในที่สุดก็มีเมล็ดหนึ่งที่พบโดยบุรุษวัยกลางคนในทะเลน้ำเงิน บุรุษวัยกลางคนพบว่ามันมีความเฉพาะตัวมีรัศมีน้ำเงินไม่เหมือนใคร หลังจากบุรุษวัยกลางคนตายเขามอบมันให้ลูกชายเขา ต่อมาลูกชายเขาบังเอิญพบสตรีผู้หมดสติและถังเทียนจำสตรีนั้นได้ทันที นางคือกู้เสวี่ย
จากนั้นรังสีน้ำเงินถูกฝังเข้าไปในร่างของกู้เสวี่ย
จากนั้นถังเทียนจำได้ทันทีว่าเมล็ดพันธุ์นั้นก็คือเสี่ยวหลานนั่นเอง
เมล็ดพันธุ์นี้ดูดเพลิงน้ำเงินไว้เป็นปริมาณมหาศาลและเหมือนกับเมล็ดพันธุ์ มันเริ่มงอกขึ้นในแสงสีน้ำเงินแพรวพราวและในพริบตาก็เป็นต้นไม้น้อยๆ ต้นไม้น้ำเงินออกดอกตูมซึ่งยังคงเติบโตต่อไปจนกระทั่งร่องรอยแสงสุดท้ายหายไป เมื่อดอกไม้ตูมบาน
จากนั้นถังเทียนตื่นขึ้น และตระหนักโดยไม่รู้ตัวมือของเขาตั้งอยู่ในท่ามุทราหัตถ์เด็ดบุปผา และในท่าปางมือนั้นมีดอกไม้น้ำเงินจริงๆ อยู่หนึ่งดอก
ดอกไม้น้ำเงินสวยงดงามมากเหมือนกับว่ามันเพิ่งถูกเด็ดออกมา มันนุ่มนวลและเต็มไปด้วยชีวิต
‘นี่คือ...เสี่ยวหลาน!’
ถังเทียนตะลึงทันที ‘ฝันนั้น...’
เขาลืมตากว้าง และตระหนักได้ว่า คนแคระพลอยน้ำเงินที่ล้อมรอบตัวเขาหายไปไม่เหลือร่องรอย
ทันใดนั้นดอกไม้ในฝ่ามือของเขาลอยขึ้นบินไปในทิศทางหนึ่ง
ถังเทียนรู้สึกถึงอะไรบางอย่างและไล่ตามไปทันที
ดอกน้ำเงินบินเป็นเส้นตรงเห็นได้ชัดว่ามันกำลังนำทาง และถังเทียนก็ไล่ตามมัน
ถังเทียนพยายามสื่อสารกับดอกไม้ในระหว่างทาง แต่ก็ล้มเหลว ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าดอกไม้น้ำเงินนั้นก่อตัวมาจากเสี่ยวหลาน เขาคงคิดว่ามันเป็นสิ่งที่น่าลุ่มหลง มันน่าลุ่มหลงมากจริงๆ และถังเทียนไม่ได้เผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตใดๆระหว่างเดินทาง สิ่งที่ถังเทียนรู้สึกแทบจะเป็นความหลงใหลก็คือการที่เขาเชี่ยวชาญในการใช้มุทราหัตถ์เด็ดบุปผา ใจที่ใสเหมือนแก้วไม่ได้แตกสลาย แต่ภายในสภาพใจที่โปร่งใสทำไมถึงมีต้นไม้ที่นั่น?
สภาพใจของเขามีต้นไม้เล็กๆ และถ้านี่ไม่ใช่ความลุ่มหลง ถังเทียนคงไม่รู้ว่าสิ่งนี้น่าหลงใหลอีกต่อไป
ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าต้นไม้น้อยก็คือสิ่งที่เหมือนกับสิ่งที่เขาเห็นในความฝันของเขา ถ้าไม่ใช่เพราะสภาพใจของเขาแข็งแกร่งไม่พอ เขาอาจจะบ้าไปแล้ว เขาพยายามลองหลายวิธี แต่ก็ไม่สามารถแม้แต่เขย่าต้นไม้ในใจเขา
หลังจากลองดูถึงสองครั้ง เขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับมันและได้แต่ไม่สนใจมันต่อไป
เทพอสูรหกกรในตัวเขาไม่มีปฏิกิริยาอะไรกับต้นไม้น้อยที่อยู่ข้างๆ แต่ต้นไม้น้อยจะวิ่งขึ้นไปบนฝ่ามือของเทพอสูรที่ตั้งท่ามุทราหัตถ์เด็ดบุปผา เทพอสูรยังคงเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยมือที่ตั้งมุทราหมัดพิโรธและหัตถ์เก็บบุปผามีความลึกลับกว่าเดิม
แขนอีกสี่ข้างยังคงเลือนราง
ถังเทียนสามารถเห็นได้ว่าเทพอสูรแข็งแกร่งมากขึ้นซึ่งเป็นเรื่องดีสำหรับเขา แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกหดหู่ก็คือก่อนหน้านั้นเขายังมีปฏิสัมพันธ์กับเสี่ยวหลานอยู่เลย แม้ว่ามันจะยังคลุมเครือแต่อย่างน้อยมันก็ยังมีปฏิสัมพันธ์ตอบ แต่หลังจากที่กลายเป็นดอกไม้แล้ว ความเชื่อมโยงก็หายไป
ไม่มีใครพูดในภายในทะเลกระจกครามที่เงียบสงบเป็นเรื่องที่เจ็บปวดมากและมีเรื่องที่จะต้องทำตามลำพัง
ถังเทียนเพ่งสมาธิจิตใจกับการฝึก และทิ้งความคิดของเขาเกี่ยวการตามดอกไม้น้ำเงิน
นอกจากนี้เทพอสูรหกมุทราเขาเรียนสำเร็จไปสองมุทรา ยังเหลืออีกสี่มุทรา
ถังเทียนได้รับประโยชน์จากใจที่สงบดุจกระจกอย่างรวดเร็ว ก่อนนี้หลังจากบินมาเป็นเวลานาน แม้ว่าร่างกายยังสามารถทนได้ แต่สภาพใจของเขาจะยังรู้สึกเหนื่อย แต่ปัจจุบันนี้เขาขมวดคิ้วเป็นเวลานาน สภาพใจของเขาไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้าอะไร
นอกจากนั้นความผันผวนทั้งหมดรอบตัวเขานั้นรับรู้ได้อย่างชัดเจนและสะท้อนใจของเขา ทันใดนั้นเขาได้รับรู้ทันที ในอดีตเขาต้องสังเกตมุทราของเทพอสูรหกกรนับไม่ถ้วน แต่ครั้งนี้แค่สังเกตครั้งเดียวเขาก็ได้รับความรู้ใหม่จากมุทรา รายละเอียดหลายอย่างที่เขาไม่เคยเข้าใจมาก่อนกลับสะท้อนในใจของเขาอย่างแจ่มชัด
แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเข้าใจอีกสี่มุทราที่เหลือในทันที แต่ก็ยังช่วยเขาได้มาก เขาเริ่มก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
หลังจากบินไปโดยไม่รู้เวลา เสี่ยวหลานหยุดทันที
ถังเทียนก็หยุดเช่นกัน และมองไปข้างหน้า
มีแนวเส้นสองเส้นตัดกันเป็นรูปกางเขนขนาดใหญ่ซึ่งขยายไกลออกไปทำให้พื้นที่แบ่งแยกออกเป็นสี่พื้นที่ และทะเลทั้งสี่แตกต่างกันอยู่ภูมิภาคที่แตกต่างกัน
ทะเลเนรเทศที่กราดเกรี้ยวไม่มีที่สิ้นสุด และกระจกครามที่ราบเรียบและเหมือนกระจก ทะเลทุ่งเพลิงและทะเลสันติภาพที่มีแต่ความเงียบสงบ
ทั้งหมดนั้นเป็นสี่ทะเลของกองทัพดาวกางเขนใต้
ถังเทียนตกตะลึง
เขาไม่เคยคิดว่าสี่ทะเลจะถูกสร้างมาเป็นแบบนั้น ม่านพลังที่มองไม่เห็นกั้นแยกสี่ทะเลจากกัน มันไม่ใช่สิ่งที่เป็นธรรมชาติแน่นอนแต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากมนุษย์
‘หรือว่าลุงปิงและพวกเขาจะทรงพลังมากขนาดนั้น?’
ถังเทียนเอียงศีรษะคิด, เป็นไปไม่ได้ กองทัพดาวกางเขนใต้เป็นกองทัพจักรกล พวกเขาเชี่ยวชาญในวิชาจักรกลและการรบ ถังเทียนนึกไม่ออกว่าคนแบบไหนจึงสามารถสร้างสิ่งมหัศจรรย์แบบนั้นได้!
ใช่แล้ว,ถังเทียนรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่อยู่เหนือขีดจำกัดของมนุษย์
ทันใดนั้น,เสี่ยวหลานลอยขึ้นมาจ้องหน้าถังเทียน มันบินตรงไปที่ทะเลสันติภาพ
‘ทะเลสันติภาพ....’
ถังเทียนลังเลเล็กน้อยเขากัดฟันและตามเสี่ยวหลานและก้าวข้ามพรมแดนเข้าไป สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือเขาไม่ได้รู้สึกถึงแรงต่อต้านใดๆ เมื่อเขาทำเช่นนั้น แนวแบ่งแยกโลกทั้งสี่ไม่มีผลต้านอะไร เพียงแค่แบ่งแยกทะเลออกจากกันและไม่รบกวนอะไรเลย ถังเทียนอดยิ้มด้วยความประหลาดใจไม่ได้
เมื่อก้าวเข้ามาในทะเลสันติภาพ ฉากภาพรอบตัวถังเทียนเปลี่ยนไป
ทะเลสันติภาพสีดำไม่ได้เงียบสนิทอย่างที่ถังเทียนคิด น้ำทะเลดำกลับมีความอบอุ่นและเป็นสถานที่เหมาะกับการกำเนิดวิญญาณ
เมื่อเข้าไปในทะเลสันติภาพ เสี่ยวหลานเข้ามาในร่างของถังเทียนอย่างเงียบงัน
‘นี่หมายความว่ายังไง?’
ถังเทียนไม่เข้าใจสถานการณ์ แต่เขาพบว่าเสี่ยวหลานมีเหตุผลที่ต้องทำเช่นนั้น เขาเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง ทะเลสันติภาพเงียบสงัด มีความอบอุ่นลางๆ ดังนั้นจึงไม่น่ากลัว น้ำสีดำลอยตัวอยู่ง่ายและถังเทียนไม่ต้องใช้กำลังบังคับให้ลอยตัวแต่อย่างใด
หลังจากเดินเป็นเวลานาน ถังเทียนก็ตระหนักว่าบางอย่างกำลังลอยอยู่ในระยะไกล
หัวใจของเขาตื่นเต้น เพียงกระโดดไม่กี่ครั้งเขาก็คว้ามันไว้ได้
เป็นป้ายบรอนซ์และบนป้ายมีสัญลักษณ์ของกองทัพดาวกางเขนใต้ ขณะที่ด้านหลังมีคำอยู่แถวหนึ่ง
“จูหย่งทหารชั้นหนึ่งของกองทัพดาวกางเขนใต้ตายอย่างกล้าหาญในการสู้รบที่ภูเขาชิงไม่ต้องปกป้องต่อไปแล้ว จงพักอย่างสงบเถิด”
ถังเทียนจ้องมองป้ายบรอนซ์อยู่เป็นเวลานานอารมณ์ที่เหลือเชื่อผุดขึ้นในใจของเขา
สำหรับคนที่ตาย คนมีชีวิตจะสวดภาวนาให้คนตายพักผ่อนอย่างสงบและจะแสวงหาพรให้พวกเขาเอง แต่บนป้ายบรอนซ์นี้กลับเขียนว่า “ไม่จำเป็นต้องปกป้องต่อไป พักผ่อนอย่างสงบเถิด”
จากนั้นดูเหมือนเขาจะเห็นลุงปิงวางป้ายบรอนซ์ไว้ในน้ำดำและผลักมันอย่างนุ่มนวลและมองมันลอยออกไป และเขาพึมพำกับตนเอง
“เราไม่จำเป็นต้องให้พวกเจ้าปกป้อง เราจะต้องทำงานกันอย่างหนัก เจ้าไม่จำเป็นต้องมากังวลห่วงใยเรา พักผ่อนเถิด สงครามทั้งหมดที่นี่ ไม่ว่าจะยังไงก็ตามปล่อยให้เป็นหน้าที่เรา ผู้ยังมีชีวิตอยู่
“เราจะชนะแน่นอน”
“พักอย่างสงบเถิด”