ตอนที่ 760 ตาสุนัขมองคนต่ำ
แม้ว่าพนักงานบริการลูกค้าจะทำสีหน้ารังเกียจ แต่เพราะร้านค้ามีกฎห้ามไล่ลูกค้าและไม่อนุญาตให้พูดดูหมิ่นดูแคลนแขก เขาคงได้แต่แค่นเสียงใส่ปีศาจยากไร้กลุ่มนี้ เป็นคนจนไม่ใช่ความผิดของพวกเขา แต่จนแล้วยังกล้าเข้าหนึ่งในสามสุดยอดร้านค้าสัตว์อสูรของเมืองลี่จ้าวถือว่าไม่เจียมตัวเอาเสียเลย
พวกบ้านนอกเหล่านี้เป็นใครพวกเขาเข้าใจเรื่องของอสูรหรือเปล่า?
พวกเขามีเงินซื้ออสูรจริงๆหรือ?
ถ้าหากบอกพวกเขาไปว่ามังกรบินชั้นทองระดับเตรียมปราณฟ้าราคาตัวละล้านเหรียญทอง พวกเขาจะมิกลัวจนเป็นลมหรอกหรือ
พนักงานบริการลูกค้าจะไม่ใช้คำพูดว่าร้ายลูกค้าจนเกิดการทะเลาะกัน แต่จะใช้ทักษะในการพูดเชือดเฉือนเชิงดูหมิ่น “ท่านอาคันตุกะผู้มีเกียรติไข่อสูรที่ท่านกำลังมองอยู่นั้นมีความโดดเด่นมากจริงๆ ท่านก็คงทราบว่าร้านส่งเสริมศักยภาพของเราไม่ใช่ตลาดมืดที่คอยเชือดเฉือนเอาเปรียบลูกค้า ตรงกันข้ามราคาที่เหมาะสมคือปรัชญาการค้าของร้านเรา ถ้าท่านสามารถซื้อมังกรทองบินได้ข้าได้รับสิทธิ์ให้แถมไข่อสูรที่โดดเด่นนี้ให้ท่าน ต้องทราบไว้ก่อนว่า ไข่นี่คืออสูรบินที่มีความเร็วพิเศษเกือบเทียบเท่ามังกรทองบินมันคือกระเรียนหงอนเทา”
“กระเรียนหงอนเทา? เฮ้, ข้าก็ได้ยินเรื่องนั้นมาบ้าง” เจ้าอ้วนไห่เหมือนกับคนบ้านนอก ใบหน้าของเขาแสดงให้เห็นรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์
“คาดว่าก็คงคล้ายกับกระเรียนเพลิงแดง”เย่คงเหมือนกับกินชิ้นสมองที่ตายแล้ว
คนโง่รู้แต่เพียงว่ากระเรียนเพลิงแดงตายไปแล้วมิฉะนั้นถ้าโตขึ้นจะกลายเป็นอสูรปราณฟ้า
กระเรียนเพลิงแดงกล่าวกันว่าสืบสายเลือดมาจากกระเรียนหงอนแดงของเผ่าภูตบูรพา แม้ว่าจะเก่าแก่จนไม่สามารถตรวจสอบได้แต่กระเรียนเพลิงแดงก็แข็งแกร่งทรงพลังจริงๆกระเรียนเพลิงแดงที่ยังไม่เป็นอสูรปราณฟ้าอาจไม่สามารถเอาชนะมังกรบินทองได้ แต่เมื่อกระเรียนเพลิงโตเต็มวัยเป็นอสูรปราณฟ้า
มังกรทองบินหาได้ยาก แต่นกกระเรียนเพลิงแดงหายากกว่ามังกรทองบินเป็นร้อยเท่า
เมื่อได้ยินเย่คงพูดเหมือนกับว่ากระเรียนหงอนเทาอยู่ในระดับเดียวกับกระเรียนเพลิงแดงตาของพนักงานต้อนรับลูกค้าถึงกับกระตุก
แต่เขายังยิ้มเต็มหน้า
เขาซ่อนความรู้สึกดูถูกเอาไว้ลึกไม่แสดงออกมา
เขาพูดย้ำคำของเย่คงและชูนิ้วหัวแม่มือให้เย่คง “ท่านผู้นี้รู้ดูจากการแต่งกายของท่านแสดงว่ารู้จักสินค้าแน่...” เขามองดูเย่คงตั้งแต่หัวจรดเท้ากลับไปมาพบว่าน่าจะเป็นพวกลูกเศรษฐีบ้านนอกมากกว่า เขาทำเป็นจัดคอเสื้อให้เย่คงและร้องอย่างตกใจ“โอว..นี่ทำจากผ้าใยสังเคราะห์ ร้านเราก็มีคุณชายหลายคน คุณชายไม่เหมาะจะแต่งตัวอย่างนี้เลย หรือว่าหาซื้อชุดไหมไม่ได้”
เย่คงและเจ้าอ้วนไห่เมื่อได้ยินเช่นนี้
ก็มองหน้ากันเองอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าพวกเขาแสดงความพึงพอใจตัวเองทันทีพวกเขาเชิดหน้ายืดอกวางท่าทางเหมือนกับคุณชายทันที
หลิวเย่มีจิตใจบริสุทธิ์ไม่เสแสร้ง นางไม่ถนัดหลอกลวงผู้คน กลัวว่าจะหัวเราะออกมานางหันหน้าไปทางอื่น เป่าเอ๋อต้องการดูเรื่องสนุกหันไปดูอสูรอื่นมิฉะนั้นเป่าเอ๋อคงสร้างความลำบากใจให้เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ แน่นอน
“ไข่ใบนี้ข้าต้องการซื้อ บอกมาซิราคาเท่าใด?” เจ้าอ้วนไห่ตบอกเหมือนจะกล่าวว่าเรื่องเล็กเขารวยเสียอย่าง
“สิบเหรียญทอง” ฝ่ายบริการลูกค้าเพิ่มราคาเองมากกว่าปกติถึงสิบเท่า
“ตายแล้ว, แพงขนาดนั้นเชียว?” เจ้าอ้วนไห่ดูเหมือนจะตกใจ
“ของดีอย่างนี้ คุ้มค่าไม่ใช่หรืออสูรราคาถูกกว่าจะให้ดูดีเหมือนกับมังกรบินทองได้ยังไง? 39 ปีก็โตเต็มวัย หนัก 15ตันเวลากางปีกยาวถึง 35 เมตร ตัวยาวตั้งแต่หัวถึงท้าย 48 เมตรหนังแข็งราวกับเกราะชั้นทอง ทนเปลวไฟอุณหภูมิสูงถึงพันองศาความเร็วสูงสุดในการบินถึง 500 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความเร็วสูงสุดตอนบรรทุกขับขี่ 300กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในการประลองมันสู้กับอสูรในระดับเดียวกันชนะต่อเนื่องถึงแปดครั้ง มันคือเจ้าชายมังกรบินทองที่มีชื่อเสียงแห่งเมืองลี่จ้าว” ฝ่ายบริการลูกค้าแสดงความสามารถอย่างเต็มที่ เขาจินตนาการว่ารอสักเดี๋ยวพวกปีศาจยากไร้พวกนี้คงกลัวจนปัสสาวะราดรดกางเกงแน่
“แล้วเจ้าชายน้อยราคาเท่าใด?” เจ้าอ้วนไห่ตื่นเต้นในใจเหมือนกับว่าเขากลัวว่าหัวใจจะกระดอนออกมาและถาม
โชคดีที่องค์ชายเทียนหลัวไม่ได้มาด้วย มิฉะนั้นเขาคงโดนไล่เตะไล่ต้อนแน่
เย่คงให้ความร่วมมือและมีสีหน้าคาดหวังแต่ก็เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ผิดหวัง ทำให้พนักงานดูแลลูกค้าดีใจ
พนักงานบริการลูกค้ายื่นมือออกมาตบไหล่เจ้าอ้วนไห่และจงใจพูดให้ช้าลง“ราคาไม่แพงเลยสำหรับพวกเจ้าทุกคนที่เป็นคุณชายจากตระกูลมั่งคั่งราคาแค่นี้เหมือนกับขนเส้นเดียว แม้ว่าจะเป็นสมบัติล้ำค่าของร้านค้าประจำเมือง แต่ถ้าพวกเจ้าต้องการซื้อ อย่างนั้นข้าจะลดราคาให้ 2% ราคาของเจ้าชายมังกรบินทองไร้เทียมทานตัวนี้ ราคาอยู่ที่หนึ่งล้าน แต่ถ้าเจ้าพร้อมจ่ายเต็มจำนวน อย่างนั้นเจ้าจะได้ลดราคาเหลือที่ 980,000”
เขารู้สึกลอบพึงพอใจและชลอความเร็วในการพูดให้ช้าลง
ถ้าฝ่ายตรงข้ามได้ยินไม่ชัด
เขาไม่ถือสาที่จะพูดอธิบายอีก
ตอนแรกเลยเขาคิดว่าเมื่อเขาพูดอธิบายจบ ฝ่ายตรงข้ามคงกลัวจนฉี่ราดหรือไม่ก็กลัวจนเหงื่อตกทรุดนั่งกับพื้น
คาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าอ้วนกับคนผอมที่อยู่ข้างหน้าเขาไม่แสดงอาการสนองตอบแม้แต่น้อย พวกเขาดูเหมือนคนทึ่มที่ธรรมดาและประหลาดใจ เพราะกลัวว่าปีศาจยากไร้ทั้งสองจะได้ยินไม่ชัด พนักงานบริการลูกค้าจึงพูดซ้ำอีก
“ข้ายังได้ยินไม่ชัด เจ้าว่าเท่าไหร่นะ?” ในที่สุดเจ้าอ้วนไห่เหยียดมือเล็กน้อย
“หนึ่งล้าน หนึ่งล้าน ล้านเดียว, ถ้าเจ้าต้องการซื้อก็ต้องจ่ายสด จากนั้นข้าจึงยอมลดราคาให้ 20%ช่วยให้เจ้าประหยัดเงินออกไปอีก 20,000 เพียงแต่เจ้าจ่าย 980,000 เจ้าค่อยพาเอาอสูรสมบัติของร้านเราไปได้” บุรุษผู้นี้ไม่สามารถรอดูฝ่ายตรงข้ามหลั่งเหงื่อตัวสั่นสะท้านด้วยความกลัวเขาแทบอดใจไม่ได้และอยากตะโกนว่า “พวกปีศาจยากไร้อย่าได้เที่ยวมาเดินเล่นที่นี่โดยไม่มีเงิน ที่นี่ไม่ใช่สถานที่เดินเล่นของปีศาจยากไร้ พวกเศรษฐีบ้านนอกอย่างพวกเจ้า ควรจะไปสำมะเลเทเมาอยู่ในโรงเหล้าราคาถูกมากกว่า ที่นั่นแหละเหมาะสมกับพวกเจ้าแล้ว”
“......” เจ้าอ้วนไห่และเย่คงมองหน้ากันเอง โดยไม่มีปฏิกิริยาแสดงออก ไม่เป็นลมสลบ ไม่มีเหงื่อตกไม่ได้ปัสสาวะราดกางเกง และไม่ตัวสั่น
“ดูลักษณะท่าทางของเจ้ากำลังจะซื้อของหรือ?” คนผู้นี้รำพึงเยาะเย้ยในใจ “ความจริงวันนี้ดูเหมือนว่าข้าพบเจอคนรวยสองคน”
“มีส่วนลด 2% จริงๆหรือ?” เจ้าอ้วนไห่ถามเบาๆ
“แน่นอน, คุณชายอย่างท่านจะได้รับส่วนลด 2% อยู่แล้ว แต่ว่าไม่นะ พวกท่านจ่ายเป็นเงินสดดีกว่าเพราะเราคนค้าขายที่นี่มีกำไรน้อยอยู่แล้ว เราไม่ต้องการเป็นเครดิตทางธุรกิจควักออกมา 980,000 สมบัติร้านเราชิ้นนี้จะเป็นของเจ้า เงินน่ะมีไหม 980,000? ถ้ามีก็ควักออกมา สวรรค์! ข้าอยากจะรู้นักว่าท่านมั่งคั่งเพียงไหน จะรออะไรอยู่อีก? สมบัติประจำร้านนี้กำลังรอให้ท่านซื้อกลับไป...” คนผู้นี้เต้นแร้งเต้นกาและเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ เพื่อทำให้เจ้าอ้วนไห่และเย่คงอับอายเก้อเขินไปหาร้านอื่น
“ซื้อมังกรบินทองและแถมไข่ด้วย เจ้าพูดอย่างนั้นไว้ไม่ใช่หรือ?” เจ้าอ้วนไห่ถือไข่กระเรียนหงอนเทาราวกับจะซื้อซาลาเปาในเมือง“เจ้าพูดอย่างนี้ใช่ไหม?”
“ไม่,ร้านค้าของเรารักษาสัญญาหนักแน่นเท่ากับพันตำลึงทอง ตราบใดที่ท่านจ่าย 980000ทั้งไข่นี้และมังกรบินทองจะเป็นของท่าน รีบควักเงินออกมา คุณชายจากตระกูลมั่งคั่งอย่างท่านไม่จำเป็นกังวลไป ตราบใดที่ท่านมีเงินมาวาง พวกท่านก็สามารถรับเอาไปได้” คนผู้นี้มองเจ้าอ้วนไห่ว่าไม่มีปัญญาจะซื้อมังกรบินทอง บางทีเขาอาจเช่าเสื้อผ้ามาใส่หลอกสาวๆ ให้ดูภายนอกดีเลียนแบบกุลบุตรในตระกูลใหญ่ เขาต้องทำให้เจ้าผู้นี้อับอายไม่สามารถเสนอหน้าต่อสาวๆ ได้ตลอดชีวิต
“เดี๋ยวปรึกษากันก่อน” เย่คงพยายามพูดรอมชอม
“ก็ดี, กลับมาปรึกษากันก่อน” เจ้าอ้วนไห่ดูเหมือนต้องการมองหาทางลงจากหลังเสือ
“ไม่นะ, คุณชายทั้งสองมาจากตระกูลมั่งคั่ง พวกท่านถือไข่อสูรในร้านเราและถามราคาร้านเราพวกท่านไม่ต้องการจะซื้อหรือ? พวกท่านสับสนอะไรหรือเปล่า?คิดว่าเรามีเวลาว่างมากนักหรือ? ไม่มีเงินใช่ไหมเล่า? ไม่มีเงินแล้วเข้ามาทำไม? หรือว่าแค่ต้องการโอ้อวดหน้าใหญ่?” คนผู้นี้รู้ว่าอีกฝ่ายจะตอบสนองด้วยการต่อรองราคาโอ้อวดต่อหน้าสตรีแล้วกลับไปคุยโม้ แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะมีเงินซื้อได้จริงๆ คนอย่างนั้นไม่เพียงแต่น่าดูถูกเท่านั้น แต่จะต้องทำให้อับอายจนโงหัวไม่ขึ้นอีกเลย
“เอ่อ? เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” หลิวเย่ได้ยินพนักงานบริการลูกค้าเยาะเย้ยเสียงดังจึงรีบเข้ามาสมทบ
คนผู้นี้เตรียมตัวจะดูถูกยั่วโมโหต่อ
ใครจะคิดกันเล่าว่าเจ้าอ้วนไห่ใช้มือแตะแหวนเก็บของแล้วเทเหรียญทองออกมาซึ่งไม่ทราบว่าจำนวนเท่าใดและกระจายกลิ้งหายไปตรงไหนบ้างเมื่อเห็นฝ่ายตรงข้ามทำสีหน้าประหลาดเจ้าอ้วนไห่พูดราวกับว่ากำลังซื้อกะหล่ำปลีอยู่ในตลาดสด “ก็ไม่มีอะไรมากหรอกข้ากับเจ้าลิงกำลังปรึกษากันอยู่ว่าจะซื้อมังกรบินทองอาหารโปรดกลับไปเลี้ยงตั๊กแตนมัจจุราชของคุณชายสามสักหลายๆตัว เจ้าก็รู้ว่านางไม่ได้กินมังกรบินเป็นอาหารมาหลายมื้อแล้วนางจะค่อนข้างอารมณ์เสีย”
เย่คงยื่นมือตบบ่าพนักงานดูแลลูกค้าอย่างเป็นกันเองและยิ้มให้เขาซึ่งตอนนี้สั่นไปทั้งตัว“รบกวนเจ้าช่วยนับเงินด้วย เราไม่มีบัตรเครดิต พกมาแต่เงินสดแต่ข้ารู้อยู่แล้วว่าคนอย่างเจ้ารอรับเงินเยอะแยะอยู่แล้วคงไม่เกี่ยงเรื่องนับเงินหรอกนะ”
พอเย่คงปล่อยคนผู้นั้น เขาสั่นขาอ่อนแทบจะทรุดตัวลงกับพื้น
“ไม่อาจขายได้...”
สหายของเขาที่อยู่ห่างออกไปเมื่อเห็นเหตุการณ์กลับตาลปัตรกะทันหันก็รีบโบกมือปฏิเสธทันที “สมบัติประจำร้านของเมืองไม่สามารถขายได้ จะให้มากเท่าไหร่ก็ไม่ขาย หนึ่งล้านเหรียญทองเป็นราคาขั้นต่ำของร้าน ราคาขนาดนี้ไม่มีใครขายกัน และจะไม่ขายออกไปด้วย”