ตอนที่แล้วตอนที่ 631 หลี่หรันบุรุษเหล็ก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 633 เปิดเผยจนได้

ตอนที่ 632 กลยุทธ์หมายเลขห้า


เหออิงจ้องมองคลื่นสีดำที่มาถึงอย่างตกใจ

‘กองทัพนั่นมาจากไหนกัน?  มีกองทัพอยู่ในในเมืองทรายขาวที่ข้าไม่รู้ได้ยังไง?’  เหออิงเริ่มตื่นตระหนกเป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญกับความรู้สึกสูญเสียการควบคุมตัวเอง

“พวกเจ้าเป็นใคร?”  เหออิงตะโกน “นี่คือแผ่นดินของกองพลที่สอง ผู้บุกรุกจะต้องถูกปราบปราม!”

หน่วยหน้าทะลวงฟันที่อยู่ข้างๆ เขามีปฏิกิริยาในที่สุด  ทุกคนเตรียมเผชิญกับศัตรูที่กำลังมาถึง เฉียวอี้อันไม่สนใจหลี่หรันและกลุ่มของเขาอีกต่อไปและเหาะมาอยู่ข้างตัวเหออิง

ถังโฉ่วมองดูถังเทียน เขาไม่เข้าใจสถานการณ์ชัดเจนและไม่รู้ว่าเหออิงกับถังเทียนเป็นสหายหรือศัตรู

ถังเทียนหมั่นไส้เหออิงอยู่นานแล้ว โบกมือทันที  “ศัตรู”

ศัตรูตามคำนิยามสำหรับถังโฉ่วก็หมายความว่าไม่มีอะไรต้องเจรจากัน  สำหรับถังโฉ่ว ศัตรูมีจุดจบประการเดียวนั่นคือต้องกำจัด!

การยืนยันสถานะของพวกเขา ถังโฉ่วใจเข้าบุคลิกของเขาได้ทันที

ตาของเขาเป็นประกายร้อนแรง ตลอดทั้งร่างปลดปล่อยรังสีฆ่าฟันเยือกเย็น เขาจดจ่อมากยิ่งขึ้นและมองไปรอบๆ ทุกอย่างที่อยู่ต่อหน้าเขาแจ่มชัดเหมือนกลางวัน

ท่าทางที่ระมัดระวังของหน่วยกองหน้า  กระบี่ของเฉียวอี่อัน...

เขาตัดสินได้ทันทีว่าพวกเขาคือกลุ่มนักสู้โดดเดี่ยว เขาได้รับรายงานของปิงเกี่ยวกองทัพของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์อย่างละเอียด  และรู้ว่าหน่วยเล็กๆจะมีชื่อเฉพาะว่ากองหน้าหน่วยทะลวงฟัน

ถังโฉ่วคือผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์และได้เริ่มวางแผนไว้แต่แรกหลังจากได้อ่านรายงานแล้ว วิธีรับมือกับกองทัพดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นเขาจะลืมหน่วยกองหน้าทะลวงฟันนี้ได้ยังไง?

“กองกำลังกะโหลก กลยุทธ์หมายเลขห้า!”

ถังโฉ่วพูดโดยไม่ลังเลชื่อของกะโหลกชมพูเป็นที่น่าขันและน่ารังเกียจสำหรับทหารที่แข็งกร้าวและเด็ดขาดอย่างถังโฉ่ว  แม้แต่ชื่อกองกำลังกะโหลกสำหรับถังโฉ่วก็ยังรู้สึกรังเกียจ  ชื่อแบบนั้นจะเหมาะกับกองทัพได้ยังไง?  แต่อายะก็ไม่ยอมลดราวาศอกในจุดนี้  นี่คือกลุ่มที่บรรพบุรุษของนางสร้างขึ้นมา ถ้าพวกเขาต้องเปลี่ยนชื่อไปเป็นอย่างอื่นนางไม่มีทางยอมรับได้

ความจริงนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเมื่อสตรียอมตายเพื่อทำอะไรบางอย่าง  ต่อให้ขุนศึกผู้ลือชื่อก็ทำอะไรไม่ได้

เมื่อได้ยินว่ากลยุทธ์หมายเลขห้า  อายะใจตึงเครียดทันที กลยุทธ์นี้ถูกสร้างมาจากกลยุทธ์บ่วงดาบกระโจน ถังโฉ่วคิดค้นจัดการใหม่โดยทำให้เข้มข้นยิ่งขึ้น

เพราะกลยุทธ์นี้ ทั้งกองกำลังจึงต้องลำบากยากแสนเข็น

ในอดีตอายะมักจะภูมิใจกับการฝึกฝนของกองกำลังกะโหลกชมพู  ทุกคนต้องรู้ว่ากองทหารรับจ้างส่วนใหญ่จะฝึกฝนน้อย  แต่ตรงกันข้ามสำหรับกองกำลังกะโหลกชมพูสามารถอยู่มาได้ถึงสามชั่วคน เป็นเพราะพวกเขายังคงฝึกฝนอย่างเข้มงวดต่อเนื่อง

นายจ้างทุกคนยกย่องการฝึกฝนของพวกเขาและนายจ้างหลายคนก็ชื่นชมว่าการฝึกฝนของกะโหลกชมพูโดดเด่นมากเมื่อเทียบกับกองทัพที่แท้จริง

อายะมักคิดเช่นนั้นเสมอ จนกระทั่งนางพบกับถังโฉ่ว

‘ฝึกบ้าบออะไรกัน’

เป็นครั้งแรกที่นางเกลียดการฝึกอย่างหนักไม่เพียงแต่นางเท่านั้นทุกคนในกลุ่มกะโหลกชมพูรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาตกอยู่ในนรกเบื้องต่ำที่สุด  ดังนั้นการฝึกกลายเป็นเรื่องน่ากลัวมาก

ถ้าไม่ใช่เพราะการฝึกของกองพลนางแอ่นมีมาตรฐานและความรุนแรงเท่ากัน  อายะคงมีความคิดว่าถังโฉ่วคงมีความเกลียดกลุ่มกะโหลกชมพูเป็นแน่  กะโหลกชมพูคงต้องไปล่วงเกินคนมีอำนาจแน่  ดังนั้นสถานการณ์ของพวกเขาจึงมืดมัว  มิฉะนั้น...

แต่อายะและพวกยังคงยืนกราน

กลยุทธ์หมายเลขห้า!

ราวกับว่าเป็นสัญชาตญาณ ทหารทั้งหมดของกองกำลังกะโหลกคลายตัวเหมือนกับสปริงและวิ่งไปข้างหน้า

การเปลี่ยนแปลงกะทันหันทำให้ทุกคนตกใจ  เหออิงอดแค่นเสียงไม่ได้  งานของผู้บัญชาการกองพลที่สองมิใช่ได้มาเพราะมีเครือข่ายโยงใยมาตรฐานการนำและสั่งการของเขาโดดเด่น ดังนั้นเมื่อเห็นความเคลื่อนไหวที่สับสน ดังนั้นเขาเริ่มหัวเราะ  โอว..พวกนี้ก็แค่เสือกระดาษ

ความเคลื่อนไหวใดๆ ของกองทัพจำเป็นต้องให้ความสนใจใกล้ชิด  วิธีการเคลื่อนไหวของพวกเขา  วิธีการประสานพลังงาน ฯลฯแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือผู้บัญชาการ ผู้บัญชาการคือแกนหลักและในการควบคุมทุกการเคลื่อนไหวของกองทัพเห็นได้ชัดว่ากองกำลังที่อยู่ด้านหน้าพวกเขา สตรีผู้นี้ไม่มีสัญชาตญาณใดๆ ของผู้บัญชาการเลย

ไม่มีการประสานงานที่เหมาะสมพอจะอ้างอิงได้  แต่ถ้าผู้บัญชาการรู้สิ่งที่พวกเขากำลังทำก็อาจทำให้พวกเขาเป็นกระสุนมนุษย์ได้ง่ายๆ

กระสุนมนุษย์!

เหออิงแค่นเสียง แม้ว่ากองหน้าทะลวงฟันจะไม่มีจำนวนมาก แต่พวกเขาเป็นยอดฝีมือกันทุกคน ความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาไม่ด้อยไปกว่ากองทัพที่แท้จริง  รับมือกับกระสุนมนุษย์อย่างนี้ก็เหมือนกับหั่นผัก

“ฆ่าพวกมัน!”

เหออิงคำรามทำให้กองหน้าทะลวงฟันยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นและพวกเขาคำรามโห่ร้องขณะกระโจนเข้าหาศัตรูของพวกเขา

ศัตรูเป็นแค่กระสุนมนุษย์ขนานแท้  เมื่อสองฝ่ายเตรียมเข้าประจัญบาน  พวกเขาก็ต้องถอยกลับจริงๆ

อ่อนเสียเหลือเกิน!

เหออิงอดเย้ยหยันมิได้ หน่วยกองหน้าทะลวงฟันของเขาแต่ละคนดุร้ายแข็งแรง จะดีมากเลยถ้าศัตรูสู้ไม่ถอย  แต่เมื่อพวกเขาถอยทหารที่น่ากลัวเหล่านั้นก็จะโต้ตอบกลับหนักยิ่งขึ้น

เป็นไปตามคาดกำลังใจของหน่วยหน้าทะลวงฟันเพิ่มขึ้นมาก  ราวกับว่ากินยาโด๊บ ตาของพวกเขาจับจ้องมองศัตรูเหมือนกับว่าพวกเขาได้กลิ่นคาวเลือดแล้ว

อายะขบฟันแน่น หน้าของนางแดงก่ำ นางกำลังจะนำกำลังของนางหนีอย่างใจจดใจจ่อ จากนั้นนางตระหนักได้เพียงว่า ความเคลื่อนไหวกลยุทธ์ที่ได้ฝึกเกี่ยวกับตีวงล้อมก็คือเตรียมตัวจะหนี

นางอายและโกรธ นางต้องการจะแสดงความโกรธออกมา เป็นครั้งแรกในประวัติการสู้รบของนางที่นางจะต้องก้มหน้าหนี  จากรุ่นปู่สู่รุ่นบิดาของนาง พวกเขามักคิดเสมอว่าในฐานะทหารคนหนึ่งนางกล้าหาญ การนำทหารของนางขึ้นหน้า..

‘ถ้าพวกท่านรู้ว่าข้ากำลังจะนำทหารของพวกท่านหลบหนีจริงๆ  พวกท่านจะคลานออกมาจากโลงด้วยความโมโหหรือเปล่า?’

นี่มันน่าขายหน้าเกินไป!

น้ำตาคลออยู่ในเบ้าตานาง นางมักจะต่อสู้แนวหน้าเสมอและฆ่า

เจ้าโรคจิตนั่นเปลี่ยนกลยุทธ์บ่วงดาบกระโจนเสียจนยุ่งเหยิง..

ไม่ว่านางจะรู้สึกอายเพียงไหน แต่การฝึกในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาได้สลักลึกลงในใจนาง กลุ่มของนางคือส่วนที่สำคัญที่สุดของรูปกระบวนกลยุทธ์  และนางคือหัวใจสำคัญของกลุ่ม  ใช่แล้ว ตอนนี้นางคือหัวใจสำคัญของกลุ่ม เจ้าแม่ทัพโรคจิตบอกว่านางเป็นผู้บัญชาการที่ยังขาดคุณสมบัติ และแค่นั้นก็แทบจะทำให้หน่วยกะโหลกก่อการจลาจล  อายะนำกะโหลกชมพูมาหลายปี  และทุกคนเชื่อใจนาง

แม้ว่าอายะจะโกรธเรื่องนี้ แต่นางก็ห้ามคนของนาง เพราะนางสังเกตว่าหน่วยกะโหลกไม่มีการนำบัญชาการ และนางคิดว่าเจ้าแม่ทัพโรคจิตจะควบคุมพวกเขาอย่างตาบอด

นางยังคงนับเวลา

....สี่  ห้า....

เจ็ด, แปด!

ตอนนี้เลย!

แยก เลี้ยว ประชิดกระบวน!

ทั้งร้อยคนเคลื่อนไหวเหมือนกันในเวลาเดียวกัน  ก้าวของทุกคนชะงักพร้อมกันกระบวนการทั้งหมดเป็นไปโดยธรรมชาติ

อายะเงยหน้านางและมองดูรอยยิ้มที่น่ากลัวบนใบหน้าของศัตรู  ขณะนั้นพลังการผสานของทุกคนสมบูรณ์แล้ว

ม่านพลังงานที่เห็นได้ทะลักออกมาจากขบวนศึกของพวกเขาปกป้องพวกเขาไว้ตรงกลาง

จากมุมมองของพวกเขา ศัตรูกำลังทะยานตรงเข้ามาหาพวกเขา อาวุธของพวกเขากวัดแกว่งเปล่งประกายแสง ขณะที่อายะควบคุมพลังงานของกลุ่มของนาง มีสิ่งเดียวที่นางต้องยอมรับคือ เจ้าแม่ทัพโรคจิตพูดอย่างสมเหตุผล  แม้ว่านางจะสามารถควบคุมหน่วยกะโหลกทั้งหมดได้ แต่ความสามารถในการควบคุมของนางยังไม่นับว่าดี  แต่ภายใต้สถานการณ์ของคนร้อยคน  นางอาจทำได้ดี

ปัง ปัง ปัง!

พลังโจมตีของฝ่ายตรงข้ามปะทะบนม่านพลังงานเหมือนกับคลื่นน้ำ  ม่านพลังงานแผ่เป็นระลอกออกไปอย่างรุนแรง  ทุกคนรู้สึกเจ็บที่อกของพวกเขาขณะที่พลังงานในร่างของพวกเขาได้รับผลกระทบ  พลังโจมตีรุนแรงแข็งแกร่งมากกว่าที่อายะคาดไว้ จนทำให้นางตกใจ  ยอดฝีมือ!  พวกเขาเป็นยอดฝีมือกันทุกคน!  พลังโจมตีของแต่ละคนนั้นเด็ดขาดและน่ากลัว

นางไม่เคยพบยอดฝีมือแบบนั้นมาก่อนในชีวิตของนาง

อายะทนฝืนใช้พลังของนางทั้งหมดควบคุมพลังงานทั้งหมด  แม้ว่าระลอกบนม่านพลังงานจะทรงพลังมาก  แต่มันไม่สามารถทำลายม่านพลังได้

ในท่ามกลางพลังระเบิด ม่านพลังงานเปลี่ยนถ่ายพลังโจมตีที่รุนแรงจนทำให้นางตัวชา

นางตกใจ ศัตรูไม่สามารถหยุดได้ และจากทุกๆสองคนจะมียอดฝีมือระดับเงิน นางไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมียอดฝีมือมากนัก มันน่ากลัวมาก พวกเขาเป็นศัตรูที่พวกเขาสามารถรับมือได้หรือ?

หลังจากตกใจ หัวใจของอายะเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง สมาชิกข้างๆ นางเริ่มตัวแดงลามขึ้นมาถึงคอ ทุกคนทุ่มเทพลังทั้งหมด

หลังจากนั้นราว 10 วินาที ม่านพลังปกป้องจะแตกสลาย

เราจะตายที่นี่กันหรือ?

อายะถูกกดดันหนักอย่างสิ้นเชิงจนไม่ทันสังเกตว่ามีหน่วยเล็กอีกสองหน่วยที่กวาดพลังเข้ามาและผสานการโจมตีของพวกเขา

พวกเขาก่อวงล้อมได้สำเร็จ!

สองหน่วยเล็กคล้ายกับดาบที่คมกล้าซึ่งจู่ๆก็ปรากฏขึ้นมาตรงกลางและฟันใส่กองหน้าหน่วยทะลวงฟันในระดับเอว

จากนั้นเป็นกลุ่มเล็กอีกหกกลุ่มฟันข้างหน้าในมุมเฉียง

ในเวลาแค่สิบวินาทีหน่วยกองหน้าทะลวงฟันถูกแบ่งออกอย่างสิ้นเชิง

อายะเรียกความรู้สึกกลับคืนมาได้หลังจากผ่านไปสิบวินาที เพราะการโจมตีใส่ม่านพลังปกป้องลดลงอย่างมาก  อายะเหมือนกับได้เกิดใหม่ นางเงยหน้าขึ้น  การประเมินสถานการณ์ถึงกับทำให้นางต้องตกใจ

มีร่างของศัตรูหลายคนอยู่บนพื้น

เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยศัตรูก็เริ่มโจมตีใส่อายะอีกครั้ง อายะเตรียมรับมือศัตรูแล้ว เมื่อหน่วยย่อยโผล่ออกมาอีกครั้ง ก็กวาดศัตรูออกไปได้อีก

ศัตรูอื่นอีกสองคนหลั่งเลือดนองพื้น  ผู้โชคดีรอดตายก็เริ่มถอยทันที

“หัวหน้า, อย่ายืนงงสิ!” บุรุษตาสามเหลี่ยมตะโกนและยังคงเร่งฝีเท้าตามหน่วยย่อย

อายะมีกำลังใจเพิ่มขึ้น เวลานี้งานของนางไม่ใช่มัวแต่ยืนงง แต่ต้องสร้างวงล้อมขนาดเล็กและเข้าโจมตีให้เสร็จสมบูรณ์

หน้าดำของถังโฉ่วโผล่ขึ้นมาในใจนาง  นางสั่นทันทีและตะโกนอย่างตื่นเต้น  “ไป!”

ซวยแล้ว!

‘เมื่อศึกนี้จบข้าคงโดนลงโทษให้ฝึกหนักกว่าเก่าแน่...’

เหออิงจ้องมองสนามรบด้วยความตกใจ,การตัดแบ่งอย่างต่อเนื่องและฟันใส่หน่วยกองหน้าทะลวงฟันทำให้เขาสะท้านใจ  พลังของศัตรูเหมือนกับมีดที่คม ดาบของพวกเขาทั้งหมดมีความแม่นยำมากเหมือนใช้เครื่องจักรคำนวณเป็นอย่างดี

หน่วยกองหน้าทะลวงฟันที่ไม่มีใครหยุดได้นี้กลับต้านทานไม่ได้เลยในขณะนั้น พลังความแข็งแกร่งที่น่าภาคภูมิใจไม่สามารถแสดงอำนาจออกมาได้เลย

เหออิงรู้เหตุผลที่พวกเขาไม่สามารถแสดงพลังออกมาได้ ฝ่ายตรงข้ามยังรักษาความได้เปรียบในเรื่องพลังไว้ได้ตั้งแต่ต้นกระบวนศึกของพวกเขายืดหยุ่นมาก ลงมือได้แม่นยำและรวดเร็วเหมือนเครื่องจักรกล แม้ขณะเมื่อหน่วยกองหน้าทะลวงฟันที่เหลือสามถึงห้าคน  ฝ่ายตรงข้ามก็ยังมีส่วนร่วมเคลื่อนไหวและฟันใส่พวกเขาโดยไม่หยุดชะงักเหมือนกับเป็นเครื่องจักรกลที่สมบูรณ์แบบ

กลยุทธ์ที่เข้มแข็งทำให้ตลอดทั้งตัวของเหออิงเย็นเฉียบ

ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมฝ่ายตรงข้ามถึงไม่มีรังสีของผู้บัญชาการ  เพราะกระบวนศึกของพวกเขาไม่จำเป็นต้องมี

‘มีกลยุทธ์ที่แปลกประหลาดแบบนั้นในโลกนี้ได้ยังไง...’

ไม่เพียงแต่เหออิงเท่านั้นที่ร่างเย็นเฉียบ  ทุกคนที่ได้เห็นรู้สึกสั่นสะท้านถึงไขสันหลัง พวกเขารู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขากำลังดูเครื่องหั่นเนื้อขนาดใหญ่ หั่นอย่างต่อเนื่องไม่มีอารมณ์ไม่มีความเมตตา ไม่รู้สึกเบื่อโดยปราศจากความกระตือรือร้นทั้งสิ้น

ด้านนอกคฤหาสน์จันทรา เสียงตะโกนลดน้อยลง เสียงร้องโหยหวนเริ่มหยุดลง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด