ตัวประกอบแรงค์ EX — 0010
4. เส้นทางเพลเยอร์ (1)
* * *
เพลเยอร์ชาวเกาหลีใต้จะมี ‘แสงประทาน’ ก็ต่อเมื่อเมื่ออายุครบสิบเจ็ดปีเท่านั้น
ย้อนกลับไปเมื่อก่อน หลังจากเกิดความขัดแย้งกับต่างโลกมานานกว่าทศวรรษ พลังพิเศษของเพลเยอร์ทยอยถือกำเนิดขึ้นโดยไม่จำกัดอายุ
แต่แสงประทานที่ไม่แยแสกฎฟิสิกส์ ค่านิยม และแนวคิดใดๆ ทั้งสิ้น คือสิ่งที่ร่างกายและจิตใจที่ด้อยประสบการณ์มิอาจรับมือไหว
จนเกิดเหตุร้ายมากมายที่มีแสงประทานของผู้เยาว์เป็นต้นตอ
แม้กฎหมายจะถูกบัญญัติขึ้น แต่ฝ่ายบังคับใช้กลับมิได้เคร่งครัดเท่าที่ควร
จนกระทั่งสามสิบปีก่อน
ณ โรงเรียนประถมซอกูที่ปิดไปแล้ว, ย่านคังวอนโด
ย้อนกลับไปในตอนนั้น นักเรียนประถมสามห้องได้รับเคราะห์จากแสงประทานที่ควบคุมไม่อยู่
ประชาชนต่างเดือดดาลและวิจารณ์รัฐบาลที่ไม่ยอมดำเนินการควบคุมแสงประทานเสียที
ผลที่ตามมาคือพระราชบัญญัติผนึกแสงประทานในเยาวชน
มันถูกเรียกว่า ‘พระราชบัญญัติซอกู’
เป็นกฎหมายฉบับที่ห้ามเพลเยอร์อายุต่ำกว่าสิบเจ็ดปีใช้แสงประทาน
ทันทีที่ผู้เล่นอายุต่ำกว่าสิบเจ็ดปีฉายแววเป็นเพลเยอร์ ทางสมาคมเพลเยอร์จะฝังตราประทับเพื่อ ‘ผนึก’ แสงประทานเอาไว้
แต่ในตอนนี้
หนึ่งมกราคม
ฉันในโลกนี้มีอายุครบสิบเจ็ดปีและสามารถใช้แสงประทาน
‘ตราประทับหายไปแล้ว’
จุดสีแดงขนาดเท่าเล็บหัวแม่มือ อันตรธานหายไปจากข้อมือซ้ายเมื่อย่างเข้าวันที่หนึ่งมกราคม
ทันทีที่ผนึกของแสงประทานหายไป ฉันรับรู้ได้ทันทีว่าแสงประทานของตัวเองคืออะไร
[ปาฏิหาริย์กลายเป็นแสงสว่างและส่องลงมายังร่างกาย]
‘เหมือนกับข้อความในเกมตอนที่บรรยายถึงแสงประทานของแบคโฮกุน…!’
สัญชาตญาณกำลังร้องบอกว่า แสงประทานของฉันเป็นแบบไหน
และรู้ได้ทันทีว่ามันใช้ยังไง
〈ท่านใช้แสงประทาน, ‘เส้นทางเพลเยอร์’ 〉
เมื่อใช้แสงประทาน การ์ดหลายร้อยใบที่ส่องแสงหลากสีสัน ทยอยพรั่งพรูออกจากร่างกายฉัน
ทันทีที่เห็นการ์ด ฉันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
‘ตัวละครที่เราเคยควบคุม…!’
สิ่งที่อยู่บนการ์ดคือตัวละครที่เติบโตมาพร้อมกับฉันตลอดสิบปีในเกม
พวกเขาเคยเรียงกันอยู่ในหน้าเมนู ที่เลือกได้ว่าจะเล่นเนื้อเรื่องหรือเควสต์
การ์ดตัวละครเหล่านั้นกำลังเปล่งประกายอยู่เบื้องหน้า
พระเอกและนางเอกของเกมที่ปรากฏตัวบนป้ายโฆษณาเกม
ตัวละครสมทบที่ดังกว่าตัวหลัก
ตัวประกอบที่โผล่หน้าแค่ครั้งสองครั้งแล้วก็ตาย
และแม้แต่แบคโฮกุนที่ฉันควบคุมจนถึงวินาทีสุดท้าย
หลังจากได้เห็นการ์ด ฉันเปิดเมนูเพื่อตรวจสอบคำอธิบายอย่างละเอียดของแสงประทาน
〈เรียกดูรายละเอียดของแสงประทาน ‘เส้นทางเพลเยอร์’ 〉
[เส้นทางเพลเยอร์]
มันจำลองเส้นทาง ความก้าวหน้า และบันทึกความฝันทั้งหมด จากอนาคตของอีกมิติหนึ่งที่อยู่ในรูปแบบของเกม
—
ตามคำอธิบายของเมนู การ์ดไม่ได้มีแค่ร่างสุดท้ายของตัวละครที่ถูกพัฒนาจนสมบูรณ์
ในแต่ละตัวละคร พัฒนาการในแต่ละช่วงจะถูกบันทึกไว้ในการ์ดแต่ละใบ
แค่การ์ดของแบคโฮกุนคนเดียวก็มีหลายสิบใบแล้ว
นอกจากนั้น…
‘การ์ดของอูซังฮี…’
ร่างที่ทำพันธสัญญากับเนเมซิส—เทพธิดาแห่งการล้างแค้น—โดยละทิ้งอนาคตและกลายเป็นนักล่าสัตว์อสูรเต็มตัว
‘นี่คือบันทึกการเล่นเกมของฉัน’
เพราะอนาคตที่อูซังฮีจะกลายเป็นปีศาจ ตอนนี้หายไปแล้ว
ดังนั้น การ์ดของอูซังฮี—สุดยอดนักล่าสัตว์อสูร—จึงเป็นแค่ความเป็นไปได้จากอีกมิติหนึ่ง
ใบแล้ว ใบเล่า
ทุกครั้งที่เห็นการ์ด อารมณ์มากมายผุดขึ้นในความคิดของฉันแล้วก็หายไป
‘การ์ดใบนี้สมัยเรียนจบมัธยมปลาย… ใบนี้ตอนอยู่ในค่ายทหาร และใบนี้ตอนเตรียมตัวทำงาน…’
ช่วงชีวิตตลอดสิบปีของฉัน
การ์ดทั้งหมดคือตัวละครที่ผ่านช่วงเวลาแห่งความสุขและทุกข์ยากมาด้วยกัน
ไม่เพียงจะได้เห็นการเติบโตของพวกเขา แต่ทุกคนคือเครื่องยืนยันความพยายามของฉัน
บันทึกเส้นทางทั้งหมดที่ฉันเล่นผ่านมา
พวกมันกลายเป็นการ์ดที่ส่องแสงระยิบระยับอยู่เบื้องหน้าราวกับดวงดาว
ฉันหยุดมองการ์ดเป็นเวลานาน
ในตอนจบ ตัวละครที่เคยควบคุมเสียชีวิตทั้งหมด
การ์ดทุกใบคือตัวละครที่ตายไปแล้ว
‘แต่ถึงจะตายไปกลางทาง ทุกตัวก็ถูกรีดศักยภาพจนถึงขีดสุด’
ฉันเคยอาลัยอาวรณ์กับตัวละครที่ตายไปกลางเรื่อง จึงคอยบ่มเพาะพวกเขาผ่านโหมด ‘ฟรีแบตเทิล’ และ ‘ฟรีเควสต์’
ในใจลึกๆ ก็คาดหวังว่าในอนาคต ‘ตัวละครที่ตายไปแล้วจะกลับมาคืนชีพ’
ตัวละครที่เสียชีวิตจะนำมาเล่นในเนื้อเรื่องไม่ได้ แต่ยังสามารถพัฒนาได้อยู่
ฉันที่เป็นเพลเยอร์เดนตายของเพลเมโก ไม่เคยละทิ้งตัวละครใดเลย และพัฒนาพวกเขาจนถึงขีดสุดทั้งหมด
‘คราวนี้มาจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งกันเถอะ’
การ์ดตรงหน้ากะพริบวิบวับราวกับกำลังตอบสนองความคิดของฉัน
‘ขอทดสอบดูหน่อยก็แล้วกัน!’
ถ้าจะให้เลือกการ์ดใบแรก แน่นอนว่าต้องเป็นตัวละครหลักของฉัน แบคโฮกุน
จากบรรดาการ์ดของแบคโฮกุน ฉันเรียกเวอร์ชันสุดท้ายที่ปลดพันธนาการ ‘โทสะเทพสวรรค์’ เรียบร้อยแล้ว
แต่ยังไม่ทันจะได้ใช้การ์ด
ประโยคที่เขียนอยู่ใต้การ์ดเตะตาเป็นพิเศษ
[ใช้งานได้ 3 วินาที]
“สามวินาทีจะไปทำอะไรได้ฟะ!”
การ์ดที่แข็งแกร่งเกินไปมีอายุขัยสั้นเหลือเกิน
* * *
หนึ่งมกราคม เที่ยงคืนสิบเก้านาที
ฉันออกจากบ้าน
สายลมใบมีดพัดปะทะด้วยแรงผลักที่ราวกับจะตัดร่างกายให้ขาด
‘จะแช่ให้แข็งตายเลยหรือไง’
พิจารณาจากสภาพแวดล้อม ฉันแต่งตัวบางไปนิด จึงรู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าไปในก้อนน้ำแข็ง
ใจจริงก็อยากเดินย้อนกลับบ้านทันที แต่วันนี้มีบางสิ่งต้องไปทำ
ฉันเคยสัญญากับตัวเองหลายครั้ง ว่าจะทำมันทันทีที่ได้รับแสงประทานที่พอใช้การได้
‘เคยคิดว่าอาจต้องยืมพลังจากเสือเหลืองหรือไม่ก็ฮงกยูบิน แต่โชคดีที่เรื่องแบบนั้นไม่เกิดขึ้น’
‘เส้นทางเพลเยอร์’ ยอดเยี่ยมกว่าที่คาดไว้มาก
ได้เวลาดำเนินแผนถัดไปแล้ว
‘ไม่ต่างอะไรกับการสมัครใจกระโดดลงนรกด้วยตัวเอง’
ฉันยังขนลุกทุกครั้งที่หวนนึกถึงช่วงเวลาที่เคยเผชิญหน้ากับเอนามี
มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับการสัมผัสผ่านหน้าจอโทรศัพท์
‘อดีตสวะติดเกมอย่างฉัน พอเจอของจริงแล้วจะทำได้ดีแค่ไหนนะ?’
เฮ้อ
เมื่อถอนหายใจยาว ไอน้ำสีฟ้ากระจายไปทั่วผืนนภายามค่ำคืน กลายเป็นเมฆหมอกลอยอยู่ตรงหน้าฉัน
ปิ๊งป่อง
เสียงเตือนดังขึ้นจากอุปกรณ์สวมใส่
เป็นเสียงเตือนข้อความจากแชตกลุ่มที่มีฉัน จางนัมอุก และอูซังฮุน
ข้อความที่ไม่ได้อ่านเพราะตั้งใจทดสอบแสงประทาน ยาวติดกันเป็นพรืด
[จางนัมอุก] อึยชิน ซังฮุน สุขสันต์วันปีใหม่! ถึงฉันจะไปเรียนที่อื่น แต่พวกเรามานัดเจอกันบ่อยๆ นะ ขอให้เป็นปีที่ดี!
[อูซังฮุน] HNY
[จางนัมอุก] ซังฮุน ถ้านายขี้เกียจพิมพ์ข้อความ ส่งข้อความเสียงมาแทนก็ได้ หรือแค่ส่งสติกเกอร์ฉันก็ดีใจแล้ว
[อูซังฮุน] อา
[จางนัมอุก] แบบนั้นแหละ… วันนี้หนาวมากเลย ระวังอย่าเป็นหวัดกันล่ะ
[อูซังฮุน] อา
ฉันหยุดเดินพลางก้มมองแชตด้วยสายตาเหม่อลอย
จากนั้นก็ขยับนิ้วเพื่อพิมพ์ข้อความ
[คุณ] HNY
ฉันส่งข้อความพร้อมกับยิ้มโดยไม่มีเหตุผล
ได้เห็นข้อความฉัน จางนัมอุกบ่นอุบอิบแบบเดิม ส่วนอูซังฮุนตอบกลับด้วย ‘ฮ่า’
แค่หยุดอ่านข้อความครู่เดียว ดูเหมือนอากาศจะอุ่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ฉันปิดการแจ้งเตือนและ GPS ทั้งหมด จากนั้นก็เริ่มวิ่ง
〈ท่านใช้แสงประทาน ‘เส้นทางเพลเยอร์’ 〉
ตัวละครจากการ์ดที่ฉันเลือกใช้ในคราว คือบุคคลที่จะกลายเป็นหัวหน้าทีมในอนาคต ซึ่งปีนี้กำลังเรียนอยู่ชั้นปีสาม ‘โอฮเยจี—แสงวาบในรัตติกาลสีดำ’
〈ท่านใช้แสงประทานของตัวละครเป้าหมาย, ‘โพธิสัตว์ใต้แสงจันทร์’ 〉
โพธิสัตว์ใต้แสงจันทร์จะช่วยเพิ่มพลังการกระโดดและความเร็วในตอนกลางคืนหลายเท่า โดยเฉพาะในยามที่เห็นพระจันทร์
ในเกมมักถูกเรียกว่า ‘แสงประทานขยะ’ เมื่อเทียบความโกงกับของคนอื่น
อย่างไรก็ดี หากบรรลุเงื่อนไขได้ครบ โพธิสัตว์ใต้แสงจันทร์จะกลายเป็นอาวุธร้ายทันที
‘คงต้องพึ่งพาการ์ดเพื่อประหยัดพลังงานและเวลา’
บนท้องฟ้ากำลังมี ‘ซูเปอร์มูน’ ลอยเด่นสง่า
ร่างกายของฉันละลายไปกับท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างรวดเร็ว
* * *
ศูนย์ประชุมแห่งหนึ่งบนเกาะยออึยโด กำลังจัดงานเลี้ยงต้อนรับปีใหม่
ท่ามกลางฉากหลังเป็นแม่น้ำฮันและท้องฟ้ายามค่ำคืน การเพิ่มแสงในแนวนอนช่วยสร้างเอฟเฟคสามมิติแก่อาคาร
ห้องโถงด้านในกว้างประมาณห้าร้อยพยองต่อหนึ่งชั้น
มีผู้เข้าร่วมงานประมาณหนึ่งพันคน และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกว่าร้อยนาย
ฉันกวาดสายตาไปรอบศูนย์ประชุม
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่กำลังเข้าเวร เคลื่อนไหวเป็นกลุ่มสามคนและคอยรายงานผ่านต่างหูในทุกสิบนาที
‘ระดับความปลอดภัยสูงมาก แทรกซึมได้ยากจริงๆ’
แม้จะมีตัวละครหนึ่งเหมาะแก่การแทรกซึมมาก แต่ก็สิ้นเปลืองพลังงานจนน่าใจหาย
หากงัดการ์ดใบนั้นออกมาใช้ ฉันเกรงว่าอาจไม่เหลือพลังงานสำหรับหลบหนี
‘ก็เลยต้องใช้อีกคนแทน’
ฉันเดินตรงเข้าไปทางประตูหน้า
“สวัสดีครับ ช่วยแสดงบัตรเชิญด้วย”
ฉันชะงักฝีเท้า
แม้จะกำลังใส่สูททักซิโด้ แต่ร่างกายก็ยังเป็นเด็กมัธยมปลาย
อย่างไรก็ดี เวรยามยังคงทักทายอย่างสุภาพ
‘ดูเหมือนว่าจะมีพวกลูกท่านหลานเธอเข้ามาในงานเพียบเลยสินะ’
ฉันเชิดคางด้วยสีหน้าเป็นนัยว่า ‘เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ?’ จากนั้นก็เปล่งเสียงหน้านิ่ง
“บัตรเชิญ?”
“ครับ ที่นี่เป็นเขตจำกัดการเข้าชม…”
“ด…เดี๋ยวก่อน!”
เวรยามข้างๆ พูดแทรกคล้ายกับรู้จักใบหน้าของฉัน
“นักเรียนคนนี้… คนดัง!”
ท่าทีของเวรยามราวกับต้องการจะขอลายเซ็นเดี๋ยวนี้
“ลูกชายของ ‘ราชันเพลิงสีชาด’ คนดังคนนั้น! ‘มังกรแดงน้อย—ย็อมจุนยอล’ ลูกชายของย็อมบังยอล!”
ฉันยิ้มให้กับเวรยามที่จำได้
ตอนนี้ใบหน้าของฉันเป็นของ ‘มังกรแดงน้อย’ ย็อมจุนยอล หนึ่งในตัวละครที่ควบคุมได้
ทีม ‘สิงโตแดง’ ติดหนึ่งในห้ายอดทีมบุกจู่โจมต่างโลก
ย็อมจุนยอล ลูกชายคนเดียวของหัวหน้าทีมสิงโตแสง ย็อมบังยอล—ราชันเพลิงสีชาด
ปีนี้ย็อมจุนยอลจะเป็นนักเรียนปีสองของโรงเรียนแสงเงิน เขาคือเจ้าของแสงประทานที่สง่างามเหมาะสมกับมาดชนชั้นสูง
ภายใต้ร่มเงาของพ่อ ในอนาคตย็อมจุนยอลจะกลายเป็น ‘สตาร์เพลเยอร์’ ทันทีที่เข้าร่วมทีมโจมตีต่างโลก
‘เส้นทางเพลเยอร์’ สามารถจำลองรูปลักษณ์ของย็อมจุนยอลได้สมบูรณ์แบบ
‘แต่ไหนแต่ไร ย็อมจุนยอลเกลียดฉายา ‘มังกรแดงน้อย’ ที่ดาวเทียมเพลเยอร์SAT-K ตั้งให้มาก’
คำว่า ‘น้อย’ มักทำให้เขาเดือดดาล
การเรียกย็อมจุนยอลว่า ‘น้อย’ ต่อหน้าเขา มีค่าเท่ากับการหาเรื่อง
ฉันจึงควรจะหงุดหงิด
อาศัยพฤติกรรมที่เคยเห็นในเกม ฉันเลียนแบบสีหน้าของย็อมจุนยอล
“มังกรแดงน้อย?”
“ข…ขออภัยเป็นอย่างสูงครับ! ท่านมังกรแดง! ท่านดูโตกว่าที่เห็นในทีวีเยอะเลยนะครับ!”
ก็ควรจะเป็นแบบนั้น
ย็อมจุลยอลในโลกนี้ยังมีอายุแค่สิบแปด
แต่ร่างจำลองของฉันคือย็อมจุลยอลในตอนอายุสิบเก้า
พูดให้ชัดเจนก็คือ สิ่งนี้เป็นผลจากการบ่มเพาะตัวละครอย่างต่อเนื่อง แม้ย็อมจุนยอลจะตายไปในเนื้อเรื่องตั้งแต่อายุสิบเก้าแล้ว
ฉันตัดสินใจทำตัวโอหังต่อไป
“เห็นหน้าฉันแล้วยังถามหาบัตรเชิญอีก?”
จิตสังหารบางๆ ทำเอาเวรยามถึงกับผงะ
“ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงครับท่านมังกรแดง! พวกเรามีความจำเป็นต้องขอดูบัตรเชิญจริงๆ หรือจะเป็นบัตรเพลเยอร์ก็ได้… เพราะมีเพลเยอร์ไม่น้อยที่เชี่ยวชาญการปลอมตัว”
〈ท่านใช้แสงประทาน ‘อัญเชิญมังกรแดง’ 〉
ไม่พูดพร่ำทำเพลง ฉันเหยียดแขนออกไปแล้วอัญเชิญมังกรแดงที่เป็นสัญลักษณ์ของย็อมจุนยอล
ซู่ว!
เศียรมังกรค่อยๆ โผล่ขึ้นจากรอยแยกมิติที่เปิดออกเหนือปลายนิ้ว
อาจมีแสงประทานที่คล้ายคลึงกันบ้าง แต่ไม่มีทางเหมือนกันโดยสมบูรณ์ การเลียนแบบแสงประทานจึงเป็นไปไม่ได้
การมีอยู่ของมังกรแดงสามารถพิสูจน์ตัวตนย็อมจุนยอลได้ดี
“พวกนายคิดว่าสิ่งนี้เลียนแบบกันได้…?”
“ข…ขออภัยเป็นอย่างสูงครับ!”
เวรยามรีบใช้มือข้างหนึ่งกดต่างหูพลางรายงาน
“ครับ… ที่ประตูหน้า… ย็อมจุนยอลจะเข้างานครับ… ใช่ครับ มาคนเดียว”
อีกฝ่ายยังกังขาในการมาเยือนอย่างกะทันหันของย็อมจุนยอล
แต่สำหรับพวกเขา ย็อมจุนยอลคือบันไดชั้นดีสำหรับไต่ระดับไปถึงสายสัมพันธ์ที่ต้องการ
ไม่มีทางตัดทิ้งไปง่ายๆ แน่
‘คงรีบฉวยโอกาสนี้เพื่อสร้างความสัมพันธ์…’
และยิ่งย็อมจุนยอลมาคนเดียว พวกเขาก็ไม่ต้องกลัวว่าทางนี้จะก่อเรื่อง
กลับกัน ยังสามารถคำนวณว่าจะใช้เป็นตัวประกันได้ด้วย
และลำพังการมาเยือนที่นี่เพื่อเข้าร่วม ‘อีเวนต์นี้’ อีกฝ่ายสามารถใช้ข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นจุดอ่อนเล่นงานย็อมจุนยอล
ฉันมั่นใจว่าผู้จัดงานจะต้องปล่อยให้ย็อมจุนยอลผ่านเข้าไป
“ขออภัยเป็นอย่างสูงครับ เชิญครับ!”
ไม่ผิดจากที่คิด พวกเขาหลีกทางให้แต่โดยดี
* * *
อาจเป็นเพราะฉันยืมชื่อและหน้าย็อมจุนยอลมาใช้ ผู้จัดการจึงพาฉันมาหาประธานใหญ่ด้วยตัวเอง
ห้องจัดเลี้ยงที่ต้องผ่านทางเดินปูพรมแดง มีลักษณะเป็นโครงสร้างสองชั้น
บนชั้นลอยเต็มไปด้วยผู้ร่วมงานที่สวมเดรสและทักซิโด้
โคมไฟระย้าและผ้าม่านกำมะหยี่สีทองทำเอาฉันถึงกับแสบตา
‘เดรสโค้ดคือเวกัสโกลด์สินะ…’ (Vegas Gold)
เสื้อผ้า เครื่องประดับผม กระดุมข้อมือ และผ้าเช็ดหน้า ล้วนมีสีเวกัสโกลด์เต็มไปหมด
‘ความมั่งคั่งที่ได้มาจากการทำงานหนัก’
มีคนดังระดับ S และ A ไม่น้อยที่มาเข้าร่วมงานฉลองปีใหม่บนเช่าโรงแรมลอยฟ้า ซึ่งแพงกว่าห้องประชุมบนดินหลายเท่า
จึงไม่ผิดนักถ้าจะบอกว่า กลุ่มคนที่กำลังสนุกสนานกันอยู่ที่นี่ คือกลุ่มผู้ชนะของสังคมในยุคปัจจุบัน
แถมเจ้าภาพจัดงาน ก็ยังเป็นคนเดียวกับเจ้าของหอประชุม
“สำหรับงานเลี้ยงในวันนี้ ทางเราห้ามใช้อุปกรณ์บันทึกและอุปกรณ์สื่อสารทุกชนิดโดยไม่มีข้อแม้ ยกเว้นเฉพาะอุปกรณ์ภายในที่ใช้โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ได้โปรดเข้าใจด้วยครับ”
ผู้จัดการยังอธิบายคำเตือนอื่นๆ อีกเล็กน้อย ก่อนจะยื่นเหรียญเงินบริสุทธิ์ในกล่องสีทองให้ฉัน
“ขอให้สนุกนะครับ”
ผู้จัดการคำนับแล้วก็เดินจากไป
ฉันก้มมองเหรียญเงิน
〈เรียกดูข้อมูลไอเท็ม〉
[ชื่อไอเท็ม] เหรียญเงินจำลองคำสาบานให้เงียบ
[ลักษณะ] วัสดุสิ้นเปลือง
[เกรด] SR+++
[คุณสมบัติ] ใช้ในการสาบานให้เงียบ
[คำอธิบาย]
แบบจำลองของเหรียญเงินที่ใช้โดย ‘ซีเดเลนเที่ยม’ ราชันปีศาจแห่งความเงียบ
ด้านหน้าสลักตราประทับของซีเดเลนเที่ยม ส่วนด้านหลังสลักอีกา
หากสาบานด้วยเหรียญนี้ว่าจะเงียบ ข้อมูลที่เกี่ยวข้องจะมิอาจถูกถ่ายทอดได้ในทุกรูปแบบ
คำสาบานให้เงียบมิอาจถูกทำลายได้ เว้นเสียแต่จะใช้ไอเท็มทำลายคำสาปเกรด SSR ขึ้นไป หรือไม่ก็นำลิ้นออกเป็นการถาวร
สร้างโดย ‘อุงเนียโอจอมคร่ำครวญ’ หนึ่งในแปดเซียนของเผ่าแท้ (หมี) , หนึ่งในตำนานเผ่าหมี
—
อย่างที่คิด อุงเนียโอแห่งเผ่าหมี หนึ่งในแปดเซียนของเผ่าแท้ (หมี) ที่เรากำลังตามหา มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานเลี้ยงนี้ด้วย
‘ถ้ามาที่นี่แล้วไม่ยังไม่เจอ ก็ไม่รู้แล้วว่าต้องไปหาที่ไหน’
แต่ตอนนี้มีเรื่องด่วนกว่านั้น
ไว้ค่อยคิดเรื่องอุงเนียโอจอมคร่ำครวญทีหลัง
ฉันเดินออกจากห้องจัดเลี้ยงอย่างเงียบเชียบ เพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานที่เป้าหมาย
______________________
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (1/4)
ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:
https://www.facebook.com/bjknovel/
หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel