ตัวประกอบแรงค์ EX — 0007
3. ซูเปอร์โนว่าไร้นาม (2)
* * *
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานทำให้คนทรยศกลายเป็นฮีโร่และดาราดัง แต่โลกก็ยังต้องหมุนต่อไป
พนักงานออฟฟิศต้องไปทำงาน และนักเรียนต้องไปโรงเรียน
‘ตอนนี้ฉันยังเป็นเด็กม.ต้นอยู่ ควรไปโรงเรียนดีไหม?’
การสอบเข้าโรงเรียนมัธยมที่มีจุดประสงค์พิเศษ เช่นโรงเรียนแสงเงินเพลเยอร์เมอิสเตอร์ จะเริ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายนหรือธันวาคม และสิ้นสุดในเดือนธันวาคม หรืออย่างช้าที่สุดคือกุมภาพันธ์
เนื่องจากการสอบปลายภาคของมัธยมต้นเทอมสองจะเริ่มขึ้นช่วงปลายเดือนธันวาคมเช่นกัน การสอบเข้าโรงเรียนมัธยมปลายจึงใช้เกรดเฉลี่ยถึงแค่มัธยมต้นปีสามเทอมหนึ่ง
‘ไม่ต้องไปโรงเรียนก็ได้สินะ’
ในกรณีของฉัน ขั้นตอนตรวจสอบเอกสารและการสอบข้อเขียน จบลงไปแล้วก่อนที่ฉันจะถูกส่งมา
และจูกัด·แจกอลแจ้งว่า ฉันสอบผ่านภาคปฏิบัติ
กล่าวอีกนัยหนึ่ง หลังจากยืนยันแล้วว่าตัวเองสอบเข้าโรงเรียนแสงเงินได้ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องไปโรงเรียนเก่า
‘ถ้าเป็นเมื่อก่อน ถึงเราจะสอบเข้าโรงเรียนมัธยมปลายได้แล้ว ก็ยังต้องกลับไปเรียนที่เดิมอยู่’
ถ้าไม่ไปโรงเรียนหลังจากสอบผ่าน นักเรียนอาจได้รับบทลงโทษ เช่นการหักคะแนนเพราะจงใจขาดเรียนวิชานั้นๆ หรือไม่ก็ถูกหักคะแนนจิตพิสัยจนเหลือศูนย์
แต่ถ้าสอบปลายภาคเสร็จ จะเข้าหรือไม่เข้าเรียนก็ไม่เป็นไร
ถ้าเข้าเรียนได้ครบตามเกณฑ์ขั้นต่ำ หลังจากสอบติดมัธยมปลาย จะเข้าเรียนที่โรงเรียนเดิมหรือไม่ก็ได้ เว้นเสียแต่จะถูกไล่ออกจากโรงเรียนเดิมด้วยเหตุผลร้ายแรง
มีบริษัทบางแห่งถึงกับย้อนดูประวัติการเรียนของผู้สมัครงานไปจนถึงมัธยมต้น ถ้าใครประวัติขาวสะอาดก็จะได้รับการพิจารณา
‘เราไม่ค่อยว่างก็จริง แต่ลองไปดูสักครั้งก็ได้’
ครุ่นคิดสักพัก ฉันตัดสินใจไปโรงเรียนเพื่อสืบอดีตของตัวเอง
ออกจากห้องเดี่ยวในย่านคนจนซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกเดียวคือผ้าห่มไฟฟ้า จากนั้นก็มุ่งหน้าไปโรงเรียน
‘ข้อมูลตัวละครของฉันที่ปรากฏในเมนู คล้ายคลึงกับชีวิตที่แล้วมาก’
เพิ่งสูญเสียพ่อแม่และน้องไป
กำลังเรียนอยู่ที่โรงเรียนมัธยมต้นแก่นสาร
ใกล้เคียงอดีตของฉันมาก
‘แต่โลกนี้แตกต่างจากเกาหลีที่ฉันเคยอยู่’
ความขัดแย้งระหว่างสองโลก เพลเยอร์ และโรงเรียนแสงเงินคือเรื่องราวภายในเกม แต่มันกลับมีจริงบนโลกใบนี้
ประวัติศาสตร์เกาหลีก็ต่างออกไปเล็กน้อย
ที่ตั้งของโรงเรียนมัธยมต้นในโลกนี้กับโลกของฉัน ก็ไม่เหมือนกันเลย
‘ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนตำแหน่งเล็กน้อย’
ทั่วทั้งกรุงโซลต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
เมื่อมองดูแผนที่กรุงโซล เส้นแบ่งเขตต่างไปจากเดิมพอสมควร และเต็มไปด้วยสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย
สถานที่ตั้งของโรงเรียนมัธยมปลายแสงเงิน ‘อึนกวาง*, โซล’ ก็ไม่เคยมีอยู่จริง (*อึนกวาง = แสงสีเงิน)
‘แต่ถึงอย่างนั้น ประวัติศาสตร์กลับใกล้เคียงกับเกาหลีที่เราเคยอาศัยอยู่’
หากคำนึงจากประวัติศาสตร์ในช่วงหนึ่งร้อยปีหลัง รายละเอียดส่วนใหญ่ยังคล้ายเดิม ยกเว้นความขัดแย้งกับต่างโลก
ไม่ว่าจะเป็นงานศิลป์ ภาพยนตร์ ละคร หรือเพลง
แม้จะมีจุดแตกต่างเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วเหมือนกัน
‘แต่โลกนี้ไม่มีคนรู้จักของฉันเลย’
ญาติและเพื่อนฝูงจากโลกเก่า ไม่มีใครอยู่บนโลกใบนี้
กล่าวอีกนัยหนึ่ง โลกนี้เปรียบเสมือนจักรวาลคู่ขนานที่เพิ่มความขัดแย้งกับต่างโลกเข้ามา และเป็นกลุ่มมนุษย์คนละกลุ่ม
‘ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี’
ขณะเดินพลางคิดทบทวน ฉันมาถึงโรงเรียนมัธยมต้นโดยไม่รู้ตัว
ฝูงนักข่าวกำลังมุงอยู่หน้าโรงเรียนราวกับกลุ่มเมฆ
มีเพียงตัวอักษร ‘โช’ ที่แสดงบนข้อความแจ้งเตือนจากดาวเทียมเพลเยอร์SAT-K แต่ดูเหมือนตัวจริงของฉันจะแพร่กระจายไปในหมู่นักข่าว
ถ้าเมื่อวานฉันไม่ได้ส่งข้อความไปหาฮงกยูบินเพื่อแจ้งเลขบัญชีและกำชับให้ซ่อนชื่อ นักข่าวพวกนี้อาจเอ่ยชื่อฉันในบทความโดยไม่มีการเซนเซอร์
‘แม้แต่ในโลกที่มีความขัดแย้งกับต่างโลก พวกนักข่าวขยะก็ยังไม่เปลี่ยนสันดาน’
ตรงกันข้าม ในโลกที่มีความขัดแย้งกับต่างโลก คงยิ่งมีเรื่องราวให้ขุดคุ้ยมากขึ้น
ด้านหน้าโรงเรียน นักข่าวขยะบางคนบังคับให้นักเรียนสัมภาษณ์
ด้วยการเล็งไมโครโฟนและกล้องไปที่นักเรียนซึ่งกำลังเดินท่องศัพท์
‘ถ้าถูกจับได้คงวุ่นวายไม่น้อย รีบเข้าไปดีกว่า’
ต้องขอโทษนักเรียนที่ได้รับความเดือดร้อนด้วย แต่ถ้าฉันแสดงตัว สถานการณ์จะยิ่งวุ่นวาย
หลังจากเดินวนอยู่สักพัก ในที่สุดฉันก็พบรูหมาลอด
ตอนแรกก็ลังเลเมื่อเห็นขนาดของรู แต่ฉันยังไม่ลืมว่าตัวเองเป็นนักเรียนมัธยมต้น
รูหมาลอดตรงหน้า แม้แต่ผู้ชายโตเต็มวัยก็ลอดเข้าไปได้อย่างหวุดหวิด
* * *
หน้าห้อง 8 ปีสามของโรงเรียนมัธยมต้นแก่นสาร
ระหว่างทางขณะเดินมายังห้องเรียน ฉันมองไปรอบๆ และพบว่ามันต่างจากโรงเรียนม.ต้นในความทรงจำของฉัน
ทั้งการออกแบบและเค้าโครงอาคาร ไม่มีสิ่งใดเหมือนกันเลย
ฉันแอบมองเข้าไปในห้องทำงานครู แต่ก็ไม่รู้จักใครเลยสักคน
‘สิ่งเดียวที่เหมือนกันคือชุดนักเรียน’
ฉันพยายามตรวจสอบข้อมูลประจำตัวของทุกคนบนทางเดิน
〈ตัวละครนี้ไม่ได้ลงทะเบียนในฐานข้อมูล ไม่สามารถเรียกดูข้อมูลส่วนบุคคลได้ 〉
เปิดหน้าต่างข้อมูลตัวละครไม่ได้
เพราะโรงเรียนมัธยมต้นแก่นสารไม่มีอยู่ในเกมเพลเมโก?
ฉันลองทดสอบกับอีกสองสามคน แต่ก็เหมือนเดิม
เรียกดูข้อมูลไม่ได้
ดูเหมือนว่าคงต้องพยายามสืบด้วยวิธีปกติ
แกร่ก!
ฉันเปิดประตูห้องเรียนแบบเก่าที่เป็นบานเลื่อน
กลุ่มเด็กที่ใส่ชุดนักเรียนเชยๆ กำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน
หัวข้อเกี่ยวกับเหตุการณ์สัตว์อสูรบุกโรงเรียนมัธยมปลายแสงเงินเมื่อวาน
“ได้ยินข่าวหรือยัง? เจ๋งชะมัด!”
“ฉันถูกสัมภาษณ์ด้วยแหละ ตื่นเต้นมากเลย… แต่เป็นความจริงหรือ ที่ผู้สร้างผลงานสูงสุดคือเด็กของโรงเรียนเรา?”
ใช่แล้ว เป็นเด็กของโรงเรียนเรา
ฉันยังไงล่ะ
“มีเด็กโรงเรียนเราเก่งพอที่จะสอบเข้าโรงเรียนแสงเงินด้วยรึไง”
“อันดับหนึ่งของโรงเรียนอาจจะซ่อนฝีมือก็ได้”
“ฉันไม่คิดว่าโรงเรียนเราจะมีเพลเยอร์ที่พรสวรรค์สูงขนาดนั้นนะ”
ที่นี่ไม่มีใครรู้จักฉันเลย
ไม่มีเพื่อนร่วมชั้นม.ต้นที่ฉันรู้จักแม้แต่คนเดียว
หลังจากยืนฟังบทสนทนาอยู่หน้าประตู ฉันเรียกนักเรียนใกล้ๆ มาคุยด้วย
“นี่”
“…เอ่อ? ห้องอื่นห้ามเข้านะครับ จะให้เรียกใครไหม?”
“ฉันอยู่ห้องแปด”
จากนั้นก็แสดงบัตรนักเรียนให้ดู
[โรงเรียนมัธยมต้นแก่นสาร ปี 3 ห้อง 8 โชอึยชิน]
อีกฝ่ายทำหน้าตกใจหลังจากเห็นบัตรนักเรียน ตามด้วยพยักหน้า
“จ…จริงด้วย ดูเหมือนจะเคยเห็นหน้านายอยู่ ขอโทษที”
ดวงตาของเขาเหม่อลอยราวกับถูกสะกดจิต
“ไม่เป็นไร พอดีฉันมีเรื่องจะถามหน่อย”
“ว…ว่า?”
“เครื่องแบบของโรงเรียนเรา เชยระเบิดแบบนี้มานานหรือยัง”
“ไม่ เพิ่งเริ่มเปลี่ยนในรุ่นของเรา พวกรุ่นพี่ก็ใส่ชุดปกติกัน”
ฉันพอจะคาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้นได้แล้ว
จากนั้น ฉันเดินไปที่ห้องพักครู
ครูทุกคนทำหน้าฉงน
ปฏิกิริยาส่วนใหญ่ออกไปในทาง ‘โรงเรียนเรามีเด็กเก่งพอที่จะสอบเข้าโรงเรียนแสงเงินด้วยหรือ?’
‘เราไม่รู้จักครูประจำชั้นของตัวเองด้วยซ้ำ’
ครูประจำชั้นของฉันที่รีบร้อนกลับจากงานนอกสถานที่ เป็นบุคคลที่ฉันไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน และอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะไม่รู้จักฉัน
ครูประจำชั้นพยายามทำตัวสนิทสนม บรรยากาศจึงกระอักกระอ่วนพิลึก
จากการสำรวจทั้งในห้องเรียนและห้องพักครู ข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนมัธยมต้นของฉัน ตรงตามที่บันทึกไว้ในระบบทุกประการ
แต่ทุกคนกลับทำเหมือนว่า ‘เขาเรียนที่นี่ด้วยหรือ?’
ฉันตรวจสอบทุกสิ่งที่อยากทำหมดแล้ว
“ผมรู้สึกไม่ค่อยสบาย ขอตัวกลับก่อนนะครับ”
ครูประจำชั้นรีบตอบตกลง โดยเสริมว่าหากจำเป็นต้องใช้ผู้ปกครอง ให้แจ้งได้ทันที
ระหว่างที่เดินออกจากห้องพักครู คณะครูทยอยอวยพรและชื่นชมฉันทีละคน
แต่ถึงอย่างนั้น ทุกคนดูค่อนข้างสับสนเพราะจำไม่ได้ว่าฉันเป็นใคร
ข้อสันนิษฐานในใจฉัน ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนเป็นความเชื่อมั่น
* * *
ฉันออกจากโรงเรียนและกลับไปยังห้องเช่าเล็กๆ ย่านคนจน
ฉันหลุดเข้ามาในเกม?
ถ้าไม่ใช่แบบนั้น…
ฉันรู้ว่าใครตอบคำถามนี้ได้
〈ตรวจสอบข้อมูลตัวละครของ ‘โชอึยชิน’ 〉
[ชื่อ] โชอึยชิน
[สมญานาม] ร่างที่เหมาะสมสำหรับเปลี่ยนอนาคตมิติ, หนึ่งในฮีโร่ตัวน้อย
[พรคุ้มครอง] (โหลดบางส่วนล้มเหลว)
[แสงประทาน] (ถูกผนึก)
[สถานะ] ปกติ
[ค่าสถานะโดยรวม] Lv.10
[สกิล]
ใช้ได้ทุกอย่าง Lv.1
เมนูพิเศษของร่างที่เหมาะสมสำหรับเปลี่ยนอนาคตมิติ Lv.1
สื่อสารกับจักรวาลเหนือรูป Lv.1
พลังโชคชะตา Lv.3
(โหลดบางส่วนล้มเหลว)
ทันทีที่เห็นสมญานาม ฉันเกือบหลุดสบถ
เพราะซนมินกิที่ชิงสัมภาษณ์ตัดหน้าไปตั้งแต่เมื่อวาน กลายเป็น ‘ฮีโร่ตัวน้อย’ ส่วนฉันที่มีผลงานอันดับหนึ่ง กลับถูกมองว่าเป็นแค่ลูกมือ
‘อดทนไว้…’
แต่จะให้มองเป็นเรื่องดีก็ได้ เพราะอย่างน้อยฉันก็ไม่ตกเป็นเป้าสายตา
ฉันกดเลือกสกิล ‘สื่อสารกับจักรวาลเหนือรูป’
〈เรียกดูรายละเอียดสกิล〉
[ชื่อสกิล] สื่อสารกับจักรวาลเหนือรูป
[เกรด] UR
[เลเวลสกิล] 1
[คุณสมบัติ] สื่อสารกับจักรวาลเหนือรูป
[คำอธิบาย]
สามารถสื่อการกับการดำรงอยู่ทั่วทั้งมิติเวลา แต่จะสร้างภาระมหาศาลต่อร่างกายและจิตใจของผู้ใช้
หากผลลัพธ์ของการสื่อสาร มีปริมาณมากเกินกว่าความจุข้อมูลของผู้รับ สกิลจะถูกยกเลิกทันที
—
สกิลสำหรับพูดคุยกับตัวตนที่อยู่เหนือมิติเวลาและอวกาศ
ถ้าใช้มันสื่อสารกับคนที่เรียกฉันมา คำตอบก็จะปรากฏ
คำว่า ‘ภาระมหาศาลต่อร่างกาย’ ค่อนข้างสะกิดใจ แต่ถึงยังไงฉันก็อยากยืนยันให้มั่นใจก่อนจะเข้าไปเรียนที่โรงเรียนแสงเงิน
〈ท่านใช้สกิล ‘สื่อสารกับจักรวาลเหนือรูป’ 〉
ซ่า!
เป็นความรู้สึกเหมือนกับสมองล่องลอยอยู่กลางอวกาศ
สมองของฉันกำลังกระจัดกระจายไปทั่วทั้งมิติเวลา
ร่างกายค่อยๆ แตกตัวกลายเป็นอนุภาคตามสมองไป
ฉันรีบตบแก้มตัวเองสุดแรง
เพี้ยะ!
ฝ่ามือและแก้มพลันร้อนวูบวาบ
มันช่วยให้ฉันเรียกสติกลับมา
“ฉันไม่ได้หลุดเข้าไปในเกม”
ซ่า!
ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง
แต่ภาพในสมองของฉันกลายเป็นสีฟ้า และหายใจได้คล่องขึ้น
คำตอบคือใช่สินะ
“เกมกากนั่นคือขั้นตอนคัดเลือกคนที่จะพามา… ใช่ไหม?”
โฆษณาที่ลงทุนมหาศาลอย่างไร้เหตุผล
การเปิดเซิร์ฟเวอร์ติดต่อกันสิบปีโดยที่แทบไม่มียอดขาย
เกมที่ไม่สนใจเสียงของผู้เล่นเลยสักนิด
พอลองย้อนนึกดูก็พบว่ามีแต่จุดแปลกเต็มไปหมด
‘ถ้าจักรวาลเหนือรูปอะไรนั่นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้เทียมทาน ก็คงไม่ต้องลงทุนเรียกเรามา’
ไม่อย่างนั้นก็คงแก้ไขอนาคตของโลกด้วยตัวเองไปแล้ว
นอกจากนั้น ต่อให้ใช้สกิลเมนู แต่ถ้าเป็นข้อมูลของตัวละครที่ไม่ใช่ตัวหลักในเกม ก็แทบจะเรียกดูไม่ได้เลย
เห็นได้ชัดว่าจักรวาลเหนือรูปมิได้มีอำนาจเบ็ดเสร็จ
‘เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงเรียกฉันว่า ‘ร่างที่เหมาะสมสำหรับเปลี่ยนอนาคตมิติ’ ’
〈คำเตือน การสื่อสารกับจักรวาลเหนือรูปมากเกินไป อาจทำให้ร่างที่เหมาะสมสำหรับเปลี่ยนอนาคตมิติได้รับความเสียหาย〉
กลิ่นเหล็กเริ่มทะลักมาถึงคอ
“อำนาจแทรกแซงของนายมีขีดจำกัด จึงเรียกฉันมาจากมิติอื่นและจับยัดใส่ ‘ตัวประกอบ’ ที่ยังว่างของโลกนี้ จากนั้นก็เปลี่ยนประวัติและอดีตให้สอดคล้องกับฉัน และมอบพลังที่เหมือนกันในเกม เพื่อให้ฉันช่วยเปลี่ยนแปลงอนาคต”
มันยากที่จะพูดเรียงกันให้ประโยคสมบูรณ์
ทัศนวิสัยของฉันถูกฉาบด้วยสีฟ้าอีกครั้ง
รู้สึกเหมือนร่างกายพุ่งขึ้นเหนือเมฆ ลอยขึ้นไปในอวกาศ และทิ้งดิ่งกลับมายังพื้นดินอีกครั้ง
แม้จะไม่มีเสียงใดตอบกลับ แต่ฉันมั่นใจว่าอีกฝ่ายยืนยันความถูกต้องมาแล้ว
เลือดพรั่งพรูจากปากราวกับจิตใจและร่างกายใกล้ถึงขีดจำกัด
〈คำเตือน ร่างที่เหมาะสมสำหรับเปลี่ยนอนาคตมิติถึงขีดจำกัดแล้ว〉
〈ตัดการเชื่อมต่อกับร่างที่เหมาะสมสำหรับเปลี่ยนอนาคตมิติ〉
เมื่อได้ยินเสียงของระบบ ความรู้สึกที่ไม่รู้จักซึ่งกำลังครอบงำฉัน พลันอันตรธานหายไป
〈ท่านเข้าใจมิติมากขึ้น เลเวลสกิลของ ‘เมนูพิเศษของร่างที่เหมาะสมสำหรับเปลี่ยนอนาคตมิติ’ เพิ่มขึ้นจาก Lv.1 เป็น Lv.2〉
ดูเหมือนการคาดเดาของฉันจะถูกทั้งหมด
ฉันรู้แล้วว่าทำไมถึงถูกส่งมายังโลกนี้
เพราะคุ้นเคยกับเกมเป็นอย่างดี?
เพราะเคลียร์บทสุดท้ายได้?
‘นั่นก็อาจจะมีส่วน แต่ว่า…’
เหตุผลที่ฉันถูกส่งมา
คงเพราะฉันปรารถนาที่จะเห็นฉากจบที่มีความสุขของเกม
จึงถูกส่งมาเล่นใหม่อีกครั้งในโลกที่เหมือนกับเกม
‘…จริงสิ เลเวลสกิลเพิ่มขึ้น ขอดูการเปลี่ยนแปลงหน่อย…’
แต่เมื่อสิ้นความคิดนั้น การมองเห็นของฉันก็มืดสนิท
ฉันหมดสติไปก่อนที่จะได้อ่านรายละเอียดสกิลใหม่
* * *
สามวันถัดมา ฉันลืมตาตื่น
ผมเผ้ายุ่งเหยิง ริมฝีปากแห้งผากเพราะไม่ได้ดื่มน้ำแม้แต่หยดเดียว
โลกดูเหมือนจะเป็นสีขาวดำเพราะอาการขาดน้ำ
พอคลานเข้าไปในครัวและดื่มน้ำประปาหนึ่งแก้วผสมเกลือและน้ำตาล สติก็ค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมา
‘คิดไม่ถึงว่าบทสนทนาแค่ไม่กี่คำ จะทำให้หลับนานไปถึงสามวัน’
ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ คงห่มผ้าก่อนที่จะใช้สกิล
ฉันถอดชุดนักเรียนออก
ต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะถอดเสร็จ เพราะร่างกายแข็งผิดปกติ
หลังจากสวมชุดอยู่บ้าน ฉันเหลือบไปเห็นโทรศัพท์มือถือที่แบตฯ หมด
เมื่อเสียบสายชาร์จ บรรดาข้อความแจ้งเตือนและสายไม่ได้รับพรั่งพรูออกมาจนล้นหน้าจอ
ฮงกยูบิน จางนัมอุก
ส่วนใหญ่จะเป็นข้อความจากทั้งสอง
ฮงกยูบินบอกว่า ‘โอนเงินไปแล้ว ช่วยตรวจสอบด้วย’ , ‘ฉันจะเลี้ยงข้าวเอง มาเจอกันที่สำนักงานสมาคมเถอะ’ พร้อมกับถามคำถามน่ารำคาญทำนองว่า ‘มีอะไรที่อยากได้เป็นพิเศษไหม’
ของจางนัมอุกขึ้นว่าโทรมาแล้วไม่ได้รับ เกิดอะไรขึ้นกันนะ?
ฉันตัดสินใจยังไม่ตอบ เพราะตอนนี้ยังคิดคำตอบดีๆ ไม่ออก
ขณะควานหารามยอนในตู้กับข้าว เสียงเรียกเข้าดังขึ้น
ชื่อบนหน้าจอคืออูซังฮุน ซึ่งไม่ได้ติดต่อกันเลยนับตั้งแต่แยกกันที่โรงพยาบาล
ฉันเดาได้ว่าทำไมเขาถึงโทรมา
รับสายซังฮุนดีไหมนะ?
“สวัสดี”
[ฉันเอง นัมอุกบอกว่าติดต่อนายไม่ได้เลย]
“พอดีค่อนข้างยุ่งน่ะ มีอะไรหรือ”
[เอ่อ… เรื่องนั้น]
ซังฮุนอ้อมแอ้ม
“เรื่องซนมินกิใช่ไหม”
ซังฮุนไม่ปฏิเสธ
* * *
ซนมินกิระยำกว่าที่ฉันคิด
สิ่งที่มินกิทำกับซังฮุน นับว่ามีเจตนาฆ่าให้ตาย
ในกรณีของฉันกับนัมอุกอาจไม่ชัดเจน แต่ซังฮุนคือเหยื่ออย่างแน่นอน
‘นึกว่าอย่างน้อย หมอนั่นคงแสร้งขอโทษซังฮุนส่งๆ’
นอกจากจะไม่ขอโทษ ไม่คิดเลยว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาคือ ‘ถ้าทำสัญญากันว่าจะไม่เอาความทางอาญา ฉันจะให้เงินนายแล้วไสหัวไปซะ’
ครอบครัวของซังฮุนโกรธมาก แต่พวกเขาเสียเปรียบเพราะมินกิชิงให้สัมภาษณ์ก่อน
“อยากให้ฉันกับอึยชินช่วยเป็นพยานใช่ไหม?”
นัมอุกพูดอย่างฉุนเฉียวโดยไม่เก็บซ่อนความโกรธ
ภายในห้องส่วนตัวของภัตตาคารอาหารเกาหลีที่ซังฮุนเรียกพวกเรามา
ซังฮุนแค่กล่าวทักทาย แต่จากนั้นก็ไม่พูดอะไรต่อ
พ่อแม่ของซังฮุนปิดปากเงียบด้วยสีหน้าซับซ้อน
อูซังฮี พี่สาวของซังฮุน เป็นคนเปิดบทสนทนา
“ใช่ ฉันยินดีจะให้ทุกอย่างตามที่พวกนายต้องการ แสงประทานของฉันนับว่าหายาก ถ้าได้เป็นโปรเพลเยอร์เมื่อไร ฉันคงทำเงินได้มาก นอกจากนั้น ในฐานะรุ่นพี่โรงเรียนแสงเงิน ฉันสามารถช่วยพวกนายได้อีกหลายเรื่อง”
ภาพที่เธอยิ้มอย่างสดใสขณะเสยผม ตรงข้ามกับภาพที่เคยร้องห่มร้องไห้ในโรงพยาบาล
แต่ฉันรู้จักอีกหนึ่งธาตุแท้ของเธอดี
〈ตรวจสอบข้อมูลตัวละคร ‘อูซังฮี’ 〉
[ชื่อ] อูซังฮี
[สมญานาม] ปีสองโรงเรียนมัธยมปลายแสงเงิน, เลขานุการสภานักเรียน, นักบวชฝึกหัดแห่งอาร์เคีย, ลมสลาตันรักษา
[พรคุ้มครอง] ความโปรดปรานของอาร์เคีย ‘ข้าจะให้เจ้ายืมพลัง’
[แสงประทาน] (ปิดใช้งาน)
[สถานะ] ปกติ
[ค่าสถานะโดยรวม] Lv.34
[สกิล]
เวทรักษา Lv.5
บาเรียป้องกัน Lv.3
หัตถ์คมมีด Lv.3
[คำอธิบาย]
มีพลังการรักษาที่หาได้ยาก
ภายใต้พรคุ้มครองของอาร์เคีย—เทพธิดาแห่งการรักษา เธอสามารถใช้พลังบางส่วนของอาร์เคียผ่านแสงประทาน
อัจฉริยะผู้ไม่เคยหลุดจาก TOP 10 ในการจัดอันดับของโรงเรียนแสงเงิน
รักครอบครัวมาก
‘แตกต่างจากซังฮีในเกมที่เรารู้จักโดยสิ้นเชิง’
ในโลกนี้ นอกเหนือจากเอนามีกับเผ่าแท้ ยังมีสิ่งที่อยู่ ‘เหนือกว่านั้น’
ถ้าจะให้นิยามสั้นๆ ก็คงเป็น ‘เทพ’
ตัวตนอันสูงส่งมิได้เดินเตร็ดเตร่เหมือนกับเผ่าแท้ แต่มักแทรกแซงโลกในรูปแบบของพรคุ้มครอง ปาฏิหาริย์ การสิงสู่ ร่างอวตาร และวิวรณ์
ซังฮีได้รับพรคุ้มครองจากอาร์เคีย เทพแห่งการรักษา หนึ่งในตัวตนอันสูงส่ง
‘เท่าที่จำได้ สมญานามของซังฮีในเกมคือ ‘ผู้ทำพันธสัญญากับเนเมซิส’ ’
แสงประทานของซังฮีในตอนนั้น เกิดจากการทำพันธสัญญากับเทพธิดาแห่งการแก้แค้น เพื่อเพิ่มพลังโจมตีแก่สัตว์อสูรทุกชนิดสามเท่า โดยแลกมากับอายุขัยของตัวเอง
ด้วยเหตุนี้ ซังฮีจึงกลายเป็นไม้ตายสุดท้ายในการพิชิตทุกเควสต์ที่มีสัตว์อสูร
‘ไม่สิ… ถ้าจำไม่ผิด ค่าสถานะก่อนจะกลายเป็นโหมดล้างแค้นก็ถูกเขียนไว้ในหนังสือเซตติ้งเหมือนกัน แต่เราอ่านผ่านๆ โดยไม่ได้ใส่ใจ’
ซังฮีละทิ้งพรคุ้มครองอันล้ำค่าของอาร์เคีย และหันไปจับมือกับเนเมซิส—เทพธิดาแห่งการล้างแค้น เพื่อล้างบางพวกสัตว์อสูรที่ฆ่าน้องชายเธอ
‘น้องชายคนนั้นคือซังฮุนนี่เอง’
หญิงสาวที่เอาแต่ไล่ล่าสัตว์อสูรด้วยเรือนผมกระเซอะกระเซิง ต้องจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถเพราะสัตว์อสูรก่อนที่จะเรียนจบ
“ผมไม่รับสิ่งตอบแทน ไม่ว่าการพิจารณาคดีจะใช้เวลานานแค่ไหน แต่ผมจะเป็นพยานให้จนถึงที่สุด”
นัมอุกกล่าวเสียงขรึม
จากนั้นก็มองมาทางฉันด้วยความคาดหวังทำนอง ‘นายก็เหมือนกันใช่ไหม?’
ฉันปิดหน้าต่างสถานะของซังฮีพลางครุ่นคิด
ซนมินกิ
สื่อมวลชน
สาธารณชน
มูลนิธิฮวังมยอง
ฉันจัดระเบียบความคิดอย่างประณีต
คำตอบออกมาแล้ว
“ไม่ล่ะ”
นัมอุกทำหน้าผิดหวังชัดเจน ส่วนซังฮีตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“อื้อ… ยังไงก็ขอบคุณนะที่ช่วยชีวิตไอ้งี่เง่านี่ไว้ ถ้าอึยชินไม่อยู่ เขาคงตายไปแล้ว”
“พูดอะไรของพี่เนี่ย! อึยชิน กินข้าวกันเถอะ”
ซังฮุนพูดเป็นครั้งแรก ท่าทีดูไม่โกรธที่ฉันปฏิเสธ
พ่อแม่ของซังฮุนขอบคุณฉันอีกหลายครั้ง แม้จะทำไปมากแล้วในตอนอยู่ที่โรงพยาบาล
แต่ฉันยังพูดไม่จบ
“ตอบรับข้อเสนอของหมอนั่นให้เร็วที่สุด พรุ่งนี้ได้ยิ่งดี”
“…หือ?”
บรรยากาศเริ่มเย็นยะเยือก
“ใส่เงื่อนไขลงไปด้วยว่า พวกคุณจะไม่เปิดเผยข้อมูลกับสาธารณชน”
จิบชาบ๊วยหนึ่งอึก ฉันพูดต่อ
“หรือถ้าจะให้ดีก็เพิ่มเข้าไปอีก ทำนองว่า… ฉันกับนัมอุกก็จะปิดปากเงียบเหมือนกัน”
“อะไร! ฉันจะเป็นพยานให้พวกเขา!”
นัมอุกตะโกนอย่างฉุนเฉียว
“ถ้าเพิ่มเงื่อนไขดังกล่าวลงไป ทางเราจะน่าเรียกเงินเพิ่มได้สองเท่า… ไม่สิ สักสามเท่า”
หากสายตาของซังฮีฆ่าคนได้ ฉันคงตายไปแล้วสามครั้ง
ซังฮีกำลังแผ่ความก้าวร้าวจากดวงตา
“กำลังจะบอกให้เรารับเงินแล้วหุบปาก?”
“ใช่”
หน้ากากของหญิงสาวอ่อนโยนถูกปลดออก คำพูดกระโชกโฮกฮากพรั่งพรูจากปากซังฮี
ฉันเคยเผชิญสายตาของแบคโฮกุนมาแล้ว
แถมยังเคยคุยกับจักรวาลเหนือรูป
ไม่มีทางที่ฉันจะสั่นคลอนกับเรื่องแค่นี้
“ไหนๆ ก็จะแก้แค้นอยู่แล้ว ทำไมไม่สูบเงินจากมันให้ได้มากที่สุดล่ะ…”
การรับเงินมาเพื่อปิดปากคดีความ คือหนึ่งในวิธีที่จะทำลายซนมินกิ
______________________
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (1/4)
ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:
https://www.facebook.com/bjknovel/
หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel