ตอนที่แล้วตัวประกอบแรงค์ EX — 0005
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตัวประกอบแรงค์ EX — 0007

ตัวประกอบแรงค์ EX — 0006


3. ซูเปอร์โนว่าไร้นาม (1)

* * *

ความขัดแย้งกับต่างโลกที่เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงต่อโลก

ท่ามกลางความวุ่นวาย ตัวตนที่คอยเผชิญหน้ากับเอนามีเพื่อรักษาความสงบสุขของโลก ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเพลเยอร์

ราวยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของประชากรโลก จะเกิดมาเป็นเพลเยอร์ที่มีพลังพิเศษ

และจะมีประมาณสิบห้าเปอร์เซ็นต์ ที่สามารถรักษาสถานะนั้นได้จนถึงอายุสิบเจ็ด

โดยสิบห้าเปอร์เซ็นต์ที่ยังเหลือรอด จะถูกรองรับโดย ‘สมาคมเพลเยอร์’ ให้กลายเป็นเพลเยอร์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

เพลเยอร์ที่อายุถึงสิบเจ็ดปีจะได้รับอนุญาตให้ใช้ระบบ ‘แสงประทาน’ ซึ่งสามารถสร้างปาฏิหาริย์เป็นระยะเวลาหนึ่ง

‘แบคโฮกุนกำลังใช้แสงประทานอยู่’

ในกรณีของแบคโฮกุน แสงประทานของเขามาในรูปแบบ ‘อาวุธอัญเชิญ’

หากพลังจิตเข้มแข็งมากพอ เขาสามารถอัญเชิญอาวุธเกรด EX ออกมาได้ในเวลาสั้นๆ

‘เมื่อลองมานึกดู พลังของหมอนี่โกงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน’

มีบางเหตุผลที่แบคโฮกุนแข็งแกร่งผิดแผกไปจากตัวละครอื่น

นั่นก็คือ แม้จะได้รับดีบัฟจากเทพสวรรค์ แต่เขาก็ยังเป็นตัวตนที่ปรากฏอยู่ใน ‘ตำนานสร้างชาติเกาหลีใต้’

แถมยังเป็น ‘เสือขาว’ แห่ง ‘เผ่าเสือ’ ซึ่งเป็นหนึ่งในเผ่าแท้*

(เผ่าแท้คือชื่อเรียกรวมของเผ่าสัตว์ เช่นเผ่าหมี เผ่าเสือ เผ่ามังกร)

〈ตรวจสอบข้อมูลส่วนตัวของแบคโฮกุน〉

[ชื่อ] แบคโฮกุน

[สมญานาม] ตำนานแห่งเผ่าเสือ, เสือขาวแห่งตำนานสร้างชาติ, นักโทษแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์

[พรคุ้มครอง] ไม่มี

[แสงประทาน] อัญเชิญเขี้ยวสีขาว—ตัดสายฟ้าผ่าเมฆา

[สถานะ] สวรรค์พิโรธ — ทักษะและแสงประทานบางส่วนของแบคโฮกุนถูกผนึกไว้, ค่าสถานะทุกชนิดและเลเวลสกิลจะลดลงอย่างมาก

[ค่าสถานะโดยรวม] Lv.55

[สกิล]

วิชาดาบ Lv.10

ชำระล้าง Lv.10

กระโจน Lv.10

เนตรส่อง Lv.10

คำราม Lv.10

[คำอธิบาย]

เสือขาวในตำนานสร้างชาติ

ย้อนกลับไปในยุคสร้างชาติ เขาได้รับพลัง ‘ไปได้ทุกที่’ จากเทพสวรรค์ แต่หลังจากล้ำเส้นในบางเรื่อง เขาทำให้เทพสวรรค์พิโรธจนต้องสูญเสียนามที่แท้จริง

เพื่อลงทัณฑ์ความโอหังของเสือขาว เทพสวรรค์ได้ผนึกทักษะเกือบทั้งหมด และสั่งให้เขาสำนึกบาปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์

ทันใดนั้น

ระหว่างกำลังเปิดดูหน้าต่างข้อมูล จู่ๆ ฉันหายใจไม่ออก

จึงฝืนสูดลมหายใจ พลางจ้องไปทางแบคโฮกุน

แบคโฮกุนกำลังจ้องฉัน

‘เขารู้ว่าเรากำลังใช้สกิลเมนูพิเศษ?’

ฉันพยายามมองไปทางอื่นโดยไม่ทำตัวน่าสงสัย

แต่สายตาของแบคโฮกุนที่ยังคงมองมา เป็นราวกับเข็มแหลมนับพันเล่มที่ทิ่มแรงไปทั่วร่างกาย

โดยที่ไม่ได้ใช้สกิล ‘เนตรส่อง’ ด้วยซ้ำ

〈การแทรกแซงจากเผ่าหมีจบลงแล้ว ระบบสื่อสารกลับเป็นปกติ〉

หลังจากได้ยินเสียงของระบบ ไฟในโรงยิมก็สว่างขึ้น

เนื่องจากบรรยากาศสว่างขึ้นกะทันหัน ฉันต้องใช้มือป้องดวงตาเพื่อมองไปรอบๆ จนกระทั่งเห็นฉากโศกนาฏกรรมชัดเจน

‘ยุ่งเหยิงไปหมด…’

ร่องรอยความเสียหายกระจายอยู่ทั่วสนามสอบ

สัตว์อสูรที่ล้มลงโดยไม่กระดุกกระดิก

ผู้คุมสอบและซนมินกิที่ใกล้ตายเต็มที

อูซังฮุนที่บาดเจ็บสาหัส

ฉันกับจางนัมอุกที่แม้จะไม่บาดเจ็บ แต่ก็อยู่ในสภาพอ่อนเพลีย

แบคโฮกุนถอนสายตาออกจากฉันแล้วมองไปรอบๆ

— ปี๊ป!

เสียงเตือนที่แตกต่างจากระบบเล็กน้อย

เป็นเสียงที่เคยได้ยินบ่อยครั้งภายในเกม

‘เสียงเตือนจากดาวเทียมส่วนตัวของสมาคมเพลเยอร์สาขาเกาหลีใต้… เพลเยอร์SAT-K’

ตามปกติแล้ว หากเอนามีขยับเข้าใกล้เพลเยอร์ สมองกลจะส่งสัญญาณเตือนผ่านดาวเทียมและเริ่มคำสั่งอพยพ

แต่เนื่องจากการสื่อสารถูกตัดขาด เสียงสัญญาณเตือนจึงเพิ่งจะเริ่ม

‘ตลาดวายไปแล้ว’

ฉันตวัดนิ้วเพื่อปัดทิ้งข้อความแจ้งเตือนบนโทรศัพท์มือถือ—เทคโนโลยีที่ค่อนข้างล้าหลังหากเทียบกับวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันของโลก

แม้โลกนี้จะคล้ายคลึงเกาหลีใต้ที่ฉันเคยอาศัย แต่เทคโนโลยีถูกเร่งพัฒนาการด้วยอิทธิพลจากพลังพิเศษและต่างโลก

‘ทุกคนใช้อุปกรณ์ประเภทสวมใส่กันหมดแล้ว’

แบคโฮกุน จางนัมอุก และอูซังฮุนสวมอุปกรณ์ที่สามารถฉายภาพโฮโลแกรมบนดวงตาได้ทันที

บนหน้าจอ ข้อมูลจากดาวเทียมเพลเยอร์SAT-K ทยอยปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง

— เอนามีไลโนเซรอนหมายเลขสิบสามที่อยู่ในประกาศจับ ถูกพิชิตแล้ว

— เพลเยอร์SAT-K ดำเนินการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์บันทึกในละแวกใกล้เคียง

— เพลเยอร์SAT-K เริ่มวิเคราะห์บริบทระหว่างกระบวนการพิชิต

ชิ้ง!

ขณะแบคโฮกุนกำลังยืนอ่านประกาศจากโฮโลแกรม เขี้ยวสีขาว—ตัดสายฟ้าผ่าเมฆาทยอยสลายไป

— ผู้มีผลงานอันดับหนึ่งในกระบวนการพิชิต: โช■■ (บุคคลทั่วไปที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน: จำกัดการเปิดเผยข้อมูล)

เมื่อเพลเยอร์SAT-K เริ่มเรียกคืนศพของเอนามี ร่างกายไลโนเซรอนพลันแตกตัวและกลายเป็นอนุภาคแสง

จางนัมอุกและอูซังฮุนที่เคยยืนอึ้งเมื่อได้เห็นแบคโฮกุน เริ่มส่งเสียงเชียร์หลังจากอ่านประกาศของเพลเยอร์SAT-Kจบ

“โชอึยชิน! ยินดีด้วย!”

“ยินดีด้วย ได้รางวัลเมื่อไรมาเลี้ยงข้าวพวกเราด้วยนะ ขอมื้อแพงๆ”

เสียงเอะอะเริ่มดังมาจากด้านนอก

ถัดจากแบคโฮกุน บรรดาเพลเยอร์จากโรงเรียนแสงเงินทยอยมาถึงจุดเกิดเหตุ

จนกระทั่งคณะครูของโรงเรียนแสงเงินเดินมาคุยกับเรา แบคโฮกุนได้หายตัวไปแล้ว

* * *

แม้จะไม่มีบาดแผล แต่จางนัมอุกกับฉันก็ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกาย

หลังจากแยกกันตรวจ อูซังฮุนที่บาดเจ็บหนักต้องเปลี่ยนเป็นชุดคนไข้พร้อมกับลากเสาน้ำเกลือ

“ฉันอยากได้ไอเท็มฟื้นฟูมากกว่า”

“แต่เรายังไม่ใช่เพลเยอร์อย่างเป็นทางการ จึงไม่มีสิทธิ์ใช้ ‘ประกันสุขภาพของเพลเยอร์’ การรักษาด้วยไอเท็มฟื้นฟูจะทำให้ค่าใช้จ่ายบานปลาย”

“จริงด้วย… ไว้ค่อยป่วยปีหน้าดีกว่าสินะ”

“การใช้ยาฟื้นฟูเกินขนาดอาจส่งผลเสียต่อร่างกาย อดทนไว้ดีกว่าน่า”

“จางนัมอุกขี้บ่นจริงๆ”

ระหว่างที่ฉันเข้ารับการตรวจ อูซังฮุนและจางนัมอุกกำลังคุยเล่นกันอยู่ข้างๆ

เด็กพวกนี้สนิทกันแล้วสินะ

โรงพยาบาลที่พวกเราอยู่ตอนนี้คือสถาบันการแพทย์ที่ก่อตั้งโดยมูลนิธิฮวังมยอง ซึ่งเป็นผู้ดำเนินโรงเรียนแสงเงิน

‘ดูเหมือนวิหารมากกว่าโรงพยาบาล’

อาจเป็นเพราะมูลนิธิฮวังมยองรวยมาก หรือไม่ก็โรงพยาบาลทำกำไรได้มหาศาล

สถานพยาบาลอันยอดเยี่ยม ทิวทัศน์เต็มไปด้วยใบหน้าของบุคลากรทางการแพทย์มากฝีมือ

ดูเหมือนว่าระดับสวัสดิการพนักงานจะค่อนข้างดีเช่นกัน

‘น่าจะทำกำไรได้มาก’

ในโลกของเพลเมโก หลังจากสกิลรักษาและไอเท็มฟื้นฟูทยอยปรากฏขึ้น แวดวงการแพทย์ถูกประเมินว่าอาจถึงคราวจบสิ้น

อย่างไรก็ดี ทั้งสกิลรักษาและไอเท็มฟื้นฟู จะแทบไม่ส่งผลกับคนธรรมดาที่ไม่ใช่เพลเยอร์

มีเพลเยอร์เพียงหยิบมือที่มีสกิลรักษา และไอเท็มฟื้นฟูก็ซื้อขายกันในราคาที่สูงลิบลิ่วเกินคุณภาพ

‘ถ้ามองในแง่ราคาไอเท็ม จางนัมอุกดวงดีกว่าใครเพื่อน’

‘ยาฟื้นฟูจากสารสกัดดอกข้าวโอ๊ต’ ที่จางนัมอุกสุ่มได้

แม้ไอเท็มดังกล่าวจะมีสรรพคุณรักษาได้แค่แผลถลอก แต่ถ้าซื้อโดยไม่มีประกันสุขภาพของเพลเยอร์ ราคาต่อขวดจะตกอยู่ที่สามล้านวอน

‘จากเซตติ้งของเกม เพลเยอร์สามารถทำเงินก้อนโตได้โดยการรวบรวมไอเท็มจากต่างโลก ไม่มีไอเท็มชิ้นใดไม่มีราคา แต่ถึงอย่างนั้น เพลเยอร์ส่วนใหญ่ก็ยังเลือกที่จะรักษากับโรงพยาบาลมากกว่า’

หลังจากที่มีการตีพิมพ์บทความ ‘การใช้ไอเท็มฟื้นฟูบ่อยครั้งจะทำให้ความสามารถในระยะยาวของเพลเยอร์ลดลง’ เพลเยอร์ได้แห่กันมารักษาตัวที่โรงพยาบาลมากขึ้น

เว้นเสียแต่กำลังออกล่า หรือชีวิตกำลังตกอยู่ในอันตราย เพลเยอร์จะไม่ใช้ยาฟื้นฟูโดยไม่จำเป็น ส่วนใหญ่จะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนเสมอ

“คนต่อไป จางนัมอุก”

ฉันตรวจเสร็จแล้ว ถึงคิวจางนัมอุกเจาะเลือด

ต่างจากฉันที่ตอบคำถามคุณหมอแบบขอไปที จางนัมอุกให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่

“นายอยากกลับบ้านแล้วใช่ไหม? ฉันก็เหมือนกัน”

อูซังฮุนพูดหลังจากเห็นฉันไม่ตั้งใจตอบคำถามหมอ

“ใช่ อยากรีบทำให้เสร็จแล้วรีบกลับบ้าน”

ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ฉันไม่ได้อยากกลับบ้านจริงๆ

ตอนนี้ฉันยังแทบไม่รู้ประวัติของโชอึยชิน—นักเรียนมัธยมต้นของโลกใบนี้

หากบทสนทนายืดออกไป อาจมีคำถามที่อยู่นอกเหนือหน้าต่างเมนู ซึ่งฉันตอบไม่ได้

“โชอึยชิน? ออกมาคุยกันหน่อย”

คนพูดคือ ‘จูกัด·แจกอล’

เป็นครูของโรงเรียนมัธยมปลายแสงเงิน ผู้คอยติดต่อคนนั้นคนนี้ผ่านอุปกรณ์สวมใส่

จูกัด·แจกอลที่เกือบหมดสติหลังจากเห็นฉากในโรงยิม รีบสวมวิญญาณครูอาวุโสและพาพวกเรามายังโรงพยาบาล

‘เปลี่ยวจัง’

ไม่มีใครอยู่ในโถงทางเดินหน้าห้องตรวจของโรงพยาบาล

เสียงฝีเท้าคนดังจางๆ จากระยะไกล เสียงนกร้องดังเข้ามาจากหน้าต่างเป็นระยะ

“ครูประจำชั้นที่ลงทะเบียนเป็นผู้ปกครองให้เธอ เพิ่งแจ้งเข้ามาว่าตอนนี้กลับมาไม่ได้เนื่องจากติดงานนอกสถานที่ โชคดีที่ไม่มีปัญหาใหญ่โตอะไร อยากให้ครูโทรหาใครไหม?”

ตอนนี้ฉันคือเด็กมัธยมต้นปีสาม

พ่อแม่และน้องประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตในฤดูใบไม้ร่วงของปีเดียวกัน

ปัจจุบันคือเดือนธันวาคม เป็นฤดูสอบเข้าเรียนต่อในระดับมัธยมปลาย

เป็นช่วงที่ฉันสืบทอดมรดกเสร็จแล้ว และย้ายไปอยู่ห้องพักเล็กๆ ด้วยมรดกที่เหลืออยู่ไม่มาก

เนื้อหาในหน้าต่างรายตัวละครเขียนไว้แบบนั้น

“ไม่ครับ”

อันที่จริง ฉันมีญาติห่างๆ ฝ่ายแม่อาศัยอยู่ที่ชนบท

แต่ไม่รู้ว่าจะมีตัวตนอยู่ในโลกนี้ด้วยไหม และฉันก็ไม่อยากโทรหา

“…ตกลง ถ้ามีอะไรก็โทรหาครูได้”

ดูเหมือนเขาจะรู้สึกผิดที่ถามฉัน

นิสัยดีกว่าในเกมนะเนี่ย

จูกัด·แจกอลยื่นนามบัตรให้ด้วยสีหน้าเป็นนัยขอโทษ

‘นักกวีหยกคราม จูกัด·แจกอล’

บนนามบัตรมีชื่อเพลเยอร์ของเขาและเบอร์ติดต่อ

จูกัด·แจกอลคือหนึ่งในตัวละครที่คนเล่นสามารถควบคุมได้

ครูส่วนใหญ่ในโรงเรียนแสงเงินจะเป็นเพลเยอร์ที่ได้รับอนุญาตให้สอน และครูที่เกี่ยวข้องกับเส้นเรื่องหลักทุกคนคือตัวละครที่สามารถควบคุมได้

จูกัด·แจกอลหายตัวไปตั้งแต่ช่วงต้น จึงแทบไม่ปรากฏในเส้นเรื่องหลัก

“ครับ ขอบคุณ”

ฉันรับนามบัตรด้วยสองมือและจับไว้แน่น

นามบัตรกระดาษที่หนักราวกับตะกั่ว

“ครูจูกัด·แจกัล!”

โถงทางเดินเริ่มมีเสียงดังเอะอะ

ผู้ชายสวมโค้ตผ้าแคชเมียร์กำลังแหกปาก พลางโบกมือพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้

“เข้ามาได้ยังไง…?”

จูกัด·แจกัลขมวดคิ้วอย่างไม่ปิดบัง

สถานการณ์ย่ำแย่จนจูกัด·แจกัลต้องทำหน้าแบบนั้นเลย?

“สวัสดีครับ ผมฮงกยูบิน หัวหน้าทีมข่าวที่หนึ่ง แผนกประชาสัมพันธ์ของสมาคมเพลเยอร์สาขาเกาหลีใต้ ยินดีที่ได้พบครับ คุณครูจูกัด”

หา? หัวหน้าทีม?

หัวหน้าทีมข่าวของสมาคมเพลเยอร์มาทำอะไรที่นี่?

หน้าตาเหมือนเคยเห็นในเกม แต่ดันจำไม่ได้

คงเป็นตัวประกอบที่มีบทพูดแค่ครั้งสองครั้ง

“ไม่รู้รึไงว่าที่นี่ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้ามา”

“ผมเป็นคนนอกตรงไหน? แค่คิดถึงครูจูกัดเลยมาหา”

“ถ้าอย่างนั้นก็ไว้เจอกันวันหลัง กลับดีๆ นะ”

“ฮะฮะ! สื่อกำลังให้ความสนใจกับเรื่องนี้นะครับ ครูจูกัดร่วมมือกับผมไม่ดีกว่าหรือ”

“ฉันจะทิ้งเบอร์ติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์ของมูลนิธิฮวังมยองให้ก็แล้วกัน”

“ถ้าเบอร์ล่ะก็ผมมี ไม่จำเป็นครับ”

ฮงกยูบินฉีกยิ้มกว้างเมื่อเริ่มต้อนจูกัด·แจกัลเข้าตาจน

ทั้งสองยังคงประชันคารมกันโดยไม่สนใจฉัน

‘…กลับเข้าไปในห้องตรวจดีไหม’

ขณะกำลังคิดแบบนั้น

ฮงกยูบินที่เพิ่งหันมาสนใจฉัน พูดกับจูกัด·แจกอล

“ครูจูกัด นักเรียนคนนี้คือโชอึยชินสินะครับ? ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันดูบันทึกจากเพลเยอร์ SAT-K แล้ว มันยอดเยี่ยมมาก!”

จูกัด·แจกอลไม่ตอบ เพียงส่งสายตาเอือมระอา

ดูเหมือนฮงกยูบินจะไม่คาดหวังคำตอบ ยังคงพูดกับฉันต่อไป

“มีบัญชีเงินฝากหรือยัง? ถึงจะหักภาษี แต่รางวัลก็น่าจะสูงถึงสองร้อยล้านวอน หรือถ้ายังไม่มีบัญชี เปิดให้เสร็จภายในสัปดาห์หน้าแล้วติดต่อกลับมาหาฉัน”

โดยไม่รอคำตอบ เขายื่นนามบัตรมาให้

แผ่นกระดาษที่วางซ้อนลงบนนามบัตรของจูกัด·แจกอล มีน้ำหนักเบามาก

“เธอยอดเยี่ยมทั้งความกล้าหาญและการปรับตัว แต่สิ่งที่ฉันชอบที่สุดคือปฏิกิริยาต่อเหตุการณ์ไม่คาดฝัน… แม้ทางเลือกของเธอจะกลายเป็นประเด็นถกเถียงในสังคม แต่ฉันยืนยันว่าจะยืนอยู่ข้างเธอ… จริงสิ จะว่าไป เธอตรวจพบเอนามีได้เร็วมาก เป็นสกิลอะไรหรือ? ถ้ายินยอมเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของเพลเยอร์ให้กับสมาคม ทางเราจะช่วยให้คำปรึกษาและจัดโปรแกรมพัฒนาเพลเยอร์ที่เหมาะสมให้”

เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว?

คำพูดที่หอมหวานราวกับน้ำตาล มีถ้อยคำพิษแฝงอยู่

ถ้าฉันยอมเปิดเผยข้อมูลกับสมาคม นั่นจะเท่ากับเป็นการบอกจุดอ่อนและความลับทั้งหมดให้กับสมาคม

ถึงจะได้รับการหนุนหลัง แต่ฉันไม่อยากถูกล่ามด้วยสายจูง

จูกัด·แจกอลกำลังทำหน้าบิดเบี้ยวอยู่ด้านข้าง ไม่แน่ใจว่ากำลังคิดเหมือนฉันไหม

‘ต้องทำยังไงถึงจะปฏิเสธสมาคมเพลเยอร์และฮงกยูบินโดยไม่ให้เขาเสียหน้า’

ถ้าฉันเอาแต่ยืนเงียบ จูกัด·แจกอลก็คงช่วยออกหน้าปฏิเสธแทน เอาแบบนั้นดีไหม?

ความกังวลคงอยู่ไม่นาน

“ขอทางหน่อยค่ะ!”

เสียงแหลมเล็กดังมาจากระยะไกล ตามมาด้วยลมกระโชก

ทันทีที่ได้ยินเสียงตะโกน จูกัด·แจกอลจับฉันดึงไปด้านหลัง

การเคลื่อนไหวคล่องแคล่วสมกับที่เป็นหัวหน้าฝ่ายธุรการของโรงเรียนแสงเงิน

ในฐานะเพลเยอร์ระดับหัวหน้าทีมข่าวของสมาคม ฮงกยูบินก็หลบสิ่งที่กำลังพุ่งมาได้ไม่ยาก

โครม!

ใครบางคนวิ่งผ่านโถงทางเดินในชั่วพริบตา และเปิดประตูห้องตรวจราวกับต้องการจะพังมัน

ด้านหลังประตูที่เปิดออก จางนัมอุกที่เพิ่งตรวจเสร็จ กำลังติดแผ่นห้ามเลือดลงบนจุดที่เจาะเลือด

อูซังฮุนที่กำลังถือเสาน้ำเกลือ ชะงักฝีเท้าทันทีที่เห็นประตูเปิด

“ไม่ได้นะคะนักเรียน! ตอนนี้กำลังตรวจอาการ นอกจากผู้เกี่ยวข้องแล้ว ทางเราห้ามไม่ใช่คนนอกเข้ามาค่ะ!”

นักเรียนหญิงมัธยมปลายที่ใส่ชุดนักเรียนของโรงเรียนแสงเงิน เดินดุ่มเข้าไปหาอูซังฮุนโดยไม่สนใจพยาบาลที่ยืนขวางหน้าประตู

อูซังฮุนถือเสาน้ำเกลือพลางมองไปทางนักเรียนหญิงด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน

ทั้งสองจ้องหน้ากันโดยไม่พูดอะไรนานหลายวินาที

จนกระทั่งอูซังฮุนเปิดปากพูดก่อน

“มาทำอะไรที่นี่…”

นักเรียนหญิงมัธยมปลายกำหมัดพร้อมกับวิ่งเข้าหาอูซังฮุน

“จะทำอะไรน่ะ!”

จางนัมอุกที่ตกใจ พยายามห้ามนักเรียนหญิงมัธยมปลาย

แต่ยังไม่ทันจะห้าม นักเรียนหญิงทรุดคุกเข่าลงตรงหน้าอูซังฮุนและเริ่มสะอื้น

“อูซังฮุน! นายมันบ้าที่สุด!”

ได้เห็นภาพดังกล่าว จางนัมอุกรีบฉากหลบออกมา

อูซังฮุนตบไหล่นักเรียนหญิงคล้ายกับพยายามปลอบใจ แต่อีกฝ่ายปัดมือออกแล้วเริ่มร้องไห้

“ไม่เอาน่า… อย่าร้องสิ”

“ฉันจะร้อง! นายจะทำไม! ฮึก… เจ็บปวด… เหลือเกิน… ฮึก…”

“ก็ได้ ก็ได้… ร้องให้เต็มที่เลย”

“หุบปาก!”

“จะเอายังไงกันแน่!”

อูซังฮุนที่ยอมแพ้กับการปลอบขวัญ ตัดสินใจปิดปากเงียบ

แม้เขาจะตะโกนเสียงดัง แต่นั่นไม่ใช่ความโกรธ ออกไปทางสับสนและทำตัวไม่ถูก

จางนัมอุกถามด้วยใบหน้าไม่เข้าใจ

“เธอเป็นใคร?”

“ลูกสาวของแม่ฉัน อูซังฮี”

“ลูกสาวของ… อะไรนะ?”

“เอ่อ… พี่สาวฉันเอง”

ตัวจริงของนักเรียนหญิงมัธยมปลายไม่ใช่ใครนอกจากอูซังฮี พี่สาวของอูซังฮุน

ราวกับไม่อยากอธิบายต่อ อูซังฮุนพยายามหลบตาจางนัมอุก

จางนัมอุกกำลังสับสนสุดขีด ประหนึ่งไม่เชื่อว่า ‘นั่นคือบทสนทนาของพี่น้องจริงหรือ’

ท่ามกลางเสียงร่ำไห้ของอูซังฮี บรรยากาศกระอักกระอ่วนยังคงดำเนินต่อไป

ฮงกยูบินที่พยายามหว่านล้อมฉันด้วยถ้อยคำหอมหวาน ผงะจนพูดอะไรไม่ออก

ด้วยเหตุนี้ ฉันไม่จำเป็นต้องคิดหาข้ออ้างให้เปลืองสมอง

และนอกจากอูซังฮี พ่อแม่ของจางนัมอุกกับอูซังฮุน ก็ทยอยมาถึงโรงพยาบาลในเวลาไล่เลี่ยกัน

การปรากฏตัวของผู้ปกครองทำให้ฮงกยูบินไม่สะดวกใจจะพูดต่อ การหว่านล้อมจึงจบลงเพียงเท่านี้

* * *

วันถัดมา

มูลนิธิฮวังมยองที่ดำเนินการโรงเรียนแสงเงิน ได้ลงแถลงการณ์ขอโทษไว้ที่เว็บเพจของโรงเรียน

บรรทัดสุดท้ายเขียนไว้ว่า ทางโรงเรียนจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ทั้งหมดให้แก่ผู้เข้าสอบที่ได้รับบาดเจ็บ

‘อันที่จริง ผู้เข้าสอบทุกคนเซ็นคำสาบานว่าจะไม่เอาเรื่องในกรณีที่ได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว ในทางกฎหมาย โรงเรียนไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบก็ได้’

และในกรณีปกติ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะรับมือการโจมตีจากเผ่าแท้

แต่จากสนามสอบกว่าสามร้อยแห่งของโรงเรียนแสงเงิน มีเพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่ถูกแทรกแซง

แถมยังแค่สิบห้านาที

ตรงกันข้าม สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าระบบความปลอดภัยของโรงเรียนแสงเงินนั้นยอดเยี่ยมเพียงใด

ส่งผลให้แทบไม่มีใครกล้าตำหนิโรงเรียน

พื้นที่ข่าวกว่าครึ่งหันไปให้ความสนใจกลุ่มนักเรียนมัธยมต้นที่รอดชีวิตแทน

ความจริงที่ว่า นักเรียนมัธยมต้นซึ่งไม่มีแม้แต่ ‘แสงประทาน’ สามารถเอาชนะเอนามีเกรด R+ ที่มีประกาศจับได้ด้วยไอเท็มสุ่มจากกล่องเพียงอย่างเดียว กลายเป็นประเด็นถกเถียงที่ร้อนแรงทั้งภายในเกาหลีใต้และต่างประเทศ

และบุคคลที่โด่งดังที่สุดคือซนมินกิ

[ซนมินกิ ฮีโร่ตัวน้อย “ฉันขอโทษที่ไม่ได้ร่วมต่อสู้กับพวกพ้องจนถึงที่สุด”]

พาดหัวข่าวหมาๆ กระจายไปทั่วเว็บไซต์ชื่อดัง

ซนมินกิกลายเป็นดาราในชั่วข้ามคืน

‘นั่นเป็นก้าวที่แย่ที่สุดของนาย’

ฉันครุ่นคิดขณะตัดบทความเก็บ

ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ซนมินกิจะก้าวไปสู่ความพินาศ

______________________

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (1/4)

ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:

https://www.facebook.com/bjknovel/

หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด