ตอนที่แล้วตอนที่ 605 คัมภีร์เงินกับคัมภีร์แพลตตินัม?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 607 ขายหน้า? เจ้าต่างหากที่ต้องขายหน้า หลายๆ คนคิดว่าการต่อสู้จะตามมา

ตอนที่ 606 ตรวจสอบ? ตรวจสอบน้องสาวเจ้าก่อน!


จากนครสายน้ำ (เฟยเป้า) ถึงนครสายรุ้งต้องเดินทางมากกว่าสองพันกิโลเมตร

เนื่องจากทั้งสองเมืองนี้ไม่ได้เชื่อมสัมพันธไมตรีต่อกัน  จึงไม่มีประตูเทเลพอร์ตเชื่อมถึงกัน  พวกเขาไปแวะที่เมืองจู้หม่าเพื่อโดยสารเรือเหาะเดินทางต่อไป

ความจริงเย่ว์หยางและอี้หนานสามารถเทเลพอร์ตไปยังที่ใกล้ๆ ก็ได้  แต่อี้หนานต้องการขึ้นเรือสำราญลอยฟ้าที่เจ้าเมืองเฟยเป้าแนะนำอย่างแข็งขัน  นี่คือเรือเหาะระดับเลิศหรูมีขนาดที่ใหญ่โต สามารถรับผู้โดยสารได้ถึงหมื่นคนภายในตกแต่งอย่างสวยงามดาดฟ้าเรือมีทะเลเทียมและชายหาดถูกสร้างขึ้นมาในรูปแบบสวนสนุกน้ำ

ผู้คนที่ชื่นชอบความตื่นเต้นสามารถสนุกกับการปีนเขาและเล่นกระดานโต้คลื่นได้ คนที่ชอบความสงบก็สามารถชมดนตรีได้อย่างเพลิดเพลินได้

เรือสำราญลอยฟ้าแบบนี้เป็นการขนส่งที่ขึ้นชื่อที่สุดของนครสายรุ้ง

เกือบทั้งหมดของผู้มาเยือนนครสายรุ้งล้วนต้องโดยสารเรือเหาะชนิดนี้

“แย่จริงๆ!”  ถ้าเย่ว์หยางไม่มาที่แดนสวรรค์ เขาคงไม่มีทางรู้ว่าเขาจนมากขนาดไหน กลับกลายเป็นว่าผลึกมังกรที่เขาได้รับจากหุบเขามังกรบินแทบจะไม่เหลือเลยแต่ก็ยังไม่เพียงพอ การขึ้นโดยสารเรือสำราญลอยฟ้าแม้แต่ตั๋วที่ราคาถูกที่สุดก็ราคาร้อยเหรียญทองสองคนก็สองร้อยเหรียญทอง สำหรับเย่ว์หยางซึ่งไม่ได้พกเงินมาด้วย เห็นผลึกปีศาจต้องหมดเปลืองไปราวกับสายน้ำไหลทำให้เขาอยากชักดาบออกมาปล้นใครบางคนยิ่งนัก

ร้อยเหรียญทองกะอีแค่ขึ้นเรือที่น่ารังเกียจนี่หรือ?

นอกจากนี้ หลังจากขึ้นเรือแล้ว ค่ากินค่าดื่มที่ราคาแพงระยับยังต้องแยกอีกต่างหาก

แต่เพื่อหญิงสาวนางนี้ที่เขาตามเกี้ยวนางนี้ เย่ว์หยางยอมทุ่ม เนื่องจากผลึกปีศาจถูกใช้ออกไปเหมือนถูกปล้น  และเพราะมันไม่เพียงพอ เขาจึงต้องคิดหาวิธีเพิ่มพูนทรัพย์สิน

หลังจากซื้อตั๋วโดยสารแล้ว พวกเขารออีกครึ่งชั่วโมง

ในที่สุด เรือสำราญลอยฟ้าก็ปรากฏที่ขอบฟ้า

ตอนแรกมันเป็นจุดดำขนาดเล็กปรากฏในระยะไกล จากนั้นก็ค่อยๆชัดขึ้นขณะที่มันลอยเข้ามาใกล้และกลายเป็นขนาดใหญ่มหึมาอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด

เมื่อมันลอยเข้ามาที่น่านฟ้าเหนือเมืองสถานีรับส่ง  มันมีขนาดใหญ่พอๆ กับพื้นที่เมืองเมื่อยืนอยู่ใต้เงาของมัน เย่ว์หยางประมาณการว่าความกว้างของเรือลำนี้อย่างน้อยก็พันเมตร  ความยาวของมันอย่างน้อยสามเท่าของความกว้าง

ยานมหึมาลำนี้สูงเกือบเท่าตึกร้อยชั้น ราวๆ ห้าร้อยเมตรเย่ว์หยางนึกไม่ออกเลยว่ามันสามารถลอยตัวอยู่ในท้องฟ้าได้อย่างไร นอกจากนี้ความเร็วที่มันบินได้ก็เทียบเท่าได้กับเครื่องบิน  สิ่งที่น่าประทับใจมากที่สุดก็คือลมที่อยู่รอบๆยานลำใหญ่นี้จะถูกเปลี่ยนเป็นสายลมพัดเฉื่อยฉิวผู้โดยสารนับไม่ถ้วนยืนอยู่บนดาดฟ้าเพื่อรับลม แต่สายลมนี้เพียงพัดโชยใส่ผมและเสื้อผ้าอย่างนุ่มนวลไม่มีผลเป็นกระแสลมรุนแรงจากการขับเคลื่อนให้ยานเคลื่อนตัวไปข้างหน้า

เมื่อเรือสำราญลอยฟ้าเทียบท่านิ่งกับที่ทุกคนบนเรือและที่อยู่ในเมืองข้างล่างต่างก็ร่าเริงกับเสียงหวูดไอน้ำที่พ่นลงข้างล่างทักทายทุกคน

เรือเหาะลำเล็กถูกส่งออกมาจากเรือสำราญลงมารับผู้โดยสารที่รออยู่ที่เมืองสถานีรับส่ง

ตามลำดับกติกา พวกชนชั้นสูงที่จ่าย 3000 เหรียญสำหรับดาดฟ้าชั้นหนึ่งได้ไปก่อน

พ่อค้านักธุรกิจที่ร่ำรวยนั่งชั้นกลางค่าโดยสาร 1000 เหรียญเป็นลำดับต่อไป

ขณะที่ผู้โดยสารที่ตีตั๋วชั้นธรรมดาอย่างเย่ว์หยางและอี้หนานได้ขึ้นเป็นชุดสุดท้ายพร้อมกับกลุ่มทหารรับจ้างที่นุ่งผ้าโทรมโกโรโกโส

“เจ้าสองคนกำลังจะไปแต่งงาน? หรือว่าไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์?” มนุษย์มังกรตาเดียวที่เดินทางในเที่ยวบินเดียวกันถามอย่างสงสัยหลังจากเห็นเย่ว์หยางกับอี้หนาน  คู่รักนี้จับมือถือแขนกันอย่างสนิทสนมยิ่งนัก

“เอ่อ เรายังไม่ได้แต่งงานกัน แต่คงในเร็ววันนี้...” อี้หนานตอบเอียงอาย

“ขอแสดงความยินดีด้วย พวกเจ้าทั้งสองคนเหมาะสมกันราวฟ้าสร้างมาให้คู่กัน”  มังกรตาเดียวล้วงขวดเหล้าออกมาแล้วส่งให้เย่ว์หยาง  เมื่อเห็นเย่ว์หยางปฏิเสธ เขาเปิดฝาออกและดื่มอึกใหญ่และยิ้ม“ความจริงเมื่อตอนข้าเป็นหนุ่มๆ ข้าเองก็หล่อใช่ย่อยเหมือนกัน  ต้องบอกว่าหล่อพอๆ กับเจ้านี่แหละ และเมียข้าเมื่อตอนนั้นนางสวยน่ารักพอๆ กับแม่หนูคนนี้ เมื่อเห็นพวกเจ้าทั้งสองคนทำให้ข้านึกถึงความหลังเหมือนกับว่าข้าเห็นภาพของตัวเองกับเมียข้าเมื่อครั้งกระโน้น....”

“อย่างนั้นเชียวหรือ?” อี้หนานลอบยิ้มเอียงอาย

เย่ว์หยางพูดไม่ออก

โถลุง, ไม่จำเป็นต้องอวดอ้างสรรพคุณตัวเองขนาดนั้นก็ได้จริงไหม?  อย่าว่าแต่เจ้าตาเดียวเลย หน้าของเจ้ายังดูแก่เหมือนเปลือกไม้เก่าๆร่างของเจ้าก็เหมือนกับพวกกึ่งอสูรและฝ่ามือโตอย่างกะใบตาลแล้วจะหล่อเหลาเหมือนคนในตอนนั้นได้ยังไง? ถ้าไม่กลัวแทบตายหลังจากเห็นเจ้าตอนกลางคืน ก็คงได้หัวเราะเป็นแน่  แล้วพูดเสียอย่างนั้น สาวคนไหนจะกล้าแต่งงานกับพวกครึ่งอสูร?เว้นแต่ว่านางเป็นพวกคนแดนเถื่อนร่างกายสมบุกสมบัน หรือไม่ก็เป็นพวกทอเรนเผ่าหัววัวเป็นแน่

ถ้าเป็นการตัดสินตามมาตรฐานชายงามของฟ่านหลุนเถี่ย (สาวทอเรนเผ่าหัววัว) เจ้ามนุษย์มังกรตาเดียวอาจถูกมองว่าหล่อก็ได้  แต่ในสายตาของมนุษย์  นั่นเป็นไปไม่ได้

เย่ว์หยางประเมินว่า เว้นแต่สาวเจ้าตาบอด ไม่อย่างนั้นนางคงไม่ยอมแต่งกับลุงมังกรตาเดียวผู้นี้เป็นแน่

เมื่อทหารรับจ้างที่อยู่รอบๆ เห็นมังกรตาเดียวเริ่มบทสนทนา  พวกเขาเริ่มโบกมือให้เย่ว์หยางและอวยพรอย่างกระตือรือร้นบางคนก็ร้องโห่ฮิ้วเสียงอื้ออึงของพวกเขาทำให้พวกชนชั้นผู้ดีที่อยู่ข้างหน้าขมวดคิ้ว   พวกผู้ดีเหล่านี้ไม่สนใจเรื่องเย่ว์หยางและอี้หนานซึ่งไม่มีสัญลักษณ์ตระกูลไม่มีเหรียญตราสำนัก  ในสายตาของพวกเขาเย่ว์หยางและอี้หนานเป็นพวกบ้านนอกจากชนบทห่างไกล ยิ่งชำเลืองมองก็เหมือนจะทำให้พวกเขาพลอยต่ำต้อยไปด้วย

“หมั่นไส้ หยิ่งเป็นบ้า!” ทหารรับจ้างร่างผอมคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างมังกรตาเดียวแค่นเสียง

“เขาคือเจ้านายใหญ่โต  อย่าพูดเหลวไหล”มังกรตาเดียวรีบตบสหายของเขาขณะที่เขาเห็นหน่วยรักษาความปลอดภัยมองมาทางนี้  จากนั้นเขารีบคำนับคนชั้นสูงพวกนั้น    อี้หนานไม่ชอบคนแบบนี้และส่วนใหญ่จะอยู่ห่างๆคนแบบนี้  แต่เย่ว์หยางขมวดคิ้ว  เขารู้สึกว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ

“ขึ้นไปบนเรือเร็วเข้าเราไม่อาจอยู่ที่นี่เพื่อรอพวกชาวนาทหารรับจ้างอย่างพวกเจ้าได้นะ! พวกเจ้ารู้ไหมว่าที่นี่มีอะไรพิเศษรอเราอยู่  เราต้องเสียพลังงานไปมากขนาดไหน?  ต่อให้พวกเจ้าเป็นนักสู้ปราณฟ้าต่อให้ขายตัวพวกเจ้าก็ยังไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายด้วยซ้ำ  เร็วเข้า, หยุดลากเท้าพิรี้พิไรได้แล้ว!” หนึ่งในสมาชิกลูกเรือโบกมือหงุดหงิดเร่งเย่ว์หยางและพวกผู้โดยสารที่ตีตั๋วชั้นธรรมดาขณะที่ต้อนรับพวกชนชั้นสูงที่เดินอยู่ข้างหน้าด้วยมารยาทอย่างดี

แม้แต่ลูกเรือคนอื่นก็ยังปูพรมแดงต้อนรับชนชั้นสูงที่หยิ่งยโสนั้น

พวกเขาชี้เย่ว์หยางและอี้หนานให้ไปทางเข้าอีกทาง  ตรงนั้นจะไม่มีอะไรอย่างอื่นนอกจากบุรุษคนหนึ่งถือวัตถุคล้ายไฟฉายมองดูเหมือนจะตรวจค้นร่างกายเพื่อหาสิ่งต้องห้าม

เมื่อมังกรตาเดียวยอมให้ตรวจ เขาเป็นคนเปิดเผยมาก เขาถอดกางเกงออกและผายลมอย่างแรงจนทำให้คนตรวจไล่ให้เขาเข้าไป

เมื่อทหารรับจ้างสิบคนผ่านเข้าไปง่ายๆ

ในที่สุดก็ถึงคราวเย่ว์หยางและอี้หนาน

“มาตรงนี้ ยืนดีๆ ยกมือวางบนศีรษะ หันหน้าเข้าหาเรือและหันหลังมาทางข้า  ข้าจะตรวจสอบสิ่งของต้องห้าม ผู้หญิงหลายคนชอบเก็บของต้องห้ามไว้ในยกทรงและชุดชั้นในเจ้าเล่ห์เหมือนจิ้งจอก  มาตรงนี้เจ้าทั้งสองคนระวังด้วย อย่าก่อความยุ่งยากขณะข้าตรวจสอบ  มิฉะนั้นจะเกิดเรื่องยุ่งยาก!”  เมื่อพนักงานตรวจสอบเห็นอี้หนานงดงามเขาแทบไม่อาจกลั้นน้ำลายไว้ได้ เนื่องจากเย่ว์หยางและอี้หนานดูเหมือนจะอ่อนแอทั้งสองเป็นแค่นักสู้ปราณดินระดับหนึ่ง ขณะที่เขาเป็นนักสู้ปราณดินระดับสาม เขามั่นใจว่าสามารถทำลายคนทั้งสองนี้ได้

เจ้าหน้าที่ตรวจสอบยังไม่หยุดแค่นเสียง เมื่ออยู่ต่อหน้าเย่ว์หยาง เขายื่นมือที่ขนดกรุงรังมาที่อี้หนาน

ทหารรับจ้างที่ผอมดูเหมือนจะทนไม่ได้ แต่มังกรตาเดียวดึงหลังเขาไว้

ลูกเรือรอบๆ ดูเหมือนจะคุ้นเคยกับภาพนี้แล้ว พวกเขาผิวปากแกล้งทำเป็นไม่เห็นอะไร พวกชนชั้นสูงทำเป็นไม่สนใจและเดินห่างออกไป

มือที่หยาบคายและก้าวร้าวของพนักงานตรวจสอบนั้นโดยไม่เกรงใจแม้แต่น้อย...แต่เมื่อห่างตัวอี้หนานเพียงครึ่งนิ้ว เย่ว์หยางยิ้มและเงื้อมือ ดาบจันทร์เสี้ยวเป็นประกายเขาตัดมือที่ยื่นออกมาจนขาด

และก่อนที่เจ้าหน้าที่นั้นจะทันได้ส่งเสียงร้อง เย่ว์หยางเตะผ่าหมากเข้าที่ง่ามขาของเขา

เกือบทุกคนได้ยินเหมือนเสียงบางอย่างแตก

เมื่อได้ยินเสียงนี้ เหล่าบุรุษทุกคนอดรู้สึกเสียววาบที่ระหว่างขามิได้

แม้ว่าลูกเรือคนอื่นจะวิ่งเข้ามาหา แต่เย่ว์หยางก็ยังไม่หยุดทำร้าย  เขาย่ำระหว่างขาของคนผู้นั้นอย่างเมามันใช้แม้กระทั่งปลายเท้าจิกขยี้ ดูเหมือนว่าเขาไม่ตั้งจะหยุดจนกว่าจะย่ำให้เละ  อี้หนานมองดูเงียบๆ ไม่เพียงแต่นางไม่ห้ามเขา   แต่นางยังได้ระบายความโกรธอีกด้วยทั้งนี้เป็นเพราะนางโกรธ สำหรับสวะอย่างนั้นที่ไม่ให้เกียรตินาง สวะที่กล้ายั่วโมโหเย่ว์หยางนางไม่มีความเห็นใจแม้แต่น้อย  ความจริงนางรู้สึกว่าการลงโทษด้วยความผิดนั้นสาสมแล้ว

“สุนัขที่กัดย่อมไม่เห่า โอว..ตายแล้วเจ้าผู้นี้ดุร้ายยิ่งนัก” ขณะที่เห็นภาพนี้ มังกรตาเดียวตัวสั่น

“หยุด หยุดนะ!”  ลูกเรือหลายคนไม่กล้าใช้กำลังบังคับได้แต่ตะโกนอยู่ด้านข้างเพราะกลัวเย่ว์หยาง

เย่ว์หยางหูหนวกเสียแล้ว

เขาหยิบอุปกรณ์ตรวจสอบและปาลงบนตัวพนักงานตรวจที่กระอักเลือดสลบไปแล้ว ต่อเมื่อผู้ตรวจสอบถูกเล่นงานจนหมดสภาพเย่ว์หยางจึงหยุดไม่มีอะไรเหลือให้เขาทุบต่อ เย่ว์หยางโยนอุปกรณ์ตรวจสอบที่บิดเบี้ยวและถ่มน้ำลายใส่หน้าของผู้ตรวจสอบคนนั้น

จากนั้น เขาค่อยๆ มองพวกลูกเรือเหล่านั้นและยิ้มเฉิดฉาย“ยังมีใครต้องการตรวจสอบเราอีกไหม?”

รอยยิ้มของเขาทำให้พวกลูกเรือถอยกรูดด้วยความกลัว

แม้แต่มังกรตาเดียวก็ยังตัวสั่นตะโกนลั่น “เจ้าผู้นี้อันตรายมาก  ทุกคนถอยออกมาห่างๆ คนผู้นี้ไม่อาจตอแยได้”

พวกชนชั้นสูงมองมาด้วยสีหน้ารังเกียจเหมือนกับว่าพวกเขากำลังดูขยะและเดินต่อไปอย่างสงบ

ถ้าไม่ใช่เพราะก้าวเท้าของพวกเขาดูผิดปกติ คงไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าขาของพวกเขาสั่นอยู่ภายใต้ชุดยาวและกลบเกลื่อนด้วยความใจเย็นและความหยิ่งยโส  ความจริงพวกเขากลัวแต่แกล้งทำเป็นดูถูกดูแคลนทุกอย่าง

ในระยะห่าง เจ้าหน้ารักษาความปลอดภัยนักสู้ปราณดินระดับห้า สองสามคนพุ่งเข้ามา

นำขบวนโดยหัวหน้าหน่วยที่เป็นนักสู้ปราณดินระดับเจ็ด

คนผู้นี้ศีรษะล้าน ร่างของเขาดำยิ่งกว่าหมึกแม้ว่าตาของเขาเป็นสีเงินแต่ไม่มีม่านตา ดูเผินๆ เขาเหมือนกับรูปสลักจากหินสีดำก่อนที่เขาจะพูด ลูกเรือสองสามคนก็วิ่งเข้าไปรายงานถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าพวกเขาย่อมพูดเกินจริงและโกหกว่าเป็นความผิดของเย่ว์หยางทำให้เขาดูเหมือนกับคนบ้าเลือด  ถ้าเย่ว์หยางไม่ต่อสู้สักวัน เขาจะไม่สามารถทนอยู่ได้

“นั่นจริงหรือเปล่า?”  หัวหน้ารักษาความปลอดภัยร่างเหมือนหินดำมองมาทางเย่ว์หยาง

“.....” เย่ว์หยางยักไหล่ด้วยความมั่นใจ เขาไม่พูดอะไร  ผู้คนสามารถพูดอะไรก็ได้ตามต้องการ  มันขึ้นอยู่กับปากตัวเอง  แต่เขาไม่ทำและไม่ใส่ใจ

เย่ว์หยางไม่พอใจที่ต้องเก็บกดความโกรธจากก่อนหน้านั้นแล้วเมื่อเขาต้องจ่ายเงิน 200เหรียญทองซื้อตั๋วชั้นธรรมดาทำให้ต้องสูญเสียผลึกปีศาจมังกรบินระดับหกและระดับเจ็ดไปเป็นร้อยสำหรับเย่ว์หยางที่มักจะตระหนี่และประหยัดไม่ชอบใช้จ่ายนั่นคือเรื่องที่น่าหงุดหงิด ตอนนี้พวกเขายังวุ่นวายเรื่องการตรวจสอบ อยากตรวจสอบ ก็ตรวจสอบน้องสาวเจ้าสิ ทำเหมือนอย่างกะว่าจะมีผู้ก่อการร้ายเข้าไประเบิดตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ซะอย่างนั้น นั่นคือเหตุผลที่เย่ว์หยางตัดสินใจว่าไม่พอก็ต้องพอเขาหมดตัวแล้วไม่ใช่หรือ? เขาน่าจะปล้นเรือสำราญลอยฟ้านี่ซะ  ยังไงก็แล้วแต่เขามาที่นี่เพื่อป่วนแดนสวรรค์อยู่แล้ว เรื่องเวลาไม่สำคัญอีกแล้ว

อี้หนานรู้สึกว่าคนพวกนี้ทำเกินเลยไปเช่นกัน พวกเขาแค่ต้องการท่องเที่ยวอย่างมีความสุข แต่หลายอย่างตอนนี้ยุ่งเหยิงไปหมด

นางไม่สบายใจเล็กน้อย

นั่นคือสาเหตุที่เมื่อเย่ว์หยางต้องการป่วน ไม่เพียงแต่นางไม่ห้ามเขาเท่านั้นนางยังจะช่วยเขาอีกด้วย

ไม่ต้องคิดว่าแค่เพียงเพราะพวกเขามีระดับนักสู้ที่ต่ำเท่านั้น  พวกเขาเป็นเป้าหมายง่ายๆ  ถ้าพวกเขาตัดสินใจลงมือ  ทุกคนจะได้รู้สึกถึงความโกรธของผีเสื้อหลอนประสาทและภูตกระจกและพวกเขาจะตายอยู่ในฝันร้าย....

หัวหน้ารักษาความปลอดที่ตัวดำเหมือนหินชนวนมองดูพวกทหารรับจ้าง

มังกรตาเดียวยิ้ม  “จะตรวจสอบกันก็ไม่เป็นไร,แต่ฉวยโอกาสเอาเปรียบสตรีของบุรุษอื่นไม่ใช่เรื่องดีเลย  โอว, ถือว่าข้าไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน”

บุรุษร่างผอมยังซื่อตรงยิ่งกว่า คำตอบของเขานั้นพ่นออกมาอย่างหนักแน่นและเต็มไปด้วยความรังเกียจ

“หัวหน้า พวกเขาทุกคนเป็นพวกเดียวกัน” พวกลูกเรือพวกนั้นปกป้องตัวเองอย่างรวดเร็ว

“เผียะ เผียะ เผียะ!” สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือบุรุษที่เหมือนรูปสลักหินนั้นตบพวกลูกเรือทีละคน“ขออภัย อย่างนั้นกำจัดเจ้าสวะนี่ซะ เรือของเรามีแต่เจ้าหน้าที่คุณภาพดีที่สุด ไม่ต้องการพวกสวะ”

“เดี๋ยว หัวหน้า เขา เขา คือ...”  ลูกเรือคนหนึ่งมีฟันหน้าหลอต้องการบอกว่าสวะที่เย่ว์หยางที่ทุบตีคนนี้มีคนที่มีอำนาจหนุนหลังเขา

“ข้าไม่สนใจว่าใครนำเจ้าสวะนี่เข้ามา แต่สวะก็คือสวะ  วิธีกำจัดย่อมเหมือนกันทั้งหมด” หัวหน้าที่เหมือนรูปสลักหินคว้าตัวผู้ตรวจสอบที่หมดสติอย่างง่ายดายและขณะที่ทุกคนมองดูอยู่  เขาโยนเจ้าผู้นั้นออกนอกเรือเหมือนกับโยนขยะทิ้ง  และหันมาทางเย่ว์หยางและอี้หนานพร้อมกับโค้งให้เล็กน้อยและกล่าวอย่างไม่รู้สึกอะไร “ยินดีต้อนรับสู่เรือสำราญลอยฟ้า ขอให้เพลิดเพลินกับการเดินทาง”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด