ตอนที่แล้วตอนที่ 604 ว่าไงนะ? เจ้ามีคัมภีร์อัญเชิญ?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 606 ตรวจสอบ? ตรวจสอบน้องสาวเจ้าก่อน!

ตอนที่ 605 คัมภีร์เงินกับคัมภีร์แพลตตินัม?


ทั่วทั้งสมาคมทหารรับจ้างเริ่มตกอยู่ในสภาพโกลาหล

คนจำนวนมากส่งเสียงจ้อกแจ้กจอแจอยู่รอบตัวเย่ว์หยางและอี้หนาน ลุงทหารรับจ้างที่ไว้เคราคนหนึ่ง, คนขายเหล้าที่ตัวขาวและอ้วน, คนเมากลิ่นเหล้าคละคลุ้ง คนขายบัตรที่มีหัวแหลมเหมือนตั๊กแตนและพนักงานต้อนรับที่อายุเยาว์ ฝูงชนหนาแน่นหลายชั้น ไม่มีใครสามารถผ่านเข้ามาได้  ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางคอยป้องกันนางเอาไว้ อี้หนานคงถูกขู่ขวัญไปแล้ว  ใครจะรู้ว่านางมีคัมภีร์อัญเชิญและโจมตีฝูงชนด้วยผีเสื้อลวงตาของนาง

“ถอยไปนะ, พวกเจ้าทุกคนต้องการอะไร?”  เย่ว์หยางรู้ว่าเขาตกอยู่ในความยุ่งยาก  แม้ว่าเขารู้ว่าเป็นเรื่องยากมากที่นักสู้แดนสวรรค์จะสามารถทำสัญญากับคัมภีร์ได้ แต่เขาคาดไม่ถึงเลยว่าจะมีการตอบสนองที่รุนแรงขนาดนั้น

ถ้าเพียงแต่เขาถามเถ้าแก่ร้านปากกว้างเพิ่มขึ้นสักหน่อย ความผิดพลาดเช่นนั้นก็จะไม่เกิดขึ้น

ในแดนสวรรค์ ยกเว้นพวกที่ไม่มีสติปัญญาและพวกชีวิตรูปแบบพิเศษ  แม้แต่ชีวิตที่มีสติปัญญา ผู้ที่จะทำสัญญากับคัมภีร์ได้มีเพียงหนึ่งในพันล้าน ในราชวงศ์หัวเซี่ยเทียนที่เย่ว์หยางอยู่ก่อนที่เขาจะถูกส่งมายังโลกที่แตกต่าง ก็มีคนอยู่มากมาย แต่มีคัมภีร์อัญเชิญอยู่เพียงสองเล่มในทั่วทวีป  โดยรวมน่าจะมีคัมภีร์อยู่เพียงหกถึงเจ็ดเล่มทั่วทั้งดวงดาว  ปกติผู้คนจะแทบเป็นบ้าเมื่อได้เห็นมัน  นี่เป็นสาเหตุให้เมื่อทหารรับจ้างเหล่านี้ได้ยินว่าเด็กสาวชาวมนุษย์เป็นเจ้าของคัมภีร์อัญเชิญ ทำให้ทุกคนถึงกับลืมตัว

ในแดนสวรรค์ พวกที่ได้เป็นเจ้าของคัมภีร์อัญเชิญจะถูกเรียกว่า ‘ผู้โปรดปรานของเทพเจ้า’

แต่ละสำนักนิกายต่างก็ยื้อแย่งรับพวกเขามาเป็นพวก

สำหรับความสงสัยของเย่ว์หยาง บุรุษผู้ชราเกินกว่าวัยเพียงแต่ยิ้มค้างเต็มหน้า  “อะแฮ่ม, เรา, เราทุกคนเลอะเลือนไปหน่อย แค่กๆ เราไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกินพวกท่านทั้งสอง! เราแค่อยากเห็นคัมภีร์อัญเชิญกับตาตนเอง  ข้าโชคร้ายจริงๆ ที่มีชีวิตมานานกว่าสองร้อยปีแล้ว ครึ่งชีวิตข้าไปแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยเห็นคัมภีร์อัญเชิญมาก่อน  แม่หนู, พอจะเรียกออกมาให้พวกเราทุกคนได้เห็นเป็นบุญตาบ้างได้ไหม?”

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว!”  ทุกคนตอบรับกึกก้อง

ทุกคนพยายามฝืนฉีกยิ้มอย่างเป็นมิตรที่สุด แต่สีหน้าที่ประหลาดพิกลของพวกเขากลับดูน่าเกลียดยิ่งขึ้น  พวกเขามองดูคล้ายโจรเตรียมจะปล้นทรัพย์สินมากกว่า

เมื่อเห็นทุกคนรุมล้อมเข้ามา อี้หนานหน้าซีดด้วยความกลัว นางกอดแขนเย่ว์หยางแน่น

เย่ว์หยางตะโกนลั่น  “ออกไปห่างๆ ใครจะไปสนกันเล่าว่าพวกเจ้าทุกคนเคยเห็นมาก่อนหรือไม่ เลิกรุมล้อมเราได้แล้ว  ถ้าไม่อย่างนั้นอย่าตำหนิว่าข้าทำร้ายผู้คนนะ”

ทุกคนมองหน้ากันและกัน  ตรงกันข้ามพวกเขาขอโทษที่ทำให้อี้หนานกลัว  ขณะที่อีกพวกหนึ่งก็สงสัยว่าอี้หนานจะมีคัมภีร์อัญเชิญจริงๆ หรือเปล่า  ใครจะรู้ว่าพวกเขาอาจฟังผิดหรือว่านางอาจโกหกก็ได้ ต้องรู้ไว้ว่า มีหลายคนเคยโกหกเรื่องเป็นเจ้าของคัมภีร์อัญเชิญเป็นการอวดอ้างเพียงแค่เพื่อแสดงว่าพวกเขาเป็นพวกแตกต่าง  แต่เพราะความโกรธของเย่ว์หยางทำให้หลายๆ คนต้องถอยออกไปอย่างช่วยไม่ได้  และพยายามขยายวงล้อมเผื่อว่าพวกเขาอาจจะพูดจริง  พวกเขาแค่ต้องการให้บางคนพูดขึ้น

ความจริงคนทั้งหมดนี้เป็นระดับนักสู้ปราณก่อกำเนิดและที่เหนือกว่าก็มี  พวกเขาแข็งแกร่งกว่าระดับที่เย่ว์หยางแกล้งแสดงออกและระดับความสามารถปัจจุบันของอี้หนานเล็กน้อย

แต่พวกเขาคุ้นเคยกับการเป็นชนชั้นล่าง  พวกเขาไม่คิดว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งมากกว่าเย่ว์หยางและอี้หนาน  ความจริงดูเหมือนจะเป็นสามัญชนที่ขลาดเขลา และไม่ใช่โจรที่เคลื่อนไหวเพราะความโลภในทรัพย์สิน

ถ้าเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นในหอทงเทียน เรื่องคงไม่ลงเอยเท่านี้แน่

ในหอทงเทียน ใครก็ตามที่มีความสามารถอยู่บ้างจะหยิ่งยโสมาก

แต่ในแดนสวรรค์จะมีแนวคิดที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง  ในบรรดาสิ่งมีชีวิตที่ฉลาด หลายเผ่าพันธุ์จะทรงพลังมาตั้งแต่เกิด  แม้แต่คนธรรมดาอย่างน้อยก็เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่ง มีแต่เพียงทาสต่ำต้อยจำนวนน้อยมากที่มีระดับต่ำกว่านักสู้ปราณก่อกำเนิด  อย่างไรก็ตามความสามารถที่จะจัดระดับในแดนสวรรค์และหอทงเทียนจะแตกต่างกัน  ที่นี่  ถ้านักสู้ปราณก่อกำเนิดไม่สามารถเรียกคัมภีร์อัญเชิญ  พวกเขาจะไม่ถูกเรียกว่านักสู้ปราณก่อกำเนิด

พวกเขาจะถูกเรียกว่านักสู้ปราณดิน ตรงกันข้ามกับนักสู้ปราณฟ้า

นักสู้ปราณดินเหล่านี้ซึ่งเกิดมามีพลังที่แข็งแกร่งผิดธรรมดาพอๆ กับนักสู้ปราณก่อกำเนิด  แต่ศักยภาพของพวกเขามีน้อยมาก  เมื่อบางคนโตเป็นผู้ใหญ่  พวกเขาแทบจะไม่ก้าวหน้าเลยตลอดชีวิตที่เหลือก็มี ศักยภาพอยู่ในสภาพหยุดนิ่ง

ความปรารถนาจะทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญเป็นแค่เพียงความฝัน!

ขณะที่การแข่งขันทั่วไปจะไม่มีทางเป็นไปได้  แต่ถ้าเป็นการสู้ตัวต่อตัว หรือแข่งกันพัฒนาศักยภาพ นักสู้ปราณก่อกำเนิดในหอทงเทียนสามารถเอาชนะเหนือนักรบในระดับเดียวกันของแดนสวรรค์ได้

“ตุ้บ!”  ชายที่ชราเกินกว่าอายุคุกเข่าทันที น้ำตาไหลนองหน้า “ข้าไม่เคยเห็นคัมภีร์อัญเชิญมาทั้งชีวิตเลยจริงๆ  ข้าไม่เคยรู้ว่ามันจะดูเหมือนอะไร ถ้าข้าไม่ได้เห็นครั้งนี้ ตลอดชีวิตของข้า ข้าอาจจบชีวิตลงเหมือนกับปู่ของข้า พ่อของข้าที่ตายไปโดยไม่ได้เห็นคัมภีร์อัญเชิญสักครั้งในชีวิต  นั่นเป็นเรื่องที่น่าเสียใจมาก ได้โปรดช่วยให้ข้าได้สมปรารถนา ขอดูสักครั้งก่อนตายเถอะ”

“ท่านกำลังจะตายเร็วๆ นี้เหรอ?”  อี้หนานรู้สึกเห็นอกเห็นใจยิ่งนัก  นางรู้สึกว่าชายชราคนนี้น่าสงสารมากจริงๆ

“นั่นไม่ถึงกับเป็นเช่นนั้น บางทีอาจจะสักสองสามร้อยปี!”  ชายชรานั้นหน้าแดง  แม้แต่ตัวของเขาเองก็รู้สึกว่าตนเองพูดเกินไปบ้าง เขารีบเสริมต่อ “แม้ว่าข้าจะยังไม่ตายในเร็ววัน  แต่ข้าไม่เคยเห็นคัมภีร์อัญเชิญมาก่อนในชีวิตจริงๆ  ทุกคนในที่นี้เป็นพยานได้”

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว ใช่แล้ว พวกเราไม่เคยมีใครเห็นคัมภีร์อัญเชิญมาก่อน!”

“ใช่แล้ว ครั้งหนึ่งเจ้านั่นเคยอวดว่าเขาเคยเห็นคัมภีร์อัญเชิญมาก่อน  แต่เขาถูกข้าแฉ  นอกจากเถ้าแก่ร้านปากกว้างที่ร้านขายสรรพสินค้าแล้ว พวกเราไม่เคยเห็นของหายากอย่างนั้นมาก่อน”

“ให้ข้าได้เห็นสักครั้งเถอะ  ถ้าเราได้เห็นคัมภีร์อัญเชิญสักเล่ม เราจะได้คุยอย่างเต็มปากเมื่อดื่มกับคนอื่นๆ  แม่หนู เอาอย่างนี้เป็นไง ข้าขอแนะนำให้เจ้าเข้าสำนักสายน้ำเฟื่องฟูของเรา  สำนักเรา....”

“ลืมเรื่องสำนักขยะของเจ้าไปซะ ต่อให้เป็นเจ้าสำนักของพวกเจ้าก็ยังไม่มีคัมภีร์อัญเชิญด้วยซ้ำ เจ้ายังต้องการรับนางเข้าสำนักหรือ?  นั่นไม่ถูกต้อง!  ในความเห็นของข้า  แม่หนูคนนี้เจ้าสมควรเข้าร่วมกับสำนักพิรุณฟ้าแห่งเมืองเฟยเป้า เจ้าสำนักพิรุณฟ้าเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด เป็นเจ้าของคัมภีร์อัญเชิญเงิน... สิ่งที่สำคัญก็คือเจ้าสำนักพิรุณฟ้ามีพรสวรรค์  ถ้าแม่หนูผู้นี้ยินดีเข้าร่วมกับสำนักพิรุณฟ้า ก็จะได้รับตกทอด ครอบครองสำนักและปกครองเมืองเฟยเป้า ซึ่งก็เป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น”

กลุ่มคนทั้งหมดเริ่มคุยฟุ้งพร้อมกันไม่ยอมหยุด

เมื่อพวกเขาเริ่มตื่นเต้น  พวกเขาเกือบวิวาทกันเองแทนที่จะแนะนำตนเอง

บางคนก็วิ่งไปที่ประตูวงเวทเทเลพอร์ตเพื่อรายงานผู้อาวุโสสำนักของตน

เมื่อเห็นว่าเรื่องราวชักจะลุกลามใหญ่โต เย่ว์หยางรีบพาอี้หนานกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์  ทั้งสองคนมองหน้ากันเองอยู่นาน พวกเขาทั้งสองคนคิดว่านี่เป็นเรื่องแปลกจริงๆ ที่เกิดขึ้นและเริ่มหัวเราะเสียงดัง

โชคดีที่นี่คือเมืองเล็ก  มิฉะนั้นคงมีคนมาขอดูเพิ่มมากขึ้น... เย่ว์หยางตัดสินใจไม่สนใจคนพวกนั้นและพักอยู่สองสามชั่วโมง  พวกเขาจะกลับไปเมื่อทุกคนจากไปแล้ว มีอยู่สองเหตุผลที่พวกเขาไม่เลือกหลบหนีโดยใช้วิธีเทเลพอร์ต  หนึ่ง พวกเขาไม่คุ้นเคยกับพื้นที่บริเวณนั้น  สอง การหลบหนีจะเป็นการแสดงความอ่อนแอและตกเป็นเป้าหมายได้ง่ายๆ  ขณะที่เย่ว์หยางไม่สนใจพวกที่มองด้วยความตื่นเต้นนั้น  อี้หนานไม่ต้องการให้การเดินทางมาแดนสวรรค์ที่สุดแสนดูดดื่มครั้งแรกของนางต้องสะดุดหยุดลงกลายเป็นศึกละเลงเลือด

ช่างเถอะ  เขาจะต้องให้ความรักที่นุ่มนวลแก่สตรีคนรักของเขา

เมื่อเห็นว่าเย่ว์หยางยอมเห็นแก่ผู้อื่นมากขนาดไหน อี้หนานจูบเขาเบาๆ  เมื่อนางมีเวลานางจะบันทึกการเดินทางท่องเที่ยวแดนสวรรค์ของพวกเขาส่วนนี้เอาไว้....  วันนี้.. ในเมืองน้อยในแดนสวรรค์  เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น....

เย่ว์หยางพลิกดูสมุดแผนที่ห้าร้อยหน้าอยู่ครึ่งค่อนวัน

เขาพบว่าแดนสวรรค์แบ่งออกเป็นสี่ส่วน แดนสวรรค์เหนือ ใต้ ตะวันออกและตะวันตก  สวรรค์แต่ละด้านจะแบ่งออกเป็นร้อยดินแดน  แต่ละดินแดนแบ่งออกเป็นร้อยทวีป  แต่ละทวีปแบ่งออกเป็นร้อยประเทศ  แต่ละประเทศแบ่งออกเป็นร้อยนครใหญ่  แต่ละนครใหญ่แบ่งออกเป็นร้อยเมืองย่อย  ในแดนสวรรค์นั้น อย่าว่าแต่นครใหญ่เลย แค่เพียงเมืองย่อยก็มีขนาดใหญ่กว่าเมืองหลวงที่ใหญ่สุดในทวีปมังกรทะยาน  ที่ต้องแยกออกเป็นเมืองย่อยเป็นเพราะประชากรมีน้อยเกินไป

ไม่ว่ายังไงก็ตาม แดนสวรรค์ก็ยังใหญ่เกินกว่าที่ใครจะนึกภาพออก  แม้ว่านี่จะเป็นแผนที่อย่างง่ายๆ  แต่เย่ว์หยางก็มึนงงปวดเศียรเวียนเกล้าไปหมด

หลังจากใช้เวลาสองสามชั่วโมงในที่สุดเขาก็พบประตูแดนสวรรค์ตะวันตก

บนแผนที่ มีจุดเครื่องหมายเล็กๆ ให้เห็น ‘หอทงเทียน’

ถ้าต้องการจะได้รับรายละเอียดเพิ่มขึ้น  เขาจะต้องซื้อแผนที่รายละเอียดของประตูแดนสวรรค์

หลังจากพักงีบหลับอย่างสบายใจและกินอาหารค่ำแล้ว  เย่ว์หยางรู้สึกว่าน่าจะได้เวลาแล้ว  ไม่ว่าจะอดทนแค่ไหน ทุกคนน่าจะจากไปแล้ว เนื่องจากเย่ว์หยางกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์เป็นเวลาสิบชั่วโมงแล้ว

“ไปกันเถอะ!” อี้หนานเปลี่ยนชุดของนาง และจูงมือใหญ่ของเย่ว์หยางอย่างนุ่มนวลพลางยิ้มหวาน

“ไปลงทะเบียนที่อื่น แต่ครั้งนี้ เราไม่ต้องบอกว่าเรามีคัมภีร์อัญเชิญ”  เย่ว์หยางไม่ต้องการโดนคนแปลกหน้ารุมล้อมอีกต่อไป  ความรู้สึกเช่นนั้นน่าหงุดหงิดจริงๆ

แต่เมื่อเขากับอี้หนานปรากฏตัว ก็ต้องตกตะลึงอีกครั้ง

ทั้งนี้เพราะรอบๆ ตัวพวกเขามีคนนับหมื่นกำลังรอพวกเขาอยู่  เมื่อพวกเขาเห็นทั้งสองคนปรากฏตัว มวลชนทั้งหมดส่งเสียงเฮลั่น   เสียงปรบมือดังกึกก้องเหมือนฝนฟ้าคะนอง  นักสู้ปราณดินระดับเจ็ดหลายคน  นักรบระดับแปดที่ทรงพลังกำลังยืนตั้งแถวเหมือนทหาร  ที่อยู่ต่อหน้านักสู้เหล่านี้เป็นนักสู้ปราณฟ้าสองคน  เนื่องจากพวกเขาอยู่มาที่นี่ตั้งแต่แรก  เจ้าหน้าที่ซึ่งดูเหมือนคนชรา และคนออกบัตรผู้มีหัวแหลมเหมือนตั๊กแตนคำนับต้อนรับพวกเขาด้วยความเคารพ

แม้แต่นักสู้ปราณฟ้าทั้งสองคนก็ยังชูแขนบอกให้ทุกคนสงบลง

บางคนอดส่งเสียงโห่ร้องไม่ได้เพราะความตื่นเต้น  “เป็นคัมภีร์ทองหรือนั่น โอวพระเจ้า นางมีคัมภีร์ทองในตำนาน โอวข้าจะเป็นลม!”

ความจริง คัมภีร์อัญเชิญของอี้หนานยกระดับเป็นชั้นแพลตตินัมขั้นต้นไปแล้ว

แต่คนเหล่านั้นอย่างน้อยรู้ว่าการจะกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์ได้  ต้องเป็นคัมภีร์ชั้นทองเป็นอย่างน้อย  นี่คือสาเหตุที่พวกเขาคาดเดาว่าอี้หนานมีคัมภีร์ชั้นทอง ขณะที่นักสู้ปราณฟ้าสองคน คนหนึ่งเป็นลุงวัยกลางคนไว้หนวดสั้น  ลักษณะและอารมณ์ของเขาค่อนข้างดี  เขาเป็นคนประเภทเดียวกับจุนอู๋โหย่วและมีรัศมีอยู่รอบตัวของเขา อีกคนหนึ่งเป็นสัตว์ประหลาด มีแขนขาทั้งสี่ มีสามตา  ลักษณะดูคล้ายกับมนุษย์สมิงสามตา

แต่มันไม่ใช่มนุษย์สมิง

มันเป็นเผ่าพันธุ์ที่แม้แต่เย่ว์หยางก็ไม่รู้จัก

“ยินดี ยินดีต้อนรับ!”  บุรุษไว้หนวดวัยกลางคน ออกมาต้อนรับพวกเขา  “ข้าชื่อไป่โหวเจ้าเมืองเฟยเป้า หลังจากได้ทราบข่าวจากศิษย์ข้าก็นึกว่าอาคันตุกะผู้มีเกียรติของเราถือครองคัมภีร์ทองแดงเสียอีก  ข้าหวังจะต้อนรับพวกท่านเข้าสำนักของข้า กลับกลายเป็นว่าคัมภีร์อัญเชิญของอาคันตุกะผู้มีเกียรติอย่างน้อยก็เป็นคัมภีร์ระดับทองแล้ว ข้าละอายใจจริงๆ ละอายใจนัก!”

“อาคันตุกะผู้มีเกียรติของเราเดินทางมาไกล  ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป ขอให้เราได้เห็นคัมภีร์ของท่านได้ไหม?”  นักสู้ปราณฟ้าที่เหมือนอสูรผู้นั้นค่อนข้างจะสุภาพ เขาเรียกคัมภีร์เงินของตัวเองออกมาก่อน

เมื่อคัมภีร์เงินปรากฏ กลุ่มผู้คนส่งเสียงโห่ร้องพอใจ

เสียงปรบมือดังกึกก้อง

ขณะที่เจ้าเมืองเฟยเป้านางไป่โหวยิ้มและเรียกคัมภีร์ของเขาออกมาเช่นกัน คัมภีร์ของเขาเป็นคัมภีร์เงินเช่นกัน  แต่เป็นระดับที่สูง และแข็งแกร่งกว่าอสูรนักสู้ปราณฟ้าซึ่งเป็นคัมภีร์ชั้นเงินระดับกลาง

ความตั้งใจของพวกเขาชัดเจนง่ายมาก  พวกเขาแค่ต้องการเทียบกับคัมภีร์อัญเชิญของพวกเขา

ในแดนสวรรค์  พวกนักสู้ที่เป็นเจ้าของคัมภีร์อัญเชิญมักจะมีนิสัยเช่นนั้น

อี้หนานชำเลืองมองเย่ว์หยาง  หลังจากได้รับอนุญาตโดยดุษฎีแล้วนางกล่าว “เนื่องจากทุกคนต้องการเห็นคัมภีร์อัญเชิญของข้า นั่นย่อมไม่เป็นปัญหา  แต่พวกท่านทุกคนจะต้องเห็นด้วยกับเงื่อนไขข้อหนึ่งของข้า  หลังจากได้เห็นแล้ว ต้องให้เราไปได้อย่างอิสระ ไม่ต้องใช้เหตุผลใดๆ รั้งเราไว้”  เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายและแค่ต้องการเทียบคัมภีร์อัญเชิญและคบเป็นสหายผู้มีคัมภีร์อัญเชิญเช่นกัน นางจึงไม่กลัวเป็นธรรมดา

ถ้าคนเหล่านี้ต้องการสร้างปัญหา  นางจะตอบโต้และโจมตีพร้อมกับเย่ว์หยางไม่ว่าการมาเที่ยวดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ครั้งนี้จะดูดดื่มหรือไม่ก็ตาม

แม้ว่าบุรุษวัยกลางคนและอสูรนักสู้ผู้นั้นจะเป็นนักสู้ปราณฟ้า  แต่พวกเขาก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับเย่ว์หยางที่เอาชนะราชันย์พันปีศาจมาได้แล้ว

หลังจากได้ฉันทานุมัติจากทุกคนแล้ว อี้หนานยิ้มอ่อนหวานให้เย่ว์หยาง

นางเหยียดแขนที่เปล่งปลั่งเป็นประกายเหมือนหยก นิ้วของนางงดงามเหมือนกล้วยไม้ขาวและทำท่าเคาะในอากาศเบาๆ

นางเรียกคัมภีร์อัญเชิญของนางออกมาอย่างสง่างาม

แสงประหลาดลุกโชนทันที....

เมื่อทุกคนเห็นคัมภีร์อัญเชิญชั้นแพลตตินัม นิ่งค้างในอากาศ  ทุกคนชะงักค้างเป็นหิน แม้แต่นักสู้ปราณฟ้าทั้งสองคนก็พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อรักษาความสงบของตนเองไว้

สามชั่วโมงต่อมา อี้หนานเดินออกมาจากวงเวทเทเลพอร์ต นางยังหัวเราะไม่หยุด  เสียงหัวเราะของนางเหมือนระฆังเงินยามค่ำคืน ดังลอยลมผ่านอากาศยามค่ำคืน  แม้แต่เย่ว์หยางก็ยิ้มไม่หุบ  ทั้งนี้เพราะเขาคาดไม่ถึงเลยว่า มวลชนในที่นั้นจะมีท่าทางผิดปกติมากขนาดนั้นเมื่อได้เห็นคัมภีร์แพลตตินัม

เขานึกว่าอาจจะมีการนองเลือด  แต่กลับกลายเป็นว่าไม่เกิดอะไรขึ้นสักนิด

แม้แต่นักสู้ปราณฟ้าทั้งสองคนยังต้องการขอสมัครเป็นศิษย์ของอี้หนานและเรียนรู้ความลับในการยกระดับคัมภีร์อัญเชิญ  เย่ว์หยางยังหัวเราะไม่หยุด

“แดนสวรรค์นี่ช่างน่าสนุกมากจริง หึหึ แต่ในอนาคตเมื่อเราลงทะเบียนทหารรับจ้าง  เราต้องไม่พูดถึงคัมภีร์อัญเชิญของเรา  มิฉะนั้น จะมีคนมากมายเอาของขวัญมาให้มากมายทั้งที่เราไม่ต้องการ..”  อี้หนานคล้องแขนเย่ว์หยาง  หลังจากเดินทางไกล นางหันไปมองที่ประตูเทเลพอร์ต หลังจากรู้ว่าไม่มีใครติดตามพวกเขา นางถอนหายใจโล่งอก  “ในที่สุดพวกเขาก็กลับไปแล้ว  ข้าคิดว่าพวกเขาจะตามส่งพวกเราไปจนถึงแดนสวรรค์ตะวันตกเสียอีก!  โอวจริงสิ เจ้าเมืองเฟยเป้าบอกว่าภายในดินแดนนี้ เมืองสายรุ้งงดงามที่สุด เราไปเที่ยวเมืองสายรุ้งเป็นไง?”

“ตามใจปรารถนาเลย เจ้าสาวคนงามของข้า!”  เย่ว์หยางประคองวงหน้าน้อยๆของนางและจุมพิตริมฝีปากที่อวบอิ่มของนาง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด