ตอนที่แล้วตอนที่ 607 หมัดหลอมเหล็ก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 609 ธุรกิจค้าทองดำ

ตอนที่ 608 จอมกระบี่ปีกเงิน


กฎธรรมชาติ!

ถังเทียนประหลาดและตกใจ

แม้ว่าแสงรังสีจะไม่เจิดจ้า  แต่เมื่อกระบี่ถูกปล่อยออกมา  สีหน้าท่าทางของทุกคนเปลี่ยนไป  เซียนผู้ไม่มีกำลังพอ จะไม่เข้าใจว่ากฎธรรมชาติคืออะไร พวกเขาเพียงรู้สึกเหมือนกับว่าสภาพใจของเขาถูกกระบี่ดึงดูดไปหมดร่างของพวกเขาชะงักค้าง ใจของพวกเขาดำดิ่งสู่ความว่างเปล่าไม่สามารถจะดึงความสามารถต้านทานใดๆ ออกมาได้

และเพราะคนผู้ไม่รู้ว่ามันคืออะไรก็ไม่สามารถรักษาความสงบใจเย็นได้ พวกเขาทุกคนลุกขึ้นยืนทันที

เหออิงมีมือกระบี่ที่รู้เรื่องกฎธรรมชาติจริงๆ!

ผู้เฒ่าหมิงผู้ตอนนี้คิดว่าเขามีความเข้าใจเหออิงอย่างชัดเจนตะลึงไปอย่างสิ้นเชิง  ได้รู้กฎธรรมชาติใดๆได้ในสนามพลังใดๆ ก็หมายความว่าพวกเขาจะได้ยกตัวขึ้นสู่ระดับต่อไป

เป้าหมายของเซียนเงินก็คือการแปลงพลังงาน แต่ยังคงแสดงให้เห็นว่าพวกเขาสามารถแสดงพลังานได้มากเพียงไหน และเมื่อเซียนมีสนามพลังของตนเองมีความรู้และความเข้าใจ  เรื่องกฎธรรมชาติจะเป็นอีกเป้าหมายหนึ่ง

ถังเทียนยังคงตกใจ

ในที่สุดเขาก็เข้าใจถึงความยากลำบากในการได้บรรลุกฎธรรมชาติในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์อาจจะมีความยากเย็นยิ่งกว่าสวรรค์วิถีพลังงานในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์มีมากเกินไป ถึงขนาดที่เหมือนกับหิมะหนาและครอบคลุมกฎธรรมชาติมากมาย คนที่สามารถบรรลุกฎธรรมชาติในดาราจักรเซียนศักดิ์ล้วนเป็นยอดฝีมือ

เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจจริงๆ  นี่เป็นครั้งแรกของถังเทียนที่พบกับเซียนผู้รู้แจ้งกฎธรรมชาติในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์

รังสีกระบี่เงินแฝงเจตจำนงที่เยือกเย็นมาด้วยเหมือนกับลมในฤดูใบไม้ร่วงทำให้โถงใหญ่ร้อนราวกับตกอยู่ในเตา  เนื่องจากหมัดหลอมเหล็กลดอุณหภูมิลงเหมือนกับฤดูใบไม้ร่วง

ถังเทียนสงบจิตใจทันทีและรั้งสายตากลับ

คนอื่นๆอาจเทิดทูนกฎธรรมชาติ  แต่สำหรับถังเทียนนั่นคือสิ่งที่เขาคุ้นเคยเกินไป จิ่งหาว  อาเฮ่อ  หลิงซิ่วทุกคนล้วนรู้แจ้งกฎธรรมชาติทั้งนั้น  และในสวรรค์วิถี การบรรลุกฎธรรมชาติเป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้ได้รับการยอมรับว่าเป็นเซียน

แม้ว่ากฎธรรมชาติที่ปรากฏที่นี่จะแข็งแกร่งกว่า  แต่กฎธรรมชาติในที่สุดก็ยังเป็นกฎธรรมชาติ

ทันใดนั้นถังเทียนคิดถึงข้อได้เปรียบอื่นที่สวรรค์วิถีมี นั่นคือกฎธรรมชาติ!

แต่นี่ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องอย่างนั้น

ถังเทียนสูดหายใจลึก  เผชิญกับรังสีกระบี่เงินที่กำลังมาถึง  เขาเคลื่อนเท้าและปล่อยหมัดทั้งสองออก  เพลิงสุญญตาสีเทาพันอยู่รอบนิ้วทั้งสิบของเขา

สีหน้าของเขากลายเป็นจริงจังและประกายเยือกเย็นปรากฏในดวงตาของเขา

นิ้วทั้งสิบกางออกสร้างประกายเส้นแสงซึ่งสว่างอยู่ที่ปลายนิ้วของเขา  ในพริบตาอากาศเหมือนมีเสียงแตกระเบิด แครก แครกแครก แครก จุดแสงนับไม่ถ้วนค่อยๆ ลอยอยู่ในอากาศและเต้นอยู่ในท้องฟ้าเหมือนหิ่งห้อยในฤดูร้อน เป็นเหมือนภาพฝันที่ครอบคลุมเต็มไปทั้งห้องโถง

นี่อะไร?

ถ้ากฎธรรมชาติในรังสีกระบี่เงินทำให้ผู้คนรู้สึกตกใจ อย่างนั้นวิทยายุทธกลับแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง  ทำให้ทุกคนรู้สึกทึ่งในอารมณ์ เป็นไปได้ยังไงที่พวกเขาไม่เคยเห็นวิทยายุทธที่พิถีพิถันขนาดนั้นมาก่อน?

มันงดงามมากและดูเหมือนงานภาพศิลปะ

สีหน้าของไป๋เสี่ยวราวกับเห็นผี  ถ้าเขาไม่เห็นกับตาตนเองต่อให้คนทุบตีเขาจนตาย เขาจะไม่มีทางเชื่อ วิทยายุทธที่สวยงามและละเอียดจนทำให้ผู้คนขนลุก มาจากมือของเหมิ่งหนานจริงๆ

หรือว่าคนผู้นี้มีกล้ามเนื้อของปีศาจแล้วจำแลงเป็นผู้รุกรานที่ละโมบมีเส้นเลือดปูดโปนอยู่ทั่วตัวพร้อมกับความแข็งแกร่งเหมือนกระทิง  ทุกย่างก้าวล้วนสั่นสะท้านโลกได้?

แต่ถังเทียนในตอนนี้ไม่มีความน่ากลัวแม้แต่น้อย  เขาไม่ได้คำราม  สีหน้าของเขายังเฉยเมย  เขายังสงบเหมือนน้ำราวกับเปลี่ยนไปเป็นอีกคนหนึ่ง

หิ่งห้อยที่เต็มอยู่ในท้องฟ้านั้นงดงามแต่มีรังสีอำมหิตที่อันตราย

ไป๋เยี่ยจ้องมองจุดแสงที่บินเป็นกลุ่มอย่างตั้งใจ  กลุ่มแสงที่มีขนาดเท่าถั่วเหลืองกำลังปล่อยรังสีอย่างนุ่มนวลและไม่มีแสงหรือความอบอุ่นที่น่าประหลาดใจแต่อย่างใด

แต่สีหน้าของไป๋เยี่ยเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง  ภายในแสงรังสีที่อบอุ่น  เขาสามารถรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนสภาพพลังงาน

เปลี่ยนสภาพพลังงาน  นั่นเป็นเครื่องหมายของเซียนระดับเงิน

ไม่ใช่แค่เพียงหน้าของไป๋เยี่ยเปลี่ยนเท่านั้น  ตาของเหออิงก็ยังมีแววตกใจ  แม้ว่าเหออิงก็เป็นคนโดดเด่น  แต่ไม่มีความสงสัยเลยว่าพลังของเขาเองก็อยู่ในระดับเซียนเงิน

ผู้นำทหารที่อยู่ในระดับเซียนเงินมีอำนาจสั่งการที่โดดเด่นและสามารถเพิ่มพลังให้กับกองทัพของพวกเขาได้มาก

และเซียนผู้อยู่ในระดับเงินก็คือเครื่องจักรฆ่าที่น่ากลัว  พวกเขาอันตรายมาก และเป็นเหมือนดาบคม

ท้องฟ้าเต็มไปด้วยหิ่งห้อยบินเข้าหารังสีกระบี่ ทันใดนั้นท้องฟ้าพลันสว่างวาบด้วยริ้วแสงนับไม่ถ้วน  หิ่งห้อยที่เป็นเหมือนสายฝนหรือเกล็ดหิมะกลายเป็นเส้นและสานกันอย่างสวยงาม

เมื่อฝนแสงเข้าไปในรังสีกระบี่รังสีกระบี่เปล่งรังสีนวล เหมือนกับสัตว์ป่าจอมห้าวถูกยั่วโมโหและปล่อยพลังความโกรธเกรี้ยวและหิ่งห้อยยังคงเต้นเริงร่าอย่างสง่างามและพุ่งเข้าหารังสีกระบี่อย่างต่อเนื่อง

ในท่ามกลางเสียงสั่นหึ่งหึ่งทำให้หัวใจผู้คนสะท้าน  รังสีกระบี่ถูกหลอมละลายหายไปเร็วมองเห็นชัดด้วยตาเปล่า และเส้นสายเรืองแสงที่เหลืออยู่สั่นสะเทือนอยู่ในอากาศ

การสั่นสะเทือนของมันกลับดึงหิ่งห้อยเข้ามามากและหิ่งห้อยก็บินกลับไปกลับมาและแตกระเบิดเป็นระลอกพลังไร้ลักษณ์และหายไป

สิ่งที่ยังคงอยู่ในห้องโถงก็คือหิ่งห้อยที่ลอยอยู่ไม่มีควันหรือปราณที่ดุร้าย

ร่างสูงของบุรุษรูปงามเดินปรากฏออกมาจากกลุ่มคนและถามเสียงดัง  “ข้าชื่อเฉียวอี้อันขอถามนามที่ยิ่งใหญ่ของท่านได้ไหม?”

ทุกคนส่งเสียงฮือฮา  พวกเขาตกใจกันหมด จอมกระบี่ปีกเงิน

จอมกระบี่ปีกเงินเฉียวอี้อัน!

หน้าของหลิงเซี่ยเปลี่ยน นางไม่เคยคาดเลยว่าเหออิงจะสามารถรับสมัครจอมกระบี่ปีกเงินไว้ได้จริงๆ จอมกระบี่ปีกเงินเป็นมือกระบี่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของภูมิภาคใต้  เขามีพลังแข็งแกร่งมาก  เข้าสู่ระดับเซียนเงินตอนอายุ 30 ปี  ปัจจุบันอายุ 35ปีและนี่เป็นช่วงเวลาสุดยอดของเขา

ทุกคนอยู่ในอาการตกใจ  ก่อนนี้ผู้คนคาดเดากันไปต่างๆว่าจอมกระบี่ผู้แข็งแกร่งที่เพิ่งมาถึงนี้ แต่ไม่มีใครคิดเลยว่าจะเป็นเฉียวอี้อัน

สามารถป้องกันกระบี่ของเฉียวอี้อันได้  สายตาที่ทุกคนมองดูถังเทียนเปลี่ยนไป

“ข้าชื่อเหมิ่งหนาน”  ถังเทียนพูดตามปกติ  แต่เขาตื่นเต้น  “นี่..แล้วเราจะสู้ต่อหรือไม่?”

แม้ว่าเขาไม่รู้ว่าเฉียวอี้อันเป็นเซียนชนิดไหน  แต่เขาสามารถรู้สึกได้ชัดเจนว่าพลังกระบี่ที่เขาใช้ยังไม่ได้สู้เต็มกำลัง  ความตั้งใจสู้ของถังเทียนนั้นรุนแรงมาก  เขาไม่ต้องการจะหยุด

เฉียวอี้อันสะดุ้งและหัวเราะแก้เก้อทันที “เป็นสหายผ่านการต่อยตีกันก็ได้ สามารถได้พบกับพี่เหมิ่ง นับเป็นเกียรติของข้า  ในตอนนี้เป็นแค่การแนะนำแลกเปลี่ยนกัน  ทำไมเราไม่ซ้อมมือกันอีกในครั้งต่อไป?  เพื่อจะได้ไม่กวาดความสนใจของผู้คนออกไป

ถังเทียนดูแล้วก็เห็นด้วย  ถ้าเรายังสู้กันที่นี่  เราอาจจะทำลายภัตตาคารก็ได้  ที่สำคัญยิ่งกว่าเมื่อความตั้งใจสู้ของข้าหายไป ความหิวมักจะทำให้ข้าขาอ่อน

เขากลืนน้ำลายด้วยความยากลำบาก  “ก็ได้, งั้นเรากินกันก่อน!”

จากนั้นไป๋เสี่ยวยกมือและตะโกน  “พี่เหมิ่ง!”

ถังเทียนมองไปทางตำแหน่งเสียงและตาเขาเป็นประกาย  “ฮะฮ้า.. เสี่ยวไป๋!”

เสี่ยวไป๋...

ไป๋เสี่ยวรู้สึกเสียใจทันที  ทำไมข้าตะโกนออกไปอย่างนั้น  สายตาทุกคนหันมามองเขา  มีลูกค้าสตรีสองสามนางหัวเราะคิกคัก  คุณชายไป๋เสี่ยว ผู้โดดเด่นและมีความมั่นใจถูกเรียกว่าเสี่ยวไป๋ฟังดูคล้ายกับชื่อสัตว์เลี้ยง

หลิงเซี่ยสังเกตเห็นโต๊ะของไป๋เสี่ยวและเดินตรงไปหาและคำนับทันที  “ผู้เฒ่าหมิง, แม่ทัพไป๋, คุณชายเสี่ยว”

แก๊งกางเกงไหมที่ตามมาด้านหลังนางพาเงียบด้วยความกลัวทุกคนได้แต่เดินตามมาทักทาย

ถังเทียนมองดูโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหาร  เขาหิวถึงขนาดมือและขาสั่น และตะโกน  “เสี่ยวไป๋, ข้าขอกินก่อน หิวจะแย่อยู่แล้ว!”

ด้วยอาการเช่นนั้น  เขาทำหน้านิ่วทันที

การกระทำของถังเทียนทำให้ทุกคนสั่นสะท้านอีกครั้ง พวกแก๊งกางเกงไหมแทบจะเทิดทูนเขาเลยทีเดียว  พี่ใหญ่, ท่านช่างห้าวจริงๆ  รู้ไหมว่ากลุ่มคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นเป็นใคร?

หลิงเซี่ยถึงกับหน้าถอดสีผู้เฒ่าหมิงเคร่งจารีตและมารยาทมาก แม้แต่บุตรของเจ้าครองทวีปก็ยังไม่กล้าเสียมารยาทต่อหน้าเขา  และสำหรับแม่ทัพไป๋เยี่ย เขาเป็นหนึ่งในแม่ทัพที่มีอิทธิพลยิ่งกว่าที่กองทัพของทวีปทรายขาวจะมีได้อำนาจของตระกูลไป๋ ทำให้ไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ใด จะถือว่าเป็นแขกผู้มีเกียรติชั้นสูง

“เจ้ายังอยู่ในวัยเติบโต, กินมากๆ เข้าไว้!” ผู้เฒ่าหมิงยิ้มพูดอย่างเป็นกันเองจากนั้นหันหน้ามาสั่ง  “บริกร!  เอาอาหารจานเนื้อมาเพิ่มอีก!”

ท่าทางที่มีความสุขของเขาทำให้สายตาของหลิงเซี่ยแทบมองอยู่แต่กับพื้น  แม้แต่แก๊งกางเกงไหมด้านหลังนางมีท่าทางราวกับเห็นผี

ถังเทียนตอนนนี้ปากเต็มไปด้วยอาหารและยังคงเป็นเหมือนไม่ได้ยินอะไร

“คนเราไม่สามารถทำงานได้ดียามท้องว่างได้  กินได้กินดีแบบนี้เจ้านับเป็นบุรุษผู้ยิ่งใหญ่แน่นอน” ไป๋เยี่ยยกย่อง

ไป๋เสี่ยวมองดูเงียบๆ  ถ้าญาติของเขาได้ยินสิ่งที่บิดาของพวกเขาพูดพวกเขาคงกระอักโลหิตแน่

“เจ้าคงจะหิวสินะ”  ไป๋เสี่ยวรินน้ำให้ถังเทียนแก้วหนึ่ง  “เราไม่เจอกันสองวัน เจ้าก็เป็นแบบนี้เสียแล้วถ้าอวี่หรันเห็นแบบนี้ นางคงดุข้าอีกแน่”

“ง่ำ ง่ำ ง่ำ!”  ถังเทียนไม่ได้เงยหน้าขึ้น

สองวัน...

ผู้เฒ่าหมิงมีสีหน้ากระตุก  เขาถามด้วยความประหลาดใจ  “หรือว่าพวกเจ้าเป็นพวกเดียวกับที่อยู่บนเรือ?  เป็นไปได้หรือว่าคนที่ได้รับการเล่าลือว่าสามารถขับไล่โจรสลัดหนีไปก็คือน้องเหมิ่งผู้นี้”

“ท่านผู้เฒ่าหมิงตาคมจริงๆ!” ไป๋เสี่ยวยกย่อง “ฝีมือของพี่เหมิ่งไม่เหมือนใคร บริวารของเขาล้วนห้าวหาญชาญศึกเช่นกัน ครั้งนี้ถ้าไม่ได้พี่เหมิ่งช่วยเหลือไว้ ข้ากับอวี่หรันคงตกอยู่ในอันตรายเป็นแน่”

“ง่ำ ง่ำ ง่ำ!”  ถังเทียนยังคงก้มหน้าก้มตากินต่อไป

ไป๋เยี่ยตื่นเต้น  “พร้อมกับบุรุษอีก 46 คนผลักดันกองเรือโจมตีและเรือรบอีกหนึ่งลำ  นั่นก็แทบเหลือเชื่อแล้ว  ถ้าข้าลงมือเองข้าไม่กล้าพูดเลยว่าสามารถทำได้”

“ง่ำ ง่ำ ง่ำ!”  ถังเทียนดูเหมือนไม่มีความคิดจะหยุดยังคงตั้งใจกินต่อไป

จากนั้นเหออิง  เฉียวอี้อันและพวกอีกสองสามคนถือแก้วเดินเข้ามา

“นึกไม่ถึงเลยว่าผู้เฒ่าหมิงและแม่ทัพไป๋ก็อยู่ที่นี่ด้วย  เรารบกวนความสำราญของพวกท่านเหออิงต้องขออภัยเป็นสองเท่าด้วย” เหออิงพูดด้วยท่าทางที่แสดงการขออภัย

ผู้เฒ่าหมิงหัวเราะ  “แม่ทัพเหอ ทำไมถึงพูดอะไรอย่างนั้นเล่า? สามารถเห็นประจักษ์การต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นอย่างนั้นได้  เรานับได้ว่าเปิดหูเปิดตาจริงๆ”

ไป๋เยี่ยหัวเราะ  “นั่นน่ะสิ ได้เห็นการต่อสู้นั้น ก็ถือได้ว่าการเดินทางของเราคุ้มค่าแล้ว”

ทุกคนร่วมหัวเราะพูดคุยกัน และมีเพียงถังเทียนที่ง่วนอยู่กับอาหารของตนเองเท่านั้น หลังจากนั้นชั่วขณะดูเหมือนทุกคนจะลืมความมีตัวตนของเขาและไม่มีใครคุยกับเขา

เหออิงพาเฉียวอี้อันกลับไปที่โต๊ะของพวกเขา  สีหน้าของเขาอึมครึมอีกครั้ง

“พลังของเขาเป็นยังไง?  เจ้ามั่นใจไหม?”  เหออิงพูดเบาๆ

“เขาไม่แข็งแกร่งเท่าใดนัก  แต่แปลกมาก เขาแค่แตะขอบๆ ระดับเซียนเงินเท่านั้น แต่รูปแบบและวิธีการของเขาแหกกฎเกณฑ์และเขามีการเปลี่ยนแปลงและท่วงท่ามากมาย  สิ่งที่ข้าน้อยไม่เข้าใจเลยก็คือเมื่อเขาต่อสู้เขาไม่ได้สร้างความผันผวนของพลังงานแต่อย่างใด ข้าน้อยตรวจดูอาการบาดเจ็บของซืออ้าวแล้ว เพลิงสีเทานั่นร้ายกาจมากมีความสามารถในการทำลายล้างรุนแรง  ข้าไม่แน่ใจว่าหมอสวี่จะมีความคิดเรื่องนี้ยังไง  เพลิงที่ไม่รู้จักนี้อันตรายที่สุด”  เฉียวอี้อันฝืนหัวเราะ

หมอสวี่คือหมอที่แข็งแกร่งที่สุดในกองพลที่สอง  วิชารักษาของเขานับได้ว่าสุดยอด

“เป็นไปได้ไหมนั่นคือพลังทำลายล้าง?”  เหออิงตกใจ เขาเป็นแม่ทัพระดับเงินและรู้ว่าพลังงานทำลายล้างสามารถทำอันตรายให้เซียนได้มากมาย  เมื่อถูกมันทำร้ายไปแล้ว ก็ยากจะฟื้นตัวและเขาไม่เคยได้ยินวิทยายุทธของใครว่าสามารถสร้างผลทำลายล้างเช่นนั้นได้

สีหน้าของเขาเคร่งขรึมมากขึ้น

ทันใดนั้นเขามีลางสังหรณ์ว่าเจ้าผู้นี้จะกลายเป็นตัวปัญหาใหญ่

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด