ตอนที่แล้วตอนที่ 606 ไม่ต่อยตีไม่รู้จักกัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 608 จอมกระบี่ปีกเงิน

ตอนที่ 607 หมัดหลอมเหล็ก


“มีเรื่องอะไรกัน?”

โซฟี่ถาม  เขาเป็นคนที่ผมสั้น คิ้วหนาหน้าเหลี่ยมของเขาราวกับใช้ขวานถาก ริมฝีปากหนา ผิวสีแทนไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนล้วนให้ความรู้สึกที่มั่นคงเหมือนภูเขา

เขาคือผู้บัญชาการกองพลที่หนึ่งและยังเป็นมือขวาของเจ้าปกครองแผ่นดินที่น่าเชื่อถือเป็นผู้ทรงอำนาจที่มีชื่อเสียงที่สุดของทวีปทรายขาว

“เป็นเหลียนไป่จวิน”บริวารของเขารายงานด้วยความเคารพ “เราใช้ความพยายามมากมายและใช้สินบนล่อพวกโจรสลัดและพบว่าเป็นหนึ่งในเรือเสริมกำลังของพวกเขา พวกเขามีเรือโจมตีเร็วอยู่สองสามลำที่ได้รับความเสียหายและอยู่ในช่วงซ่อมแซม ครั้งนี้ความเสียหายของพวกเขาไม่ใช่เล็กน้อย”

“เหลียนไป่จวิน?”  โซฟี่ขมวดคิ้ว โจรสลัดส่วนใหญ่เป็นพวกไร้วินัยที่มารวมตัวกัน  พวกมันไม่มีระเบียบและพ่ายแพ้จากการโจมตีครั้งแรก  แต่ยังคงมีพวกฝีมือดีปนอยู่ในพวกโจรสลัดจริงๆซึ่งมีระเบียบวินัยเคร่งครัดไม่ด้อยไปกว่าเมื่อเทียบกับกองทัพประจำ  สลัดประเภทนี้ไม่ควรไปตอแยทั้งยังเป็นจ้าวสลัดระดับโลก

ภูผาทมิฬที่เหลียนไป่จวินสั่งการก็เป็นหนึ่งในนั้น  (เรือของเหลียนไป่จวินที่แปลเป็นมังกรดำให้เปลี่ยนชื่อเป็นภูผาทมิฬครับ”

โซฟี่เป็นเพียงไม่กี่คนที่รู้เบื้องหลังของเหลียนไป่จวิน  เขาเป็นผู้นำทหารระดับอัจฉริยะจบการศึกษาเป็นอันดับสามจากในสถาบันไพรอากาศ ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์ใด ทั้งความกล้าหาญและความเด็ดขาดโซฟี่ยังต้องก้มหัวให้กับเหลียนไปจวินทุกด้าน

สลัดภูผาทมิฬจากที่ไม่มีอะไรก็มีเพิ่มมากขึ้น  จากที่อ่อนแอมากก็กลายเป็นแข็งแกร่งทุกอย่างสร้างขึ้นจากน้ำมือผู้เยาว์คนนี้และสลัดภูผาทมิฬ แม้ว่าจะปล้นชิง  แต่พวกเขาไม่ยินดีฆ่าคนบริสุทธิ์  ดูเหมือนว่าอย่างน้อยก็ยังยึดมั่นหลักการบางอย่าง

แต่คนที่ป้องกันศิษย์ผู้น้องของเขาได้และยังทำให้พวกเขาแพ้ได้ ดูเหมือนว่ามาตรฐานของเขาจะไม่ต่ำทรามเลย

“ใครกันเขาคือใครที่สู้กับพวกเขาได้อย่างนี้?” โซฟี่ถาม

“เป็นกลุ่มเล็กๆ ที่ประกอบไปด้วยคน 46 คนและผู้นำเป็นบุรุษชื่อเหมิ่งหนาน พวกเขาขึ้นเรือที่กลางทางและร่วมเดินทางด้วยว่ากันว่าพวกเขามาเมืองทรายขาวเพื่อทำธุรกิจ” บริวารของเขาเรียนด้วยความเคารพ

“มาทำธุรกิจ?” โซฟี่หัวเราะ จากนั้นกล่าว “ไปตรวจสอบเขา”

นี่มันตลกบ้าอะไรกัน?  ต่อให้เป็นข้าข้าคงไม่สามารถทำให้เหลียนไป่จวินต้องถอยหนีเพราะคนเพียง 46 คน พวกเขามีพลังแบบไหนกันถึงได้มาที่นี่เพื่อทำธุรกิจ?

“ขอรับ!”  บริวารของเขาตอบ

โซฟี่ผงกศีรษะและพูดต่อ  “ระมัดระวังความปลอดภัยของเมือง  เร็วๆ นี้มีคนมากเกินไปในเมืองและมีความแออัดมาก ขอให้ทุกคนระมัดระวังด้วย”

“ขอรับนายท่าน!”  บริวารของเขาตอบ

“ไปได้แล้ว”

เมื่อบริวารของเขาออกไป  โซฟี่ไตร่ตรองลึกซึ้ง  ถ้าเหลียนไป่จวินเข้ามาเกี่ยวข้อง  อย่างนั้นเรื่องนี้ก็คงไม่ง่ายแน่  เขาล้วงเครื่องส่งข้อความออกมาเปิดการทำงานไม่กี่นาทีก็มีเสียงดังออกมา “ศิษย์พี่โซฟี่”

“ไปจวิน, ทำไมเจ้าโจมตีฉินอวี่หรัน?”  โซฟี่ถาม

“ศิษย์พี่ ท่านติดต่อมานี่จะวิจารณ์ข้าหรือ?” เหลียนไป่จวินดูเหมือนไม่ประหลาดใจ เสียงของเขาสงบใจเย็นมาก

“ไม่หรอก,ข้าแค่คิดว่าเรื่องมันไม่ง่ายอย่างนั้น ก็เท่านั้น”  โซฟี่ตอบ

เหลียนไป่จวินไม่ตอบ

“ถ้าข้าเดาไม่ผิด”น้ำเสียงของโซฟี่กลับเป็นปกติ แต่มีแววเย็นชาในดวงตาของเขา “มีใครบางคนที่ต้องการจะเคลื่อนไหวในทวีปทรายขาวใช่ไหม?”

“สมกับเป็นศิษย์พี่จริงๆ”  เหลียนไป่จวินยกย่อง

“อะไรคือเงื่อนไขที่พวกเขามอบให้เจ้า?”  โซฟี่ถาม

เหลียนไป่จวินเริ่มจะชาชิน  “ศิษย์พี่พยายามติดสินบนข้าหรือ?”

“ใช่” โซฟี่สรรเสริญตามตรง  “ทำไมจะไม่ได้เล่า? ข้าเชื่อว่าเมืองทรายขาวสามารถมอบข้อเสนอพิเศษได้เท่าฝ่ายที่เสนอแน่  และข้าเชื่อว่าเมื่อเทียบกับคนอื่น  ความน่าเชื่อถือของข้าเป็นไปได้มากกว่า”

เหลียนไป่จวินยังคงเงียบอยู่ครู่หนึ่ง  จากนั้นกล่าว “ข้าเสียใจ”

โซฟี่ไม่โกรธ  เขาพยักหน้า “โอว.. ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวกับเงิน ถ้าในเมื่อไม่ใช่เรื่องเงิน แต่ก็ยังทำให้เจ้าเคลื่อนไหวได้ นั่นชักจะน่าสนใจแล้ว”

“ศิษย์พี่, โปรดระมัดระวัง” เหลียนไปจวินพูดเบาๆโดยไม่เคลื่อนไหวอะไร

“ขอบคุณ, ไป่จวิน” โซฟี่พูดอย่างสุภาพ

เขาจบการสนทนาไว้แต่เพียงเท่านั้น  โซฟี่ยังคงจมอยู่ในความคิด  ในความมืดมีแสงสว่างเป็นประกายอยู่ในดวงตาของเขา

********

องครักษ์คุ้มกันของเหออิงเป็นนักสู้แข็งแกร่งที่ใช้เงินจ้างมาทุกคน  และทุกคนเป็นยอดฝีมือที่มีชื่อเสียง พวกเขาไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในการตั้งกระบวนรบ  แต่ทุกคนมีพลังความแข็งแกร่งเฉพาะตัวและแม้แต่เหออิงผู้เป็นผู้บัญชาการทหารก็ยกย่องพวกเขาเทียมฟ้า ในอดีตไม่กี่ปีนั้นพวกเขาสร้างชื่อให้กับเหออิงมากทำให้ผู้บัญชาการทหารอื่นอิจฉา ในยามจำเป็นพวกเขาจะกลายเป็นแนวหน้า เป็นเหมือนขวานศึกพวกเขาไม่มีใครหยุดยั้งได้ และเป็นการเคลื่อนไหวอย่างสุดยอดของกองพลที่สอง

เมืองทรายขาวเป็นเมืองทำเลยุทธศาสตร์และมีความเจริญรุ่งเรืองทางการค้าขณะที่ยอดฝีมือมากมายหลั่งไหลเข้ามาเพื่อสร้างอนาคต

เงินตำแหน่ง อำนาจ ยอดฝีมือทั้งหมดวางตัวเองอยู่เหนือคนที่เหลือและมองแต่เป้าหมายที่สูงขึ้นไป

มันเป็นความอยู่รอดที่เหมาะสมและองครักษ์ที่อยู่ข้างตัวเหออิงจะเปลี่ยนชุดไปอย่างต่อเนื่อง และแต่ละชุดจะแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น  ในทวีปทรายขาวกองพันทัพหน้าของกองพลที่สองทวีปทรายขาว มีชื่อเสียงที่ทุกคนรู้จักดี

ความแข็งแกร่งของกองทัพหน้าทำให้เหออิงบุกตะลุยขึ้นหน้าได้มาหลายปีโดยไม่มีใครหยุดยั้งได้

แต่ฉากที่อยู่ต่อหน้าทุกคนทำให้ทุกคนตกตะลึง

ถังเทียนไม่เสียเวลาคิดเหออิงก็แค่สวะที่เขาไม่ชอบ และเด็กหนุ่มจอมห้าวชอบต่อยตีก่อนเจรจาเสมอ  การคิดถึงผล สถานการณ์และโอกาสที่จะตามมาปัญหาอาจบานปลายสูง  สำหรับเด็กหนุ่มบ้าระห่ำไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

เขาเป็นพวกที่ชอบใช้การต่อสู้เพื่อแก้ปัญหา

ถังเทียนลงมือเคลื่อนไหวก่อนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วมาก และในพริบตาเขาก็มาถึงร่างบุรุษร่างใหญ่มหึมา

บุรุษผู้แข็งแรงนี้ร่างสูงใหญ่มาก  แม้เขาจะไม่กลัว  เขายังคงวิ่งลุยข้างหน้าแขนของเขาสั่นสะเทือนสร้างแรงสะท้อน เขาคำรามและปล่อยหมัดออกไปเหมือนปืนใหญ่!

รัศมีสีแดงสดเปล่งจากร่างเขาทันทีและเริ่มกลายสภาพเป็นเหมือนเหล็กเผาร้อน รอบตัวเขาค่อยๆ คล้ายกับเกราะเหล็กร้อน อุณหภูมิในอากาศรอบตัวสูงขึ้นชัดเจนและพื้นข้างล่างของเขาเริ่มละลาย ปราณของเขาถูกเร่งจนระดับสูงสุด

หมัดของเขาเป็นเหมือนกระสุนที่ยิงออกมาจากปืนใหญ่

ถังเทียนตาสว่างวูบ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบกับคนที่ใช้วิชาหมัดในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์

เขายกหมัดขวา

เพลิงสุญญตาพันรอบหมัดของเขาอย่างรวดเร็วซี่ ซี่ ซี่ เพลิงสุญญตาที่พันรอบหมัดเปลี่ยนสภาพเป็นวังวนสีเทา

พลังวิญญาณเพลิงสุญญตา!

หนุ่มน้อยผู้นี้ไม่มีเวลาจะเสียเวลาจินตนาการอีกแล้ว

เขาก้าวไปข้างหน้าและทำท่าเหมือนคันธนู และปล่อยหมัดของเขาออกไปเหมือนธนู

หมัดที่มีเพลิงสีเทาหุ้มปะทะโดยตรงกับหมัดที่มีรัศมีแดง

ปัง!

ถังเทียนถอยหลังสามก้าวจึงตั้งหลักได้  แขนขาของเขารู้สึกเจ็บปวดมากเหมือนกับว่าไม่สามารถจะยกได้ แต่หน้าของเขามีอาการตื่นเต้น เซียนของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์  แม้ว่าจะไม่มีพลังวิญญาณที่ลึกลับ แต่พวกเขาใช้พลังงานได้โดยตรงและระเบิดได้มากกว่า

เซียนหมัดมวยของสวรรค์วิถีชนะในเรื่องวิชาหมัด  แต่พลังงานที่สะสมอยู่ในหมัดที่อยู่ต่อหน้าเขาเกินกว่าวิชาใดๆ ที่เขาเคยพบมาก่อน

แม้ว่าร่างกายของถังเทียนจะแข็งแรง  แต่เขาก็ยังรู้สึกทรมาน

เขาเหยียดแขนออกและสูดลมหายใจหนาวเหน็บ  “เฮ้..เล่นเอาชาไปเลย หึ หึ หึ เจ้าแข็งแกร่งจริงๆ เจ้าแข็งแกร่ง  แข็งแกร่งมาก!”

บุรุษร่างใหญ่นั้นจงใจจ้องมองเขา  ตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ หวาดหวั่นและเกรงกลัวพลังงานหลอมเหล็กรอบๆ ตัวเขาลดลงมากมาย และมือขวาของเขา ตลอดจนถึงหน้าอกเปิดออก

นั่นพลังหมัดอะไรกัน?

พลังของข้าถูกทำลายจริงๆ! มันถูกยับยั้งและทำลายอย่างสิ้นเชิง!

พลังประหลาดเหมือนกับเข็มแทงเข้าไปในแขนของเขาไม่อาจจะหยุดยั้งมันได้ และนอกจากนั้นพลังทั้งหมดของเขาถูกทำลาย  สิ่งที่ทำให้เขากลัวมากยิ่งขึ้นก็คือส่วนที่พลังของเขาถูกทำลายรู้สึกเหมือนกับว่าตกอยู่ในสภาพเป็นพิษกัดกร่อนพลังของเขาไม่สามารถฟื้นคืนได้และคืบหน้าได้สักนิด

เขารู้ว่านั่นน่ากลัวเพียงไหน!

ระลอกที่รุนแรงเมื่อหมัดทั้งสองปะทะกันกวาดไปทั่วบริเวณเหมือนเหมือนพายุหมุน

แต่มียอดฝีมือหลายคนอยู่ในเหตุการณ์เหมือนกับว่าไม่รู้สึกอะไร  พวกเขาสะบัดฝ่ามือสองสามคราระลอกพลังก็หายไป

ภัตตาคารขาวเป็นภัตตาคารที่ดีที่สุดในเมืองทรายขาวมีลูกค้าที่มีชื่อเสียงในทวีปทรายขาว และเพราะการมาถึงของฉินอวี่หรันทำให้มีคนมีชื่อเสียงและอำนาจจากทวีปอื่นมากมายมายังทวีปทรายขาว  ดังนั้นภัตตาคารขาวจึงมีคนเต็มทุกวัน

เจ้าของภัตตาคารขาวไม่ใช่ว่าไม่มีผู้หนุนหลัง  ถ้าเป็นคนอื่น เขาคงจับพวกเขาโยนออกไปแล้ว แต่นี่อีกฝ่ายคือหลิงเซี่ย และอีกฝ่ายคือเหออิง  ดังนั้นเขาไม่กล้าทำอะไร  หลิงเซี่ยจะได้เป็นผู้บัญชาการกองพลที่ห้า  และตระกูลหลิงมีเครือข่ายทุกแห่ง  ขณะที่เหออิงมีพลังและอำนาจ  เขาฉลาดและเจ้าเล่ห์  ถ้าเขาจดจำบัญชีไว้  ไม่เพียงแต่ภัตตาคารจะต้องล่มสลายเท่านั้น  แต่จะมีอันตรายทำให้ครอบครัวถูกฆ่า

ทั้งสองฝ่ายมาจากที่มีเบื้องหลังยิ่งใหญ่ดังนั้นไม่มีใครกล้าทำอะไร

การปะทะหมัดทำให้ทุกคนตกใจและตื่นเต้น

“นั่นใครกัน? เขาแข็งแกร่งมากจริงๆ!” ผู้เฒ่าหมิงตกใจ  เขาคือแม่ทัพเฒ่าแห่งเมืองทรายขาว และเพื่อให้เจ้าครองทวีปคนปัจจุบันอยู่ในตำแหน่งได้จนถึงวันนี้เป็นเพราะผู้เฒ่าหมิงสนับสนุน เขาเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสสูงสุดที่อาศัยอยู่ในเมืองทรายขาวและรู้จักกองพันทัพหน้าของเหออิง เมื่อเห็นว่าผู้คนไม่รู้จัก เขาอธิบาย “ยอดฝีมือหมัดมวยนั้นชื่อว่าซืออ้าว”

“หมัดหลอมเหล็กซืออ้าว!”  ใครบางคนอุทาน

พวกที่ตอนแรกจะเข้าไปห้ามการทะเลาะกันถึงกับหน้าถอดสีทันที

ไป๋เยี่ยพูดขึ้น  “รังสีหมัดที่มีชื่อเสียงของซืออ้าวเหมือนกับเหล็กหลอม ในที่สุดก็ได้พบแล้วในวันนี้ นับว่าสมชื่อจริงๆ”

ผู้เฒ่าหมิงพยักหน้าและสรรเสริญ  “ซืออ้าวฝึกหมัดด้วยวิธีการที่แปลกใหม่  เขาเริ่มฝึกฝนในลาวาของภูเขาไฟ  และจากนั้นก็ในเหล็กหลอม  ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ดังนั้นจึงมีพลังหมัดที่ได้รับการยกย่องไปทั่ว 14 ทวีปในบรรดาขุนพลที่มีอิทธิพลของกองพันทัพหน้า เขาอยู่ในห้าสุดยอดฝีมือ  นึกไม่ถึงเลยว่าจะเห็นเขาพ่ายแพ้เพลงมวย  แต่เราผู้เฒ่าสงสัยจริงว่าเจ้าเด็กนั่นเป็นใคร?”

ไป๋เสี่ยวมองดูอย่างตกตะลึง ศักดิ์ศรีของซืออ้าวยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าเขาก็จริง  แต่ในเรื่องพลัง ซืออ้าวไม่อ่อนแอกว่าแน่นอน  ซืออ้าวต่อสู้มาตั้งแต่ยังอยู่ระดับล่างๆ  หมัดเดียวของเขาสร้างชื่อแผดเผาถึง 14 ทวีปอาจกล่าวได้ว่าเขาสร้างชื่อผ่านการต่อสู้ และในสามปี เขาท้าทายยอดฝีมือจาก 14ทวีปสร้างความสั่นสะเทือน

แต่ซืออ้าวพ่ายแพ้จริงๆ!

เขาไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง ถังเทียนอยู่อีกด้านหนึ่งโบกมือบ่นตามเรื่องตามราวไม่มีราศีของยอดฝีมือแม้แต่น้อย แต่ซืออ้าวยืนนิ่งกับที่สายตาเต็มไปด้วยความกลัว หมัดเหล็กหลอมของเขาเหมือนเกราะพลังงานที่ถูกกัดกิน

ไม่ว่าซืออ้าวจะพยายามยืนหยัดยังไงก็ตาม แต่คนที่มองเห็นสามารถบอกได้ว่าซืออ้าวแพ้ในการปะทะฝีมือ

เมื่อได้ยินผู้เฒ่าหมิงถามว่า“เด็กคนนี้เป็นใคร”  ในที่สุดเขาก็ตอบสนองและเตรียมตอบ เมื่อถังเทียนเริ่มตะโกนมาทางซืออ้าว

“เอาอีกครั้ง!”

ถังเทียนคำรามทำให้ทั่วทั้งสถานที่ได้ยินเสียงเขา

ตาของซืออ้าวมีแววหวาดกลัว  ขณะนั้นมีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นและคำรามทันที  “เจ้าช่างไม่รู้จักประมาณตัว!”

ซืออ้าวคลายใจ  เขารู้จักพลังของสหายของเขาดีและขยับหลีกทางให้  กระบี่แสงกวาดผ่านร่างของเขาและพุ่งเข้าหาถังเทียน

แสงสีเงินพุ่งออกมาจากฟ้า  ชั้นกระบี่ครอบคลุมถังเทียน

ปราณแปลกใหม่ที่ยังคุ้นเคยทำให้ผมขนในตัวของถังเทียนลุกชัน  มันเป็นกฎธรรมชาติ!

กระบี่นี้มีร่องรอยของกฎธรรมชาติ

ถังเทียนหรี่ตาทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด