ตอนที่แล้วตอนที่ 578 ฝึกซ้อมฝันร้าย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 580 หอกวิ่งและพลังต้นกำเนิด

ตอนที่ 579 ทางเลือกที่โง่เขลา


“ซื่อสัตย์ไว้!”

หลังของสือหย่งเจ็บปวดหลังของเขามีรอยแตกและรอยเลือด  แม้ว่าจะทิ้งไว้เพียงรอยเดียวบนหลังของเขา สือหย่งก็ยังไม่ส่งเสียง แต่แววเกลียดชังแฝงอยู่ในดวงตาของเขา เชือกสีเขียวเข้มบาดลึกลงไปในเนื้อของเขา เขาสูญเสียความรู้สึกที่มีต่อพลังงาน ร่างของเขาซีดไม่เหลือเรี่ยวแรงเลยแม้แต่น้อย

เชือกสีเขียวเข้มมีชื่อว่าพันธนาการนักโทษ  ใช้ผูกมัดเชลยโดยเฉพาะโดยมันจะฝังตัวลงไปในเนื้อของเชลย ประโยชน์ที่ดีที่สุดก็คือแยกเชลยออกจากความรู้สึกถึงพลังงานในอากาศอย่างสิ้นเชิง

เชลยไม่สามารถจะรวบรวมพลังงานได้  ดังนั้นเขาจะไม่ใช่ภัยคุกคาม

เชือกพันธนาการนักโทษเส้นยาวมัดคนได้เกิน200 คน พวกเขาเป็นเหมือนกลุ่มสัตว์ที่ถูกล่ามเข้าด้วยกัน

“เบามือหน่อย อย่าฆ่าเขา”  รองหัวหน้ากองอีกคนหนึ่งตะโกน  พวกเขาไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีนัก  เมืองเป่ากวงมีประชากรน้อยกว่า 8000 คนยังห่างจากจำนวนที่พวกเขาต้องการได้ ทันใดนั้นพวกเขาตระหนักว่าภารกิจครั้งนี้จะไม่สำเร็จได้โดยง่าย  การลงทัณฑ์ที่รุนแรงทำให้พวกเขารู้สึกหวั่นเกรงอยู่ลึกๆ  พวกเขาไม่สนใจคนอื่นอีก  จึงได้จับคนแก่ คนอ่อนแอและเด็กมาเพิ่มจำนวน

อีกกลุ่มหนึ่งออกไปตามหาสือเซิน

สีหน้าของสือหย่งเย็นชามุมปากมีรอยยิ้มอย่างใจเย็น ถ้าเพียงแต่คนพวกนี้รู้ว่าสือเซินถูกนายท่านเหมิ่งหนานซื้อตัวไปแล้ว  ข้าสงสัยว่าพวกเขาจะทำสีหน้ายังไง?

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องท่านเหมิ่งหนานเลย เอาแค่กองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวภายใต้การนำของท่านสือเซินก็เพียงพอจะทำลายคนพวกนี้ได้แล้ว  เขาเองยังกลัวแทบปัสสาวะราด

อย่างไรก็ตามคนที่น่ากลัวที่แท้จริงก็ยังคงเป็นนายท่านเหมิ่งหนาน  เฉพาะพลังของเขาล้วนๆ  เขาเอาชนะกองกำลังปีศาจแห่งทวีปโยวโจวถึง 51คนได้  ถ้าความสำเร็จเช่นนั้นแพร่กระจายไปคงจะไม่มีผู้ใดเชื่อ

เขาอาสาวิ่งกลับไปเตือนให้ระวังความเคลื่อนไหวของคนพวกนี้  เมื่อกองทหารนี้เคลื่อนไหวลงมือ  เขาส่งข้อมูลกลับไปเรียบร้อยแล้ว  และนายท่านเหมิ่งหนานคงได้รับข่าวสารนี้แน่นอน  และเพื่อป้องกันการสูญเสียโดยไม่จำเป็น เขาปล่อยให้กองทหารรักษาการณ์เมืองเป่ากวงเลิกต่อต้าน

ทันใดนั้นการแสดงความคิดเห็นของคนสองคนแว่วเข้าหูของสือหย่ง  ทำให้สือหย่งตะลึง

“ชื่อเสียงของท่านซุนเจิ้งจะต้องยิ่งใหญ่แน่นอน  ภารกิจเกณฑ์ชาวบ้าน แม้แต่ท่านซุนเจี๋ยแห่งกองพลที่แปดก็เข้ามาช่วย”

“เจ้าไม่รู้ว่าท่านซุนเจี๋ยเป็นญาติกับนายท่าน  ทั้งสองคนมีสัมพันธ์ที่สนิทกัน!”

“ตระกูลซุนจะขึ้นชื่อแท้จริงก็คราวนี้แหละ!”

“ใช่แล้ว....”

สีหน้าของสือหย่งเปลี่ยน เขาไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของซุนเจิ้งมาก่อนก็จริง  แต่ชื่อของซุนเจี๋ยแห่งทวีปมหาศาลเขาจะไม่เคยได้ยินมาก่อนยังไง?  กองพลที่แปดคือหนึ่งในสามกองพลฝีมือดี ตระกูลซุนให้การสนับสนุนกองพลนี้มากมายไม่ว่าจะเป็นอาวุธยุทโธปกรณ์หรือมาตรฐานของทหาร พวกเขาแข็งแกร่งทรงพลังมากกว่ากองทหารทั่วไปในทวีปมหาศาล

หัวใจสือหย่งเต็มไปด้วยความเกลียดชัง  ข่าวสำคัญอย่างนั้น เขาเองความจริงกลับค้นหาไม่เจอ

หมดกัน....สีหน้าของเขากลายเป็นสีเทาเหมือนคนพ่ายแพ้

“กองพลที่สามสิบสองมีกำลังพล 1500 นายมาตรฐานกองทัพนี้ก็แค่ระดับล่างของทวีปมหาศาล ดังนั้นเครื่องไม้เครื่องมือจึงน่ากลัว ก่อนที่ซุนเจิ้งจะมา ข้ารับมือกลยุทธ์สงครามประจำวันและตั้งกระบวนศึกอย่างแน่นหนา  แต่หลังจากซุนเจิ้งมาแล้ว  ผู้คนเบื้องล่างทุกคนล้วนฟังเขา  กินร่วมกัน ดื่มร่วมกันและสนุกสนานกันและวินัยกองทัพหละหลวม”

เมื่อสือเซินสรุปความเห็นเกี่ยวกับกองทัพ  เขารู้สึกอาย ในฐานะผู้บัญชาการ เขาล้มเหลวในการควบคุมกองทัพ  ไม่ใช่ช่วงเวลาที่น่ายินดีเลย

เขายังคงพูดต่อ  “ซุนเจิ้งเองไม่มีฝีมือเท่าใดนัก  เทียบกับซุนเจี๋ยญาติของเขาแล้วเขายังอ่อนหัดและเป็นคนที่ไร้ประโยชน์อยู่มาก แต่ซุนเจี๋ยเป็นขุนพลทหารที่พิเศษและมีความสามารถมาก”

“ขุนพลทหารที่พิเศษ?”  ถังเทียนชะงักค้าง  คำพูดที่คุ้นเคยอย่างนี้ทำให้เขาตกใจ

ปิงก็ตกใจเช่นกัน  แต่ในไม่ช้า เขาก็กลับมาตั้งสติได้นี่เป็นสถานที่ซึ่งผู้บัญชาการจากมา

“ใช่แล้ว ความสามารถพิเศษของเขาก็คือ ตาข่ายดาบ”  สีหน้าของสือเซินเคร่งเครียด

“ตาข่ายดาบ? มันอะไร?”  ปิงถาม

“ข้าไม่ทราบ” สือเซินส่ายศีรษะ “ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เขาเคยใช้มาก่อนครั้ง มีบันทึกไว้ว่าเขาสังหารคนไป 700 คน ด้วยกำลังพล120 นาย”

“ผู้อาวุโสสือท่านเป็นขุนพลทหารพิเศษคนหนึ่งหรือเปล่า?” ถังเทียนถามสือเซินอย่างสงสัย

ตาของสือเซินฉายประกายเจิดจ้าทันที  เขายิ้มจนเห็นฟันเหลืองอ๋อย  “พลังสั่งการของข้าอยู่ 500 คน  ยศทหารของข้าเป็นระดับร้อยโทแต่ก็ยังถูกคนประเมินไว้ต่ำอย่างช่วยไม่ได้ อย่างไรก็ตามนอกจากพี่น้องของข้าเหล่านี้แล้ว  ไม่มีใครอื่นรู้  ข้าคือขุนพลทหารพิเศษคนหนึ่ง  ความสามารถพิเศษของข้าก็คือ พาหนะภูตพราย”

“พาหนะภูตพราย?”  ถังเทียนสับสน เขาสามารถเดาได้ตรงๆ ว่าตาข่ายดาบคืออะไร จากชื่อได้  แต่พาหนะภูตพรายมันดูเป็นนามธรรมเกินไป

“มีเพียงกลุ่มของข้ากองร้อยปีศาจทวีปโยวโจวจึงจะใช้มันได้  แต่พลังของมันแข็งแกร่งมาก”  สือเซินพูดด้วยความภูมิใจ

“พลังสั่งการของเจ้าสามารถเพิ่มได้อีกไหม?”  ปิงถาม สำหรับผู้บัญชาการทหารพลังสั่งการสำคัญมากกว่าความกล้าหาญส่วนบุคคล ความสามารถสั่งการกำลังพล 500 ยังต่ำเกินไปบ้างและสามารถนำได้แค่หน่วยตระเวนเท่านั้น และไม่สามารถควบคุมกองทัพได้เต็มที่  ไม่ว่ากองทัพจะเล็กยังไงก็ตาม  ปกติพวกเขาจะมีกำลังพลพันนาย  ไม่สามารถเพิ่มพลังสั่งการก็หมายความว่าศักยภาพของขุนพลทหารก็ไม่มาก

“ข้าเพิ่มไม่ได้” สือเซินพูดอย่างเฉยเมย  “อาจเป็นเพราะวิธีฝึกฝนของเราแต่กองพลปีศาจไม่เคยสร้างขุนพลที่มีชื่อเสียงขึ้นมาได้อีกเลย”

ปิงพยักหน้า เขาไม่พูดความคิดที่ค้างคาใจของผู้บัญชาการของเขา  กองทัพที่ไม่เคยมีผู้บัญชาการทั้งหมดของพวกเขาเป็นคนธรรมดา และการก่อตั้งกองทัพดาวกางเขนใต้ถูกสร้างขึ้นมาด้วยน้ำมือของผู้บัญชาการ

นี่คือภูมิลำเนาของผู้บัญชาการ  เมื่อเห็นสิ่งที่คุ้นเคยหลายอย่างทำให้ปิงคิดถึงอดีตโดยไม่รู้ตัว

ผู้บัญชาการท่านอยู่ที่ใดกันแน่?

“ทวีปใดมีวิชาจักรกลเจริญก้าวหน้ามากที่สุด?”  ปิงถามขึ้นทันที

“วิชาจักรกล?” สือเซินสะดุ้ง “นั่นต้องเป็นทวีปทองในภูมิภาคตะวันออก

“ทวีปทอง ภูมิภาคตะวันออก?”  ปิงพึมพำ

“ใช่แล้วทวีปทองแข็งแกร่งที่ในภูมิภาคตะวันออก  วิชาจักรกลของพวกเขาไร้เทียมทานแม้ว่าประวัติศาสตร์ของพวกเขาจะสืบย้อนไปถึงสามหมื่นปี”  สือเซินชำเลืองมองพยัคฆ์ฟ้าจักรกลมหึมาซึ่งให้ความรู้สึกที่ประทับใจกับเขา

“เฮ้ เฮ้ เฮ้, ลุงปิงรีบบอกแผนรบให้เราทราบเร็วๆ” ถังเทียนขัดคอคนทั้งสอง

ปิงค่อยตั้งสมาธิใหม่  ดวงตาเขากระจ่าง  “แผนของเราง่ายมาก  เล่าสือพวกเจ้าจะไปตามหมู่บ้านทุกแห่งสร้างความปั่นป่วน และดีที่สุดพากลุ่มพวกเขากลับมาที่ปราสาทดำ  เราจะรบกับพวกเขาที่นี่”

“แผนนี้ไม่เลวเลย”  สือเซินพยักหน้า  มีความแตกต่างมากมายในเรื่องจำนวนคนระหว่างทั้งสองฝ่าย  ถ้าพวกเขาไม่ได้ยืมพลังป้องกันของปราสาทดำ ก็คงยากจะชนะได้

ถังเทียนชูแขนทั้งสองข้าและตะโกน“เล่าสือชาวฟ้า ลุย ลุย ลุย!”

สีหน้าของสือเซินชะงักค้างทันที เขาหันหน้ามามองท่านเหมิ่งหนานอย่างว่างเปล่า  เหมือนกับว่ากำลังมองเด็กปัญญาอ่อน

ปิงปลอบสือเซิน  “อีกหน่อยพวกเจ้าจะชินไปเอง”

เมื่อเห็นว่าสือเซินพาผู้ใต้บังคับบัญลา45 คนชาวกองพลปีศาจออกไปอย่างเงียบงัน  ถังเทียนพูดทันที  “ลุงปิง ข้ามีความคิดอย่างหนึ่ง”

“ความคิดอะไร?” ปิงประหลาดใจเล็กน้อยและหันหน้ามา

“หลิงซิ่วข้าและที่เหลือจะไปเมืองเป่ากวงเพื่อช่วยทุกคน” ถังเทียนอธิบาย  “งานของเล่าสือต้องใช้เวลาบ้าง  เราสามารถทำอะไรได้ก่อนนั้น  ถ้าเราช้าเกินไปสือหย่งและชาวเมืองที่เหลืออาจถูกส่งออกไปและนั่นจะเป็นปัญหาอย่างมาก”

ปิงไม่ค่อยเห็นด้วยกับข้อเสนอของถังเทียนซึ่งเป็นความคิดที่ทื่อ เขาสังเกตว่าหวังจุนเซียนมีท่าทางกังวลอยู่ก่อนแล้ว สือหย่งถูกส่งไปสอดแนมและก็หมายความว่าสถานการณ์ที่เมืองเป่ากวงกำลังย่ำแย่

ตาของหวังจุนเซียนแดง  เขารู้สึกสะเทือนอารมณ์ เขาสูดหายใจลึกและปลอบโยนตนเองให้สงบและคำนับถังเทียน  “จุนเซียนยินดีเป็นผู้นำทาง  ข้าไม่มีความสามารถมากและอาจจะช่วยคุณชายได้ไม่มาก แต่ถ้าคุณชายต้องการให้ข้าทำอะไร ข้าจะทำให้โดยไม่ลังเลหรือขมวดคิ้วเลย”

ถังเทียนมีสายตาที่จริงใจและสงบ  ปิงตระหนักว่าเขาไม่สามารถปฏิเสธได้เขาได้แต่พูด “งั้นเจ้าต้องลงมือให้เร็ว”

“รับประกันได้ลุง!”  ถังเทียนโบกมือและมุ่งหน้าออกไปโดยไม่หันศีรษะกลับมาและกล่าว “เราจะรีบกลับมาโดยเร็ว”

แนวของผู้คนทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า

ปิงมองดูเงาหลังถังห้าว  ในสายตาของนายทหารพฤติกรรมของถังเทียนเป็นเรื่องโง่ เป้าหมายคุณค่าต่ำเช่นนั้น  เขาต้องใช้ความเสี่ยงมากมันขัดกับกลยุทธสงครามอย่างสิ้นเชิง

เพราะพลังป้องกันของปราสาทดำที่ทำให้ปิงมั่นใจ ชาวบ้านกำลังมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในการฝึกประจำวันของเขาพวกเขาอาจไม่สามารถบุกตะลุยได้ แต่ถ้ารักษาที่มั่นและป้องกันพวกเขามีความสามารถทำได้

ใบหน้าไพ่ของปิงอดยิ้มไม่ได้  ใครขอให้เขาอยู่กับเจ้าเด็กห้าวเล่า

เรื่องงี่เง่ากี่เรื่องแล้วที่เขาก่อนขึ้น?  คนงี่เง่าก็ยังงี่เง่าอยู่เรื่อย

***********************

ซุนเจี๋ยไม่ได้นำกำลังพลมามากมายคนที่อยู่กับเขามีเพียงทหารฝีมือดี 500 คน เขายืนอยู่ในที่สูงมองดูทหารโหดร้ายที่กำลังไล่จับชาวบ้านสีหน้าของเขามองดูสงบ  “อาเจิ้ง ต่อไปเจ้าอย่าเป็นขุนพลทหารเลยจะดีกว่าไปเล่นการเมืองเถอะ ถ้าไม่อย่างนั้นก็ไปทำธุรกิจซะ ข้าจะได้ไม่กังวลเกินไป”

ซุนเจี๋ยไม่ได้สวมเกราะแต่อย่างใดใส่แต่เพียงชุดสบายๆ เขามีรูปร่างสูงลักษณะหล่อเหลาทำให้เขาดูเหมือนบัณฑิตที่คงแก่เรียนไม่มีรังสีฆ่าฟันแม้แต่เล็กน้อย เขายังอายุเยาว์ แต่สามารถควบคุมกองทัพด้วยตนเองได้ ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน  ก็จะเป็นจุดเด่นสะดุดตาทุกครั้ง

“เจ้าคิดว่าข้าต้องการหรือ?” เทียบกับพี่น้องคนอื่นของเขาไม่ว่าจะเป็นอารมณ์หรือลักษณะ  ซุนเจิ้งยังขาดอยู่มาก  เขาเหยียดมือ “อย่างไรก็ตาม ข้าก็อยู่ในนี้มาหนึ่งปีแล้ว และเมื่อถึงเวลาข้าจะมีคุณสมบัติพอเมื่อได้เวลาลงไปหาดาวอื่นเพื่อหางานอื่นข้าจะได้มีเวลาสำหรับดื่มกิน”

“ยังดีที่เจ้ามีแผนอยู่แล้ว”  ซุนเจี๋ยหัวเราะ

“อาเจี๋ยยังดีที่เจ้ามาที่นี่ครั้งนี้เป็นกรณีพิเศษ ป้องกันไม่ให้ข้าไปหาสือเซิน  เมื่อเรากลับไป เราจะแทนที่ตำแหน่งของเขาได้โดยตรง”  ซุนเจิ้งกล่าว

ซุนเจี๋ยหงุดหงิดอย่างช่วยไม่ได้  “นายท่านโกรธจริงๆ คราวนี้ข้าได้ยินว่าในห้องหนังสือ เขาปาแก้วชาใส่หน้าท่านจื่อชิง  เมื่อท่านจื่อชิงเดินออกมา  ทุกคนตกตะลึง ถ้าภารกิจครั้งนี้ไม่สำเร็จ เราจะตกเป็นเป้าหมายแน่นอน  ข้าเกรงว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าดังนั้นข้าจึงมาดู”

“นั่นคือเหตุผลที่อาเจี๋ยเข้าใจมากที่สุด!”  ซุนเจิ้งยิ้มอย่างมีความสุข

ทันใดนั้นมีหน่วยสังเกตการณ์รายงาน  “นายท่านทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ มีคนห้าคนเข้ามาใกล้เรา!”

ซุนเจี๋ยยิ้มและพูดกับซุนเจิ้ง  “ข้าคาดว่าคนที่ได้ทราบข่าวและกำลังคิดหนีไปเถอะส่งหน่วยย่อยไปไล่จับพวกมันมา”

“ขอรับ” ทหารผู้ช่วยตอบ

ในเวลารวดเร็วยอดฝีมือดี 10 คนก็แยกย้ายจากฐานใหญ่และบินตรงไปที่ทิศตะวันตกเฉียงใต้

“สองสามคนที่หลบหนีนี้โชคไม่ดีเลยจริงๆถึงได้มาชนกับกองทัพของเจ้า ชีวิตมันโหดร้ายจริงๆ”  ซุนเจิ้งหัวเราะ  “น่าเสียดายที่มีจำนวนน้อย ถ้าพวกมันมาสักพันคนอย่างนั้นภารกิจของข้าคงจะสบายมากขึ้น”

ซุนเจี๋ยยิ้ม  “ไม่ต้องห่วง ถ้าได้เวลาและเรามีจำนวนมากพอ ข้าจะช่วยเจ้าโค่นทวีปเซี่ยโจว”

คำพูดที่เขากล่าวเต็มไปด้วยความมั่นใจ

ปัง!

เสียงระเบิดรุนแรงดังมาจากตำแหน่งตะวันตกเฉียงใต้  เปลวไฟปรากฏสะท้อนอยู่ในสายตาทำให้ม่านตาของเขาหดแคบ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด