ตอนที่แล้วตอนที่ 17-21 ผู้อาวุโสอันดับหนึ่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 17-23 รับคำสั่ง

ตอนที่ 17-22 ความสบาย


“ทำไมประธานผู้อาวุโสนี้ถึงให้ฟอร์ลันและเอ็มมานูเอลรั้งอยู่?” ลินลี่ย์รู้สึกสงสัย “ประธานผู้อาวุโสมองอย่างผิวเผินบอกว่าเราต้องสามัคคีกลมเกลียวกัน แต่ในที่สุดฟอร์ลันก็ยังเป็นบุตรของนางและเอ็มมานูเอลก็เป็นหลานชายของนาง เป็นไปได้หรือว่านางจะรักษาความเป็นกลางอย่างสมบูรณ์”

“วูบบบ!” สายลมเย็นพัดวูบกระตุ้นลินลี่ย์จากภวังค์ความคิด

ลินลี่ย์และอาร์โฮสเดินด้วยกันบนถนนศิลา มีลานว่างเล็กๆ สองข้างทางเหมือนกับที่ราบ ลินลี่ย์กับอาร์โฮสกำลังคิดถึงเรื่องตนเองจึงไม่ได้พูดอะไรกันเลย

“อ๊ะ.. ลินลี่ย์” อาร์โฮสหัวเราะทันที “ข้าขอโทษ ข้าคิดเรื่องงานของข้าเพลินไปหน่อย เลยไม่ได้สนทนากับเจ้า”

“ไม่เป็นไร” ลินลี่ย์พูดอย่างอารมณ์ดี “ตราบเท่าที่ท่านไม่พาข้าหลงทางนะ”

“หุบเขาอ่างโลหิตมีขนาดใหญ่เพียงนั้น แต่ที่นี่มีคนไม่ถึงพันคนรวมกัน ข้าจะหลงทางได้ยังไง?” อาร์โฮสหัวเราะ “หน่วยที่สิบสามของเจ้ามีสมาชิกรวมสิบคน ทุกคนเป็นยอดฝีมือของเผ่า พวกเขาทุกคนอย่างน้อยมีพลังอสูรหกดาว และบางส่วนกำลังจะถึงระดับอสูรเจ็ดดาว”

อาร์โฮสเตือน “ลินลี่ย์! อย่าประมาทพวกเขา ที่สำคัญไม่มีความต่างกันมากนักระหว่างอสูรหกดาวและอสูรเจ็ดดาว”

ลินลี่ย์พยักหน้า

ตัวอย่างเช่นแลร์มองต์ที่เขาเคยพบเจอในทวีปเรดบุดเป็นอสูรหกดาว แต่เขาแทบจะมีพลังถึงระดับอสูรเจ็ดดาวอยู่แล้ว

“บางคนมีทักษะโจมตีวิญญาณ บ้างก็เชี่ยวชาญพลังโจมตีวัตถุ ขณะที่บางคนเชี่ยวชาญในการหลบหนี ทุกคนมีเคล็ดวิชาพิเศษเป็นของตนเองเช่นกัน บางคนอาศัยเสียง บางคนอาศัยพิษ..ในช่วงสั้นๆ อสูรหกดาวไม่จำเป็นต้องอ่อนแอกว่าอสูรเจ็ดดาวเลย ตราบใดที่เจ้านำพวกเขาและให้คำแนะนำที่ดีกับพวกเขาจับจุดอ่อนของศัตรู เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะความเสียเปรียบด้วยกำลัง” อาร์โฮสกล่าว

“พูดถูกแล้ว” ลินลี่ย์พยักหน้าเห็นด้วย

ยกตัวอย่างเช่นก่อนที่เขาจะเข้าร่วมพิธีชุบตัวของบรรพบุรุษ เขาสามารถเอาชนะอสูรเจ็ดดาวผู้มีพลังโจมตีวัตถุได้ แต่ยังกลัวอสูรหกดาวผู้เชี่ยวชาญในการโจมตีวิญญาณ

พลังไม่ใช่แนวคิดที่แน่นอน

“อาร์โฮส! ดูสิ รัศมีพลังของนักรบพวกนั้นมีไม่ธรรมดา” ลินลี่ย์เห็นในระยะไกลออกไปมีนักรบชุดแดงสามคนเดินอยู่บนถนน ทั้งสามคนนี้มีสีหน้าที่น่ากลัว แม้เมื่อยิ้มพวกเขาก็สร้างแรงกดดันให้คนอื่นได้

นี่เป็นเพราะยอดฝีมืออย่างพวกเขาเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน

“นักรบของหุบเขาอ่างโลหิตทุกคนเผชิญหน้ากับการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมานับครั้งไม่ถ้วน เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะแฝงไปด้วยกลิ่นอายการสู้รบอย่างนั้น” อาร์โฮสพูดชื่นชม

“เรามาถึงหน่วยสิบสามแล้ว” อาร์โฮสพูดทันที

ลินลี่ย์มองเห็นข้างหน้าเหมือนกันว่ามีเสาหลักศิลาบนยอดเสาสลักคำไว้ว่า ‘สิบสาม’ ที่ด้านข้างเสาหินสลักชื่อไว้จำนวนหนึ่งด้วยอักษรสีแดง

“ชื่อบนเสาเป็นชื่อของสมาชิกหน่วยสิบสามในช่วงหมื่นปีที่ผ่านมา” อาร์โฮสพูดอย่างเคร่งขรึม “หนึ่งหน่วยปกติจะมีสมาชิกสิบคน แต่ละครั้งที่สมาชิกในหน่วยตายไป พวกเขาจะถูกแทนที่ สมาชิกในหน่วยที่ตายไปชื่อของเขาจะเปลี่ยนเป็นสีแดง”

ลินลี่ย์มองดูแต่ละรายชื่ออย่างระมัดระวัง

“หน่วยสิบสาม!” อาร์โฮสส่งเสียงเรียกทันที

ทันใดนั้นมีคนบินออกมาจากห้องใกล้ๆ เสาหลักศิลา แต่ละคนสวมชุดนักรบสีแดง ในพริบตาสมาชิกระดับอสูรหกดาวสิบคนมาถึงกันทั้งหมด ลินลี่ย์มองพวกเขาอย่างระมัดระวัง

บุรุษแปดคน สตรีสองคน

“สิบคนนี้แค่ตัดสินจากรัศมีของพวกเขาอย่างเดียว ทุกคนล้วนไม่ธรรมดา พวกเขาให้ความรู้สึกเหมือนมีแลร์มองต์สิบคน” ลินลี่ย์รำพึงกับตนเอง

เมื่อเขาเข้ามาในแดนนรก ลินลี่ย์จะคาดคิดได้ยังไงว่า วันนี้เขาจะกลายเป็นผู้สั่งการอสูรหกดาวสิบคนได้?

“ผู้อาวุโสอาร์โฮส?” สตรีคนหนึ่งผมสีเขียวสั้นกล่าว “คนที่อยู่ข้างท่านเป็นใคร?” อสูรหกดาวอีกคนหนึ่งมองลินลี่ย์ด้วยความสงสัย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่รู้จักลินลี่ย์

“นี่คือผู้อาวุโสคนล่าสุดของเผ่ามังกรฟ้าเรา ผู้อาวุโสลินลี่ย์” อาร์โฮสกล่าว “เขายังเป็นหัวหน้าหน่วยที่สิบสามของพวกเจ้าด้วย”

“หัวหน้าหน่วย?” อสูรหกดาวทั้งสิบคนมองหน้ากันเอง

“เขาเป็นผู้อาวุโสจริงๆ หรือ?” บุรุษคนหนึ่งกล่าว

ลินลี่ย์หัวเราะและพลิกมือแสดงตราผู้อาวุโส นี่คือตราสัญลักษณ์ของผู้อาวุโสที่เขาได้รับหลังจากเป็นผู้อาวุโส เมื่อเห็นตรานี้ สมาชิกในหน่วยทั้งสิบคนไม่สงสัยอีกต่อไป พวกเขาทุกคนพูดด้วยความเคารพ “หัวหน้า!”

ไม่ว่าจะเป็นหน่วยรบใดในหุบเขาอ่างโลหิตจะต้องมีผู้อาวุโสเป็นหัวหน้าหน่วย

ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นว่าลินลี่ย์เป็นผู้อาวุโสคนหนึ่ง พวกเขาก็ย่อมรู้ว่าเขาเป็นหัวหน่วยเป็นธรรมดา

“หัวหน้า! ข้าชื่อเมลินา” สตรีผมเขียวหัวเราะ “ท่านหัวหน้า ข้าสงสัยว่าพอจะแสดงวิชาที่ดีที่สุดของท่านให้เราชมได้ไหม?”

ลินลี่ย์ตกใจเล็กน้อย จากนั้นชำเลืองมองอสูรหกดาวคนอื่น ไม่มีใครในพวกเขาพูดอะไรอื่น แต่จากสายตาพวกเขา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการให้ลินลี่ย์แสดงฝีมือ ลินลี่ย์ลอบขำในใจ “ดูเหมือนว่าทหารในแดนโลกธาตุก็เหมือนกับพิภพระดับสูง การเป็นผู้บัญชาการที่ดี ท่านต้องทำให้บริวารเลื่อมใสตัวท่านก่อน”

อสูรหกดาวจะไม่มีความภูมิใจในศักดิ์ศรีตัวเองได้ยังไง?

ถ้าพวกเขาไม่เห็นประจักษ์ถึงพลังของลินลี่ย์ เป็นไปได้ยังไงที่พวกเขาจะยินดียอมรับคำสั่ง?

“พวกเจ้า...” อาร์โฮสหัวเราะ

“อย่างนั้น, ข้าจะให้พวกเจ้าพบด้วยตนเอง” ลินลี่ย์หัวเราะอย่างใจเย็น ในทันนั้นแสงสีเหลืองเลือนรางแผ่ออกมาทันทีก่อตัวเป็นรูปลูกโลกแสงขนาดใหญ่คลุมสมาชิกในหน่วยทั้งสิบคนไว้ภายใน

สนามพลังศิลาดำ!

พื้นที่ศิลาดำปรากฏขึ้นทันทีทำให้อสูรหกดาวทั้งสิบติดอยู่ภายในสิ้นเชิง สามคนในนั้นซวนเซ เกือบจะทรุดตัวแต่ใช้มือค้ำพื้นไว้ทันเพื่อให้กลับยืนขึ้นได้ ในพื้นที่ศิลาดำ แม้แต่อสูรหกดาวยังรู้สึกถึงแรงดึงดูดที่น่าทึ่ง

“เมื่อพวกเจ้าอยู่ภายใต้แรงกดดันเช่นนั้น บอกข้าที... เป็นเรื่องง่ายไหมที่ข้าจะฆ่าพวกเจ้า?” ลินลี่ย์หัวเราะอย่างใจเย็น

สมาชิกในหน่วยทั้งสิบคนพบกับแรงดึงดูดที่น่ากลัวได้มองหน้ากันและหัวเราะกันเอง

“หัวหน้า!” ทั้งสิบคนคุกเข่าข้างหนึ่งแสดงความเคารพเขา

พวกเขายอมรับอย่างเต็มใจ

ลินลี่ย์หัวเราะ จากนั้นถอนสนามพลังศิลาดำ “ทุกคน...ลุกขึ้นได้”

“หัวหน้า! นี่ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ ด้วยสนามพลังโน้มถ่วงของท่าน เมื่อสู้กับศัตรูเราจะได้เปรียบอย่างมาก” บุรุษร่างล่ำสันพูดอย่างตื่นเต้น “ในสนามพลังโน้มถ่วงความเคลื่อนไหวของศัตรูจะถูกจำกัด แต่ของพวกเราไม่เป็นเช่นนั้น ต่อให้ศัตรูเป็นอสูรเจ็ดดาว ข้าก็กล้าสู้กับพวกเขาได้เป็นอย่างดี”

พลังเฉพาะตัวของหัวหน้าหน่วยแข็งแกร่งไม่ทำให้สมาชิกในหน่วยตื่นเต้นเท่าใดนัก ที่สำคัญพลังของหัวหน้าหน่วยเป็นเรื่องส่วนตัว

สิ่งที่ทำให้พวกเขาตื่นเต้นอย่างแท้จริงก็คือเมื่อหัวหน้าหน่วยมีทักษะส่งเสริมทำให้ช่วยสมาชิกในหน่วยได้ อย่างลินลี่ย์! ตราบเท่าที่ลินลี่ย์ไม่ใช้สนามพลังโน้มถ่วงกับพวกเขา พวกเขาก็ยังสู้กับอสูรเจ็ดดาวที่ทรงพลังมากกว่าได้อย่างง่ายดาย

“พวกเจ้าชื่ออะไรกันบ้าง?” ลินลี่ย์หัวเราะขณะมองดูบุรุษร่างกำยำข้างหน้าเขา

“ข้าชื่อซานตา!” บุรุษร่างกำยำหัวเราะทันที

“พวกเจ้าทุกคน แนะนำตัวเองกับข้าด้วย” ลินลี่ย์หัวเราะขณะที่เขามองดูบริวารของเขา จากวันนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าที่เขายังไม่ตาย เขาจะเป็นหัวหน้าของหน่วยนี้ พวกเขาจะรบด้วยกันและสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายด้วยกัน!

ลินลี่ย์ให้ความสำคัญกับบริวารของเขาอย่างลึกซึ้ง

สมาชิกในหน่วยตื่นเต้นมากเช่นกัน ที่ตอนนี้พวกเขาได้หัวหน้าที่มีสุดยอดวิชาที่สนับสนุนความสามารถในการสู้ของพวกเขา พวกเขามีความกระตือรือร้นในการพูดคุยกับลินลี่ย์

“ลินลี่ย์” อาร์โฮสที่อยู่ใกล้ๆ พูดออกมาในที่สุด

“โอว, ขออภัย” ลินลี่ย์พูดทันที “ขณะที่คุยกับพวกเขา ข้าลืมไปเลยว่าผู้อาวุโสอาร์โฮสยังอยู่ที่นี่”

อาร์โฮสส่ายศีรษะหัวเราะ “ไม่เป็นไร, อย่างไรก็ตาม ข้าอยู่ตรงนี้ต่อไปไม่ได้ ประธานผู้อาวุโสเตรียมมอบหมายงานให้ข้า ข้าต้องเดินทางไปก่อน”

อาร์โฮสแยกกับลินลี่ย์ ขณะที่ลินลี่ย์เข้าไปในบ้านหัวหน้าหน่วยสิบสาม จากวันนี้เป็นต้นไป ลินลี่ย์ต้องนำอสูรหกดาวทั้งสิบคนเข้าต่อสู้กับแปดตระกูลใหญ่

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และในพริบตาผ่านไปมากกว่าหนึ่งปี

ภายในหุบเขาในเทือกเขาสกายไรท์

เดเลียอิงอยู่ในอ้อมแขนลินลี่ย์ขณะที่ทั้งสองเดินคลอเคลีย ลินลี่ย์มองเดเลียที่อยู่ข้างๆ และในใจเขามีความรู้อบอุ่นผุดขึ้นมาช้าๆ ลึกๆ แล้วลินลี่ย์ยินดีกับความรู้สึกอบอุ่นนี้

“ลินลี่ย์! ตอนแรกข้าคิดว่าเมื่อเจ้าเป็นหัวหน้าหน่วยในหุบเขาอ่างโลหิต เจ้าจะต้องออกรบทันทีและไม่มีเวลาอยู่กับข้า แต่กลับกลายเป็นว่าการสู้รบเกิดขึ้นยากมาก” เดเลียให้คุณค่ากับเวลาโดยเฉพาะ และลินลี่ย์ต้องใช้เวลาด้วยกันกับนาง

ตระกูลอยู่ในวิกฤติ เดเลียรู้เรื่องนี้ และนางไม่ฝืนให้ลินลี่ย์ต้องทำอะไร แค่ให้ความสำคัญกับสิ่งที่พวกเขามีก็เพียงพอแล้ว

“ตอนนี้ข้าเป็นหัวหน้าหน่วยมาหนึ่งปีแล้ว แต่ยังไม่ได้ร่วมรบแม้แต่ครั้งเดียว” ลินลี่ย์หัวเราะใจเย็น “ความจริงจำนวนการต่อสู้ของแต่ละหน่วยในหุบเขาอ่างโลหิตมีน้อยมาก เพียงแต่ทุกๆ การสู้รบเป็นการต่อสู้กับสุดยอดฝีมือของตระกูลศัตรูและในแต่ละการรบ ความเป็นความตายบางเบาดุจคั่นด้วยผมเส้นเดียว เรามีอสูรเจ็ดดาว แต่พวกเขาก็มีเช่นกัน ในความเป็นจริง พวกเขายังมีมากกว่า! เราอยู่ในตำแหน่งที่อ่อนแอ!”

ลินลี่ย์รู้สึกกดดันเช่นกัน ขณะเดียวกันเขารู้สึกว่าเขาไม่ได้ทำอะไรที่ควรแก่เดเลีย

ไม่ว่าจะเป็นในพิภพยูลานหรือที่นี่แดนนรก เดเลียมักจะคอยหนุนหลังเขาอยู่เงียบๆ แม้แต่เมื่อพวกเขาเดินทางไปในทุกคนและเผชิญวิกฤติอื่นๆ เดเลียไม่เคยบ่น

“ตราบใดที่ข้ายังไม่มีภารกิจ ข้าจะมาอยู่กับเจ้า” ลินลี่ย์กระซิบข้างหูเดเลียและจูบหูนางไปด้วย

เดเลียหน้าแดงทันที

“เราอยู่ข้างนอกนะ” เดเลียมองดูรอบๆ ทันที นางอดค้อนลินลี่ย์ไม่ได้ แก้มนางแดงซ่าน

ลินลี่ย์เพียงแต่หัวเราะ

ไม่ว่าจะเป็นการเผชิญหน้ากับการสู้รบยากลำบากเพียงใด เมื่อเขาอยู่กับเดเลีย ลินลี่ย์รู้สึกผ่อนคลายอย่างเหลือเชื่อ มีเดเลียอยู่ที่นี่ วิญญาณของเขามีที่ให้กลับไป

ปีที่สองที่ลินลี่ย์รับตำแหน่งหัวหน้าหน่วยสิบสาม

หุบเขาอ่างโลหิตไม่มีความต้องการหัวหน้าหน่วยมากนัก ปกติหัวหน้าหน่วยจะอยู่ในที่อื่นทั่วเทือกเขาสกายไรท์ ถ้าได้รับมอบหมายงาน พวกเขาจะได้รับแจ้งงานตามปกติ สำหรับสมาชิกหน่วยธรรมดา แต่ละปีจะได้รับอนุญาตให้อยู่นอกหุบเขาหนึ่งเดือน

“ผู้อาวุโส”

“ผู้อาวุโส”

ขณะที่ลินลี่ย์เดินไปตามถนนศิลาในหุบเขาอ่างโลหิต มีนักรบชุดแดงไม่น้อยที่ทักเขาด้วยความเคารพเมื่อเห็นเขา นี่เป็นความจริง เพราะไม่ใช่แค่เผ่ามังกรฟ้า แต่ยังมีเผ่าพยัคฆ์ขาวหรืออีกสองเผ่าอื่น ในหุบเขาอ่างโลหิตพวกเขาอยู่รวมกันในที่เดียวกัน

หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน พวกเขาก็รู้จักลินลี่ย์ทุกคน

“อาร์โฮส” ลินลี่ย์มองดูด้วยความประหลาดใจ ในที่ห่างออกไปมีร่างของคนที่คุ้นเคย อาร์โฮส เพียงแต่อาร์โฮสมีสีหน้าที่ย่ำแย่ ลินลี่ย์เดินเข้าไปหาทันที และอาร์โฮสก็เห็นลินลี่ย์เช่นกัน

“ลินลี่ย์” อาร์โฮสฝืนยิ้ม

“อาร์โฮส! ไม่พบเห็นท่านมาปีหนึ่งแล้ว ท่านทำภารกิจเสร็จแล้วหรือ?” ลินลี่ย์หัวเราะ

“ภารกิจสำเร็จแล้ว” อาร์โฮสถอนหายใจเบาๆ

“อะไรกันนี่?” ลินลี่ย์มีลางสังหรณ์อัปมงคล

อาร์โฮสชำเลืองมองลินลี่ย์ แววขมขื่นปรากฏในดวงตาของเขา “ลินลี่ย์! เจ้าไม่สังเกตหรือว่าร่างนี้เป็นร่างแยกธาตุลม?”

“เอ่อ..ก็ใช่นะ” ลินลี่ย์ตรวจสอบอย่างระมัดระวัง อาร์โฮสถอนหายใจ “ศัตรูในภารกิจครั้งมีพลังมาก มีสมาชิกสี่คนจากสิบคนในในหน่วยหกของข้าที่มีชีวิตรอด ที่เหลือตายหมด แม้แต่ร่างแยกที่ทรงพลังที่สุดของข้าร่างแยกธาตุน้ำก็ถูกทำลายด้วยเหมือนกัน”

ลินลี่ย์ตะลึง

ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังที่สุดที่สำคัญต่อชาวเผ่ามังกรฟ้าก็คือร่างแยกธาตุน้ำ ถ้าลินลี่ย์อาศัยอยู่ภายในตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่เยาว์วัย เขาจะต้องผ่านพิธีชุบตัวของบรรพบุรุษตั้งแต่อายุน้อย และเป็นไปได้ว่าคงจะฝึกในกฎธาตุน้ำเป็นหลัก ไม่ใช่ในธาตุดินอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

“อย่างนั้นท่าน...” ลินลี่ย์ไม่รู้จะพูดยังไง

“ร่างแยกธาตุน้ำของข้าจบสิ้นแล้ว ข้าจะทำอะไรได้?” อาร์โฮสส่ายศีรษะ “ในอนาคต ข้าไม่ใช่ผู้อาวุโสอีกต่อไป ข้าไม่มีพลังระดับนั้นแล้ว เหตุผลที่ข้ามาวันนี้ก็เพื่อรายงานเรื่องนี้ให้ประธานผู้อาวุโสทราบ”

เมื่อผู้อาวุโสออกไปทำศึก พวกเขาจะทิ้งร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ที่มีประโยชน์น้อยที่สุดของพวกเขาไว้

เหตุผลหนึ่งก็เพื่อให้สามารถรายงานข่าวกรองได้อย่างรวดเร็วในหุบเขาอ่างโลหิต ประการที่สองคือรักษาชีวิตไว้

“อาร์โฮส, อย่าท้อแท้นักเลย” ลินลี่ย์ไม่รู้จะพูดอะไร

อาร์โฮสสูดหายใจลึก “มีอะไรต้องท้อแท้ด้วย? เมื่อข้ากลับไป ข้าจะฝึกให้หนัก สักวันเมื่อร่างแยกธาตุลมของข้าทรงพลังพอกัน เมื่อถึงวันนั้น ข้าจะตามกลุ่มเจ้าพวกวายร้ายอีกครั้ง!” แววอำมหิตฉายอยู่ในดวงตาของเขา

ลินลี่ย์เมื่อเห็นหน้าของอาร์โฮส ก็อดประหลาดใจไม่ได้

ลินลี่ย์ตระหนักได้ทันทีว่าด้วยวงจรความแค้นนี้ ความเกลียดชังกันระหว่างตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์และแปดตระกูลใหญ่มีแต่ลึกล้ำมากขึ้น ยอดฝีมือของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ตาย แต่ยอดฝีมือของฝ่ายศัตรูก็ตายเช่นกัน หากยังดำเนินต่อไปเช่นนี้...

ผลสุดท้ายจะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกกำจัดไปอย่างแน่นอน

“ลินลี่ย์, ในการต่อสู้ เจ้าไม่อาจแสดงความปราณีได้ นี่ไม่ใช่การสู้รบธรรมดา ระหว่างตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเราและแปดตระกูลใหญ่จะไม่มีวันประนีประนอมกันได้ ทันทีที่พวกเขามีโอกาส พวกเขาจะฆ่าเจ้าอย่างไม่มีความปราณี” อาร์โฮสเตือน

“ไม่ต้องกังวล”

ลินลี่ย์เดินทางมาจากทวีปยูลาน เขารู้ว่าเวลาใดสมควรแสดงความเมตตา และเวลาใดสมควรอำมหิต การแสดงความเมตตาต่อสมาชิกแปดตระกูลใหญ่ก็เท่ากับแสดงความอำมหิตต่อเผ่าของเขาเอง

“ผู้อาวุโสลินลี่ย์!” นักรบชุดแดงวิ่งเข้ามาแต่ไกล

ลินลี่ย์หันไปมอง “มีอะไร?” ลินลี่ย์ไม่รู้จักนักรบชุดแดงผู้นี้

นักรบชุดแดงคำนับแสดงความเคารพ “ประธานผู้อาวุโสขอให้ท่านมาพบนาง, ผู้อาวุโสลินลี่ย์”

ลินลี่ย์รู้สึกตื่นเต้น เขาเป็นหัวหน้าหน่วยสิบสามมาปีกว่าแล้ว แต่ตอนนี้เป็นครั้งแรกที่ประธานผู้อาวุโสเรียกเขาไปพบ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด