ตอนที่แล้วตอนที่ 125 คุณย่าลิซ (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 127 จู่โจมแฟนสาว หือ? (อ่านฟรี)

ตอนที่ 126 อัจฉริยะแห่งศตวรรษ (อ่านฟรี)


แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ สายเลือดแห่งมังกร

ตอนที่ 126 อัจฉริยะแห่งศตวรรษ

การพูดคุยปรึกษากับราชินีเป็นไปอย่างราบรื่นมาก แม็กนัสบอกเธอว่าเขาอาศัยอยู่ที่ไหน และเธอสามารถมาที่บ้านของเขาเพื่อพบและพูดคุยกับอดัม แต่เขาเตือนเธอด้วยว่าถ้าเธอลองทำอะไรตลกๆ บ้านหลังนั้นจะกลายเป็นฝันร้ายที่สุดของเธอ

เขาอาจจะเรียกเธอว่าย่า แต่เขาไม่ไว้ใจเธออย่างแน่นอน สำหรับตอนนี้มันเป็นเพียงความสัมพันธ์ที่น่าสนใจ เขายอมให้เธอเป็นเชื้อพระวงศ์เพราะหากเขาไล่เธอออกจากบัลลังก์ จะทำให้เกิดเรื่องอื้อฉาวใหญ่โตซึ่งทำลายภาพลักษณ์ของมงกุฎ

แต่สิ่งที่ทำให้เขายังคงรู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่นิดหน่อยก็คือมีความเป็นไปได้สูงที่เจ้าชายฟิลิปจะยังคงเกลียดเขาอยู่ มันอาจจะทำให้เขาต้องเจอเรื่องปวดหัวในภายหลัง แต่ตอนนี้เขาแค่มีความสุขไปก่อนละกัน

“ทุกอย่างดูเป็นไปได้ด้วยดีนะ ไม่คิดว่าเธอจะน่ารักขนาดนี้” อดัมพูดขณะที่ทั้งสองกลับถึงบ้าน

แต่เกรซเย้ยหยัน "หึ ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไร้เดียงสาเกินไปละค่ะสามีที่รักของฉัน ทั้งหมดที่ฉันเห็นบนใบหน้าของเธอคือนักการเมืองที่มีประสบการณ์สูง เธอระวังเรามาก”

"ใช่ฮะ คุณป้าพูดถูก เธอระวังตัวมาก และสายตาของเธอก็มองไปที่ใบหน้าของแม็กนัสอยู่ตลอด พยายามทำความเข้าใจความคิดภายในของเขา” รักนาร์กล่าวเสริม

แม็กนัสยิ้มและยักไหล่ "พ่อรู้ไหมครับว่า ทัชมาฮาลใช้เวลาสร้าง 20 ปี และใช้คนงานกว่า 20,000 คน นึกภาพออกไหมฮะว่างานที่ต้องใช้ทำในสมัยนั้นเป็นยังไง?"

มาร์ธายิ้มเมื่อรู้ว่าแม็กนัสกำลังจะไปที่ไหนแต่เกรซ อดัม และรักนาร์รู้สึกสับสน

"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับราชินีหรอ?" รักนาร์ถาม

“จักรพรรดิชาห์ชะฮัน หลังจากสร้างทัชมาฮาลเสร็จ ทรงสั่งให้ทหารของพระองค์ตัดมือคนงานทั้งหมด 20,000 คน เพื่อไม่ให้มีการสร้างสิ่งก่อสร้างอื่นใดในลักษณะนี้อีก แม้ว่าคนยากจนเหล่านั้นจะทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเป็นเวลากว่า 20 ปี จักรพรรดิก็ไม่ไว้วางใจพวกเขา แล้วเราจะหวังให้ราชินีไว้ใจเราได้อย่างไร? ทั้งที่เราก็ไม่ไว้ใจเธอน่ะ”

"ตอนนี้เราเพิ่งจะทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน" เขาอธิบายแล้ว

เกรซมองไปที่มือของเธอ "อืม บ้าจริงๆ มันเหมือน... มีคนอยากจะสับมือของแม่หลังจากที่แม่เพิ่งผ่าตัดศัลยกรรมให้เสร็จ"

“อย่ากังวลไปเลยฮะ คุณป้า ถ้าใครพยายามทำร้ายคุณป้า ผมจะจัดการพวกเขาให้หมดเองฮะ” รักนาร์ กล่าวอย่างภาคภูมิใจ

"แน่นอนจ่ะ เธอทำอะไรก็ได้" เธอขยี้ผมของเขา

ด้วยความสัตย์จริง เขาอยากจะบอกว่าเขาจะสับหัวพวกมัน แต่เขาก็อดกลั้นไว้ เพราะนี่ไม่ใช่เวลาเรียน

"แคว๊ก..."

ดั๊กก็เอากับเขาด้วย เนื่องจากตอนนี้พวกเขาอาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่มีสวนขนาดใหญ่ จึงมีพื้นที่เพียงพอให้เขายืน

ในตอนนี้แอนนิเฮลัสที่ดูอันตรายและน่ากลัวหายไปแล้ว ขณะนี้คือดั๊กมังกรแสนน่ารัก

เกรซหัวเราะเบาๆ แล้วเดินไปหาดั๊ก "อ๊ะ... ดูสิ หนูโตแล้ว มานี่มะ หนุ่มน้อย อยากให้ถูท้องไหมจ๊ะ?"

ดั๊กรีบนอนหงายให้เกรซเกา

"ฮ่าฮ่า... เธอแน่ใจหรือว่าเธอเป็นมังกรไม่ใช่ลูกหมาน่ะหือ?" เธอถาม

*พรึบ*

ดั๊กปล่อยหลอดเล็กๆ ออกจากปากของมัน

เดี๋ยวนะ… เธอเข้าใจคำพูดของเราหรอ?” เกรซอุทานออกมา

“ฮะแม่ เขาเข้าใจเราทั้งหมดนั่น แต่บางครั้งเขาก็ตัวเหมือนเด็ก และไม่สนใจคำพูดของเรา แถมยังทำเหมือนกับว่าเขาไม่เข้าใจ” แม็กนัสบอกเธอ

มาร์ธายังบินไปหาดั๊กและลูบหัวใหญ่ยักษ์ของเขา "ใช่ ดั๊กทำอย่างนั้นบางครั้ง เขาเป็นเจ้าแม่การแสดง"

"ฮึ่ม!" ดั๊กทำหน้าไม่พอใจ

"ดูสิ..." มาร์ธาพูดพร้อมกางแขนออก

"ฮิฮิ...ก็ดั๊กเป็นเจ้าแม่นักแสดงตัวน้อยของเรา เพราะยังเด็ก แม็กนัสก็เคยเป็นแบบนั้นเหมือนกัน ตอนเด็กๆ เขาเคยแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวเวลาใส่เสื้อผ้าหลังอาบน้ำ

ครั้งหนึ่งเขาบังคับให้ฉันสวมผ้าอ้อมทับกางเกง โชคดีที่เขาไม่ได้ก่อเรื่องวุ่นวายในช่วงเวลานั้น” เกรซเริ่มพูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าและดวงตาของเธอที่หวนนึกถึงอดีต

แม็กนัสคำรามด้วยความข้องใจ “ทำไมแม่ชอบเล่าเรื่องน่าอายของผมให้ฟังตลอดเลยอ่ะ”

"เพราะพวกมันเป็นเรื่องน่าจดจำที่สุดไงจ๊ะลูกรัก อา ลูกอยากฟังเรื่องการฝึกใช้กระโถนของลูกไหม? นี่มันตลกมากนะ อดัมซื้อที่นั่งฝึกกระโถนขนาดใหญ่มาโดยไม่ได้ตั้งใจ และเมื่อเขานั่งบน..." เธอเล่าเรื่องอื่นต่อ สร้างความปวดใจให้กับแม็กนัสมาก

"ลัลลาลาลาลา ฉันไม่ได้ยินแม่ ล้าล่าลาล้าลา..." แม็กนัสเอามือปิดหูแล้ววิ่งเข้าไปในบ้าน

แต่รักนาร์ยังอยู่ที่นั่น นั่งข้างดั๊กและเอาหัวพิงหัวดั๊กส์ ขณะที่ทั้งสองฟังเกรซอย่างจดจ่อ “เล่าต่อเถอะครับคุณป้า ผมจะทำให้เขาลำบากใจในภายหลัง”

“โอ้ แล้วนะ...” เกรซขายลูกชายต่อ

...

มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด หอประชุมโกรฟ

"ความเร็วปัจจุบันที่เรากำลังก้าวหน้าในด้านทรานซิสเตอร์และเซมิคอนดักเตอร์อย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปที่จะคาดเดาว่าวันหนึ่งเราจะมีปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถจัดการงานส่วนใหญ่ในแต่ละวันของเราได้ ผมไม่ได้พูดถึงหุ่นยนต์ แต่จะเป็นพวกเครื่องซักผ้าที่คุณสามารถควบคุมได้จากอีกด้านหนึ่งของโลก คุณสามารถสั่งให้เริ่มซักเสื้อผ้าได้ หรือเครื่องปรับอากาศที่จะรับรู้ได้เมื่อคุณอยู่ใกล้บ้าน หรืออาจจะเป็นผู้ช่วยจัดการเอกสาร

ผมอยู่อเมริกาได้ไม่นาน แต่ก็มีโอกาสพบคนฉลาดมากหลายคน พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้มีวิสัยทัศน์

ผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่า เครือข่ายกาแลกติก ที่นั่น เป็นคำที่ผมสนใจมาก ดังนั้นผมจึงเริ่มสืบค้นเรื่องมัน

เจ ซี อาร์ ลิกไลเดอร์แห่ง MIT ในเดือนสิงหาคม 1962 ได้กล่าวถึงแนวคิด "เครือข่ายกาแลกติก" ของเขาไว้ว่า เขาจินตนาการถึงชุดคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกันทั่วโลก ซึ่งทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลและโปรแกรมได้อย่างรวดเร็ว

ลิกไลเดอร์เป็นหัวหน้าคนแรกของโครงการวิจัยคอมพิวเตอร์ที่ DARPA ขณะที่อยู่ที่ DARPA เขาโน้มน้าวผู้สืบทอดตำแหน่งที่ DARPA, อีวาน ซูเธอร์แลนด์, บ็อบ ไทเลอร์ และนักวิจัยของ MIT ลอว์เรนซ์ จี โรเบิตส์ ถึงความสำคัญของแนวคิดเครือข่ายนี้

ไม่กี่ปีต่อมา สิ่งที่เรียกว่า ARPANET ถูกสร้างขึ้น ARPANET Advanced Research Projects Agency Network เครือข่ายคอมพิวเตอร์ทดลอง

สำนักงานโครงการวิจัยขั้นสูง (ARPA) ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ให้ทุนสนับสนุนการพัฒนาเครือข่ายหน่วยงานโครงการวิจัยขั้นสูง (ARPANET) ในช่วงปลายทศวรรษ 1960 จุดประสงค์เริ่มแรกคือเพื่อเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ที่สถาบันวิจัยที่ได้รับทุนสนับสนุนจากเพนตาก้อนผ่านสายโทรศัพท์ พวกเขาต้องการใช้เป็นเครือข่ายแต่ก็อย่างที่พวกคุณรู้สงครามเย็นยังคงดำเนินต่อไป แต่มันใหญ่เกินไปที่จะเป็นเครือข่ายลับ

แต่ผมอยากให้พวกคุณลองจินตนาการดู ทุกวันนี้ด้วยเทคโนโลยีที่มีอยู่อย่างจำกัดในยุคนี้ทำให้เราสามารถสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบ ARPANET ได้ ในอีกไม่กี่ปี เมื่อเทคโนโลยีมีความก้าวหน้ามากขึ้น มีประสิทธิภาพ และราคาถูกลง อาจมีเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมไปทั่วโลก คุณจะสามารถพูดคุยกับใครบางคนที่นั่งอยู่ในโตเกียวได้ทันที และส่งไฟล์และรูปภาพให้เขาได้ทันที อย่างที่z,พูดไป ความเป็นไปได้ไม่รู้จบ

ณ ตอนนี้ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบและมีความสนใจทุกท่าน ในเดือนตุลาคมปีนี้ จะมีการสาธิต ARPANET ครั้งใหญ่ในการประชุม International Computer Communication Conference (ICCC) ใครอยากดูก็มาได้เลย

ขอบคุณที่ฟังผม ผมหวังว่าเราจะได้มีช่วงเวลาที่ดีในการเรียนที่นี่ด้วยกัน"

*แปะ แปะ แปะ*

บ๊อบบี้ก้าวลงจากเวที วันนี้เป็นวันแรกของเขาที่มหาวิทยาลัย โรงเรียนมัธยมน่าเบื่อเกินไป แต่เขายังให้ทีมผู้คลั่งไคล้คอมพิวเตอร์รุ่นก่อนของเขามากับเขาด้วย ไม่ใช่ทุกคนที่จะจบการศึกษาระดับมัธยมปลายได้ล่วงหน้า แต่พวกเขาก็ยังมีพรสวรรค์ในด้านคอมพิวเตอร์

ที่มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด บ็อบบี้เป็นเด็กที่มีชื่อเสียง เพราะไม่เพียงแต่เขาเป็นเจ้าของบริษัทคอมพิวเตอร์ที่ประสบความสำเร็จเท่านั้น แต่คอมพิวเตอร์ของเขายังได้รับความนิยมอีกด้วย ด้วยเงินทุนของแม็กนัสตอนนี้พวกเขากำลังมองหาโรงงานที่จะเริ่มการผลิตด้วย แต่ส่วนใหญ่แล้ว พวกเขากำลังมองหาผู้ผลิตในประเทศอื่นๆ เนื่องจากการจ้างเอาท์ซอร์สนั้นถูกกว่า

บ๊อบบี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะแห่งศตวรรษ แม้แต่สำนักข่าวบางสำนักยังขอสัมภาษณ์เขา ตอนนั้นเขายังไม่พร้อม แต่ตอนนี้เขาอยู่เป็นแล้ว

วันนี้เขาได้รับเชิญให้ไปบรรยายที่แผนกวิทยาการคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัย เป็นแผนกที่ค่อนข้างใหม่แต่ให้ความสำคัญมากที่สุดเพราะนี่คืออนาคต และถ้าพวกเขาไม่ลงทุนในตอนนี้ พวกเขาก็จะตามไม่ทัน ตอนนี้พวกเขามีความสุขมากที่มีคนอย่างบ๊อบบี้ซึ่งเป็นอัจฉริยะอยู่แล้ว

บ๊อบบี้จับมือกับคณาจารย์บางคนแล้วมุ่งหน้าไปยังห้องที่อยู่อีกฟากหนึ่งของหอประชุม มันเป็นห้องที่เต็มไปด้วยนักข่าว จากสำนักข่าวต่างๆ พวกนิตยสารเทคโนโลยี

เขานั่งลงด้านซ้ายคือหัวหน้าภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์คนใหม่ และทางขวาคือรองอธิการบดี พวกเขามาที่นี่เพื่อร่วมถ่ายรูปเท่านั้น

บ๊อบบี้แสดงรอยยิ้มปกติของเขา "ขอบคุณที่รอนะครับ ผมรู้สึกกังวลนิดหน่อยกับคำพูดนั้น กรุณาถามคำถามอย่างเป็นระเบียบได้เลยครับ"

ชายคนหนึ่งลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างรวดเร็วแล้วถาม "คุณอาร์มสตรอง คุณมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับการที่คุณได้รับการเสนอชื่อให้เป็นอัจฉริยะแห่งศตวรรษจากสื่อต่างๆ ในสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา"

จู่ๆ บ๊อบบี้ก็เห็นใบหน้าหนึ่งในใจ เขาจำได้ว่าถ้าเขาไม่ได้รับการผลักดันที่ถูกต้องจากหมอนั่น ตอนนี้เขาก็คงไม่เป็นอัจฉริยะอย่างที่ใครๆ เรียกเขา

เขายิ้ม "ก่อนอื่นผมก็รู้สึกดีใจครับ แต่โลกนี้มีประชากร 3.8 พันล้านคน

ผมแน่ใจว่ามีคนที่ฉลาดกว่าผมแน่ๆ ในโลกนี้น่ะ แต่เพราะเกิดผิดที่ผิดเวลา

พวกเขาเลยอาจไม่มีวันพัฒนาตัวเองได้เลย

แต่ผมรับประกันได้ว่าผมไม่ใช่เด็กที่ฉลาดที่สุด อันที่จริงผมรู้จักคนที่ฉลาดกว่าผมหลายเท่า แต่ผมไม่มีสิทธิ์ที่จะเปิดเผยชื่อของเขา บางทีในอีกไม่กี่ปี พวกคุณทุกคนจะได้รู้จักเขาและได้สัมภาษณ์เขาด้วยซ้ำ"

คำประกาศของเขานั้นรุนแรง ใครจะฉลาดกว่าเด็กอายุ 12 ปีที่สร้างคอมพิวเตอร์ได้ แต่ผู้คนยังคงสงบ พวกเขารู้ว่าบ๊อบบี้ไม่มีเหตุผลที่จะต้องโกหก และสิ่งที่เขาพูดก็อาจจะจริง คงมีอัจฉริยะระดับสัตว์ประหลาดซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง

ไม่นานก็มีอีกคนถามเขาว่า "โตขึ้นคุณอยากเป็นอะไรครับ?"

"ฮ่าฮ่า ผมประสบความสำเร็จในธุรกิจแล้ว แต่ผมมีความฝัน แม้ว่าตอนนี้ผมจะยังไม่แบ่งปันมันให้โลกรู้ แต่หากผมทำได้พวกคุณจะรู้เองโดยอัตโนมัต ในทางกลับกัน ในตอนนี้ผมต้องการให้แน่ใจว่าประเทศของเราไม่ล้าหลังในการวิจัยและนวัตกรรมด้านคอมพิวเตอร์ เพราะคอมพิวเตอร์คือขุมทองแห่งอนาคต หากคุณล้มเหลวในการก้าวข้ามกระแสนี้ คุณจะติดอยู่ข้างหลังตลอดไป" เขาตอบกลับ

การสัมภาษณ์ของเขาดำเนินไปกว่าหนึ่งชั่วโมง เขาตอบคำถามทั้งหมดแล้ว เนื่องจากวันนี้เป็นวันที่เขาย่างเท้าเบื้องหน้าสาธารณชนอย่างเป็นทางการในที่สุด

_____________________________

เพจแปลถ้าเช่นนั้นข้าขอลา

มหาวิทยาลัย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด