ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 149 เลือดและเนื้อของมนุษย์หนึ่งพันคน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 151 บ่อนโชคลาภ

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 150 ฆ่าเช้าจรดค่ำ


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 150 ฆ่าเช้าจรดค่ำ

แปลโดย iPAT  

เฉียนหรงจื่อไม่เพียงไม่เตือนจ้าวจื่อป๋อเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของหลี่ฉิงซานแต่นางยังจงใจทำให้เขาเข้าใจว่าหลี่ฉิงซานได้รับชัยชนะเพราะโชคช่วย แม้นางจะไม่ได้รับผลประโยชน์จากเรื่องนี้แต่นางก็เริ่มเบื่อคนเก่าๆที่อยู่ตรงหน้าแล้ว นางหวังว่าเขาจะถูกฆ่าเช่นเดียวกับเฉียนเยี่ยนเหนิง นางเพียงปล่อยให้เรื่องราวพัฒนาไปด้วยตัวของมันเอง นี่เป็นแผนการที่น่ากลัวยิ่งกว่าแผนการที่ตรงไปตรงมาเหล่านั้น

จ้าวจื่อป๋อยังหัวเราะตามปกติ “เป็นเรื่องดีที่เขายังมีชีวิตอยู่ มันช่วยให้ข้าไม่ต้องเดินทางไกล ข้ายังสามารถจัดการเขาด้วยตนเองเพื่อระบายความโกรธ”

“ท่านจะฆ่าเขาทันทีที่เขากลับมาหรือไม่?” รอยยิ้มของเฉียนหรงจื่อซ่อนอยู่ในดวงตาสีดำสนิทของนาง นางพร้อมชมการแสดงที่น่าสนใจแล้ว

อย่างไรก็ตามจ้าวจื่อป๋อกลับกล่าวว่า “ข้าต้องคิดเรื่องนี้ให้มากขึ้น” แม้เขาจะเป็นผู้บัญชาการแต่เขาก็ยังไม่กล้าพอที่จะฆ่าผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ในที่สาธารณะ เขาหัวเราะเย้ยหยัน “แต่เขายังอยู่ภายใต้คำสั่งของข้า แล้วเจ้าคิดว่าเขาจะมีช่วงเวลาที่ดีหรือไม่? ข้าจะแสดงให้เขาเห็นว่าสำนักงานผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์แห่งนี้อยู่ใต้อำนาจของผู้ใด!”

เฉียนหรงจื่อกล่าว “มีสิ่งใดที่นี่ที่ไม่ใช่ของท่าน? ข้าก็เช่นกัน”

จ้าวจื่อป๋อหัวเราะอย่างเต็มที่ เขาจะเฝ้าเมืองเจียเผิงต่อไปจนกว่าจะถึงวันตายของเขา

เมื่อเรือจอดเทียบท่า หลี่ฉิงซานก็กระโจนลงจากเรือและเดินทางขึ้นภูเขาทันที

เขากลับบ้านพักเพื่อวางเสี่ยวอันลง จากนั้นเขาก็ไปหาจ้าวจื่อป๋อ เขาต้องการเห็นว่าจ้าวจื่อป๋อจะปฏิบัติต่อเขาเช่นไรในเวลานี้

หลี่ฉิงซานป้องหมัดขึ้น “ผู้ใต้บังคับบัญชาหลี่ฉิงซานคารวะผู้บัญชาการจ้าว” นั่นคือสิ่งที่เขาพูด แต่เขายืนเชิดหน้าอกขึ้นราวกับลูกธนู ท่าทางของเขาไม่ปรากฏความเคารพยำเกรงเลยแม้แต่น้อย

จ้าวจื่อป๋อไม่พยายามทำตัวสุภาพอีกต่อไป เขาถามอย่างเย็นชา “เหตุใดเจ้าไม่กลับมาทันทีหลังจากเสร็จภารกิจ!”

หลี่ฉิงซานตอบในลักษณะที่ไม่ประจบประแจงหรือหยิ่งยโสเกินไป “แน่นอนว่าข้ามีเรื่องต้องจัดการ”

จ้าวจื่อป๋อยิ่งไม่พอใจมากขึ้น ผู้ใดจะคิดว่าคนที่กำลังจะตายจะกล้าแสดงความเย่อหยิ่งเช่นนี้ออกมา “ข้าจะหักแต้มผลงานครึ่งหนึ่งของเจ้า ไปได้!”

เขาสูญเสียแต้มผลงานที่เขาได้รับหลังจากผ่านความยากลำบากมากมาย นั่นเทียบเท่ากับเม็ดยารวบรวมพลังปราณหลายสิบเม็ด ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันทำให้เขาหงุดหงิด

หลี่ฉิงซานระงับความโกรธของตน เขาไม่ได้พยายามโต้เถียง เขาหันหลังกลับและจากไป เขาไม่สามารถฆ่าผู้บัญชาการหมาป่าอินทรีย์บนภูเขาอย่างเปิดเผย

ตอนนี้ทั้งสองกำลังวางแผนต่อต้านกันและกัน แต่ด้วยเหตุผลเดียวกัน พวกเขาจึงไม่สามารถโจมตีอีกฝ่ายโดยตรง อย่างไรก็ตามพวกเขากำลังลับมีดรออยู่แล้ว

ทันทีที่หลี่ฉิงซานออกจากห้องโถง เขาก็พบเก้อเจี้ยน

เก้อเจี้ยนรอเขาอยู่ “หลี่ฉิงซาน เจ้าคิดว่าตนเองยิ่งใหญ่เพียงเพราะเจ้าสามารถสังหารคนแก่ใกล้ตายงั้นหรือ? กล้าดีอย่างไรจึงกล่าวกับผู้บัญชาการเช่นนั้น? ตอนนี้เจ้าคงรู้ผลที่ตามมาแล้วใช่หรือไม่?”

หลี่ฉิงซานกล่าว “เจ้าเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ของจ้าวจื่อป๋อจริงๆ”

“เจ้ากล่าวสิ่งใด!” เก้อเจี้ยนโกรธมากเมื่อถูกดูแคลนต่อหน้า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หลี่ฉิงซานทำให้เขาอับอาย เขาอดทนเพียงเพราะเขากังวลเกี่ยวกับการสนับสนุนที่อยู่เบื้องหลังหลี่ฉิงซานเท่านั้น

หลี่ฉิงซานเย้ยหยัน “ผู้ใดจะคิดว่าเจ้าจะกล้าเห่าใส่ข้าที่นี่”

เก้อเจี้ยนแทบกระอักเลือด เดิมทีเขาต้องการยั่วยุให้หลี่ฉิงซานโกรธ ตราบเท่าที่หลี่ฉิงซานโจมตีเขาก่อน จ้าวจื่อป๋อจะมีเหตุผลที่จะเข้ามาจัดการเขา

หลี่ฉิงซานโบกมือ “แท้จริงแล้วเจ้าสามารถกล่าวออกมาโดยตรง ไปเถอะ ครั้งนี้ข้าจะให้แผนการของเจ้าสำเร็จสักครั้ง แล้วมาดูกันว่าจ้าวจื่อป๋อจะมาช่วยเจ้าหรือไม่?”

เก้อเจี้ยนจะไม่ตกลงสู่หลุมพราง แม้แผนการของจ้าวจื่อป๋อจะสำเร็จ แต่เขาก็จะตาย “อย่าอวดดีให้มากนัก ข้าจะรอดูชะตากรรมของเจ้า!”

หลี่ฉิงซานไม่แม้แต่จะชำเลืองมองเก้อเจี้ยนอีก เขาเดินไปที่หอตำราและต้องการขึ้นไปชั้นที่สองแต่ชายชราที่เฝ้าหอตำราหยุดเขา “เจ้าจะไปที่ใด?”

หลี่ฉิงซานกล่าว “ข้ามีแต้มผลงาน ข้าสามารถขึ้นไป”

“หยุดก่อน ตอนนี้หอตำราอยู่ระหว่างการปิดปรับปรุง ห้ามมิให้ผู้ใดเข้ามา”

หลี่ฉิงซานหรี่ตาและขมวดคิ้วเล็กน้อย

ชายชรารู้สึกถึงแรงกดดันที่ทำให้เขาหายใจลำบาก เขาอดทนกับมันอย่างสุดกำลัง “อันใด เจ้าจะใช้กำลังงั้นหรือ?”

หลี่ฉิงซานยกมือขาวขึ้นช้าๆ ชายชรากลืนน้ำลาย เขาตระหนักว่าตนเองไม่สามารถรับการโจมตีของเด็กหนุ่มได้แม้แต่ครั้งเดียว

อย่างไรก็ตามหลี่ฉิงซานเพียงตบไหล่ชายชรา “ดูแลตัวเองให้ดี” หลังจากนั้นเขาก็จากไป

ชายชราหลั่งเหงื่อเย็นเยียบและหอบหายใจอย่างหนัก เขาท่องยุทธภพมานานหลายปีแต่เขากลับรู้สึกหวาดกลัวเด็กหนุ่มรุ่นลูกผู้นี้ เขารู้สึกอับอายมาก เขาตะโกน “เจ้าสิต้องดูแลตัวเอง!”

หลังจากนั้นหลี่ฉิงซานก็ยังพบกับสถานการณ์เดิม ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณหรือเม็ดยา ทุกอย่างล้วนยากลำบาก แต้มผลงานของเขากลายเป็นไร้ความหมาย

หลี่ฉิงซานต้องการแลกเปลี่ยนดาบวายุเล่มใหม่แต่ถูกปฏิเสธ เดิมทีผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์สามารถแลกเปลี่ยนอาวุธที่ถูกทำลายในภารกิจได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตามคนเหล่านั้นหาเหตุผลต่างๆนานาเพื่อปฏิเสธคำขอของเขา

เห็นได้ชัดว่าสถานที่สำคัญเหล่านี้อยู่ในการควบคุมของผู้ใต้บังคับบัญชาคนสนิทของจ้าวจื่อป๋อทั้งสิ้น

ในที่สุดหลี่ฉิงซานก็มาถึงอาคารเก่าแก่หลังหนึ่ง นี่เป็นจุดที่ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์จะมารับภารกิจ มันอาจเป็นสถานที่เดียวบนภูเขาที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของจ้าวจื่อป๋อ

ไม่ใช่ว่าเขาควบคุมไม่ได้แต่เป็นเพราะไม่มีสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณหรือเม็ดยาอยู่ที่นี่ มันมีเพียงภารกิจที่ยุ่งยากเท่านั้น อย่างไรก็ตามการรับภารกิจยังต้องได้รับการอนุมัติจากจ้าวจื่อป๋อ

หลี่ฉิงซานยิ้ม ตราบเท่าที่ที่นี่เปิดอยู่ ทุกอย่างก็ยังเป็นไปได้ สำหรับเขาในเวลานี้ไม่ว่าจะเป็นสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณหรือเม็ดยา ไม่มีสิ่งใดเร่งด่วน สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดคือเหยื่อ!

มีผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์สองสามคนอยู่ในห้องโถงภารกิจ เมื่อพวกเขาเห็นหลี่ฉิงซาน พวกเขาก็เงียบเสียงลงทันที ปากของพวกเขาขยับแต่ไร้เสียง พวกเขาสื่อสารกันผ่านพลังปราณ

หลี่ฉิงซานเดินไปที่โต๊ะ ทูตชุดดำรีบลุกขึ้นและกล่าวอย่างสุภาพ “นายท่าน ท่านพึ่งกลับมา ท่านวางแผนจะออกไปข้างนอกอีกงั้นหรือ?” บนภูเขาเล็กๆลูกนี้ไม่มีความลับมากนัก ทูตชุดดำเคยได้ยินเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างหลี่ฉิงซานกับจ้าวจื่อป๋อแต่เขาก็ไม่กล้าไม่สุภาพกับหลี่ฉิงซาน

หลี่ฉิงซานกล่าว “ข้าต้องการดูว่ามีภารกิจใดบ้าง”

ทูตชุดดำส่งหนังสือเล่มหนาให้เขา “โปรดพิจารณา”

หนังสือเล่มสีดำถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่น มันให้ความรู้สึกเหมือนลางร้ายแต่มันเรืองแสงออกมาอย่างอ่อนโยน ขณะที่เขาถือมันไว้ในมือ เขารู้สึกถึงความอบอุ่นเล็กน้อย

หลี่ฉิงซานกล่าว “หนังสือเล่มนี้ค่อนข้างเก่า”

ทูตชุดดำอธิบาย “มันมีมาตั้งแต่สำนักงานในเมืองเจียเผิงถูกก่อตั้งขึ้น มันอาจมีอายุมากกว่าพันปี”

หลี่ฉิงซานกล่าว “มันค่อนข้างเก่าจริงๆ มันมีชื่อหรือไม่?”

ทูตชุดดำตอบ “นี่เป็นสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณระดับต่ำที่ใช้บันทึกภารกิจ มันไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการ แต่ชาวยุทธ์เรียกมันว่าบัญชีดำ!”

หลี่ฉิงซานถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “บัญชีดำ? มันมีความเป็นมาอย่างไร?”

ทูตชุดดำตอบ “ผู้ที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีดำจะต้องตายอย่างแน่นอน”

หลี่ฉิงซานยิ้ม “เกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นเรื่องธรรมชาติ แม้ชื่อของเจ้าจะไม่ได้อยู่ในบัญชีดำ วันหนึ่งเจ้าก็ยังต้องตาย”

ตามความรู้ของเขา ผู้นำนิกายบัวขาวที่สังเวยชีวิตผู้คนไปสองแสนคนก็น่าจะอยู่ในรายชื่อนี้เช่นกัน นางเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำที่กู่เยี่ยนหยินต้องลงมือดำเนินการด้วยตนเอง แต่ดูเหมือนกู่เยี่นยหยินจะล้มเหลวในการจับกุมเป้าหมาย ท้ายที่สุดความแข็งแกร่งก็ยังเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

อย่างไรก็ตามสำหรับคนในยุทธภพ มันเป็นรายชื่อของคนตาย

แม้ทูตชุดดำจะไม่พอใจคำกล่าวของหลี่ฉิงซานแต่เขาก็ไม่กล้าตำหนิอีกฝ่าย นอกจากนั้นเขายังต้องบอกวิธีใช้งานมันให้เด็กหนุ่ม

หลังจากนั้นหลี่ฉิงซานก็เห็นรายชื่อที่อยู่หน้าแรกของหนังสือ มันใช้งานคล้ายกับแผนที่จิต สิ่งที่เขาต้องทำคือคิด จากนั้นคำตอบจะปรากฏออกมา

มันมีรายละเอียดครบถ้วนไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเงินสนับสนุน ระดับความอันตราย ความแข็งแกร่งของเป้าหมาย รางวัล และอื่นๆ

หลี่ฉิงซานต้องถอนหายใจกับรากฐานนับพันปีของกองกำลังผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์อย่างช่วยไม่ได้

“หากท่านเลือกภารกิจแล้ว ท่านจะได้รับข้อมูลอย่างละเอียด อย่างไรก็ตามเราไม่สามารถรับประกันได้ว่าข้อมูลเหล่านั้นจะถูกต้องทั้งหมดหรือไม่ ท่านต้องปรับตัวไปตามสถานการณ์” ทูตชุดดำเตือนอย่างเป็นทางการ

“เข้าใจแล้ว” หลี่ฉิงซานตอบ ด้วยหนึ่งความคิด รายการถูกเรียงลำดังตามความแข็งแกร่งจากมากไปน้อย เขามองชื่อที่อยู่ด้านบนสุด นักพรตผีดิบ จอมยุทธ์ขั้นหก เขาจับตัวคนที่มีชีวิตและเปลี่ยนพวกเขาให้เป็นผีดิบ ระดับความอันตรายสูงมาก และแต้มผลงานที่ได้รับก็มากถึงหนึ่งหมื่นสองพันแต้ม

แต่เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครสามารถทำภารกิจนี้ได้นอกจากจ้าวจื่อป๋อและผู้บัญชาการหมาป่าอินทรีย์ที่ไม่เคยแสดงตัว แน่นอนว่าหลี่ฉิงซานมีกำลังพอที่จะทำมันให้สำเร็จแต่เขายังพลิกหน้าถัดไปจนถึงสองสามหน้าสุดท้ายของบัญชีดำ

สองสามหน้าสุดท้ายเป็นชื่อของสำนักและกองกำลัง สถานที่เหล่านี้คล้ายกับป้อมวายุทมิฬ ไม่มีแม้แต่คนเดียวในกลุ่มของพวกเขาที่ควรค่าแก่การกล่าวถึง พวกเขาถูกมองว่าเป็นเป้าหมายเดียว

ภารกิจที่หลี่ฉิงซานเลือกทำให้ทูตชุดดำตกตะลึง “นายท่าน ท่านวางแผนที่จะรับภารกิจเหล่านี้งั้นหรือ?”

หลี่ฉิงซานพยักหน้า “รีบจัดการ ข้าจะออกเดินทางทันที”

ทูตชุดดำรีบรวบรวมเอกสารจำนวนมาก หลายชิ้นดูเก่าแก่และเต็มไปด้วยฝุ่น

หลี่ฉิงซานเก็บเอกสารทั้งหมดไว้ในกระเป๋าร้อยสมบัติและจากไป ทันทีที่เขาเดินออกจากประตู ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์สองสามคนที่อยู่ในห้องโถงภารกิจก็เริ่มพูดคุย “เขาเลือกภารกิจใด?”

หลังจากนั้นพวกเขาก็มองหน้ากันด้วยความมึนงง

“เจ้าเด็กนั่นวางแผนใดอยู่?”

“เรียกร้องความยุติธรรมและปกป้องผู้อ่อนแองั้นหรือ? อย่าล้อเล่นน่า!”

“ไม่ว่าเขาจะทำสำเร็จกี่ภารกิจ เขาก็จะไม่ได้รับสิ่งใดตอบแทนตราบเท่าที่เขาไม่ได้รับอนุญาตจากผู้บัญชาการจ้าว”

…..

ในสำนักงานใหญ่ จ้าวจื่อป๋อดื่มชาอย่างสบายอารมณ์ “เด็กนั่นเป็นอย่างไรบ้าง?”

เก้อเจี้ยนยิ้ม “เด็กนั่นวิ่งไปรอบๆแต่ก็ไม่สามารถทำสิ่งใด” ในที่สุดความโกรธของเขาก็สงบลง

จ้าวจื่อป๋อวางถ้วยชาลง “เล่นกับเขาก่อนจะจบเกมส์ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย ข้าอยากดูว่าเขาจะทนได้นานเพียงใด”

เก้อเจี้ยนกล่าว “เขาต้องทนไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น”

ทันใดนั้นผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ผู้หนึ่งก็เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ “ผู้บัญชาการ เด็กนั่นหาข้ออ้างออกจากภูเขาได้แล้ว”

จ้าวจื่อป๋อถาม “โอ้ เขาจะหลบข้างั้นหรือ? เขารับภารกิจใด?”

ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์กล่าว “มากกว่าหนึ่งภารกิจ”

“เท่าใด?”

ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ตอบด้วยท่าทางแปลกประหลาด “ยี่สิบเจ็ดภารกิจ”

“กระไรนะ!? นำมา” จ้าวจื่อป๋ออ่านเอกสารที่ระบุชื่อภารกิจที่หลี่ฉิงซานรับ อย่างไรก็ตามเนื้อหาของภารกิจเหล่านั้นทำให้เขาประหลาดใจมาก มันไม่ใช่เพราะความยากแต่มันง่ายเกินไป

กองโจรอสรพิษวารี กองโจรแห่งหุบเขาราชากวาง และอื่นๆ ทั้งหมดเป็นภารกิจที่หน่วยผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์เพิกเฉยมาโดยตลอด

นั่นเป็นเพราะเป้าหมายในภารกิจเป็นคนธรรมดา เนื่องจากมันเป็นภารกิจที่ง่ายเกินไป แต้มผลงานจึงต่ำมาก ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ไม่แม้แต่จะชำเลืองมองมัน

แม้ผู้พิทักษ์หมาป่าทมิฬจะเป็นตำแหน่งระดับต่ำที่สุดของกองกำลังผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ แต่พวกเขาก็เป็นจอมยุทธ์ ดังนั้นเป้าหมายของพวกเขาจึงเป็นจอมยุทธ์ ไม่ใช่นักสู้ระดับต่ำ

นี่เป็นเหตุให้เกิดช่องว่างเล็กๆในระบบ

เก้อเจี้ยนกล่าว “เช่นนี้เขาก็มีเหตุผลที่จะออกจากเมืองเจียเผิง”

จ้าวจื่อป๋อตะคอก “หากเขาต้องการใช้แรงงานก็ให้เขาทำ!”

ตอนนี้หลี่ฉิงซานออกจากภูเขาเรียบร้อยแล้ว เขาคำนวณมาแล้วว่าในการทำภารกิจทั้งหมดให้สำเร็จ เขาต้องจัดการเหยื่อบูชายัญประมาณหนึ่งพันคน

แน่นอนว่าเป้าหมายของเขาคือช่วยเสี่ยวอันสร้างร่างใหม่

เขารู้สึกว่าการเข้าร่วมหน่วยผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์เป็นเรื่องที่ถูกต้องมากขึ้นเรื่อยๆ มิฉะนั้นมันคงเป็นเรื่องยากที่เขาจะสังหารหมู่คนธรรมดา แม้คนเหล่านั้นจะเป็นคนเลวทั้งหมดก็ตาม หากเขาทำเช่นนั้น มันจะดึงดูดความสนใจมากเกินไปขณะที่ชื่อของเขาอาจถูกขึ้นบัญชีดำ

ข้อมูลที่ได้รับจากหน่วยผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ละเอียดมาก สิ่งที่เขาต้องทำมีเพียงไปหาเป้าหมายและฆ่าทุกคนบนเส้นทางตั้งแต่เช้าจรดค่ำ

หลี่ฉิงซานวางมือบนขวดกระเบื้องที่เอวและคิดกับตัวเองว่า ‘อย่ากังวล เสี่ยวอัน เร็วๆนี้เจ้าจะได้สูดอากาศ ลิ้มลองอาหารเลิศรส สัมผัสกับความอบอุ่น และยิ้มได้เหมือนเด็กคนอื่นๆ’

หลี่ฉิงซานไม่ได้ออกจากเมืองเจียเผิงทันที เขาไปหาโจวเหวินปิงเพื่อแลกเม็ดยารวบรวมพลังปราณเป็นอันดับแรก ในการเดินทางครั้งนี้ ศัตรูของเขาจะไม่พกกระเป๋าร้อยสมบัติและไม่มีคลังเก็บเม็ดยารวบรวมพลังปราณ นี่เป็นเหตุผลที่ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ไม่สนใจที่จะไล่ล่าแมลงที่น่ารำคาญเหล่านี้

ดวงตาของโจวเหวินปิงส่องประกายขึ้นเมื่อเห็นหลี่ฉิงซาน “เจ้าบรรลุขั้นสองแล้ว ความก้าวหน้าของเจ้าเร็วกว่าที่ข้าคาดไว้มาก”

หลี่ฉิงซานกล่าว “ขอบคุณสำหรับความห่วงใย เมื่อมีศัตรูที่ทรงพลังอยู่ใกล้ๆ ข้าก็ไม่สามารถล่าช้า”

โจวเหวินปิงกล่าว “ดีแล้วที่เจ้ารู้ ข้าได้ยินว่าเจ้าฆ่าเฉียนเยี่ยนเหนิงในการเผชิญหน้าโดยตรงงั้นหรือ?”

หลี่ฉิงซานตอบ “ข้าเพียงโชคดี”

โจวเหวินปิงกล่าว “แม้จะโชคดีแต่มันก็เป็นความสำเร็จที่ไม่น่าเชื่อ แต่ข้าขอเตือนเจ้าอีกครั้งว่าจอมยุทธ์ขั้นหกแตกต่างจากจอมยุทธ์ขั้นห้าอย่างสิ้นเชิง”

หลี่ฉิงซานพยักหน้า หลังจากนั้นเขาก็คิดถึงสิ่งต่างๆ หากวัดระดับของเขาตามมาตรฐานของจอมยุทธ์พลังปราณ เขาอยู่ที่ขั้นหกหรือสูงกว่า ขณะเดียวกันความก้าวหน้าของเขาก็รวดเร็วเหมือนสายฟ้า เขาแข็งแกร่งกว่าจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป ในการต่อสู้จริง เขาเพียงต้องพุ่งเข้าไปควักหัวใจของฝ่ายตรงข้ามออกมา

สำหรับเคล็ดวิชากระดูกขาวและความงามอันเป็นนิรันดร์ของเสี่ยวอัน มันยิ่งน่ากลัว ยิ่งเสี่ยวอันก้าวหน้าไปมากเท่าใด ความแข็งแกร่งของเขาก็ยิ่งเห็นได้ชัดมากขึ้นเท่านั้น

โจวเหวินปิงกล่าว “แม้นิกายเมฆาพิรุณจะขับไล่จ้าวเหลียงฉิงออกจากนิกาย แต่พวกเขายังส่งคนออกมาตรวจสอบ เจ้าอาจดึงดูดความสนใจของพวกเขา เจ้าต้องระวังให้ดี”

หลี่ฉิงซานกล่าว “ขอบคุณสำหรับคำเตือน ข้าจะระวัง” นิกายเมฆาพิรุณสูญเสียธุรกิจในเมืองเจียเผิงรวมถึงจอมยุทธ์ที่กำลังจะทะลวงเข้าสู่ขั้นหก มันไม่ยากที่จะคาดเดาการตอบสนองของพวกเขา

โจวเหวินปิงกล่าวต่อ “เหตุใดเจ้าไม่ทำตามคำแนะนำของข้าและไปที่สำนักศึกษาร้อยจอมยุทธ์สักระยะ? เจ้าสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาได้ชั่วคราว เมื่อเจ้าไม่ใช่ลูกนกแล้ว เจ้ายังต้องกลัวจ้าวจื่อป๋ออีกงั้นหรือ?”