ตอนที่แล้วตอนที่ 551 อาซิ่น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 553 สนามพลังศูนย์

ตอนที่ 552 ฉุดลงเรือโจร


แสงของประตูดวงดาวบรอนซ์ค่อยๆมืดลง

ถังเทียนมองดูลุงปิงหน้าที่เหมือนไพ่ของเขาเปื้อนคราบน้ำตาและตาบวม เขาถามด้วยความห่วงใย “ลุง,เป็นอะไรหรือเปล่า?”

“ไม่มีปัญหา  ข้าจะกลับก่อนและเริ่มวางแผน”  เสียงของลุงปิงแหบแห้ง ใบหน้าที่คล้ายไพ่ของเขาแสดงถึงความตั้งใจสู้อย่างมิอาจอธิบายได้  เขายกโลงน้ำแข็งแบกไว้บนหลังและพูดโดยไม่หันกลับมา  “ลั่วซือ,ไปดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ด้วยกันเถอะ! เจ้าตัวแสบอาซิ่นนั่นโกหกเรา  ไปทุบตีเขากันเถอะ!”

เมื่อมองดูร่างปิงหายลับไป  ถังเทียนมีอารมณ์หลากหลาย  ภาพที่เกิดขึ้นนั้นทำให้เขาตกใจอย่างมาก  นั่นคือภราดรภาพที่แท้จริง!

ถังเทียนหัวเราะทันที  เขาคิดถึงเสี่ยวเฮ่อ, เสี่ยวซิ่วซิ่ว,พี่จิ่งหาวและสหายอื่นทุกคน เขาโชคดีที่พี่น้องของเขาไม่มีที่ไหนแย่ไปกว่าลุงปิงและพี่น้องของเขา

ทุกคนสามารถต่อสู้เคียงข้างกันและกัน พวกเขาหันหลังชนกันต่อต้านศัตรูและสามารถตายพร้อมกันได้

ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์!

ตาของถังเทียนเป็นประกายด้วยความตั้งใจต่อสู้  ข้าไม่กลัว

คนไร้น้ำใจ...เจ้าอย่าตายดีกว่า ข้าต้องมัดเจ้าพากลับไปที่สุสานของแม่ให้ได้..

ถังเทียนกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว

ห้องประชุมลับสุดยอดของกลุ่มดาวหมีใหญ่  อาเฮ่อ หลิงซิ่ว จิ่งหาว ผี่ผา ติงตัง หลงโส่วจิงถังโฉ่ว เซรีนและสมาชิกหลักคนอื่นของกลุ่มดาวหมีใหญ่ล้วนปรากฏตัวทุกคน  หน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความประหลาดใจหลังจากงานเลี้ยงจบ ถังเทียนเรียกประชุมระดับสูงทันที ทำให้ทุกคนสงสัย

“สถานการณ์โดยรวมเป็นเช่นนั้น” ถังเทียนทบทวนข้อมูลที่ได้รับมาจากเชียนฮุ่ยอีกครั้ง

แววตกใจปรากฏอยู่บนใบหน้าของทุกคน เรื่องเกี่ยวกับดินแดนเซียนไม่เคยแพร่กระจายไปยังบุคคลภายนอกแม้แต่น้อยจึงไม่มีใครเคยได้ยินมาก่อน  ถ้าสิ่งที่ถังเทียนพูดเป็นความจริง อย่างนั้นความคงอยู่ของสมาพันธ์ชาวยุทธและวิหารเซียนคงทำให้ชาวโลกขนลุกชันเป็นแน่

ถ้าประตูดวงดาวถูกเปิดออกจริง....

ทุกคนสั่นสะท้านด้วยความกลัว

“ถ้าดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์เต็มไปด้วยเซียนและด้วยการหนุนหลังของวิหารเซียน  มันก็คือสิ่งที่เราไม่อาจต่อต้านได้เลย”น้ำเสียงของถังโฉ่วยังคงสงบมาก “ข้าได้คำนวณดูแล้ว เมื่อจำนวนเซียนเกินกว่า 5,000 คนสงครามจะมีสถานการณ์แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง และเราไม่มีโอกาสชนะเลยกองทัพอย่างนั้น ไม่, พวกเขาไม่จำเป็นต้องการกองทัพ  แค่กลุ่มก่อตั้งของเซียนห้าพันคน  ก็ไม่มีใครในสวรรค์วิถีหยุดพวกเขาได้”

ไม่มีใครสงสัยคำพูดของถังโฉ่ว

ว่าถึงเรื่องเซียนเนื่องจากเวลาที่ถูกใช้ไป ไม่เคยมีความสัมพันธ์เนื่องกับจำนวนห้าพันเซียนทุกคนไม่สามารถนึกภาพออก เซียนห้าพันคนก่อตั้งกองทัพได้นั่นเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก

บรรยากาศกดดันหนักหน่วง

“ดังนั้นเราต้องไปดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์”  ถังเทียนกล่าว “มีแต่ไปดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น  เราจึงจะพบมันได้!  จากนั้นเราค่อยหาวิธีเอาชนะวิหารเซียน”

“ข้าไม่เคยคิดเลยว่านอกจากสวรรค์วิถีแล้วยังจะมีสถานที่ลึกลับอย่างนั้น” อาเฮ่อกล่าว  “แค่ฟังคำอธิบายก็ทำให้ใจข้าโหยหาเสียแล้ว”

“ใครจะสนใจเล่าดาราจักรศักดิ์สิทธิ์คืออะไร ข้าแค่ใช้หอกแทงมันให้ตายหมด” หลิงซิ่วคำรามและพูดต่อ “แล้วจะเป็นยังไงถ้ามีเซียนเพิ่มขึ้น?  ไม่มีเซียนคนไหนที่โดนแทงแล้วไม่ตาย”

คำพูดท้าทายของหลิงซิ่วได้รับการเห็นชอบจากทุกคนทันที

“ข้าต้องการไปด้วย!”

“ข้าด้วย!”

……

ปิงชูมือทั้งสองส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบ

“กลุ่มดาวหมีใหญ่ต้องมีการป้องกัน”  เขาพูดเสียงทุ้ม  “ถ้าเป้าหมายที่แท้จริงของสมาพันธ์ชาวยุทธคือการยึดครองสวรรค์วิถี  อย่างนั้นพวกเขาต้องคิดหาวิธีหยุดเราแน่นอนกลุ่มดาวหมีใหญ่คือฐานปฏิบัติการของเรา ดังนั้นพวกเขาจะต้องโจมตีกลุ่มดาวหมีใหญ่อย่างสุดกำลังแน่นอน เวลานี้งานหลักในการเข้าไปในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ก็คือดูลาดเลา เราจำเป็นต้องค้นให้เจอว่าดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์เป็นยังไง?  มหาอำนาจใดมีอยู่ที่นั่นและใครคือผู้อยู่เบื้องหลังวิหารเซียน?  ดังนั้นคนที่จะไปต้องเน้นที่คุณภาพมากกว่าปริมาณ  ถังเทียน หลิงซิ่ว อาเฮ่อก็น่าจะเพียงพอแล้ว”

“ข้าจะไปด้วย” สีหน้าของจิ่งหาวซีดขาวไม่สำคัญว่าเขามีสัมพันธ์กับสมาพันธ์ชาวยุทธมากแค่ไหน  แต่เขาเป็นชาวสวรรค์วิถีอยู่ก่อนแล้ว  ถ้าสิ่งที่ถังเทียนพูดเป็นความจริง อย่างนั้นในที่สุดเป้าหมายของสมาพันธ์ชาวยุทธอาจเป็นการทำลายสวรรค์วิถีและเขาจะไม่ยอมให้เรื่องนั้นเกิดขึ้นแน่นอน

เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน  “ถ้าสมาพันธ์ชาวยุทธต้องการยึดสวรรค์วิถีจริงๆ  ข้าเองจะทำลายพวกเขาด้วยมือของข้าเอง”

ปิงมองดูถังเทียน  ถังเทียนพยักหน้าโดยไม่ลังเล  “ดี, พี่ใหญ่จิงจะมากับเราด้วย”

ปิงไม่ปฏิเสธและพูดต่อ  “คนอื่นๆ จะดำเนินการต่อไปเหมือนกับว่าเจ้ายังอยู่ ถังโฉ่วจะนำกองทัพและเสริมกำลังให้สมบูรณ์และยกระดับของกองทัพด้วย  ทุกๆ กองพลจะต้องมีเซียนประจำอย่างน้อยคนหนึ่งส่วนว่าจะมีเซียนต่อกองพลกี่คนนั้น อาโฉ่ว, เจ้าจงค้นคำนวณดู แล้วจากนั้นไปค้นคว้าเรื่องกลยุทธการสู้รบ  ผี่ผากับโส่วจิงทั้งคู่จะคอยรับมือกิจการภายใน  ติงม่านและเซียนที่เหลือ อย่าเพิ่งหยุดแผนเจ็ดดาว  เรื่องกลยุทธชั่วคราว เราจะไม่มีการท้าทายใดๆก่อน แต่ไม่จำเป็นต้องหวั่นเกรงหวาดกลัว กองทัพของเราไม่ได้อ่อนแออีกต่อไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ศัตรูสุดท้ายของเราก็ยังจะเป็นสมาพันธ์ชาวยุทธ  ยังไงก็ยังเป็นศัตรูของทุกกลุ่มดาว  เราจำเป็นต้องสร้างพันธมิตรแห่งอำนาจทุกคน”

ลุงปิงเต็มไปด้วยพละกำลังจริงๆ

ถังเทียนเหม่อมอง

ภายใต้การกำกับของปิง  ถังเทียนเริ่มเข้าไปเยี่ยมคณะทูตแต่ละกลุ่ม

คณะแรกที่ไปเยี่ยนเยือนก็คือคณะทูตจากกลุ่มดาวคันชั่ง ถังเทียนพาเซรีนมาด้วย

“กลุ่มดาวคันชั่งและกลุ่มดาวหมีใหญ่มีวัตถุประสงค์ร่วมกัน  และสำหรับทั้งสองฝ่ายมีพื้นฐานที่ดีมากในการทำงานร่วมกัน เรายินดีจะแบ่งปันวิชาจักรกลของเราและผลงานในขอบเขตล่าสุดกับกลุ่มดาวคันชั่ง”

คำพูดของเซรีนทำให้ผู้อาวุโสทุกคนมีความสุขทันที  กลุ่มดาวหมีใหญ่ทรงพลังและแสดงบทแข็งกร้าวในงานเลี้ยงทำให้พวกเขากังวล  ถ้ากลุ่มดาวหมีใหญ่ไม่ยินดีจะขายวิชาจักรกล  พวกเขาไม่รู้ว่าจะทำยังไง แม้ว่าองค์การวิญญาณมืดจะไม่กล้าประกาศสงครามกับกลุ่มดาวหมีใหญ่ก็ตาม  ดังนั้นกลุ่มดาวคันชั่งคงไม่มีความกล้าอะไรมากนัก

“ไม่แน่ใจว่าข้อขอร้องอะไรที่ฝ่ายขุนนางของท่านต้องการ?”  ผู้อาวุโสเซียวผู้สูงอายุและฉลาดลอบสุขใจ  ดังนั้นเขาถามคำถามที่ทุกคนห่วง

“ข้อขอร้องน่ะหรือ?”  เซรีนหัวเราะ นางเป็นคนมีอารมณ์เปิดเผยทำให้ผู้อาวุโสหน้าซีด จากนั้นนางพูด  “ให้ข้าอธิบายมุมมองวิชาจักรกลของข้าก่อน  ตอนนี้ ทุกคนคงยอมรับนักสู้สายจักรกลกันแล้วและในทำนองเดียวกันก็คงยอมรับกองทัพจักรกลด้วยเช่นกันแต่ทั้งหลายแหล่เหล่านี้มีพลังระดับกลางทั้งสิ้น จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีเซียนจักรกลเลยแม้แต่คนเดียว!”

“ซะ..เซียนจักรกล...”  ผู้อาวุโสเซียวตกตะลึงกับคำพูดของเซรีนไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น ผู้อาวุโสทุกคนพลอยตกตะลึงไปด้วย

สีหน้าของเซรีนเคร่งเครียดขึ้น  “ตอนนี้ที่อาวุธจักรกลมีคือมีจิตวิญญาณยุทธ ดังนั้นจึงสร้างออกมาเป็นอาวุธจักรกลวิญญาณได้ อย่างนั้นจิตวิญญาณยุทธของอาวุธจักรกลวิญญาณจะก้าวหน้าไปจนเกิดเป็นสนามพลังวิญญาณได้ไหม?”

มุมมองของเซรีนทำเอาโลกตะลึงสร้างความตกใจให้ผู้อาวุโสทุกคนจนอ้าปากค้างหุบไม่ลง  แต่หลังจากคิดตามดูแล้ว  ความคิดของเซรีนนั้นไม่ผิด

“เพราะเหตุนี้คิดว่าเราต้องใช้พลังงานเป็นจำนวนมาก” หน้าของเซรีนจริงจัง แต่นางยังจ้อต่อได้โดยไม่ต้องคิด  แต่ไม่มีใครสักคนข้องใจนาง  สถานะนางในปัจจุบันนี้เป็นสุดยอดปรมาจารย์วิศวกรจักรกล และไม่มีใครมีคุณสมบัติมากกว่านางในเวลาพูดเรื่องวิชาจักรกล

“อย่าบอกข้านะว่าอาจารย์เซรีนมีความก้าวหน้าบางอย่าง?”  ผู้อาวุโสหัวถาม  ถ้ามุมมองของเซรีนสามารถทำได้จริงนี่จะเปลี่ยนสถานการณ์ของโลกไปอย่างสิ้นเชิง

“ก็มีบ้าง”

สีหน้าถ่อมตัวของเซรีนทำเอาทุกคนตื่นเต้น พวกเขาเกือบเห็นคนรุ่นใหม่เบียดขึ้นมาแซงหน้าพวกเขา

“เราอยากจะเชิญท่านให้มีส่วนร่วมในการวิจัยครั้งนี้และผลสรุปสุดท้ายจะแบ่งปันกันทั้งสองฝ่าย”

อาหารโอชะที่เซรีนวางล่อทำให้เหล่าผู้อาวุโสทุกคนวิงเวียนไปตามกัน พวกเขาแต่ละคนเข้าใจดีถึงความสำคัญและคุณค่าของการวิจัย

ผู้อาวุโสเซียวสงบจิตใจ  เสียงของเขาเปลี่ยนไปบ้าง  “ทำไม?”

สีหน้าของเซรีนเคร่งขรึม  “เพราะเซียนทั้งหลายในการค้นคว้าวิจัยของเรา  เราพบว่าการทำให้จิตวิญญาณยุทธของอาวุธจักรกลวิญญาณเปลี่ยนเป็นสนามพลังวิญญาณจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากเซียน การค้นคว้าของเราจำเป็นต้องมีเซียนเป็นจำนวนมากเข้าร่วม  ทุกคนก็รู้กันว่ากลุ่มดาวหมีใหญ่มีเซียนไม่มากนักมิหนำซ้ำส่วนใหญ่ยังต้องประจำอยู่กับกองทัพ ขณะที่คนอื่นมีงานเป็นของตนเอง ข้าได้ปรึกษากับฝ่าบาทแล้วและเรารู้สึกว่ากลุ่มดาวคันชั่งเป็นพันธมิตรที่น่าเชื่อถือที่จะร่วมงานด้วยและบางอย่างที่เราทั้งสองสามารถได้ประโยชน์ร่วมกันด้วย  แน่นอนว่าถ้าฝ่ายของท่านยังคลางแคลงใจ ไม่ว่ายังไงเราสามารถหากลุ่มดาวอื่นมาร่วมงานก่อนก็ได้  จากนั้นพวกท่านคอยดูความก้าวหน้าแล้วคอยเข้าร่วมทีหลังก็ย่อมได้”

ถังเทียนผู้ยืนอยู่ด้านข้างเชื่อมั่นในการแสดงออกของเซรีนเมื่อสตรีผู้นี้โกหกผู้คน นางทำได้โดยไม่กระพริบตาด้วยซ้ำ

ปิงบอกเซรีนให้ดึงกลุ่มดาวคันชั่งมาลงเรือโจรเอ๊ย.. หมายถึงดึงมาร่วมขึ้นรถศึกด้วยกัน

ดังนั้นเซรีนจึงต้องแสดงออกอย่างนี้

เซียนจักรกลเป็นยังไงเซรีนและกลุ่มงานของนางยังไม่เคยเริ่มค้นคว้าสักที

เมื่อเห็นสีหน้าของเหล่าผู้อาวุโส  ถังเทียนรู้ว่าข้อเสนอของเซรีนคือสิ่งที่กลุ่มดาวคันชั่งไม่สามารถปฏิเสธได้แม้แต่น้อย คนผู้หนึ่งที่มีความรู้เรื่องวิชาจักรกลเพียงเล็กน้อยจะเข้าใจคุณค่าของประเด็น  ถ้าคนธรรมดายกหัวข้อนี้ขึ้นพูดอาจถูกมองเหมือนกับว่าเห็นคนอื่นโง่ แต่คนที่ตั้งหัวข้อนี้ก็คือเซรีน ผู้รู้อันดับหนึ่งในวิชาจักรกลในปัจจุบันนี้ดังนั้นเรื่องนี้จึงดึงดูดความสนใจได้ทันที

เซรีนได้ให้เหตุผลที่เหมาะสมว่าเราไม่มีเซียนมากนัก ถ้าเรามีเซียนมากพอ พวกท่านคงไม่มีโอกาส

คณะทูตจากกลุ่มดาวคันชั่งไม่มีเหตุผลอะไรต้องปฏิเสธพวกเขา แม้ว่าเซรีนจะพูดว่าพวกเขาสามารถเข้าร่วมได้ทุกเวลา  แต่ผู้อาวุโสเหล่านี้เข้าใจชัดเจนมาก  ขอเพียงกลุ่มดาวหมีใหญ่มีความสามารถในการค้นคว้าเรื่องนี้ได้  ขณะที่หลายๆ คนสามารถจัดหาเซียนได้  กลุ่มดาวคันชั่งไม่ได้มีเซียนมากนักเมื่อเทียบกับสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคา

ถ้าเป็นผู้มีอิทธิพลจากกลุ่มดาวอควาเรียสอย่าว่าแต่เซียนเลย พวกเขาจะยอมรับถ้าถามถึงราคาได้

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้วผู้อาวุโสเซียวตบโต๊ะ “ก็ดี ในเมื่ออาจารย์เซรีนมีใจทะเยอทะยานเราในกลุ่มดาวคันชั่งก็จะเข้าร่วมติดตามอาจารย์ด้วยร่วมรับร่วมกินโดยไม่มีการคัดค้าน”

เหล่าผู้อาวุโสยิ้มอย่างมีความสุข

ข้าต้องไม่ล่วงเกินเซรีน...

ไม่ว่าถังเทียนจะโง่เพียงไหน  เขาก็เข้าใจว่ากลุ่มดาวคันชั่งถูกดึงเรือโจรกับกลุ่มดาวหมีใหญ่ไปแล้วอ๊ะๆ ลืมไป.. ถูกดึงขึ้นรถศึก...

สำหรับกลุ่มดาวใดๆ ก็ตามพวกเซียนก็คืออำนาจหรือแหล่งทรัพยากรที่สำคัญที่สุดตลอดไป  ยิ่งมีเซียนมากก็ยิ่งดี กลุ่มดาวคันชั่งและกลุ่มดาวหมีใหญ่จะใกล้ชิดกันมากขึ้น

ถังเทียนยืนยันว่าเซรีนคงจะกวาดกลุ่มดาวคันชั่งเรียบแน่นอน

ผู้อาวุโสจากคณะทูตยิ้มอย่างมีความสุขทุกคนเหมือนกับพวกเขากำลังเลือกเก็บสมบัติ เซรีนแสดงบทบาทได้ดีทีเดียว ไม่สำคัญว่ากลุ่มดาวคันชั่งจะรู้ตัวว่าติดกับหรือไม่  พวกเขาจะต้องโดดเข้าร่วมอยู่ดี  ถ้าพวกเขาไม่ทำ  คนอื่นๆ ก็ทำอยู่ดี

ถังเทียนรู้สึกเคารพตัวเองทันที

กล่าวกันว่าถ้านับเป็นความสามารถอย่างหนึ่งเขาซื้อตัวเซรีนมาด้วยราคาแสนถูก!  หรืออาจกล่าวว่าเป็นเซรีนต่างหากที่ร่ำร้องและตะโกนเสนอตัวให้เขาและด้วยอาการอย่างนั้นเขาจึงได้ปรมาจารย์จักรกลมาคนหนึ่ง

แค่ลงทุนเล็กๆก่อให้เกิดผลกำไรมหาศาล!

หรือว่าเป็นหนุ่มชาวฟ้าที่มีความสามารถเป็นนักธุรกิจผู้ไร้ยางอาย?  โอว รอให้ข้ากลับมาจากดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์เสียก่อน  ข้าจะต้องทำธุรกิจแน่...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด