ตอนที่แล้วตอนที่ 552 ฉุดลงเรือโจร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 554 รังหิน

ตอนที่ 553 สนามพลังศูนย์


สวรรค์วิถีสั่นสะเทือนอีกครั้งในวันที่กลุ่มดาวคันชั่งและกลุ่มดาวหมีใหญ่ประกาศว่ากลุ่มดาวของพวกเขาจะร่วมกันค้นคว้าวิจัยอาวุธจักรกลวิญญาณรุ่นใหม่ล่าสุด ความเป็นพันธมิตรกันระหว่างยักษ์ใหญ่ทั้งสองถือเป็นการประกาศอย่างเป็นทางการว่ากลุ่มดาวหมีใหญ่ก้าวขึ้นแท่นสุดยอดกลุ่มดาวที่ทรงอิทธิพลได้ในที่สุด

สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจก็คือกลุ่มดาวหมีใหญ่ไม่ได้เป็นพันธมิตรกับกลุ่มดาวราชสีห์ทำให้สมาพันธ์ชาวยุทธคลายใจได้ แผนเดิมของแผนกภายในของสมาพันธ์ชาวยุทธที่เตรียมส่งกองกำลังขนาดเล็กสั่นสะเทือนทันทีและกลับกลายเป็นว่ากองกำลังของพวกเขาทั้งหมดมุ่งสู่กลุ่มดาวราชสีห์  สมาพันธ์ชาวยุทธต้องทุ่มเทอย่างมากเมื่อต้องสู้กับกลุ่มดาวระดับระนาบสุริยุปราคาและการสู้กับสามฝ่ายเป็นแผนที่โง่เขลา

ขณะเมื่อสวรรค์วิถียังคงแยกแยะข่าวการร่วมเป็นพันธมิตร  ถังเทียนและสหายอีกสองสามคนหายไปแล้ว

“เจ้าจะไม่ไปเยี่ยมชมหน่อยหรือ?” อาเฮ่อมองดูถังเทียน

ถังเทียนส่ายหัว  “ไม่,ไม่สายเกินไปที่จะดู เมื่อเราชนะ”

เมืองซิงฟงปัจจุบันนี้กำลังรุ่งเรือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันคาราเมล กลายเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงที่สุดในบรรดาดาวเคราะห์สองสามดวงที่ใกล้กันมาตรฐานของครูผู้สอนจะสูงกว่าหลายสถาบันทำให้ดึงดูดนักเรียนจำนวนนับไม่ถ้วน

ถังเทียนไม่เคยคิดว่าพิกัดของดวงตาเซกซ์แทนส์จะอยู่ที่ดาวอู่อันด้วย มีคนคุ้นเคยมากเกินไปในเมืองซิงฟงและถ้าเขาถูกจดจำได้จะดึงดูดความสนใจผิดๆเข้ามาแน่นอน

แม้ว่าดาวอู่อันจะอยู่ภายใต้เขตอำนาจของกลุ่มดาวหมีใหญ่ แต่ประชาชนที่อยู่ที่นี่ล้วนภูมิใจถังเทียนซึ่งเป็นนักสู้ท้องถิ่นของพวกเขาและเนื่องจากที่นี่เป็นบ้านเกิดของพญาหมีนักสู้ชาวกลุ่มดาวหมีใหญ่มักมาชุมนุมกันที่ดาวอู่อัน  สุสานของมารดาถังเทียนก็ยังมีการจัดให้มีนักสู้ดูแลป้องกันเป็นพิเศษ

แต่มีผู้รวบรวมข่าวกรองจำนวนมากรวมตัวอยู่ในดาวอู่อัน เนื่องจากกลุ่มดาวมหาอำนาจเต็มไปด้วยความสงสัยต่อเบื้องหลังของถังเทียน

ทั้งสี่คนไม่ได้บินในดาวเคราะห์ชนบท การบินจะเป็นการเปิดเผยตัวพวกเขาเองว่าเป็นยอดฝีมือแน่นอน

รถม้าวิ่งไม่เร็วนัก หลังจากเดินทางสามวันสามคืนตามการนำทางของดวงตาเซกซ์แทนส์ทำให้พวกเขามาถึงหุบเขารกร้างกันดารแห่งหนึ่ง  หุบเขานี้ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ  ดูเหมือนหุบเขาอื่นมีเถาวัลย์ขึ้นหนาแน่นเป็นพิเศษเห็นได้ชัดว่าไม่มีผู้ใดย่างเท้าเข้ามาในที่นี้เป็นเวลานานแล้ว

ภายในหุบเขา ดวงตาเซกซ์แทนในมือถังเทียนเปล่งแสงสว่างทันที

มันหนีออกจากมือของถังเทียนทันทีดวงตาทั้งหกกระพริบทันทีและหมุนพร้อมกับบินออกไปด้วยความเร็วสูงทันทีมันพุ่งลึกเข้าไปในหุบเขา ทั้งสี่คนรีบพุ่งตามไปติดๆ ทันที แม้ว่าดวงตาเซกซ์แทนส์จะรวดเร็วมากแต่ไม่เป็นปัญหาอะไรกับคนทั้งสี่  ต้นไม้สูงใหญ่ขึ้นหนาแน่นไม่มีแสงอาทิตย์ส่องผ่านขณะที่อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นใบไม้เน่าทับถม

หุบเขาใหญ่กว่าที่พวกเขาคิดไว้มาก

หลังจากไล่ตามไปราวๆ 5 กิโลเมตร ก็ได้ยินเสียงน้ำไหลชัดเจน  สายน้ำไหลออกมาจากภายในหินใหญ่ สายน้ำนั้นไหลเร็วและรุนแรงแสดงว่ามีแม่น้ำซ่อนอยู่ในนั้นแน่นอน

ดวงตาเซกซ์แทนส์พุ่งลงไปในน้ำทันที ทั้งสี่คนก็พุ่งลงไปในน้ำโดยไม่ลังเล

ดวงตาเซกซ์แทนส์คล่องแคล่วว่องไวเหมือนปลา ทั้งสี่คนตามมาติดๆว่ายในแม่น้ำลับและเข้าไปในแม่น้ำที่มืดมิดดำดิ่งลึกลงไปเรื่อยๆ

ถังเทียนและพวกพ้องรู้สึกได้ชัดเจนว่าพวกเขายังคงดำลึกลงไปเรื่อยๆ

ราวๆ ยี่สิบนาทีต่อมา ดวงตาเซกซ์แทนส์บินออกมาจากน้ำขณะที่ถังเทียนและพวกก็กระโจนออกมาเช่นกัน รอบๆ ตัวพวกเขามืดมิดแต่สำหรับถังเทียนและพวกพ้องทั้งสามมันสว่างเหมือนกลางวัน

น่าจะเป็นถ้ำใต้ดิน  ดวงตาเซกซ์แทนส์ส่องแสงสว่างบินไปข้างหน้าอีกครั้งเดี๋ยวหมุนเดี๋ยวเลี้ยวคอยนำทางทุกคน

“สามารถหาสถานที่แบบนี้พบได้ผู้อาวุโสของเจ้าแข็งแกร่งทรงพลังจริงๆ” หลิงซิ่วพูดอย่างชื่นชม ถ้าเป็นเขาคงสับสนตำแหน่งไปแล้ว

อาเฮ่อและจิ่งหาวยังคงมีอาการเช่นเดียวกันคือพวกเขามึนงงทั้งคู่

จากนั้นดวงตาเซกซ์แทนส์บินเข้าไปในผนังแล้วหายไปทันที!

ทั้งสี่คนสะดุ้ง พวกเขาวิ่งเข้าไปในผนังหินอย่างไม่ลังเลทันทีแต่ไม่สิ่งใดขวางกั้น พวกเขารู้สึกเหมือนวิ่งผ่านอากาศ ฉากภาพต่อหน้าพวกเขาพลันสว่างและเมื่อพวกเขาเริ่มปรับสภาพการมองเห็นพวกเขาตะลึงกับฉากภาพที่ปรากฏอยู่ข้างหน้าทันที

รอบๆ พวกเขาเป็นที่อวกาศว่างสุดสายตา และมีทะเลหินกว้างไกลปรากฏต่อหน้าพวกเขา หินทุกก้อนแตกต่างและมีโครงสร้างแปลกประหลาดมีขนาดที่แตกต่างกัน  มีหินนับไม่ถ้วนลอยอยู่ในพื้นที่ว่างเปล่า

“นี่คือ....”

ทั้งสี่คนตกตะลึง

ถังเทียนเป็นคนแรกที่รู้ตัว “ไล่ตามดวงตาเซกซ์แทนส์ไป!”

คนอื่นๆ ถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์ ดวงตาเซกซ์แทนส์กลายเป็นจุดเล็กๆ ไปแล้ว ดังนั้นทั้งสี่คนพุ่งวาบไล่ตามดวงตาเซกซ์แทนส์ทันที พวกเขามีความเร็วสูงและไล่ทันดวงตาเซกซ์แทนส์ได้อย่างรวดเร็ว  เมื่อพวกเขาหันกลับไปดูเบื้องหลังพวกเขาก็แค่ผ่านเลยไป ความจริงมีประตูดวงดาวบานหนึ่งลอยอยู่ในอวกาศ

“ภาพนี้น่าตื่นเต้นจริงๆ!” จิ่งหาวอุทานออกมา

อาเฮ่อกระตือรือร้นมากเช่นกัน “ข้ารู้แล้ว! สถานที่ซึ่งเราผ่านมาเป็นสุดเส้นทางสวรรค์วิถี!  ดาวอู่อันเป็นดาวปลายสุดของสวรรค์วิถี!”

ทุกคนตื่นเต้น

ตั้งแต่ยุคโบราณมีแต่การคาดเดากันว่าอะไรคือปลายทางของสวรรค์วิถี คนส่วนใหญ่จะกำหนดภาพไปที่อีกด้านหนึ่งของสวรรค์วิถี  เสี่ยวเอ้อลอยออกมา ใบหน้าของเขาแสดงอาการตกใจเมื่อเผชิญหน้ากับโลกกว้างใหญ่ข้างหน้ามนุษยชาติจะได้รู้ตัวว่าพวกเขาเป็นเพียงเศษธุลีขนาดไหน

ปิงลอยออกมานอกตัวถังเทียนเช่นกัน “คนที่ไม่ใช่เซียนไม่สามารถลอยผ่านอวกาศนี้ไปได้”

นอกจากพวกเขาทุกคนแล้ว เขาเป็นคนที่ฟื้นความรู้สึกได้ไวที่สุดและคิดถึงความจริงบางอย่างในเรื่องที่เกิดขึ้น

“ถูกแล้ว, และนั่นคงจะไม่ดีต่อเรา” อาเฮ่อกล่าว “ด้วยเซียนหลายคนในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ อวกาศว่างนี้ไม่มีปัญหาสำหรับพวกเขาและฝ่ายเรามีเซียนอยู่ไม่มาก”

ในอวกาศ พลังงานเบาบางมาก และไม่มีอากาศ และถ้าคนผู้นั้นไม่มีวิชาบิน ก็คงยากจะเคลื่อนไปข้างหน้า

“แม้แต่พวกเซียนเองก็ไม่ใช่ว่าจะง่าย” จิ่งหาวพูดออกมา “พลังงานที่นี่เบาบางมาก เซียนต้องใช้ปราณแท้ของพวกเขามากมาย และพวกเขาจะต้องป้องกันไม่ให้ปราณแท้ของพวกเขารั่วไหลออกไป”

ถังเทียนพูดออกมาทันที  “ความจริงที่นี้เหมาะสมกับร่างพลังกายเป็นศูนย์มาก”

ทุกคนสะดุ้ง

“เราพึ่งพาพลังงานน้อยมาก และพวกเจ้าทุกคนกำลังเพ่งไปที่กฎธรรมชาติ  ข้ามีความรู้สึกอย่างหนึ่งว่าอวกาศว่างเปล่านี้เหมาะสำหรับให้เราใช้เป็นสนามต่อสู้”  ถังเทียนกล่าว

ทุกคนผงกศีรษะ ถังเทียนพูดถูกพวกเขาทุกคนเดินตามวิธีของร่างพลังกายเป็นศูนย์และสนามพลังวิญญาณที่พวกเขาฝึกจะแตกต่างจากเซียนธรรมดา

สนามพลังของเซียนธรรมดาจำเป็นต้องจัดสรรพลังงานให้และต้องสำรองพลังงานเอาไว้ให้คงอยู่ในร่างกายของพวกเขา

แต่ร่างกายของถังเทียนไม่มีพลังงานอะไรเลยและพลังงานถูกเก็บไว้ในสนามพลัง  แต่ก่อนหน้าพวกเขาไม่มีใครอื่นใช้พลังงานที่กักเก็บอยู่ภายในสนามพลังวิญญาณมาก่อน  เพราะพลังงานจะกัดกร่อนสนามพลังวิญญาณ  แต่หลังจากจิตวิญญาณยุทธของพวกเขาผ่านการแปลงพลังงานมาแล้ว ร่างของทุกคนไม่สามารถถูกกัดกร่อนจากพลังงานได้ แต่กลายเป็นสถานที่เก็บพลังงานสำรองไว้ได้เป็นอย่างดี

ความสามารถของเส้นชีพจรและตันเถียนมีจำกัด แต่สนามพลังวิญญาณสามารถรับพลังงานไว้ได้มาก

“ข้ารู้สึกว่าเส้นทางที่นักสู้กำลังเดินอยู่นี้ อาจเป็นได้ว่าไปสิ้นสุดที่บันไดฟ้าซึ่งก็คือตันเถียนบนกระมัง?” อาเฮ่อเริ่มพูดบางอย่างที่เขาไตร่ตรองมาเป็นเวลานาน  “ในอดีตเมื่อใดก็ตามที่เราฝึก  เราจะสร้างตันเถียนของเราหนึ่งระดับต่อครั้งเพื่อไปต่อและจุดสุดท้ายก็คือตันเถียนบนซึ่งอยู่ในระหว่างคิ้วของพวกเรา”

“ความคิดของอาเฮ่อมีเหตุผล!” จิ่งหาวผงกศีรษะ  “แต่ไม่มีใครฝึกเข้าบันไดฟ้าได้สำเร็จ ข้ารู้สึกว่าตามทฤษฎีแล้วความสามารถของสนามพลังวิญญาณจะใหญ่กว่าเส้นชีพจรและแอ่งตันเถียนมากมายนักและอาจถือได้ว่าเป็นห้องที่ว่างเปล่าได้  พลังงานในภูตกระบี่ของข้าสูงกว่าที่เคยเป็นถึงห้าเท่า”

“ข้าก็เหมือนกัน  ข้าจะมีมากราวๆห้าถึงหกเท่ากว่าสิ่งที่ข้ามี” อาเฮ่อตอบ  “แต่ความบริสุทธิ์ของพลังงานยังไม่สูงเท่ากับปราณแท้ เนื่องจากมันไม่ได้ผ่านการปรับแต่งผ่านเส้นชีพจร”

“ใช่แล้ว” หลิงซิ่วที่ไม่ค่อยพูดอะไรก็ยังขมวดคิ้ว  “พลังงานที่ไม่บริสุทธิ์ยากจะหลอมรวมได้พลังของมันอาจจะอ่อนแอกว่าและควบคุมได้ยากมากกว่า”

วิชาจิตวิญญาณของสนามพลังวิญญาณคุ้นเคยกับการควบคุมพลังงาน และถ้าแก่นแท้ของพลังงานบริสุทธิ์ไม่เพียงพอ  การควบคุมมันนับเป็นเรื่องที่ยากมากและจะส่งผลต่อพลังของวิชาจิตวิญญาณ

ถังเทียนคิดทันที  “แล้วจะเป็นยังไงถ้าเพิ่มวิชาจิตวิญญาณอีกวิชาซึ่งสามารถขัดเกลาและฟอกปราณแท้ในสนามพลังวิญญาณได้?”

จิ่งหาวนัยน์ตาเป็นประกาย  “นั่นเป็นไปได้!”

อีกสองคนสนใจแนวคิดของถังเทียนทันทีและนัยน์ตาอาเฮ่อทอประกายวูบทันที“แม้ว่าอาจจะต้องเพิ่มค่าพลังวิญญาณไปบ้างแต่ถ้าเราสามารถได้เนื้อพลังแท้ที่บริสุทธิ์เหมือนปราณแท้ นั่นก็คุ้มค่า”

“คิดว่ามีวิชาจิตวิญญารแบบนั้นด้วยหรือ?” หลิงซิ่วอดขัดมิได้

อาเฮ่อฝืนหัวเราะ  “ข้าไม่คิดอย่างนั้น

ถังเทียนพูดอย่างไม่สบายใจ  “อย่างนั้นเราก็แค่สร้างด้วยตัวเราเอง”

จิ่งหาวผงกศีรษะ “เรากำลังเดินอยู่บนวิถีวิทยายุทธใหม่อยู่แล้วและจำเป็นต้องคลำหาทางและทดสอบสิ่งใหม่ๆ ด้วยตัวเราเอง  นั่นคือวิธีที่ปราชญ์บัณฑิตแต่ปางก่อนกระทำกันและตอนนี้ก็ถึงรอบของเราแล้ว”

“เย้ เย้” ถังเทียนผงกหัวและโบกมืออย่างตื่นเต้น “เนื่องจากสนามพลังวิญญาณของเราเป็นรูปแบบใหม่ของสนามพลังเราก็ควรจะตั้งชื่อไว้ด้วยจริงไหม?”

“ขี้โม้!”  หลิงซิ่วแค่นเสียงเขาแสดงสีหน้าเหยียดหยาม

“เสี่ยวซิ่วซิ่วในเมื่อเจ้าพูดแบบนั้น ข้าจะพิจารณาปรับสิทธิ์ของเจ้า”  ถังเทียนพูดอย่างสบายใจ

“เกี่ยวอะไรด้วย? จะหาเรื่องทะเลาะใช่ไหม?” หลิงซิ่วถลึงตาใส่เขา

เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนเตรียมหาเรื่องทะเลาะกัน เขาเตือนทันที  “แล้วเราควรจะตั้งชื่อว่าอะไร?”

ถังเทียนชูมือเสนอทันที  “แน่นอนสนามพลังถัง!”

หลิงซิ่วโมโหทันที “มาสู้กันเดี๋ยวนี้เลยดีกว่า!”

อาเฮ่อเลิกคิ้ว  “ข้าคัดค้านชื่อนั้น”

จิ่งหาวหัวเราะ “ข้าคิดว่าเนื่องจากเราสร้างมันจากสภาพกายพลังเป็นศูนย์  มันจึงควรเรียกว่าสนามพลังศูนย์”

ความเห็นของถังเทียนตกไปดื้อๆและข้อเสนอของจิ่งหาวได้รับฉันทานุมัติจากสมาชิกอื่นท่วมท้น

ในอวกาศ แนวคิดของเวลาและพื้นที่จะค่อยๆ คลุมเครือ

พวกเขาคิดว่าพวกเขาอยู่ใกล้กับทะเลหินแต่ไม่คาดเลยว่าพวกเขาจะลอยอย่างนั้นเป็นเวลาหกวันเต็มจึงค่อยเข้าใกล้ขอบกลุ่มหิน ในอวกาศไม่มีอากาศ และไม่มีแรงต้านในการบินดังนั้นพวกเขาจึงไปได้เร็วมากถึงขนาดที่พวกเขาไม่คิดเลยว่าพวกเขาสามารถบินได้เร็วขนาดนั้นมาก่อน  บินเป็นเวลาหกวันเต็มระยะทางโดยรวมไม่อาจคำนวณได้

หลังจากบินเข้าไปใกล้ ความกว้างใหญ่ของทะเลกลุ่มหินมากจนน่าตกใจ

ก้อนหินขนาดใหญ่ก็พอๆ กับภูเขา ขณะที่ก้อนเล็กที่สุดเท่ากับเม็ดถั่วพวกมันลอยเงียบอยู่ในอวกาศ เหมือนกับแนวป้องกันขนาดยักษ์ขัดขวางเส้นทางของพวกเขา

“ทุกคน, ระวังให้ดี!”  จิ่งหาวเตือน

หลังจากบินมาเป็นเวลาหกวัน ทั้งสี่คนรู้สึกเหนื่อยอยู่บ้าง  พวกเขาทุกคนดึงหินดวงดาวออกมาเติมพลังให้กับตนเอง วิธีการเติมพลังของพวกเขาแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง  ตราบใดที่พวกเขาทำลายหินดวงดาวพลังงานที่ลอยอยู่รอบๆ จะถูกดูดซับผ่านพื้นที่ระหว่างคิ้วของพวกเขาและตรงเข้าไปในสนามพลังวิญญาณ

เทียบกับเซียนทั่วไปที่ใช้การดูดซับผ่านเส้นชีพจรแล้ววิธีนี้มีประสิทธิภาพมากกว่า

ในเวลาอันรวดเร็ว ทั้งสี่คนฟื้นฟูพลังพร้อมเต็มที่  ใครจะรู้ว่าข้างหน้ามีอันตรายอะไรรออยู่

ดวงตาเซกซ์แทนลอยผ่านทะเลหิน ขณะที่ทั้งสี่คนเหาะไล่ตามด้านหลัง พวกเขาเหาะพร้อมกันไม่มีความลังเลใจแม้แต่น้อย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด