ตอนที่แล้วบทที่ 48: ผู้บุกเบิกการเก็บลูกท้อ ผู้ว่าการมณฑลหลิว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 50: เร็วเข้าและยอมจำนน

บทที่ 49: ด้วยความยินดี ความไร้ยางอายคืออะไร?


บทที่ 49: ด้วยความยินดี ความไร้ยางอายคืออะไร?

ห้องรับแขกของที่พักผู้ว่าการนั้นค่อนข้างงดงาม และอุปกรณ์ทั้งหมดก็ถูกสร้างขึ้นมาจากไม้คุณภาพสูง

ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณผู้ว่าการมณฑลคนก่อนๆ

ท้ายที่สุดแล้ว พวกผู้ว่าการมณฑลคนก่อนๆ นั้นก็มักจะมุ่งอยู่แต่กับการหาเงิน ดังนั้นแขกที่พวกเขาจะต้องต้อนรับส่วนใหญ่นั้นโดยพื้นฐานแล้วจึงเป็นบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเลื่อนตำแหน่งและความมั่งคั่งของพวกเขา

และโดยธรรมชาติแล้ว พวกเขาก็จะต้องปฏิบัติต่ออีกฝ่ายเป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม สำหรับซุยเฮ็งแล้ว มันก็เป็นเพียงห้องรับแขกธรรมดาๆ

ซูไป่ลู่นั่งอยู่เงียบๆ บนเก้าอี้ในห้องรับแขก ดวงตาของเธอปิดอยู่ขณะที่เธอรอการมาถึงของซุยเฮ็ง

แม้ว่าการแสดงออกของเธอจะดูสงบมากบนพื้นผิว แต่ยอดเขาที่อยู่เบื้องหน้าของเธอก็ขยายใหญ่ขึ้นและลงเป็นครั้งคราว

เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้สงบภายใน!

เอี๊ยด!

ประตูห้องรับแขกเปิดออก

ซูไป่ลู่ลืมตาขึ้นในทันทีและยืนขึ้น เธอโค้งคำนับและกล่าวด้วยความเคารพ “คารวะท่านผู้ว่าการ”

“นั่งลงเถอะ” ซุยเฮ็งโบกมือและนั่งด้านตรงข้ามกับซูไป่ลู่ เขามองอีกฝ่ายครู่หนึ่งแล้วจึงยิ้มขึ้น “สหายซู ทำไมเจ้าถึงมาหาข้าล่ะ?”

นักพรตหญิงที่อยู่เบื้องหน้าเขาเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดที่เขาเคยพบเจอมาตั้งแต่เขาหลุดเข้ามาในโลกใบนี้

มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะเรียกเธอว่าสาวงามจากสวรรค์

ใบหน้าและรูปร่างของเธอนั้นไร้ที่ติ

ยิ่งไปกว่านั้น นิสัยเย็นชาไม่สนโลกของเธอก็ยังช่วยเพิ่มเสน่ห์ที่แตกต่างให้กับเธอ

มันยากที่จะอธิบาย

“ข้าขอถามก่อนได้ไหมว่าท่านผู้ว่าการเป็นยอดฝีมือขอบเขตเทพใช่รึเปล่า?” ซูไป่ลู่ถามตรงเข้าประเด็นในทันที

“ขอบเขตเทพ? เจ้าหมายถึงอะไร?” ซุยเฮ็งถามกลับแทนที่จะตอบ

ซูไป่ลู่จ้องมองไปที่ซุยเฮ็งและพูดว่า “ขอบเขตสัมผัสโลกาก็คือจุดสูงสุด การไปถึงขอบเขตสัมผัสโลกาได้ก็เป็นเหมือนกับการได้สัมผัสกับทั้งจักรวาล และเมื่อเราปลุกสมบัติเทวะในร่างกายของเราขึ้นมาเมื่อไหร่ พวกเราก็จะมีพลังที่ศักดิ์สิทธิ์จนไม่น่าเชื่อ”

“ถ้าอย่างนั้นข้าก็คงจะอยู่ในขอบเขตเทพแล้วล่ะ” ซุยเฮ็งกล่าวตามความเป็นจริง

อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้อธิบายความแตกต่าง

“ท่านผู้สมบูรณ์ โปรดอภัยในความหยาบคายของข้าด้วย” ทันใดนั้นซูไป่ลู่ก็ถอยหลังกลับหนึ่งก้าวและก้มหัวคำนับอีกครั้ง

ในตอนที่เธอเฝ้ากำแพงเมืองก่อนหน้านี้ เธอก็ยังคงมีท่าทีเย็นชา

แต่ในขณะนี้ เธอก็เปลี่ยนมามีความเคารพเหมือนกับนักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่

“ผู้สมบูรณ์?” ซุยเฮ็งยิ้มและพยักหน้าเล็กน้อย “จะเรียกข้าแบบนั้นก็ได้”

ในตอนที่เขาอยู่ในพื้นที่มิติสำหรับผู้เริ่มต้น เขาก็ได้เรียนรู้จากเป่ยฉิงซูและหลี่หมิงเฉียงแล้วว่าขอบเขตเทพนั้นเป็นจุดสูงสุดของ 12 ขั้นของโลกมนุษย์

ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นจุดสิ้นสุดของมนุษย์ และใครก็ตามที่สามารถไปถึงขอบเขตนี้ได้ก็มักจะได้รับตำแหน่งอันทรงเกียรติ

ตัวอย่างเช่น ผู้สมบูรณ์ ปรมาจารย์สวรรค์ ผู้วิเศษ และอื่นๆ

“ข้าไม่คาดคิดเลยว่าขอบเขตเทพจะมีอยู่จริงบนโลกนี้”

ซูไป่ลู่มองไปที่ซุยเฮ็งด้วยสายตาที่ซับซ้อน มีความอิจฉาในความประหลาดใจของเธอ “ข้าคิดมาเสมอว่าขอบเขตเทพนั้นเป็นเพียงตำนาน”

“เจ้าไม่เคยเห็นใครที่อยู่เหนือกว่าขอบเขตสัมผัสโลกามาก่อนอย่างงั้นหรอ?” ซุยเฮ็งยิ้ม

“ท่านจะต้องล้อข้าเล่นแน่ๆ จอมยุทธ์ขอบเขตสัมผัสโลกานั้นถือเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดแล้ว และขอบเขตเทพก็เป็นเพียงแค่ตำนานโดยเสมอมา” ซูเป่ยลู่ส่ายหัวของเธอเบาๆ และถอนหายใจ “ข้าไม่เคยคิดเลยว่ามันจะมีจอมยุทธ์ขอบเขตเทพอยู่จริงๆ บนโลกใบนี้…”

เมื่อมาถึงจุดนี้ เธอก็หยุดชั่วครู่และมองไปที่ซุยเฮ็ง เธอหายใจเข้าลึกๆ และพูดว่า “ท่านผู้สมบูรณ์ ท่านพอจะช่วยให้ข้าได้สัมผัสถึงพลังของขอบเขตเทพทีจะได้ไหม?”

“หืม?” ซุยเฮ็งเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

ภายใต้การรับรู้ของแก่นแท้ทองคำของเขา ร่างของซูไป่ลู่ก็เปล่งประกายด้วยแสงสีเหลืองอ่อน

นี่คือประกายแสงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดที่เป็นตัวแทนของ “ความปรารถนา”

และมันก็เป็นความปรารถนาที่กำลังมุ่งเป้ามาที่เขา

แน่นอนว่ามันไม่ได้เกิดจากความหลงใหล

แต่มันเกิดจากความอยากรู้อยากเห็น

มันมีความปรารถนาหลายรูปแบบ ทั้งความรัก ตัณหา ความอยากรู้อยากเห็นและอื่นๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความโลภในรูปแบบต่างๆ

ตามทฤษฎีแล้ว มันก็กว้างใหญ่มาก

อย่างไรก็ตาม การจะรวบรวมพวกมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

ในช่วงเวลานี้ ซุยเฮ็งก็ได้รวบรวมอารมณ์ทั้งเจ็ดของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดและตระหนักได้ว่าการรวบรวมอารมณ์ทั้งเจ็ดนั้นเป็นดั่งอนันต์ที่มิอาจจะสรุปค่าได้

ถึงแม้จะมีสุข แต่ทุกข์ก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้

ความโกรธ ความกลัว ความรัก ความเกลียดชังและความปรารถนานั้นแตกต่างกัน

อารมณ์ต้องเกิดมาก่อน เขาถึงจะสามารถรวบรวมมันได้

ก่อนหน้านี้ ในตอนที่เขาช่วยเหลือผู้ลี้ภัย ซุยเฮ็งก็พยายามรวบรวมอารมณ์ความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ ถึงกระนั้นมันก็ไม่ประสบความสำเร็จ เขาสามารถรวบรวมมาได้เพียงอารมณ์ความสิ้นหวังเท่านั้น

อันที่จริง เขาก็ยังต้องการจะลองไปที่บ่อนพนันหรือซ่องโสเภณีด้วย

อย่างไรก็ตาม คนของมณฑลจูเหอก็ถูกเอารัดเอาเปรียบโดยตระกูลหวงมานาน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีเงินมากพอจะเอาไปใช้จ่ายกับสิ่งของและบริการเหล่านี้

และสำหรับตระกูลหวงกับผู้ว่าการมณฑลคนก่อนๆ พวกเขาก็ไม่จำเป็นจะต้องไปยังสถานที่ดังกล่าว

ดังนั้นแล้วเมื่อปราศจากการบริโภค ตลาดจึงย่อมไม่โต

ด้วยเหตุนี้เอง มณฑลจูเหอจึงไม่มีบ่อนหรือซ่องโสเภณี

ในเวลานี้ ความปราณนาในความรู้ที่ซูไป่ลู่กำลังรู้สึกอยู่ก็เป็นอารมณ์ที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาเคยได้รวบรวมมา

ทันใดนั้น แสงสีเหลืองที่เป็นสัญลักษณ์ของความปรารถนาก็เพิ่มขึ้น 30%

มันเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดด!

ซุยเฮ็งอารมณ์ดีมาก เขาถามด้วยรอยยิ้ม “แล้วเจ้าอยากจะสัมผัสมันยังไงล่ะ?”

“ขอบคุณ ท่านผู้สมบูรณ์!” ซูไป่ลู่รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งและรีบพูดว่า “ข้าได้ยินมาว่าผู้คนในขอบเขตเทพนั้นมีพลังอันศักดิ์สิทธทิ์และมีพลังที่น่าเหลือเชื่อ เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้สมบูรณ์ ท่านช่วยใช้พลังอันศักดิ์สิทธิ์ของท่านแทรกเข้ามาในร่างกายของข้าจะได้หรือไม่?”

ขณะที่เธอพูดจบ เธอก็สัมผัสได้ทันทีว่ามันมีบางอย่างผิดปกติ แต่มันก็เป็นการยากที่จะอธิบาย

“ไม่จำเป็นต้องเข้าไปในร่างกายของเจ้าหรอก” ซุยเฮ็งระงับเสียงหัวเราะของเขาและพูดว่า “เมื่อเร็วๆ นี้ข้าได้คิดค้นลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ ที่สามารถทำให้เจ้าสัมผัสถึงมันได้ขึ้นมา”

ขณะที่เขาพูด เขาก็ยกมือขวาขึ้น จากนั้นเขาก็ชี้นิ้วชี้ไปที่ซูไป่ลู่

ในฐานะปรมาจารย์ขอบเขตประตูลึกล้ำ ซูไป่ลู่ก็สัมผัสได้ว่าปราณสวรรค์และปฐพีรอบตัวเธอดูเหมือนจะกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร

และในช่วงเวลาต่อมา เธอก็ตระหนักได้ถึงความผิดปกติ

เธอขยับไม่ได้!

ราวกับว่าเธอถูกโจมตีโดยเคล็ดวิชาที่ทำให้เคลื่อนไหวไม่ได้และไม่สามารถขยับได้เลย!

พลังปราณในร่างกายของเธอยังคงไหลเวียนอยู่ และความคิดของเธอก็ยังคงเป็นปกติดี เธอสามารถกะพริบตาได้ แต่ร่างกายของเธอก็กลับไม่สามารถขยับได้เลยแม้แต่นิดเดียว

เธอไม่สามารถขยับนิ้วได้ด้วยซ้ำ!

“เจ้ารู้สึกยังไงบ้าง?” ซุยเฮ็งหัวเราะเบาๆ

ในเวลาเดียวกัน เขาก็ดีดนิ้วและคลายพลัง

นี่คือการใช้พลังแห่งแก่นแท้ของน้ำเพื่อควบคุมเลือดภายในร่างกายมนุษย์ จากนั้นเขาก็ควบคุมพลังปราณและเลือดในร่างกายของอีกฝ่ายเพื่อปิดผนึกจุดฝังเข็มและล็อคข้อต่อต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายของอีกฝ่ายเคลื่อนไหว

โดยธรรมชาติแล้ว มันก็ให้ผลคล้ายกับศาสตร์การสกัดจุด

“พลังอันศักดิ์สิทธิ์นี้ช่างน่าสะพรึงกลัวจริงๆ ข้าไม่อยากจะสัมผัสกับมันอีกแล้ว” หลังจากที่ซูไป่ลู่สามารถกลับมาควบคุมร่างกายของเธอได้อีกครั้ง เธอก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก ความรู้สึกเมื่อกี้นี้มันน่ากลัวเกินไป

อย่างไรก็ตาม หลังจากสงบลงแล้วเล็กน้อย เธอก็ยังคงแสดงความขอบคุณต่อซุยเฮ็งด้วยความเคารพ “ขอบคุณสำหรับความรู้ของท่าน ข้าจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อตอบแทนท่านในอนาคต”

ซุยเฮ็งไม่ได้สนใจเรื่องนี้และยิ้ม “ด้วยความยินดี”

ในสำนักงานเทศมณฑลของมณฑลลู่

ในขณะที่หลิวหลี่เต๋ากำลังคิดว่าเขาจะทำอะไรดีหลังจากได้กลายเป็นผู้ว่าการรัฐ จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงโครมครามเมื่อประตูถูกผลักเปิดออก

นายทหารที่มีร่างกำยำในชุดเกราะเดินเข้ามาพร้อมกับออร่าที่ดุดัน

“เฉินตง เจ้ากำลังทำอะไรน่ะ!” หลิวหลี่เต๋าทุบโต๊ะและลุกขึ้นยืน

แม้ว่าเขาจะขี้ขลาดและกลัวความตาย แต่นั่นก็คือตอนที่เขาจะต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มกบฏ เพราะฉะนั้นแล้ว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนที่ไม่สามารถฆ่าเขาได้ เขาจึงไม่มีความกลัวเลยแม้แต่น้อย

“ผู้ว่าการหลิว ข้าได้ยินมาว่าเจ้าได้ส่งคนไปที่มณฑลจูเหอหรอ?” เฉินตงไม่ได้สนใจคำถามของหลิวหลี่เต๋าและเยาะเย้ย “เจ้าดูรีบมากเลยนะ เป็นไปได้ไหมว่าเจ้าจะต้องการเด็ดลูกท้อและรับเอาความสำเร็จนั้นมาเป็นของตัวเอง?”

“…” หลิวหลี่เต๋าเงียบไปครู่หนึ่งหลังจากที่ความต้องการของเขาถูกเปิดเผย เขาตัดสินใจที่จะไม่เสแสร้งอีกต่อไปและพยักหน้า “ถูกต้อง ข้าคนนี้ต้องการจะเด็ดลูกท้อ ดังนั้นข้าจึงส่งคนออกไปที่มณฑลจูเหอ”

“หลิวหลี่เต๋า เจ้านี่มันโง่จริงๆ หรือว่าแสร้งทำเป็นโง่กันแน่? หรือว่าเจ้าจะตาบอดเพราะอยากได้ความดีความชอบจนหน้ามืดตามัวกัน?” เฉินตงกัดฟันและขึ้นเสียงตะโกน “เจ้าไม่เห็นรายงานที่ข้าส่งให้เจ้าหรอ? มันเขียนว่าอะไร!”

“กลุ่มโจรหยานมีกองทัพ 50,000 นาย และทหารทั้งหมด 50,000 นายนั้นก็ถูกสังหารลงในมณฑลจูเหอ คนโรคจิตทรงพลังประเภทไหนกันที่จะสามารถทำเช่นนั้นได้? แบบนั้นแล้วเจ้ายังคิดว่าเจ้าจะยังสามารถควบคุมมันได้อยู่อีกหรอ?”

“เฉินตง ลดเสียงลงหน่อยได้ไหม” หลิวหลี่เต๋าไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด เขานั่งเอนหลังอย่างสบายๆ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ ข้าได้วางแผนเอาไว้แล้วสำหรับสิ่งที่เจ้าพูดมาทั้งหมด

“มันเป็นความจริงที่ข้าต้องการจะเด็ดลูกท้อนั่น แต่ก่อนที่ข้าจะเด็ดมัน ข้าก็ย่อมต้องให้คนไปทดสอบดูก่อนว่าข้าจะสามารถเด็ดลูกท้อนี้ได้จริงหรือไม่ ท้ายที่สุดแล้ว มันก็ไร้สาระจะตายที่กองทัพ 50,000 นายจะพ่ายแพ้ให้กับมณฑลเล็กๆ แบบนั้น”

“แล้วถ้ารายงานเป็นเรื่องจริงล่ะ?” เฉินตงถามขณะขมวดคิ้ว

“หากรายงานเป็นเรื่องจริง พวกเราก็จะตรวจสอบความจริงของมณฑลจูเหอ” หลิวหลี่เต๋าหัวเราะเล็กน้อย “ซึ่งถ้าหากมันเป็นอย่างที่เจ้ารายงานมาจริง นี่ก็คือความสำเร็จที่ได้มาจากการโชคช่วย ความแข็งแกร่งของมณฑลจูเหอนั้นไม่คุ้มค่าที่จะกล่าวถึงเลย และลูกท้อลูกนี้ก็จะต้องถูกข้าคนนี้เด็ดอย่างแน่นอน มันจะต้องถูกเด็ด มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะไม่ยอมเด็ดมัน!”

“แล้วถ้ามันไม่ใช่โชคช่วยล่ะ?” เฉินตงถามอีกครั้ง

“นั่นยังไม่ชัดเจนอีกหรอ?” รอยยิ้มบนใบหน้าของหลิวหลี่เต๋าฉีกกว้างขึ้น เขายืนขึ้นและเดินไปที่ด้านข้างของเฉินตง เขาตบไหล่อีกฝ่ายและพูดด้วยรอยยิ้ม

“หากผู้ว่าการมณฑลจูเหอสามารถทำลายกองทัพที่แข็งแกร่งกว่า 50,000 นายได้ด้วยตัวเองจริงๆ เขาก็จะเป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างไม่มีใครเทียบได้ในโลกใบนี้ มันจะไม่มีใครในโลกใบนี้อีกแล้วที่จะแข็งแกร่งไปยิ่งกว่าเขา!”

“นอกจากนี้ ข้าจะไปที่มณฑลจูเหอเป็นการส่วนตัวและมอบตราประจำตัวอย่างเป็นทางการของผู้ว่าการมณฑลลู่ให้กับเขาด้วยมือทั้งสองข้างของข้าเอง ข้าจะต้อนรับเขาเข้าสู่มณฑลลู่ในฐานะผู้ว่าการมณฑล และข้าก็จะยอมไปเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา”

“อย่าจ้องมาที่ข้าและมองข้าแบบนั้น เฉินตง คิดให้ดีสิ ทำไมข้าถึงทำงานหนักเพื่อไต่เต้า, ยึดอำนาจ และคุมกองทัพ?”

“ทั้งหมดนั่นไม่ใช่เพียงเพื่อปกป้องตัวเองในโลกที่แสนจะวุ่นวายใบนี้หรอ? ไม่ใช่แค่เพื่อจะมีชีวิตที่มั่นคงขึ้นเท่านั้นหรอ? ถ้าข้าได้เจอกับคนที่แข็งแกร่งเช่นนั้นจริงๆ แบบนั้นแล้วข้าจะไปเปลืองแรงต่อต้านเขาทำไม? ข้าจะต้องโผไปกอดต้นขาของเขาแน่นอนอยู่แล้ว!”

เฉินตงตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขาเปิดปากและอยากจะพูดอะไรบางอย่าง

อย่างไรก็ตาม เขาก็ตระหนักได้ว่าสิ่งที่หลิวหลี่เต๋าพูดนั้นมีเหตุผล

หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ได้แต่กัดฟันและไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “เจ้านี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด