ตอนที่แล้วตอนที่ 342 อยากรอดไหม(ตอนฟรีปีใหม่)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 344 เงื่อนไขสำหรับการบ่มเพาะ

ตอนที่ 343 กายแห่งโชคชะตา(ตอนฟรีปีใหม่)


**ตอนนี้จะใช้เธอ นางสลับกันนะครับ ส่วนความคิดของพวกข้ามโลกจะใช้เป็นเธอ ส่วนของพวกพระเอกใช้เป็นนาง รอช่วงปรับตัวใช้ภาษาของโลกนี้กันหมดถึงเปลี่ยนเป็นข้า นาง**

ในคุกใต้ดิน แสงนั้นสลัว อากาศชื้น มันเต็มไปด้วยกลิ่นเน่าเหม็น

อารมณ์สิ้นหวังและกลัวเติมเต็มอากาศ ทำให้ทุกคนสั่นกลัว

สีหน้าของทุกคน รวมถึงเจียงเฉินกับหนิวเทียนดูซีดเซียวตอนกู่ฉางเกอเข้ามา

ต่อมา พวกเขาก็ค่อยๆสงบลงและพร้อมดูว่าสถานการณ์จะเป็นไปในทางไหน

แม้พวกเขาจะพอเดาได้ว่าชายชุดขาวด้านหน้าพวกเขามีตัวตนพิเศษและน่ากลัวยิ่งกว่าราชินีชุดดำ

แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกว่าเขาไม่น่าจะเป็นคนเลว เหนือสิ่งอื่นใด บรรยากาศรอบตัวของเขาช่างอบอุ่น

ทั้งตัวของเขาดูเหมือนจะเปล่งแสงประดุจดาว ยังมีแสงอ่อนๆจากเส้นผมเขาที่ทำให้เขาดูเหมือนเทพหนุ่ม

มันยากจะรู้สึกแย่เพราะความประทับใจแรกที่เขามอบให้

แต่ตอนพวกเขาได้ยินกู่ฉางเกอถามพวกเขา ทุกคนก็ตกตะลึงและไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเขาพูดอะไร

มีแค่เจียงเฉินที่จู่ๆก็รู้สึกไม่สบายใจ

โดยเฉพาะตอนชายชุดขาวถามเซียวรั่วหยินแทนที่จะเป็นพวกเขา เขาก็รู้สึกว่าไม่ถูก

มันไม่ใช่ว่าเขาคิดว่าชายชุดขาวมีความคิดชั่วร้ายกับเซียวรั่วหยิน

เหนือสิ่งอื่นใด ตัดสินจากพฤติกรรมของอีกฝ่าย สายตาของเขาตั้งแต่ต้นจนจบเหมือนกำลังก้มมองมดจากท้องฟ้า

แม้เสียวรัวหยินจะสวย แต่ต่อหน้าหญิงชุดดำ เธอดูด้อยไป

แต่เจียงเฉินรู้สึกว่าเสียวรัวหยินผิดปกติมาก ตัดสินจากคพูดกับสีหน้าของเธอแล้ว

เธอดูเหมือนจะรู้ถึงสถานการณ์นี้มานานแล้ว เธอจึงยอมรับได้เร็ว

ตัดสินจากใบหน้าที่ซีดเล็กน้อยของเธอ หัวใจของเจียงเฉินพลันดำดิ่ง รู้สึกว่าสถานการณ์แย่มาก

เซียวรั่วหยินดูเหมือนจะเข้าใจที่อีกฝ่ายพูด ชายชุดขาวด้านหน้าเขาดูเหมือนจะรู้ตั้งแต่แวบแรกที่เข้ามา

และพอเขาได้ยินเซียวรั่วหยินพูดภาษาแปลกๆออกมา เจียงเฉินก็เข้าใจทันที

เซียวรั่วหยินดูเหมือนจะรู้เกี่ยวกับโลกประหลาดนี้มานานแล้วและไม่เคยเผยอะไรกับเขาเลย

นี่ทำให้เจียงเฉินรู้สึกเจ็บปวดใจ

“เธอเข้าใจภาษาของที่นี่?”

‘ก่อนหน้านี้ เธอไม่เคยบอกเรา เธอปิดบังอะไรไว้บ้าง?เธอคือคนที่ชวนเรามาสำรวจโบราณสถาน แต่กลับปิดบังอะไรหลายอย่างจากเราเนี่ยนะ…”

คนที่เหลือยกเว้นเจียงเฉินมองเซียวรั่วหยินด้วยความตกใจ ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้าง

ถ้าเธอบอกว่าเธอเรียนรู้มันในเวลาไม่กี่วัน พวกเขาจะตบปากเธอเองกับมือ

ใครจะเก่งขนาดเรียนรู้ภาษาต่างโลกได้ในไม่กี่วัน?

คำอธิบายเดียวคือเธอเข้าใจภาษาของโลกนี้อยู่ก่อนแล้ว

นี่ทำให้พวกเขาตกใจมาก ใบหน้าพวกเขาเปลี่ยนเป็นซับซ้อนและแค้นใจ

ทันใดนั้น พวกเขาก็รู้สึกว่าเทพธิดาที่มักเย็นชาและได้แต่มองจากระยะไกลกลายเป็นคนแปลกหน้ามากขึ้น

มันต้องรู้ว่ามีเพื่อนของพวกเขาหลายคนต้องมาตายที่นี่ ทำไมเซียวรั่วหยินถึงไม่อธิบายแต่แรก?

“อาเฉิน นาย…”

หนิวเทียนพูดด้วยเสียงต่ำ มองเจียงเฉินด้วยใบหน้าเป็นห่วง เขารู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเจียงเฉินกับเซียวรั่วหยิน

“ฉันไม่เป็นอะไร’

เจียงเฉินโบนมือ แม้เขาจะไม่อาจปกปิดความตกใจบนหน้าได้ แต่เขาก็สงบอารมณ์ลงได้เร็ว

เขามองเซียวรั่วหยินและอยากถามเธอว่าชายชุดขาวพูดอะไร

แต่เซียวรั่วหยินไม่เหลือบมองเขาเลย

ชายชุดขาวด้านหน้าเธอไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดบนสีหน้า คิ้วกับดวงตาของเขาเย็นชา เหมือนทุกอย่างในโลกนี้เป็นเพียงควันและฝุ่นในสายตาเขา

เจียงเฉินไม่เข้าใจบทสนทนาระหว่างทั้งสอง แต่ตัดสินจากสีหน้าของเธอ มันเห็นได้ชัดว่าเธอกลัว

หลังจากมาถึงโลกประหลาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงว่าเซียวรั่วหยินนั้นเป็นแค่ผู้หญิง แต่ให้เป็นผู้ชาย มันก็ยังกลัว

แค่ว่าเธอไม่แสดงมันออกมาบนใบหน้า ความรู้สึกไร้อำนาจนี้ทำให้คนกำหมัดแน่น

“ดีที่เจ้าได้ยินว่าข้าพูดอะไร”

ตอนเจียงเฉินกับคนอื่นกำลังคิดอย่างบ้าคลั่ง กู่ฉางเกอก็พูดขึ้นอีกครั้ง พอเห็นเซียวรั่วหยินยอมรับมัน เขาก็อดยิ้มอ่อนไม่ได้ ซึ่งดูอ่อนโยนและน่ามองมาก

การเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าอย่างฉับพลันนี้ทำให้ทุกคนเหมือนถูกสายลมแผ่วเบาพัดผ่าน

ราวกับสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของเขา เซียวรั่วหยินสงบลงเล็กน้อยและแหงนมองเขา แต่ก็ยังระแวง

เธอไม่รู้ว่าทำไมกู่ฉางเกอถึงยืนยันได้ว่าเธอเข้าใจภาษาของพวกเขา

ในแผนเดิมของเธอ เธอต้องเรียนรู้ข้อมูลเกี่ยวกับโลกนี้ก่อน แล้วค่อยหาทางหลบหนี

สิ่งที่เธอกำลังจะบอกเจียงเฉินคือแผนนี้แหละ แต่ถูกขัดด้วยการมาถึงของกู่ฉางเกอซะก่อน

ต่อหน้ากู่ฉางเกอ เธอรู้สึกถึงความกลัวแบบที่พูดไม่ได้

เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้พิเศษประดุจเทพเซียน แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกใจสั่นกลัว?

“มากับข้า ข้ามีเรื่องอยากถามเจ้า”

ด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก เขามองเซียวรั่วหยินและพูดอีกครั้ง คำพูดของเขาเรียบง่าย เมินพวกเจียงเฉินอย่างสมบูรณ์

พอได้ยินแบบนี้ เซียวรั่วหยินก็ตกตะลึง มองเขาอย่างไม่สบายใจ

สุดท้าย เธอก็กัดฟัน ไม่กล้าปฏิเสธ ยืนขึ้นและก้มหัว เผยความรู้สึกโดดเดี่ยวและสิ้นหวัง

ในความคิดของเธอ ถ้ากู่ฉางเกอมีเรื่องอยากถามเธอ มันต้องไม่ใช่เรื่องดี

ตอนแรก เพื่อนของเธอหลายคนตายเพราะถูกพาตัวมาก

ก่อนการสำรวจ เธอไม่ได้คิดถึงผลลัพธ์เช่นนี้เลยจริงๆ ไม่งั้น เธอคงไม่ประมาท

เซียวรั่วหยินรู้สึกท้อใจ เหนือสิ่งอื่นใด ไม่ว่าเธอจะสงบแค่ไหน เธอก็ยังเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆ

แม้กระทั่งปืนพลังงานของเธอก็ยังถูกอีกฝ่ายริบไป

“รัวหยิน เขาพูดอะไรกับเธอ?”

พอเห็นกู่ฉางเกอกำลังจะเดินออกไปกับเธอ พวกเจียงเฉินก็รีบถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

“รัวหยิน เกิดอะไรขึ้น?”

โดยเฉพาะเจียงเฉิน ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสีขณะที่เขากำหมัดแน่น เขามักรู้สึกว่าเซียวรั่วหยินดูเหมือนจะรู้ว่าเธอต้องเผชิญหน้ากับอะไร

แต่เขาไม่สามารถเข้าใจภาษาที่นี่ได้ ความรู้สึกนี้เหมือนมีแมวมาข่วนหัวใจเขาเล่น

“เจียงเฉิน…”

เซียวรั่วหยินหันมามองเขา ใบหน้าของเธอเศร้าหมอง

พอเห็นใบหน้าสิ้นหวังของนาง เจียงเฉินก็แทบระเบิด ความโกรธและไม่เต็มใจพุ่งขึ้นสมองของเขา ทำให้ตาของเขาเริ่มแดง เขาอดดีดตัวขึ้นไม่ได้ ดวงตาจับจ้องกู่ฉางเกออย่างเกลียดชัง

“ถ้าแกอยากถามอะไร ก็ถามฉัน ปล่อยรัวหยินไป”

เขาคำราม และตอนทุกคนหดหัวอยู่กับที่ไม่กล้ายืนขึ้นเพื่อเซียวรั่วหยิน เขากลับยืน

“อาเฉิน ใจเย็น อย่าบุ่มบ่าม!”

หนิวเทียนหน้าซีดและรีบคว้าเจียงเฉิน

เวลาเช่นนี้ การยั่วโมโหชายชุดขาวเท่ากับการเร่งเวลาตายของพวกเขา

มันเป็นไปได้ด้วยหรือที่เขาจะไม่รู้ความแตกต่างระหว่างเขากับอีกฝ่าย?มันคาดว่าแค่อีกฝ่ายหายใจวิญญาณพวกเขาก็คงสลายแล้ว

แถม รัวหยินยังเข้าใจคำพูดของอีกฝ่ายได้ แต่พวกเขาไม่เข้าใจ ใครจะไปรู้ว่าชายชุดขาวพูดอะไรกับเซียวรั่วหยิน?

“เจียงเฉิน”

เซียวรั่วหยินมองเจียงเฉิน

แต่จากนั้นเธอก็คิดถึงบางสิ่งและกัดฟัน ใบหน้ากลายเป็นมุ่งมั่น “นายไม่ต้องห่วงฉัน แต่นายต้องรอด”

“รั่วหยิน!”

พอได้ยินแบบนี้ ตาของเจียงเฉินก็ยิ่งแดง เขาโกรธมาก เขารู้สึกถึงความหดหู่ของเธอ

แต่ ตอนนี้ คนอื่นได้แต่ถอนหายใจ

พวกเขาไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับการห่วงผู้อื่น

ในความคิดของพวกเขา เจียงเฉินบุ่มบ่ามไป

“หือ”

กู่ฉางเกอขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูไม่พอใจ

ทันใดนั้น ทุกคนก็รู้สึกหายใจไม่ออกเหมือนท้องฟ้าถล่ม อากาศใกล้ตัวพวกเขาดูเหมือนจะเต็มไปด้วยน้ำ ทำให้ผิวของพวกเขาเริ่มปริแตก

ลำคอของทุกคนถูกบีบแน่น

“อึก…”

เจียงเฉินคือคนแรกที่ต้องทนรับ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นซีด ทั้งตัวเหมือนจมน้ำ เขากำลังขาดอากาศ

ภายใต้แรงกดดันน่ากลัวนี้ เขาไม่สามารถทนได้เลย ขาของเขาอ่อนแรง และคุกเข่าลงกับพื้นเสียงดังตุบ

ตัวของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาไม่สามารถขยับตัวได้อีก

ตอนนี้ ผิวหนัง กระดูก และอวัยวะภายในของเขาถูกบดขยี้หมด มันส่งเสียงลั่นขณะที่เขากระอักเลือดออกมา

ดวงตาของเขาแดงก่ำ และเขาก็ไม่สามารถลืมพวกมันได้

ทุกคนมองฉากนี้ด้วยความกลัว

“เจียงเฉิน”

เซียวรั่วหยินหน้าซีด และร้องอุทาน เธอกังวลมาก แต่ภายใต้การกดดันของกู่ฉางเกอ เธอไม่กล้าขยับ

“ข้าไม่ใช่คนใจเย็น”กู่ฉางเกอพูด

“อาเฉิน…”

หนิวเทียนมองกู่ฉางเกออย่างหวาดกลัว

ทั้งตัวของเขาเหมือนถูกอสูรร้ายจับจ้องจนทำให้วิญญาณสั่นสะท้าน

แต่กู่ฉางเกอไม่สนใจพวกเขามาก สายตาของเขายังราบเรียบ และเดินออกคุกใต้ดินไป

ใบหน้าของเซียวรั่วหยินซีด เธอมองเจียงเฉินอย่างเป็นห่วง แต่ไม่กล้าหยุดและรีบตามเขาไป

เธอไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของการเดินทางครั้งนี้จะเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะทนทุกข์หรือตาย เธอเต็มไปด้วยความวิตกและสิ้นหวัง

“รั่วหยิน…”

พอเห็นฉากนี้ เจียงเฉินก็แทบคลั่ง เขายื่นมือออกไปพยายามจะคว้าเธอ แต่ก็ไร้อำนาจ

ทันใดนั้น ทุกอย่างก็ดำสนิท เขาหมดสติไป

เสียงอุทานของพวกหนิวเทียนดังขึ้นข้างหูเขา

“นายท่าน แล้วคนเหล่านี้เล่า?”

เฮยหยานอวี่ตามหลังมา ปิดคุก เหลือบมองพวกเจียงเฉินและถาม

ในความคิดของนาง คนลึกลับพวกนี้ไม่ต่างจากมดต่อหน้ากู่ฉางเกอ

ถ้าไม่ใช่เพราะต้นกำเนิดลึกลับ นางคงไม่คิดชายตาแล

“เก็บพวกมันไว้ก่อน”

กู่ฉางเกอพูด เขายังสนใจในตัวคนเหล่านี้

ถ้าเขาไม่สนใจ เจียงเฉินคงตัวระเบิดไปแล้ว

นอกจากนี้ เขาพบว่าเจียงเฉินมีความผันผวนของโชค แต่มันยังอยู่ในช่วงที่ไม่เบ่งบาน

ถ้าเขาคาดเดาไม่ผิด เจียงเฉินควรจะเป็นบุตรฟ้าประทาน และก็ยังมีนิ้วทองคำที่ยังไม่ตื่น

ระบบไม่ได้พูดอะไร ดูเหมือนยังขาดกระบวนการ

มันแค่ว่าเทียบกับเซียวรั่วหยินแล้ว เจียงเฉินยังด้อยกว่ามาก แต่มันก็อาจมีประโยชน์ที่จะเก็บไว้

ในตัวเจียงเฉิน เซียวรั่วหยินและคนอื่น กู่ฉางเกอไม่พบอะไรที่เกี่ยวกับบทเรื่องของบุตรฟ้าประทานเลย

มันแค่ว่าค่าโชคบนตัวเซียวรั่วหยินสูงมาก ต่อให้จะไม่ใช่ธิดาแห่งโชค แต่ก็เป็นคนโชคดี

ตอนแรก กู่ฉางเกอคิดว่าบทเรื่องจะคล้ายกับการหวนคืนจากเก้าสวรรค์ แต่หลังเห็น เขาก็รู้ว่าเขาคิดมากไป

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเจียงเฉินไม่ได้มาจากดาวโลก กู่ฉางเกอมั่นใจ และนี่ก็ทำให้เขาผิดหวังเล็กน้อย

เซียวรั่วหยินที่เดินตามหลังทั้งสองเงียบๆฟังการสนทนานี้ ตัวของเธอสั่นเล็กน้อยและก็กลัว

แต่ตอนเธอได้ยินกู่ฉางเกอพูดถึงพวกเจียงเฉิน เธอก็ถอนหายใจโล่งอก

ความกลัวกับความวิตกก่อนหน้าสลายไปมาก เซียวรั่วหยินรู้สึกว่ากู่ฉางเกอดูเหมือนจะไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อเธอ เขาคงแค่อยากรู้

หลังออกคุก แสงแดดที่หายไปนานกับอากาศภายนอกก็ทำให้อารมณ์ของเซียวรั่วหยินผ่อนคลายขึ้นมาก เธอตามหลังกู่ฉางเกอไปเงียบๆ

เธอสามารถเห็นได้ว่าโลกกว้างใหญ่มาก ของทุกประเภทที่เธอไม่เคยกล้าคิดฝันปรากฏต่อหน้า

สิ่งมีชีวิตหน้าตาประหลาด ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่เปล่งแสง น้ำตาสีเงินที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า ผู้บ่มเพาะะที่โบยบิน…

ฉากทั้งหมดเหล่านี้ทำให้เซียวรั่วหยินสูดหายใจลึก อารมณ์ค่อยๆสงบลงด้วยเหตุผลบางอย่าง ราวกับเธอคือคนของที่นี่

ความรู้สึกนี้แปลกมาก

โลกนี้ดูเหมือนจะเหมาะสมกับเธอ

ไม่ช้า ในวังโอ่อ่า กู่ฉางเกอนั่งลง ดวงตาของเขาสงบ

เฮยหยานอวี่นำชามาให้กู่ฉางเกอและยืนข้างเขาอย่างเชื่อฟัง

แน่นอน การที่หญิงสาวชุดดำทำเช่นนี้เป็นข้อพิสูจน์ว่าชายชุดขาวพิเศษมาก

“เจ้าชื่ออะไร?”

กู่ฉางเกอลดสายตาและเป่าชา

เซียวรั่วหยินยืนตรงนั้น ไม่กล้าปกปิด และตอบ“เซียวรั่วหยิน เซียวที่แปลว่าซีด ไร้สี เยือกเย็น รั่วหยินเสียงของดนตรี”

นี่คือวิธีแนะนำตัวตามปกติของเธอ ก่อนหน้านั้น ผู้คนมักเรียกแซ่เซียวของเธอว่าเสี่ยว

“โอ้ เซียวรั่วหยิน?ชื่อดี”

กู่ฉางเกอพยักหน้า“ข้าอยากรู้เกี่ยวกับโลกที่เจ้าอาศัย”

ถ้าวิญญาณของคนกลุ่มนี้แข็งแกร่งขึ้น เขาจะสามารถค้นวิญญาณได้ตรงๆ ไม่จำเป็นต้องมาสอบถาม

เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขาคือคนจากยุคสมัยใหม่ และอารยธรรมก็เอนไปทางด้านวิทยาศาสตร์กับเทคโนโลยี ซึ่งนำไปสู่พลังวิญญาณที่อ่อนแอ ทำให้อ่อนแอกว่ามนุษย์ในอาณาจักรเบื้องบนมาก

พอได้ยินกู่ฉางเกอถาม รูม่านตาของเซียวรั่วหยินก็หดลง ไม่คิดว่าจู่ๆกู่ฉางเกอจะถามเช่นนี้

แทนที่จะถามว่ามาได้ยังไง หรือเธอพูดภาษาของโลกนี้ได้ไง

นี่ทำให้เธอแทบเสียหลัก

มันสามารถเห็นได้ว่ากู่ฉางเกอดูเหมือนจะรู้เกี่ยวกับต้นกำเนิดของพวกเธอ และไม่แปลกใจเลย

พอคิดได้แบบนี้ เซียวรั่วหยินก็รีบตั้งสติ

เธอรู้ว่ากู่ฉางเกอมีวิธีการจะรู้ได้ว่าเธอโกหกไหม เธอจึงไม่กล้าปิดบัง

“เราอาศัยบนดาวเคราะห์ฟ้าครามที่เรียกว่าดาวเคราะห์ดาวฟ้า ซึ่งแตกต่างจากที่นี่มาก อายุขัยของผู้คนสั้นมาก ไม่มีวิธีเช่นหล่อหลอมลมปราณ ต่อให้จะใช้วิทยาศาสตร์กับเทคโนโลยี แต่ก็มีน้อยคนที่จะอายุเกินร้อยปี…”

เธอไม่รู้ว่ากู่ฉางเกอเข้าใจคำพูดของเธอไหม

แต่กู่ฉางเกอไม่ขัดนาง

ขณะจิบชา เขาจ้องเธอด้วยความสนใจและดูเหมือนจะฟังอย่างตั้งใจ อยากรู้เกี่ยวกับโลกของเธอ

พอเห็นแบบนี้ เซียวรั่วหยินก็ผ่อนคลายขึ้นมาก

“นายท่าน นี่คืออาวุธที่ข้าพบจากนาง ข้าลองใช้ดูแล้ว มันไม่ได้ทรงพลังมาก มันยังยิงผิวของสัตว์อสูรไม่เข้าเลย แต่เจาะอสูรทั่วไปได้”

ครั้งนี้ มันดูเหมือนเฮยหยานอวี่จะนึกอะไรได้ นางรีบนำของออกจากแหวนและส่งให้กู่ฉางเกอ

หน้าตาแทบคล้ายกับปืนพกที่กู่ฉางเกอคุ้นเคย

มันแค่ว่าเขารู้สึกว่ามีความผันผวนเล็กน้อย ซึ่งดูเหมือนจะต่างจากปืนธรรมดา

“นี่คือปืนพลังงาน ซึ่งหายากมากในโลกเรา และต้องการกระสุนพิเศษ…:”

พอเห็นแบบนี้ เซียวรั่วหยินก็ไม่รู้ว่ากู่ฉางเกอเข้าใจไหม เธอจึงอธิบาย

ถ้าไม่ใช่เพราะสถานะที่พิเศษของเธอ และครอบครัวเบื้องหลังมีอิทธิพล เธอคงไม่มีปืนแบบนี้

“น่าสนใจ”

กู่ฉางเกอยิ้ม มองปืนพกและส่งคืนให้

จากคำแนะนำของอีกฝ่าย เขาเดาออกแล้วว่าอารยธรรมแบบไหนอยู่เบื้องหลังนาง

มันคล้ายกับดาวโลก แต่ดูเหมือนจะมีหินบางอย่างที่มีพลังงานพิเศษ ซึ่งถูกเรียกว่าหินปราณโดยเซียวรั่วหยิน

ครั้งนี้พวกนางข้ามโลกมา ซึ่งข้องเกี่ยวกับความจริงที่นางเผลอแตะหินปราณข้างแท่น

“มีความผันผวนพลังงาน ดูเหมือนจะมีจากผู้บ่มเพาะทางฝั่งเทคโนโลยี แต่ข้าสงสัยว่าจะเป็นการฟื้นฟู…”

กู่ฉางเกอยิ้ม แต่เซียวรั่วหยินอดตกใจไม่ได้

เธอเข้าใจความหมายของคำพูดเา

มันแค่ว่าไม่เข้าใจว่าทำไมกู่ฉางเกอถึงรู้เรื่องนี้

“จริงๆแล้ว ก่อนหน้านี้ ข้าเคยเจอกับคนที่มีต้นกำเนิดอย่างเจ้า และก็มาจากอาณาจักรเบื้องล่างเช่นกัน’

กู่ฉางเกอพูด สำหรับต้นกำเนิดของกลุ่มคน เขาไม่พูดมาก

เซียวรั่วหยินตกตะลึงตอนได้ยิน แต่ไม่กังขาคำพูดของเขา

ไม่น่าแปลกที่กู่ฉางเกอจะดูไม่แปลกใจกับต้นกำเนิดของพวกเธอแต่กลับอยากรู้

‘โลกของเจ้าดูน่าสนใจ ถ้ามีโอกาส ข้าอยากไปดู”

หลังจากนั้น กู่ฉางเกอก็ถอนหายใจเล็กน้อย

เซียวรั่วหยินจ้องเขา ไม่คิดว่าเขาจะพูดแบบนี้

ทันใดนั้น เธอก็เกิดรู้สึกว่าชายตรงหน้าเธอดูเหมือนจะเข้าถึงได้ง่ายกว่าเดิม

ความกลัวที่มีต่อเขาหายไป

เขาไม่ได้ดูร้าย ราวกับเขาแค่อยากรู้จักโลกเบื้องหลังเธอ

“อ่อ…นายน้อย ทำไมท่านถึงสนใจเรื่องสามัญเหล่านี้?”

หลังคิดสักพัก เซียวรั่วหยินก็ไม่รู้ว่าจะเรียกกู่ฉางเกอเช่นไร สุดท้าย เลยเรียกเขาว่านายน้อย

เธอไม่รู้ว่าเธอไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงพูดกับเขาแบบนี้

“เจ้าไม่เข้าใจหรอก”

กู่ฉางเกอมองนาง เขาดูเหมือนจะยิ้มและสุดท้ายก็ถอนหายใจ

เซียวรั่วหยินจ้องใบหน้าหล่อเหลาของเขาที่มากพอจะทำให้ผู้หญิงนับไม่ถ้วนในโลกของเธอเป็นบ้า

จากการถอนหายใจเขา เธอสัมผัสได้ถึงอารมณ์ทุกประเภท ซึ่งทำให้เธอเห็นถึงความแตกต่าง

“ถ้ามีโอกาสในอนาคต รั่วหยินอยากพานายน้อยไปดูโลกแห่งนั้น แต่มันไม่สนใจอย่างที่ท่านคิดหรอก…”

เซียวรั่วหยินบีบชายเสื้อแน่นและเสียงก็สงบ

เธอไม่รู้ว่าตัวเองกล้าพูดไปได้ไง

หลังพูด ตัวเธอก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา แต่ก็ยังพยายามทำให้ตัวเองสงบ

“น่าสนใจ มันเป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าพูดแบบนี้กับข้า”

กู่ฉางเกอไม๋โกรธ แต่ยังยิ้มอบอุ่น

พอได้ยินที่เขาพูด เซียวรั่วหยินก็ตกตะลึงอีกครั้ง จากนั้นใบหน้าขาวเนียนของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นมา

แต่กู่ฉางเกอไม่ตำหนิเธอ ซึ่งทำให้เธอโล่งใจ

กู่ฉางเกอไม่มีเจตนาร้ายต่อเธอ รวมถึงพวกเจียงเฉินด้วย

จากนั้นเซียวรั่วหยินก็สูดหายใจลึกและพูดใหม่

“จริงๆแล้ว ตอนข้าอยู่โลกนั้น ข้ามีฝันแปลกๆตั้งแต่เด็ก ข้าันว่าข้ากลายเป็นเซียน หยั่งรู้ทุกสรรพสิ่งและยังฝันถึงภาพของอนาคตด้วยในบางครั้ง”

“ตอนนั้น ข้ากังวลมาก คิดว่าข้าป่วยบางอย่างจนกระทั่งเจอกับหนังสือโบราณที่ไม่มีใครเข้าใจ ข้ารู้เนื้อหาในนั้น ต่อมา ข้าศึกษาโบราณคดีั พยายามหาการดำรงอยู่ของโลกในฝัน…”

นั่นคือเหตุผลที่เธอเข้าใจภาษาของโลกนี้

เธอไม่เคยพูดมันกับใคร ไม่แม้แต่เจียงเฉิน

เซียวรั่วหยินไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงพูดมันกับกู่ฉางเกอ ชายที่เพิ่งพบเจอครั้งแรก

“โอ้?มีเรื่องวิเศษเช่นนี้ด้วยหรือ มันดูเหมือนว่าชาติที่แล้วเจ้าอาจจะเป็นเซียน”

“ชาติที่แล้วเป็นเซียน?”เซียวรั่วหยินสับสน รู้สึกอารมณ์พลุ่งพล่าน หัวใจเต้นกระหน่ำ“หรือว่าชาติที่แล้วข้าจะเป็นคนจากโลกนี้?”

กู่ฉางเกอยิ้ม“แล้วเจ้าจะอธิบายชะตากรรมของเจ้าที่ข้องเกี่ยวกับโลกนี้ได้อย่างไรเล่า?”

“ข้าเกี่ยวข้องกับโลกนี้?”

เซียวรั่วหยินตกตะลึง อารมณ์ประหลาดผุดในใจ

“หยานอวี่ พาแม่นางเซียวไปอาบน้ำเสีย…”

และตอนเซียวรั่วหยินกำลังคิดฟุ้งซ่าน กู่ฉางเกอก็พูดขึ้นอีก แต่ครั้งนี้รอยยยิ้มของเขาดูแปลก

ตอนเซียวรั่วหยินได้ยิน เธอก็พลันตระหนักว่าตัวเองไม่ได้อาบน้ำมาหลายวันแล้ว และก็เริ่มได้กลิ่นตัว

ในโลกเก่า ต่อหน้าทุกคน เธอมักเย็นชาและเป็นเทพธิดาที่ไม่เคยยิ้ม

ไม่เคยมีวันที่เธอรู้สึกเขินอายเท่านี้มาก่อน

กู่ฉางเกอจะรังเกียจกลิ่นตัวเธอไหม?เขาอดทนมาตลอดเหรอ?

พอคิดแบบนี้ เซียวรั่วหยินก็อาย ใบหน้าเธอแดงก่ำ

สำหรับกู่ฉางเกอ เธอมีความรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิมเยอะ เหนือสิ่งอื่นใด คนที่มีสถานะเช่นเขากลับยอมทนดมกลิ่นตัวแล้วคุยกับเธอนานขนาดนี้ มันจะไม่ให้ปลื้มได้ไง?

เฮยหยานอวี่พาเซียวรั่วหยินออกไป หลงเหลือเพียงกู่ฉางเกอในวัง

เขาดื่มชาในถ้วยชาหยกขาวจนหมดในอึกเดียว และฉีกยิ้ม

“กายแห่งโชคชะตา น่าสนใจจริงๆ”

“การกลับชาติมาเกิดของผู้พยากรณ์โชคชะตาจากวังเซียน?กายแห่งโชคชะตา ผู้ควบคุมมิติเวลา เหตุผลและผล  สิ่งที่คาดไม่ถึง ทำนายไม่ได้ พูดไม่ได้…”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด