ตอนที่แล้วตอนที่ 341 อาจเป็นผู้มาเยือนจากดาวโลก(ตอนฟรีปีใหม่)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 343 กายแห่งโชคชะตา(ตอนฟรีปีใหม่)

ตอนที่ 342 อยากรอดไหม(ตอนฟรีปีใหม่)


ในวังหลวง จักรพรรดิวิหคเพลิง ไป่หยาง ชูห่าวกับคนอื่นที่ได้รับข่าวต่างตกตะลึง ไม่คิดว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปในทางนี้

“ข้าประเมินความกลัวของพวกเขาที่มีต่อกู่ฉางเกอต่ำเกินไป..พวกเขายอมทิ้งบ้านเกิดดีกว่าสู้กับกู่ฉางเกอ…”

ใบหน้าของจักรพรรดิวิหคเพลิงขาวซีดขณะที่เขาทรุดตัวลงนั่ง หมดสิ้นความคิด

“มันจบแล้ว จบแล้ว…”

เขาพึมพำ ใบหน้าดำมืดด้วยความสิ้นหวัง

“เป็นไปได้ยังไง…ทุกคนหนีไปในชั่วข้ามคืน..”

ใบหน้าของชูห่าวเองก็ซีดราวกับโดนฟ้าผ่า มันยากจะเชื่อ

พวกเขารู้สึกมีความหวังแล้วแท้ๆ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทั้งหมดต่างเลือกหลบหนี นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดหวังไว้เลย

“ราชวงศ์ของข้าดูแลพวกมันอย่างดี แต่ต่อหน้าวิกฤต พวกมันกลับไม่คิดสู้ร่วมกับเรา!พวกมันกล้าหนีไปได้ยังไง!”

ชูห่าวโกรธจนเนื้อตัวสั่นและสุดท้าย เขาก็สิ้นหวัง

หรือว่าเขาจะได้แค่มองดูอาณาจักรวิหคเพลิงถูกทำลาย?ไม่มีอะไรที่ข้าทำได้เลยหรือ?

“ฝ่าบาท นี่เป็นจดหมายที่ส่งมาโดยมหาราชครู…”

ครั้งนี้ ทหารด้านนอกโถงที่ใบหน้าซีดเล็กน้อยรีบมาส่งจดหมาย

“มหาราชครู?หรือตาแก่ยังคิดถึงข้า?”

จักรพรรดิวิหคเพลิงดีดตัวขึ้นเหมือนโดนไฟดูดและรีบจดหมายมาด้วยสายตามีความหวัง คิดว่ามหาราชครูยังสนับสนุนเขา

แต่ไม่ช้า พอเขาอ่านจดหมายจบ ใบหน้าของเขาก็ไม่หลงเหลือสีเลือดอีก

ถ้าไม่ใช่เพราะชูห่าวพยุงเขาไว้ เขาคงล้มลงพื้นไปแล้ว

“เกิดอะไรขึ้น ท่านพ่อ?”ชูห่าวอดถามไม่ได้

“แม้แต่จวนราชครูก็ยังทิ้งข้า…”

จักรพรรดิวิหคเพลิงเต็มไปด้วยความเศร้า

มหาราชครูเหมือนอาจารย์และพ่อของเขา แต่ใครจะไปคิดว่าครั้งนี้ อีกฝ่ายเองก็ยังเลือกทอดทิ้งอาณาจักรวิหคเพลิง จากไปพร้อมคนตระกูลหวัง

จดหมายนี้เต็มไปด้วยคำขอโทษ

“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะข้า?”

ชูห่าวอ่านเนื้อหาทั้งหมดอย่างรวดเร็วและใบหน้าก็บิดเบี้ยว

เดิมที เขายังมีความเคารพต่อมหาราชครูที่เคยสั่งสอนเขาตอนเด็ก แต่ตอนนี้ เขาโกรธมาก

“ไร้สาระ!มันเห็นได้ชัดว่าเป็นกู่ฉางเกอที่รังแกคนเกินไปและบังคับเรา ทำไมมันถึงกล่าวโทษข้า?”

“อาณาจักรวิหคเพลิงของข้าดูแลครอบครัวเขาอย่างดี แต่พอเจอหายนะ เขากลับทิ้งไปไม่ใยดี ท่านพ่อ ท่านจะไปรู้สึกเสียใจกับคนเช่นนี้ทำไม?”

ใบหน้าของชูห่าวดำมืดอย่างมาก

ไป่หยางที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนี้และเงียบ รู้สึกว่าเรื่องนี้ดูเหมือนจะเป็นทางตัน

อย่างที่ถังว่านพูดไป ต่อหน้ากู่ฉางเกอ ชูห่าวอ่อนแอและไร้อำนาจ!

“ห่าวเอ๋อร์ เจ้าต้องรีบคิดหาทางให้พ่อ อาณาจักรวิหคเพลิงต้องไม่ถูกทำลายในมือของข้า!ไม่งั้น ข้าจะไม่มีหน้าไปสู้กับบรรพชนของข้า พ่อของเจ้าจะต้องโดนคำสาป…”

“ห่าวเอ๋อร์ เจ้าต้องหาทาง!พ่อรู้ว่าเจ้าต้องมีหนทาง!”

ใบหน้าของจักรพรรดิวิหคเพลิงดำมืด เขากุมมือชูห่าวและอ้อนวอน

“ท่านพ่อ ข้า…”

ชูห่าวเองก็สิ้นหวัง เขาส่งสายตาวิงวอนไปหาไป่หยาง แต่ทั้งหมดที่ได้รับคือเสียงถอนหายใจ

ครั้งนี้ ต่อให้ถ้ำเต๋าสูงสุดจะกล้าแทรกแซง มันก็สายเกินไป และกู่ฉางเกอก็อาจไม่สนใจถ้ำเต๋าสูงสุดเช่นกัน

“ว่านเอ๋อร์ ใช่แล้ว!’

“ว่านเอ๋อร์ นางต้องช่วยข้าได้แน่ นางเจอกับกู่ฉางเกอมาหลายครั้งใ..ถ้าข้าให้นางช่วยและนางพูดจาดีๆกับกู่ฉางเกอ กู่ฉางเกออาจยอมปล่อยอาณาจักรวิหคเพลิงไป’

ทันใดนั้น ชูห่าวก็พลันนึกถึงถังว่าน เหมือนเจอฟางเส้นสุดท้าย ดวงตาของเขาแสดงความหวัง

ไป่หยางถอนหายใจ

ก่อนเหตุการณ์นี้ ชูห่าวไม่ใช่คนแบบนี้ เขาเป็นผู้ใหญ่ มั่นคง มั่นใจและสงบ ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุม

แต่ตอนนี้ เขาเหมืองแมลงวันไร้หัว

เขาลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้เขาพูดกับถังว่านเช่นไร และเขาโกรธแค่ไหนเพราะถังว่านไปเจอกับกู่ฉางเกอ

รสชาติเช่นนี้ทำให้หัวใจของไป่หยางขมขื่น เขารู้สึกว่าเมล็ดพันธ์ุ์ชั้นดีกำลังถูกทำลายโดยกู่ฉางเกอ!

เรือรบโบราณที่ยิ่งใหญ่กำลังลอยเหนือฟ้าเหมือนทวีป ปกคลุมทุกสิ่ง

ในส่วนลึกของเรือรบโบราณ สิ่งก่อสร้างกับวังตั้งเรียงราย

และตอนนนี้ภายใต้สิ่งก่อสร้างเหล่านี้ ในคุกใต้ดินลับ

บรรยากาศอับชื้น มีแต่กลิ่นคาวเลือด ทำให้กระดูกของคนเย็นเฉียบ

ทั้งสองฝั่งของอุโมงค์ส่องสว่างด้วยตะเกียงน้ำมันสัตว์ แสงสลัวหน่อย แต่มันสามารถเห็นได้ว่าคุกใต้ดินแบ่งเป็นสองฝั่ง

ทางฝั่งซ้ายของคุกใต้ดิน กลุ่มผู้บ่มเพาะต่างๆประมาณร้อย ทั้งชายหญิงทุกเผ่าถูกจับขัง

มีโซ่ตรวนมัดมือมัดเท้าพวกเขา ทำให้ยากจะขยับ

และทางขวา คนแปดคน หญิงสามชายห้าสวมชุดที่แตกต่างจากโลกนี้อย่างมากถูกขัง

และท่ามกลางพวกเขา ส่วนใหญ่ดูหวาดกลัว หดหัวตรงมุม แม้จะไม่มีโซ่ตรวน แต่พวกเขาก็ไม่กล้าขยับ

พอมองทุกอย่างด้านนอก พวกเขาก็ตื่นตระหนก กลัวและสิ้นหวัง

ตอนนี้ คนสองคนกำลังคุยกัน

“อาเฉิน คิดว่าเราข้ามโลกมาไหม?โบราณคดีบ้าบออะไร เราโดนแสงสีขาวที่พาเรามายังโลกประหลาดลึกลับนี่ เรือโบราณที่จู่ๆก็ปรากฏตอนนั้นหายไปอีกแล้ว…”

“แต่สิ่งเหล่านี้ควรถูกสลักไว้ท่ามกลางบันทึกตำนานโบราณในโบราณวัตถุเหล่านั้นใช่ไหม?ไม่เพียงจะบินได้และหายลับไป ภูเขาลอยฟ้า แม้กระทั่งสัตว์ตัวโตที่นี่ก็ยังมีขนาดเท่าเทือกเขา”

“ผู้หญิงที่พาตัวเรามาสวยเหมือนเทพธิดาเลย ถึงแม้เธอจะดูเหมือนเด็กสาววัยเรียน เธอก็ยังสวยเหมือนเทพธิดา อ้า น่าเสียดาย…”

“ถ้าเรารอดกลับไปได้และป่าวประกาศเรื่องที่นี่ เราจะต้องดังแน่”

ชายที่พูดมีใบหน้าธรรมดาหุ่นกำยำ

แต่มีเจตนาแอบแฝงในดวงตาของเขาขณะที่เขาพูด แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ธรรมดาอย่างที่แสดง

“ก่อนหน้านั้น เราควรรู้เกี่ยวกับโลกนี้ก่อน ไม่งั้นเราอาจไม่สามารถรักษาชีวิตไว้ได้ ผู้บ่มเพาะเหล่านี้ไม่ดูเหมือนคนดีเลย”

“ในสายตาพวกเขา ทุกอย่างจะพูดได้ด้วยกำปั้นเท่านั้น”

ชายที่ชื่ออาเฉินพูดเสริม

เขาดูหล่อมาก มีรูปร่างสมส่วน

เขาไม่ได้กลัวมากเหมือนคนอื่น เขากลับสงบและคอยสอดส่อง

ชื่อเดิมของเขาคือเจียงเฉิน เป็นนักศึกษาเอกโบราณคดีมหาวิทยาลัยธรณีวิทยา เขามีความเข้าใจถึงโบราณสถานมากมาย

ครั้งนี้ เพื่อนของเขาติดตามเขาไปยังโบราณสถานที่เพิ่งค้นพบ เพื่อดำเนินการสำรวจและเตรียมทำวิทยานิพนธ์

แต่โดยไม่คาดคิด ในโยบราณสถาน พวกเขาพบเหตุการณ์ประหลาดและหลายคนก็ถูกฆ่า

บางคนรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติและรีบวิ่งไปทางออก

ส่วนพวกเขาไม่เชื่อและเข้าไปสุดทาง

สุดท้าย ในส่วนลึก พวกเขาก็พบแท่นประหลาดที่รนายลฃ้อมด้วยหินประหลาดเปล่งแสง ซึ่งดึงดูดความสนใจทุกคน

ตอนนั้น ข้างแท่น ยังมีกระดูกสัตว์อสูรขนาดมหึมามากมาย

บางคนหวาดกลัวจนเกือบฉี่ราด ขาอ่อนแรงเพราะศพกับกระดูกเหล่านั้นไม่ถูกบันทึกไว้ในหนังสือโบราณเลย

มันเหมือนพวกเขาได้เปิดประตูสู่นรกและเห็นโลกนี้!

ตอนนั้น พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และเป็นใครที่แตะบางอย่างถึงทำให้แสงส่องบนแท่นนั้น และแสงก็สาดใส่ทุกคน ทำให้พวกเขาหมดสติทันที

ตอนพวกเขาตื่นขึ้น พวกเขาก็ได้ปรากฏตัวในโลกนี้และรู้สึกถึงความน่ากลัวของโลกนี้

ตอนพวกเขามาถึงโลกนี้ พวกเขายังมีกันเป็นสิบ แต่ตอนนี้เหลือแค่แปด

และท่ามกลางแปดคน พวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขาจะยังรอดไปได้อีกนานแค่ไหน

“ใช่ มันดีกว่าที่จะรักษาชีวิตให้รอด ฉันไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นไปไหนหลังขังเรา”

ชายร่างกำยำถอนหายใจ เขาชื่อหนิวเทียน เขากับเจียงเฉินสนิทกันมาก และมักทำทุกอย่างด้วยกัน

ทั้งสองสนิทกันจนสวมกางเกงตัวเดียวกันได้

“อืม”

เจียงเฉินพยักหน้า แต่ดวงตาอดมองผู้หยิงอีกฝั่งของห้องขังที่กำลังกอดเข่าตัวเองไม่ได้ ผมสีดำของเธอเหมือนน้ำตก ใบหน้าไร้ที่ติ เธอเป็นคนสวย

เสี่ยวรัวหยิน

ทั้งสองเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันและชั้นเรียนเดียวกัน

แม้กระทั่งในสายตาของคนมากมาย เธอก็คือสาวสวยมากพรสวรรค์ เจียงเฉินรอบรู้และเพียรพยายาม ส่วนเธอหน้าตาดีและมีพรสวรรค์

มันแค่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองดีกว่าเพื่อนธรรมดา

นี่ทำให้เจียงเฉินรู้สึกหน่ายใจ เขาคอยป้องกันทั้งหมดนี้

และครั้งนี้ เหตุผลที่เขามาที่นี่ก็เพราะเธอ

เพราะเธอริเริ่มชวนเขา

รวมถึงเพื่อนร่วมชั้นมากมายของหนิวเทียน พวกเขาถูกเธอเชิญมา

ถ้ามันไม่ใ่ชเพราะเสี่ยวรัวหยินตอนเขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาคงหนีไปแล้ว เขาจะเลยเถิดมาถึงจุดนี้ได้ไง?

แต่ เสี่ยวรัวหยินดูเหมือนจะไม่สังเกตเห็นสายตาของเจียงเฉิน เธอเอาแต่จ้องมองไปด้านนอกคุก ดวงตาสงบ เธอดูเหมือนจะเหม่อ

นางไม่มีความตื่นตระหนกและวิตกแบบคนอื่น ตรงกันข้าม เธอสงบมาก ราวกับยอมรับชะตากรรมได้

“ว่าแต่ อาเฉิน นายสังเกตเห็นเรือบินที่ปรากฏตอนนั้นไหม?ฉันเห็นแสงสีขาวและหลายคนก็หมดสติไป…”

“และเรือโบราณก็พลันปรากฏ พาเรามาที่นี่”

ครั้งนี้ หนิวเทียนพลันอดถามไม่ได้ ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัย

แม้หลายคนที่โดนแสงสีขาวตอนนั้นจะหมดสติ

แต่เขาไม่ เขาเห็นเรือบินโบราณปรากฏขึ้นตอนนั้น มันดูล้าสมัยมาก แม้กระทั่งธงโบราณบนเรือบินก็ยังโทรม ทว่ามันกลับแบกทุกคนข้ามอวกาศได้

จากนั้นเขาก็ทนไม่ไหวอีกและหลับไป

หนิวเทียนไม่รู้ว่านานแค่ไหน หลังเขาตื่น เขาก็ปรากฏตัวในนี้แล้ว

และเรือบินโบราณที่บรรทุกพวกเขามาก็หายไป

พอได้ยินแบบนี้ สีหน้าของเจียงเฉินก็เปลี่ยนไป แต่ก็รีบส่ายหัว“ฉันไม่รู้ว่าเรือบินนั่นไปไหน หลังฉันเห็นนายหลับ ฉันก็อดหลับตามไม่ได้”

ท่ามกลางคนที่โดนแสงสีขาวตอนนั้น นอกจากหนิวเทียน จริงๆแล้วมีหลายคนที่สะลึมสะลือ รวมถึงเจียงเฉิน

เขารู้ว่าหนิวเทียนพูดอะไร แต่มีบางสิ่งที่เจียงเฉินไม่รู้ว่าจะพูดยังไง เขาจึงไม่พูด

เรือบินโบราณที่บรรทุกพวกเขามาที่นี่จริงๆแล้วพุ่งออกมาจากร่างกายเขา

แสงสีขาวกระทบเขา และจากนั้นการเปลี่ยนแปลงที่พูดไม่ได้ก็ปรากฏขึ้นในตัวเขา จากนั้เรือบินโบราณก็ปรากฏ แบกทุกคนมา

ยกเว้นเจียงเฉิน ไม่มีใครรู้เรื่องนี้

จนถึงตอนนี้ เจียงเฉินยังไม่เข้าใจว่าทำไมของแบบนั้นถึงออกจากตัวเขาได้

ครั้งนี้ มันดูเหมือนว่าเธอจะได้ยินเสียงพูดคุยระหว่างทั้งสอง เสียวรัวหยินหันมามองเจียงเฉิน“นายมีทางพาพวกเราออกไปจากที่นี่ไหม?”

พอได้ยินคำถามของเทพธิดา เจียงเฉินก็ยิ้ม“มี แต่ฉันรู้สึกว่ามันต้องใช้เวลาสักพัก ฉันต้องเรียนรู้ภาษาของพวกเขาก่อน”

พอได้ยินแบบนี้ เสี่ยวรัวหยินก็เหมือนคิดอะไรได้ แต่ก็ยังส่ายหัว“เกรงว่าเราจะไม่มีเวลา”

เจียงเฉินเงียบไป พอเจอกับกลุ่มผู้บ่มเพาะลึกลับ พวกเขาไม่มีโอกาสต่อต้านเลย

ไม่ต้องพูดถึงว่ามีตัวตนที่ทรงพลังยิ่งกว่าซ่อนในกลุ่มผู้บ่มเพาะ เจียงเฉินรู้สึกว่าตัวตนเช่นนั้นสามารถทำลายดาวเคราะห์ของเขาได้เพียงลำพัง

พวกเขาจะไปต่อต้านตัวตนเช่นนี้ได้ไง?

ครั้งนี้ สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือภาวนา หวังให้เรือบินโบราณนั่นออกมาพาพวกเขาออกไปจากที่นี่

“จริงๆแล้ว..โลกนี้ ปรากฏในฝันของฉัน”

ครั้งนี้ เสี่ยวรัวหยินดูเหมือนจะคิดถึงบางสิ่งและพลันพูดขึ้นมา

แต่สิ่งที่เธอพูดทำให้เจียงเฉินกับหนิวเทียนตกใจ

“ว่าไงนะ?”

ดวงตาของเจียงเฉินเบิกกว้าง และไม่อยากเชื่อรูหู เสี่ยวรัวหยินบอกว่าสถานที่นี้ปรากฏในฝันของเธอ หรือว่าเธอจะรู้อยู่แล้วว่าต้องพบอะไรตอนเธอเข้าโบราณสถานมา?

พอเห็นสีหน้าตกใจและเหลือเชื่อของทั้งสอง เสี่ยวรัวหยินดูเหมือนจะพูดบางสิ่ง

แต่เสียงหนึ่งดังจากด้านนอก ทำให้เธอรีบปิดปากและหันไปมอง

ตอนเจียงเฉินกับคนอื่นได้ยินเสียง พวกเขาก็มองไปด้วยสีหน้ากลัว และวิตก

“ผู้หญิงชุดดำที่พาตัวเรามา…”

หนิวเทียนพูดเสียงต่ำ สังเกตเห็นคนสองคนกำลังเดินเข้ามา

ผู้หญิงชุดดำตัวสูงเพรียว มีผ้าคลุมหน้า เผยแค่ดวงตาคู่งาม คิ้วโก่ง และยังมีหมอกบางๆลอยรอบตัว

แม้จะสวย แต่พวกเขากลับรู้สึกกลัวมาก โดยเฉพาะหลังเห็นการตายของพวกพ้องตัวเอง

เจียงเฉินกับคนอื่นเคยคิดว่าเธอเป็นคนดี เพราะความสวย!

นี่คือสิ่งที่ทุกคนคิดในหัว

แต่สิ่งที่ทำให้เจียงเฉินกับคนอื่นตกใจคือผู้หญิงชุดดำได้มาถึงพร้อมชายหนุ่มคนหนึ่ง

ตัดสินจากท่าทางนอบน้อมของเธอ เห็นได้ชัดว่าเธอเคารพชายชุดขาวผู้นี้มาก

มันต้องรู้ว่าก่อนหน้านี้ ผู้หญิงชุดดำได้มอบท่าทีสูงส่ง แข็งแกร่ง และยิ่งใหญ่เหมือนราชินีให้พวกเขา

แล้วชายชุดขาวเป็นใคร?

ในสายตาพวกเขา เจตจำนงเซียนดูเหมือนจะเปล่งแสงทั่วตัวของชายชุดขาว และผมของเขาก็ยังใสประดุจเพชร

จากดวงตาสุขุม พวกเขาไม่สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงใดในอารมณ์

ความรู้สึกนี้มันราวกับพวกเขาถูกมองเป็นมด

เจียงเฉิน หนิวเทียนกับคนอื่นตัวสั่น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่รับรู้ถึงความมุ่งร้าย แต่พวกเขาก็ยังอดรู้สึกกลัวไม่ได้

คนที่เข้ามาก็คือกู่ฉางเกอกับเฮยหยานอวี่

“นายท่าน พวกเขาคือกลุ่มคนลึกลับที่ข้าจับได้ในพื้นที่ต้องห้ามโบราณ แต่เนื่องจากบางอย่าง หลายคนจึงตายระหว่างนั้น’

เฮยหยานอวี่รายงาน

กู่ฉางเกอพยักหน้า

จากนั้น เขาก็มองพวกเจียงเฉินด้านหน้าเขา โดยเฉพาะเจียงเฉินกับเสี่ยวรัวหยิน จากนั้นก็ถาม“อยากรอดกันไหม?”

เจียงเฉิน หนิวเทียนกับคนอื่นดูสับสน ไม่เข้าใจว่ากู่ฉางเกอพูดอะไร

“นายท่าน พวกเขาไม่เข้าใจภาษาของเรา”เฮยหยานอวี่อธิบาย คิดว่ากู่ฉางเกอไม่รู้

แต่กู่ฉางเกอกลับเมินนาง สายตาของเขาหยุดที่เสี่ยวรัวหยินอย่างสนใจ“น่าสนใจ เจ้าเข้าใจว่าข้าพูดอะไร”

เสียวรัวหยินมองเขาอย่างสงสัย ราวกับนางไม่เข้าใจว่าเขาพูดอะไร

“ข้าชอบคนฉลาด คนฉลาดรู้ว่าต้องทำอะไร”กู่ฉางเกอพูด

พอได้ยินแบบนี้ สีหน้าของเสี่ยวรัวหยินก็เปลี่ยนไป

ตอนนี้ ทั้งตัวของเธอดูเหมือนจะถูกบีบด้วยมือที่มองไม่เห็น ไม่สามารถหายใจได้ออก

นี่ทำให้เธอรู้สึกกลัว

เธอไม่รู้ว่ากู่ฉางเกอรู้ได้ไง เธอมั่นใจว่าเธอเสแสร้งได้ดีแล้วแท้ๆ

“เจ้าอยากรอดไหม?”กู่ฉางเกอถามอีกครั้ง

เสี่ยวรัวหยินเงียบไป จากนั้นก็ตอบด้วยภาษาของโลกนี้“อยาก”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด