ตอนที่แล้วตอนที่ 14-13 ตั้งใจก่อเหตุรุนแรง?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 14-15 อสูรรอยัลวิง

ตอนที่ 14-14 ปราสาทอสูร


แม้ว่าลินลี่ย์จะไม่ใช่คนตระหนี่แต่ก็ไม่ใช่คนที่ใช้จ่ายเงินอย่างสุรุ่ยสุร่าย กลุ่มของลินลี่ย์ออกจากโรงแรมจากนั้นใช้เวลาเดินทางไปรอบๆเมืองรอยัลวิงมองดูตามโรงแรมสิบแห่งเพื่อเลือกโรงแรมที่ออกแบบมาอย่างเงียบสงบ

ราคาเข้าพักค้างที่นี่ปีละ210 ศิลาดำ

หลังจากจ่าย210 ศิลาดำ เขาได้รับป้ายสีดำ  กลุ่มของลินลี่ย์เข้าไปในที่พักของพวกเขาผลักเปิดประตูเข้าไปในลานว่าง ที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาคือที่พำนักชั้นดีมีสวนดอกไม้ซึ่งกินพื้นที่ถึงหนึ่งในสามของที่พัก

ที่ด้านหลังเป็นอาคารสองชั้นเรียบง่ายที่ไม่มีการตกแต่ง

ลินลี่ย์กับเดเลียมองดูอาคารและพวกเขาอดรู้สึกพอใจไม่ได้

“พี่ใหญ่, สวนนี้สวยงดงามจริงๆ”  บีบีหัวเราะ “พี่ใหญ่!  ข้าจะไปอยู่ข้างบนนะ”  บีบีกระโดดขึ้นไปที่ชั้นสองโดยตรงครู่ต่อมาบีบีกระโดดกลับลงมาข้าง เขาเม้มปาก “โรงแรมนี้ตระหนี่โคตร นอกจากเตียงและเก้าอี้แล้ว ไม่มีอะไรข้างในเลย”

“สภาพแวดล้อมแบบนี้ นับว่าดีอยู่แล้ว”

ลินลี่ย์พยักหน้าพอใจและจากนั้นดึงแผ่นสกุลเงินอะซูไรท์ออกมาส่งให้เดเลียสองแผ่น และบีบีสองแผ่น  “บีบี เดเลียพวกเจ้าสองคนพกเอาไว้คนละสองแสนศิลาดำ ต่อไปถ้าเจ้าต้องการซื้ออะไรก็ตัดสินใจเอาเอง”

“หึหึ” บีบียักคิ้วและรับเอาไว้

เดเลียพยักหน้าและรับเงินอะซูไรท์ไว้เช่นกัน

ลินลี่ย์เงยหน้ามองฟ้าเห็นว่าปัจจุบันยังเป็นเวลาบ่าย ดวงอาทิตย์สีเลือดยังลอยเด่นอยู่ในกลางอากาศ

“ยังหัววันอยู่เลย นี่ยังไม่มืดค่ำ กำหนดเวลาห้ามออกนอกสถานที่สำหรับเมืองรอยัลวิงห้ามไม่ให้คนอื่นเดินถนนตอนกลางคืน  เราไปเดินสำรวจดูรอบๆ กันเถอะ”  ความคิดแรกของลินลี่ย์ก็คือปราสาทอสูร  “เราตรงไปที่ปราสาทอสูรกันและดูว่าการทดสอบที่ปราสาทอสูรจะเป็นยังไง”

“ปราสาทอสูร?” เดเลียและบีบีตื่นเต้นกันทั้งคู่

โดยไม่มีการเสียเวลาทั้งสามคนมุ่งหน้าไปปราสาทอสูรทันที!

ปราสาทอสูรโบราณสีดำสนิทโดยเฉพาะอย่างยิ่งสัญลักษณ์แกะสลักมหึมาของปราสาทที่มีหน้าปีศาจตาเดียว  ใครที่เห็นสัญลักษณ์จะไม่มีทางลืมได้เลย

คนที่มุ่งหน้าไปปราสาทอสูรไม่มากเท่ากับคนที่ไปที่ปราสาทเรดบุดหรือปราสาททรายดำ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผู้คนที่มุ่งหน้าไปปราสาทอสูรจะค่อนข้างต่ำเมื่อพวกเขาเดินอยู่บนถนน คนเหล่านี้มีสีหน้าท่าทางมั่นใจ ส่วนใหญ่ในพวกเขาจะติดตราอสูรไว้ที่หน้าอกของพวกเขา  เห็นได้ชัดว่า...

พวกเขาเป็นอสูรกันทั้งหมด!

ชนชั้นฝีมือดีของแดนนรก!

กลุ่มของลินลี่ย์เดินขึ้นไปตามบันไดเข้าไปในห้องโถงหลักชั้นแรกของปราสาทอสูร

“เงียบมาก” บีบีพูดเบาๆ

ห้องโถงหลักบนชั้นที่หนึ่งของปราสาทอสูรกว้างขวางมาก  มีคนอยู่น้อยมากในห้องโถงใหญ่ ราวๆ ไม่กี่ร้อยคน  คนไม่กี่ร้อยคนนี้กระจายอยู่ในห้องโถงกว้างทำให้รู้สึกกระตือรือร้นนัก กลุ่มของลินลี่ย์มองเห็นเคาน์เตอร์ ‘ใบสมัครอสูร’ ในทันที

ที่เคาน์เตอร์นั้นจะมีหญิงงามผมเขียวนั่งอยู่ด้านหลังบนชั้นวางด้านหลังนางจะมีขวดเหล้าหลายขวด

“ยูนะ!เหล้าโอเล่ขวดแดงหนึ่งขวด!” บุรุษหัวโล้นเกราะดำวางเบี้ยอะซูไรท์ชิ้นหนึ่งไว้บนโต๊ะ

“เฮ้, เจ้าไม่เห็นหรือว่าข้ากำลังยุ่ง?  รอเดี๋ยว” สตรีผมเขียวไม่สนใจ ยังคงสนทนากับเด็กหนุ่มผมดำข้างหน้านาง

“อันจิ!  ข้าจะพูดยังไงถึงจะโน้มน้าวใจเจ้าได้?  ครั้งล่าสุดมีคนเกินพันคนร่วมสอบเข้าเป็นอสูร และมีประสบความสำเร็จเพียงห้าสิบสามคน มีเพียงยี่สิบแปดคนที่รอดชีวิตได้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ผ่านสอบคัดเลือก แต่คนอื่นๆ มากกว่าเก้าร้อยคนตายเรียบ!  เจ้าร่วมคัดเลือกมาถึงสองครั้งแล้ว และเจ้าก็โชคดีพอรอดชีวิตได้ถึงสองครั้งแม้ว่าจะล้มเหลวก็ตาม  เจ้าโชคดีสองครั้ง  แต่เจ้ายังจะโชคดีครั้งที่สามหรือไม่?”  หญิงสาวผมหยกกระตุ้นเตือนเขา

กลุ่มของลินลี่ย์เดินผ่านมาพอดี

บุรุษหนุ่มผมดำพูดเสียงเบา  “ยูนะ,แม้ว่าข้าจะรู้ว่าข้าโชคดีสองครั้งล่าสุด แต่ข้าไม่ต้องการยอมแพ้ ข้าเกือบจะทำได้สำเร็จในสองครั้งสุดท้ายแล้วครั้งนี้ข้าจะต้องสำเร็จแน่นอน”

“เจ้าแค่กลับไปฝึกให้นานขึ้น เพิ่มพลังฝึกปรือของเจ้าจากนั้นค่อยมาลองใหม่ไม่ได้หรือไง?”

ยูนะถอนหายใจ “ข้าทำหน้าที่รับสมัครอสูรข้าเห็นคนอย่างเจ้าที่ต้องการเป็นอสูรมามากมายเท่าใดแล้ว อย่างไรก็ตามโอกาสตายในการสอบเป็นอสูรนั้นสูงมาก! กล่าวโดยทั่วไปมีจำนวนหลักสิบคนจากพันคนที่จะสำเร็จขณะที่จำนวนผู้รอดชีวิตไม่เคยมีถึงร้อยคนเลย!”

“อันจิ!  กลับไปฝึกเพิ่มอีกหน่อยเถอะ  เมื่อพลังของเจ้าขึ้นสู่ระดับใหม่ค่อยกลับมาอีกครั้ง เมื่อถึงเวลานั้น ข้าเห็นด้วยที่จะรับสมัครเจ้า”  ยูนะกระตุ้นเตือน

“เพิ่มพลังของข้าน่ะหรือ?”  เด็กหนุ่มผมดำส่ายศีรษะ  “ข้าเป็นระดับเทพแท้แล้ว  ข้าได้รู้แจ้งเคล็ดลึกลับต่างๆ ถึงสามเคล็ด  แต่ข้ารู้ว่า... ถ้าข้ายังคงฝึกต่อไปจำนวนเวลาที่ทำให้ข้ารู้แจ้งเคล็ดลึกลับที่สี่จะต้องยาวนานอย่างคาดไม่ถึง  แล้วจะเป็นยังไงถ้าข้าได้รับการรู้แจ้ง?  พลังของข้าจะไม่เพิ่มขึ้นมาก  มีแต่เมื่อข้าเป็นเทพชั้นสูงเท่านั้นถึงจะมีพลังก้าวหน้า!  แต่นี่ยังอยู่ห่างไกลเกินไป”

“เป็นไปได้ไหมที่ข้าจะฝืนหลอมรวมกับประกายเทพ?  ข้าไม่ยินดีเลย ยิ่งกว่านั้นข้าไม่มีเงินมากพอซึ้อประกายเทพชั้นสูง”

เด็กหนุ่มผมดำมองหน้าสตรีผมเขียว  “ยูนะ!อย่าห้ามข้าเลย”

“ฮ่าฮ่า...”

ทันใดนั้นบุรุษหัวโล้นเกราะดำที่อยู่ใกล้ๆ เริ่มหัวเราะลั่น เสียงหัวเราะของเขากึกก้องไปทั้งโถงใหญ่ที่เงียบสงบทันที  นักสู้อสูรหลายคนมองดูเขาที่กำลังหันหน้าไปมองสหายของเขา  “พี่น้อง!มาดูเร็ว, สหายน้อยผู้นี้สามารถรอดชีวิตในการสอบเป็นอสูรได้ถึงสองครั้งสองครา  เขาโชคดีจริงๆ แต่ตอนนี้ เขาจะสมัครสอบครั้งที่สามอีก ฮ่าฮ่าฮ่า....”

“โอว.. เขารอดชีวิตได้ถึงสองครั้งหรือ?”  กลุ่มคนสองสามคนตรงเข้ามาทุกคนล้วนมีเหรียญตราอสูรติดที่หน้าอก

“โชคดีพอรอดชีวิตได้ถึงสองครั้ง  และเขาต้องการจะลองอีกหรือ?  นี่เขาเบื่อหน่ายชีวิตหรือไง?”

อสูรเหล่านี้ทั้งหมดพากันหัวเราะขณะที่พวกเขาเดินเข้ามาหา

บุรุษผมดำก้มหน้าขมวดคิ้วตลอดทั้งตัวสั่นเล็กน้อย

นี่เป็นการดูถูก!

“ยูนะ” นักรบหัวล้านเกราะดำหัวเราะลั่น  “สหายน้อยผู้นี้อยากตาย ก็ปล่อยเขาไปเถอะจะไปกระตุ้นเตือนเขาทำไม? ปล่อยให้เขาไปสอบจนตายก็แล้วกัน”

“หุบปากเลย, แคลมป์ตัน!”  ยูนะจ้องมองเขาขณะตวาดกลับ

นักรบหัวโล้นเกราะดำสะดุ้งจากนั้นพูดด้วยความไม่พอใจ  “ยูนะ! เจ้ากล้าพูดกับข้าแบบนั้นได้ยังไง!”

“อะไร? ข้าพูดไม่ได้หรือไง?” ยูนะเชิดคางเล็กน้อย และนางจ้องมองบุรุษโล้นเกราะดำอย่างเย็นชา  “แคลมป์ตัน, ข้าจะพูดกับเจ้าแบบนี้ จะทำไม?”

“บัดซบเอ๊ย!” แคลมป์ตันโกรธและตบโต๊ะจ้องมองยูนะด้วยสายตาที่แดงก่ำเพราะความโกรธ

ยูนะตกใจกลัวแต่จากนั้นนางรวบรวมความกล้าและพูดเสียงแข็ง “แคลมป์ตัน เจ้าคิดว่าเจ้ากำลังทำอะไร? นี่คือปราสาทอสูร!” ยูนะรู้ว่าแคลมป์ตันเป็นนักรบอสูรที่ทรงพลังซึ่งมีระดับพลังเท่าเทพชั้นสูง

“แคลมป์ตัน!”  นักรบอสูรคนอื่นๆเดินเข้ามาต่อว่าเขาทันที “หยุดก่อเรื่องยุ่งเสียที”

นักสู้อสูรที่ร้องเรียกแคลมป์ตันทุกคนนี้ล้วนเป็นสหายของแคลมป์ตัน

“ฮึ่ม...” แคลมป์ตันแค่นเสียงเย็นชา แต่เขารู้ว่าเมืองรอยัลวิง เขาจะกระทำการอะไรที่รุนแรงไม่ได้  ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือ แค่นเสียง

“ยูนะ, แคลมป์ตันก็แค่อารมณ์ร้อนตอนนี้ขอเหล้าโอเล่ขวดหนึ่ง เร็วเข้า” บุรุษผมยาวแดงคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ ส่งเบี้ยอะซูไรท์ให้ยูนะซึ่งนางก็รับโอกาสถอนตัวจากการเผชิญหน้าครั้งนี้นางรับเบี้ยอะซูไรท์และหยิบเหล้าขวดหนึ่งให้พวกเขา

ขณะนั้นเองบุรุษผมดำชื่ออันจิพูดเบาๆ  “ยูนะ!  ขอโทษด้วย”

ยูนะมองดูเขานางส่ายหน้าและยิ้มให้

“ข้ารู้ความเร็วในการฝึกของข้า”  บุรุษหนุ่มผมดำมองดูยูนะ “ข้าต้องใช้เวลาแสนปีจึงจะเชี่ยวชาญเคล็ดลึกลับทั้งสามนี้  ในอีกแสนปีไม่มีทางที่พลังรู้แจ้งของข้าจะเพิ่มมากขึ้น  ข้าเหลือเงินเพียงพอให้ตัวเองอยู่ในเมืองรอยัลวิงได้อีกไม่กี่สิบปี  ข้าไม่มีเวลาอีกต่อไปแล้ว!”

ยูนะมองเขา

“ก็ได้” ในที่สุดยูนะก็ยอมรับ

“ข้าขอถามได้ไหม  มีข้อกำหนดอะไรในการสมัครเป็นอสูรบ้าง?”  เสียงหนึ่งดังขึ้น  ลินลี่ย์กับพวกอีกสองคนเดินเข้ามาที่เคาน์เตอร์

ยูนะชำเลืองมองเขาและจากนั้นนางเอามือกุมศีรษะทันที “โอว..สวรรค์โปรด  รายแรกเรามีเทพแท้ที่สอบตกอยู่สองครั้ง แต่โชคดีรอดชีวิตได้แต่ก็ยังอุตส่าห์ต้องการเข้าสอบคัดเลือกอีกครั้ง นั่นก็บ้าพอแล้ว อย่าบอกข้านะว่าตอนนี้เรามีเทียมเทพที่ต้องการจะร่วมสอบเป็นอสูรกับเขาด้วย”

“เฮ้, พี่ใหญ่ข้าถามคำถามเจ้าอยู่นะ”  บีบีจ้องนาง

ยูนะมองบีบี  นางอดรู้สึกงงงวยมิได้และพูดด้วยความประหลาดใจ “เขา...เป็นพี่ใหญ่ของเจ้า?” ยูนะสามารถบอกได้ว่าบีบีเป็นระดับเทพแท้ ขณะที่ลินลี่ย์เป็นเพียงเทียมเทพ

“อะไรกัน,เรื่องนั้นมีอะไรที่ไม่ถูกต้องหรือ?” บีบีถามต้องการคำตอบ

ยูนะอดตะลึงไม่ได้

เดเลียที่อยู่ใกล้ๆหัวเราะและพูดต่อ  “แม่นางยูนะ,เจ้าบอกเราได้ไหมว่าการสอบคัดเลือกเป็นอสูรจะต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง?”

ยูนะกล่าว “การสอบคัดเลือกเป็นอสูรไม่ต้องการคุณสมบัติอย่างอื่น ตราบใดที่พวกเจ้าจ่ายค่าเข้าสอบหมื่นเหรียญศิลาดำ  เจ้าสามารถร่วมทดสอบได้  เมื่อเจ้าผ่านเจ้าจะกลายเป็นอสูรหนึ่งดาว  อย่างไรก็ตาม...แม้ว่าจะไม่มีกฎที่ยุ่งยากและมีความรวดเร็วในการเข้าร่วมสอบคัดเลือกเป็นอสูร.. เอ่อ..ข้าขอแนะนำเจ้าให้มาร่วมสอบหลังจากถึงระดับเทพแท้ดีกว่า  ระดับเทียมเทพ มัน..มันอันตรายเกินไป”  เมื่อเห็นลินลี่ย์ ยูนะได้แต่หัวเราะอย่างอึดอัด

ยูนะพูดความจริง

ลินลี่ย์เข้าใจเรื่องนี้เพราะเขาได้ยินบทสนทนาของพวกเขาก่อนนี้แล้ว

คนเข้าร่วมสอบคัดเลือกพันคนแต่มีห้าสิบสามคนสอบผ่านสำเร็จ  ขณะที่มีผู้รอดชีวิตไม่ถึงร้อย  อัตราการตายระดับนี้น่ากลัวมาก นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมสอบคัดเลือกน่าจะเป็นระดับเทพแท้  ใครๆ ก็สามารถคาดคิดได้ว่าจะมีอันตรายขนาดไหน

แคลมป์ตันไปอยู่ที่มุมหนึ่งของโถงใหญ่และดื่มเหล้ากับเหล่าสหายของเขา  ตอนนี้เขาอยู่ในอารมณ์ที่โกรธมาก

“แม่งเอ๊ย..นังตัวแสบ!” ใจของแคลมป์ตันยังคงโกรธอยู่ และเขามองไปที่ยูนะเป็นครั้งคราว

“หือ?” แคลมป์ตันชะงักทันที  “พี่น้อง, ดูสิ... ไอ้หนุ่มผมน้ำตาลเป็นแค่เพียงเทียมเทพใช่ไหมนั่น?”

สหายคนอื่นๆตกใจทุกคนเพ่งดูเช่นกัน”

“เฮ้ย.. เป็นระดับเทียมเทพจริงๆ ด้วย”  คนพวกนั้นประหลาดใจกันหมด

“พวกเจ้าคงยังไม่สมัครเข้าสอบเป็นอสูรเดี๋ยวนี้เลยใช่ไหม?”  ยูนะมองดูกลุ่มของลินลี่ย์

“ยังไม่รีบร้อน อีกสักครู่ ข้าจะกลับ”  ลินลี่ย์พูดพลางหัวเราะอย่างใจเย็น ตอนนี้ลินลี่ย์รู้ว่าการสอบเป็นอสูรนั้นอันตรายแค่ไหน  แม้จะเพื่อประโยชน์ของเดเลียและบีบีเขาจะไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงอันตราย นอกจากนี้เขารู้แจ้งเคล็ดความรู้ลึกลับแก่นธาตุดินเกินครึ่งหนึ่งไปแล้ว

แม้ว่าเขาจะมีกระบวนการหลอมรวมที่ช้า  แต่ก็ใช้เวลาเพียงไม่กี่สิบปี

ไม่ต้องเร่ง

ขณะที่กลุ่มของลินลี่ย์เตรียมจะจากออกมา  ทันใดนั้นเสียงหนึ่งดังขึ้น.....

“อีกสักเดี๋ยวหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า...”  เสียงนี้ดังแสบหูเขามาก

ลินลี่ย์หันไปมองและเห็นว่าผู้นำของกลุ่มกำลังเดินเข้ามาก็คือแคลมป์ตัน  แคลมป์ตันแค่นเสียงเขาใช้สายตาดูถูกมองดูลินลี่ย์  “ฮ่าฮ่าเจ้า..เทียมเทพผู้ต้องการสอบเข้าเป็นอสูรงั้นหรือ?”  เสียงของแคลมป์ตันดังมาก

คนในโถงใหญ่หลายร้อยคนหันมามองดูและมีบางคนเดินเข้ามาด้วย

“เทียมเทพกำลังจะสอบเป็นอสูร?  ข้าได้ยินผิดไปหรือเปล่า?”  บางคนงงงวยว่าเกิดอะไรขึ้น

“ข้าได้ยินว่าเทียมเทพต้องการจะสอบเข้าเป็นอสูร  แต่นั่นเป็นเรื่องที่ข้าไม่ทราบว่าเคยได้ยินมากี่ปีแล้ว  ข้ายังไม่เคยเห็นกับตาตัวเอง”  บุรุษผมแดงถือแก้วเหล้าเดินเข้ามา

คนเหล่านี้หันมามองลินลี่ย์กันทุกคน

“เขาน่ะหรือ? คนที่จะสอบเข้าเป็นอสูร?” พวกเขาบอกได้เลยว่าคนที่ยังเป็นระดับเทียมเทพที่ปรากฏตัวอยู่ในตอนนี้ก็คือลินลี่ย์

“ใช่แล้ว, เป็นสหายน้อยผู้นี้”  แคลมป์ตันหัวเราะทันที

หน้าของลินลี่ย์บิดเบี้ยวน่าเกลียดเดเลียและบีบีก็โกรธเช่นกัน

“ไม่ใช่แค่เจ้าเด็กน้อยผมน้ำตาลนี่เท่านั้นนะ  เจ้าเด็กผมดำนี่ด้วยเขาสอบตกในการคัดเลือกเข้าเป็นอสูรมาสองรอบแล้ว แต่เขาโชคดีเหลือเชื่อที่รอดชีวิตมาได้ ตอนนี้ เขาต้องการลองสอบอีก” แคลมป์ตันหัวเราะ  “วันนี้มีคนโง่เยอะกว่าปกติจริงๆ  พวกเขาคิดว่า.. ด้วยพลังของพวกเขา  พวกเขาจะกลายเป็นอสูรได้หรือ?  พวกเขาจะกลายเป็นอสูรไปเพื่ออะไรกัน?  ตลกเป็นบ้า!”

เด็กหนุ่มผมดำโกรธจัด  เขากำหมัดแน่นขณะจ้องมองแคลมป์ตัน

หน้าของลินลี่ย์เขียวคล้ำ

“แม่มันเอ๊ย..บัดซบจริงๆ!”  บีบีตะโกนแต่ลินลี่ย์คว้าบีบีไว้  “บีบี! อย่าไปโกรธสวะแบบนี้เลย มันไม่คุ้มกัน” ลินลี่ย์กล่าว ลินลี่ย์รู้ว่าเขาปล่อยให้บีบีก่อเหตุรุนแรงไม่ได้  ถ้าเขาก่อเรื่องรุนแรงในเมืองรอยัลวิงเขาคงจบแน่นอน

หน้าของแคลมป์ตันที่กำลังหัวเราะอย่างอารมณ์ดีชะงักค้างทันที  เขาหันไปมองลินลี่ย์

“เฮ้, แคลมป์ตัน เจ้าได้ยินไหมนั่น?  เจ้าเทียมเทพนั่นเรียกเจ้าว่าสวะ”  ใครบางคนที่อยู่ใกล้ๆ โหมไฟ

“เจ้าพูดว่าไงนะ?”  หน้าแคลมป์ตันน่ากลัว

“เจ้าต้องการให้ข้าพูดอีกหรือ?”  ลินลี่ย์มองหน้าเขา เนื่องจากว่าเขาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี  “ข้าคาดไม่ถึงจริงๆว่ายังมีคนในโลกนี้ที่ต้องการถูกสบถด่าเอาอย่างนั้นก็ได้  ข้าจะพูดอีกครั้งข้าบอกว่าเจ้า...” หน้าของลินลี่ย์เพิ่มความเย็นชาขึ้นขณะที่เขาจ้องมองแคลมป์ตัน “คือสวะ!”

“ไปกันเถอะ!” ลินลี่ย์ฉุดดึงมือบีบีและเดเลียเดินออกไปข้างนอกโดยไม่สนใจแคลมป์ตันแม้แต่น้อย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด