ตอนที่แล้วตอนที่ 434 มรรคาวิชาบู๊ของถังเทียน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 436 มังกรบุก

ตอนที่ 435 ชัยชนะ


ถังเทียนกระโจนไปข้างหน้าราวกับประกายไฟ  เหมือนกับว่าคาดไว้แล้วว่าเส้าเต๋อจะหลบหนี

เขาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของเส้าเต๋อเหมือนกับภูตผี  เส้าเต๋อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวด้านหลังเขาสีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันที  ดาบในมือของเขาแตกกระจายเป็นรังสีเงินนับไม่ถ้วนและรังสีแต่ละชิ้นจะเป็นเหมือนกับปีกเงิน

ปัง!

ปีกทั้งหลายแตกกระจาย  รังสีเงินแผ่กระจายไปทั่วท้องฟ้า  หมัดถังเทียนโจมตีถูกร่างของเส้าเต๋อโดยตรง

เส้าเต๋อหยุดนิ่งในท่าวิ่งไปข้างหน้าสีหน้าของเขาแข็งค้าง

ปัง ปัง ปัง!

พลังโจมตีที่เข้มข้นระดมใส่ร่างเขาดุจสายฝน  เขาเป็นเหมือนมนุษย์กระสอบทรายในชั่ววินาทีเดียว เขารับพลังโจมตีที่รุนแรงถึงสามร้อยครั้ง   พลังโจมตีพื้นฐานของถังเทียนทรงพลังมาก  แต่พลังทำลายล้างไม่อาจเทียบได้กับท่าสังหารของหลิงซิ่วและอาเฮ่อเลย   มันไม่สามารถทำร้ายเส้าเต๋อได้ด้วยการโจมตีครั้งเดียว  ปราณแท้ในร่างเขาสามารถรักษาตัวเขาเองได้ง่าย

อย่างไรก็ตาม  เขาต้องทนรับพลังโจมตีรุนแรงสามร้อยครั้งในหนึ่งวินาที  แน่นอนปราณแท้ในร่างของเขาถูกอัดกระจายเป็นเสี่ยงๆ  มันสลายไปอย่างสิ้นเชิง และชีพจรทั้งหมดขาดสะบั้น

ถังเทียนโจมตีอย่างโหดเหี้ยมต่อเนื่องถึงสิบวินาที!

เมื่อเขาโดดถอยหลังออกมาเอง  เส้าเต๋อก็ตายแล้ว

ถึงตอนนั้นถังเทียนถึงได้รู้ตัวถึงสิ่งที่เขาทำลงไป เขามองดูศพของเส้าเต๋อ ครู่นั้นเอง เขาตกตะลึง เซียนเขาฆ่าเซียนนักสู้ได้จริงๆ....

เขาไม่อาจเชื่อกับสิ่งที่ตัวเองเห็น  พลังของนักสู้ระดับเซียนลึกซึ้งตราตรึงใจเขามาเป็นเวลานานที่สุด  ในความเห็นของเขานักสู้ระดับเซียนทุกคนโดดเด่นและเป็นแบบอย่างที่เขามองหา

อย่างไรก็ตาม....บุคคลที่โดดเด่นน่าทึ่ง ตายด้วยน้ำมือเขาในวันนี้...

มันดูไม่เป็นความจริงมากซึ่งทำให้ถังเทียนคิดว่าเป็นความฝัน นี่นักสู้ระดับเซียนนะ  เขาเป็นเซียน  เซียนจะถูกฆ่าด้วยวิทยายุทธพื้นฐานนี่มันเรื่องตลกชัดๆ

ขณะเดียวกัน  หลิงซิ่วและอาเฮ่อก็ตะลึงพอๆ กัน

“เจ้าหมอนี่...ฆ่าท่านเส้าได้หรือนี่?” หลิงซิ่งตกใจอย่างหนักจนตะโกนออกมา เขาเหม่อมองเหมือนไม่มีความรู้สึก

“เขาตายจริงๆหรือเปล่า?”  อาเฮ่อตกใจพอกัน เขาบ่นพึมพำ

ขณะต่อมาทั้งสองคนค่อยเรียกความรู้สึกกลับมาได้  พวกเขามองหน้ากันเอง  พวกเขาเห็นความหวาดผวาอยู่ในดวงตาพวกเขา

“มันคือวิทยายุทธพื้นฐาน  แต่ว่ารวดเร็วเกินไป มันจะเทียบกับหอกทะเลจุดของเจ้าได้อย่างไร?”  อาเฮ่อมีท่าทางจริงจัง

“วิธีการที่แข็งแกร่ง”  หลิงซิ่วยิ้มขมขื่น  เขารู้สึกกลุ้มมากแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ฝ่ายเดียวกันแต่ก็ยังรู้สึกเศร้าหลังจากเขายอมรับว่ายังมีคนอื่นที่ดีกว่าเขา  แต่เขาพูดอย่างใจเย็น  “พลังโจมตีของหอกทะเลจุดของข้าถูกทำให้กระจายแต่ทุกๆ การโจมตีของเขานั้นสมบูรณ์แบบ เขาควบคุมวิทยายุทธพื้นฐานของเขาได้จนถึงระดับที่เหลือเชื่อ”

“เขาฝึกวิทยายุทธพื้นฐานอย่างเดียวห้าปี”  อาเฮ่อประทับใจ “แค่ในจุดนี้มีไม่กี่คนที่จะทำเช่นนั้นได้ เขามีรากฐานเริ่มต้นที่ดีบวกกับพลังสายเลือดมนุษย์หมาป่าฟ้าและพลังดวงดาวที่อัดแน่นอยู่ในร่างกายมีแต่เขาที่สามารถใช้รูปแบบการต่อสู้ที่ไม่อายใครแบบนี้ได้”

รูปแบบการต่อสู้ที่ไม่อายใคร...เหมือนจะเท่  แต่ว่า...

“แข็งแกร่งมาก!” หลิงซิ่วมองดูถึงเทียนผู้กำลังเก็บสินสงครามอย่างมีความสุขและพูดเสียงเบา “นั่นคือมรรคาวิชาบู๊ที่เป็นของเขาผู้เดียวเท่านั้น  มีแต่เขา จึงจะมีความสามารถทำเช่นนั้นได้”

“ถูกแล้ว” อาเฮ่อถอนหายใจ

บางทีคนอื่นๆเพียงแต่เห็นพลังของสายเลือดมนุษย์หมาป่าฟ้าและยกประโยชน์ให้พลังดวงดาวหนึ่งในสามของกลุ่มดาวหมีใหญ่  อย่างไรก็ตาม นอกจากถังเทียนแล้วใครอื่นที่ไหนบ้างจะยอมฝึกวิทยายุทธพื้นฐานถึงห้าปีเล่า?   หากไม่มีความคุ้นเคยเป็นพิเศษเป็นไปได้ยังไงที่จะมีความเร็วขนาดนั้น?  นอกจากถังเทียนแล้วใครเล่าที่จะไม่ไขว้เขวจากสภาพแวดล้อมและยึดติดกับรูปแบบโจมตีโดยไม่ใช้สมองเล่า?

นั่นคือมรรคาวิชาบู๊ที่เป็นของเฉพาะถังเทียนเท่านั้น

แม้ว่าจะยังไม่สมบูรณ์แต่ถังเทียนก็ถือว่าพบมรรคาวิชาบู๊ของเขาเอง อีกสองคนทำได้แต่อิจฉาและไม่มีข้อมูลอะไรที่พวกเขาใช้เป็นหลักอ้างอิงได้ วิถีวิทยายุทธแต่ละอย่างคือตัวแทนหัวใจของพวกเขา ถังเทียนปฏิบัติต่อโลกอย่างไร้เดียงสาและไร้สมองซึ่งพวกเขาไม่มีทางทำได้  พวกเขาจำเป็นต้องแสวงหามรรคาวิชาบู๊ของตนเองต่อไป

พวกเขาไม่ได้อิจฉาที่ถังเทียนดูดซับพลังกลุ่มดาวหมีใหญ่ไว้ถึงหนึ่งในสาม  ที่สำคัญนั่นจัดเป็นแหล่งพลังภายนอกซึ่งเป็นช่วงระหว่างการเดินทางสู่ความเป็นนักสู้ระดับเซียนซึ่งอาจไม่เป็นประโยชน์โดยไม่จำเป็น พวกนักสู้ที่เสพติดพลังภายนอกย่อมไม่สามารถเข้าถึงความเป็นนักสู้ระดับเซียนได้

วิธีเดียวก็คือค้นหาวิถีวิทยายุทธของตนเอง  จากนั้นจึงสามารถสร้างสนามพลังวิญญาณเฉพาะตนนี่คือสาเหตุที่พวกเขาอิจฉามาก

โดยไม่ทันรู้ตัวเขาเดินมาถึงข้างหน้าพวกเขา

“รูปแบบการต่อสู้เจ้าผู้นี้ฉีกแนวมากใครจะรู้ว่าสนามพลังวิญญาณของเขาจะฉีกแนวขายหน้าขนาดไหน”หลิงซิ่วพูดทันทีด้วยความรู้สึกอิจฉาเต็มที่

หลิงซิ่วไม่ปกปิดความอิจฉาของเขา  “ไม่ใช่แค่ไร้ความอายเท่านั้นนะ  มันยังดูไร้สมองด้วย”

ทั้งสองนั่งลงขัดสมาธิ  พวกเขาบาดเจ็บภายในไม่น้อย  แต่โชคดีที่ร่างกายพวกเขามิได้บาดเจ็บมากมิฉะนั้นคงจะฟื้นฟูไม่ได้ง่ายๆ แน่

เมื่ออาเฮ่อลืมตา  เขาแทบไม่เชื่อสิ่งที่เขากำลังมอง  ถังเทียนกำลังอ่าน

เกิดอะไรขึ้นในโลก...

ถังเทียนหาวขณะที่เขาอ่าน  “หนังสือเล่มนี้ไม่มีประโยชน์ต่อข้า  พวกเจ้าลองอ่านดู”

หลิงซิ่วฉกหนังสือไปอย่างรวดเร็ว

อาเฮ่อรู้สึกแปลก  ถังเทียนไม่เคยอ่าน  แต่นั่นยังพอเข้าใจได้  หลิงซิ่วผู้มีอารมณ์ร้อนเมื่อเขาอ่านจะเหมือนกับดึงสลักรอให้เขาระเบิด หนังสือที่หลิงซิ่วอ่านมีแต่หนังสือเก่าแก่ที่อาจารย์ทิ้งไว้ให้เขา  แต่ทุกครั้งที่เขาอ่านเขาจะหาวไม่หยุดและทำท่าเบื่อ มีอยู่หลายครั้งที่เขาเห็นหลิงซิ่วคว่ำหนังสือตอนที่เขาอ่าน

คนอย่างเขากระตือรือร้นมากที่จะอ่านหนังสือนี่ทำให้อาเฮ่อรู้สึกแปลกมาก

ที่คาดไม่ถึงก็คือหลิงซิ่วใช้เวลาอ่านถึงสองสามชั่วโมง เมื่อเขาอ่านจบ เขาโยนหนังสือให้อาเฮ่อ จากไปนั่งไตร่ตรองอยู่ที่มุมหนึ่ง

หนังสือเหมือนกับมีพลังวิเศษซึ่งทำให้สองคนที่ไม่ชอบหนังสือถึงกับอ่านหนังสืออย่างกระตือรือร้นด้วย?

อาเฮ่อหยิบหนังสือมาดูด้วยความสงสัยกวาดตาดูสองสามหน้า ในไม่ช้าเขาก็ถูกหนังสือดึงดูดความสนใจอย่างลึกซึ้ง หนังสือ ไม่สิความจริงควรเรียกว่าสมุดจดนี้ก็คือบันทึกประจำวันของเส้าเต๋อถึงผลสะท้อนของการฝึกฝน

แม้ว่าเขาจะถูกถังเทียนสมองกลวงสังหาร  แต่ที่สำคัญเขายังเป็นนักสู้ระดับเซียน  ไม่มีอะไรที่สามสหายจะเทียบกับเขาได้  แม้ว่าจะได้รับผลสะท้อนเกี่ยวกับวิชาดาบโจมตีของเขาแต่ก็ยังเป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่และใช้ในการอ้างอิงของอาเฮ่อ

เทียบกับการอ่านหนังสือแล้วต่อให้มีหลิงซิ่วกับถังเทียนร้อยคนรวมกันก็ยังไม่เท่ากับอาเฮ่อ  เขาแยกแยะข้อมูลออกทั้งหมดระหว่างบรรทัดและจัดเรียงอย่างเรียบร้อย

ไม่ต้องคำนึงถึงวิชาต่อสู้ที่พวกเขาใช้ ในที่สุดแล้วสิ่งมีชีวิตมนุษย์ก็ต้องขุดเอาศักยภาพของตนเองออกมาและในที่สุดเราต้องเปลี่ยนแปลงตนเองและสำรวจตนเอง สมุดเล่มนี้บันทึกทุกย่างก้าวของการเดินทางสู่ความเป็นนักสู้ระดับเซียนของเส้าเต๋อ

สมุดบันทันจะมีประโยชน์ต่ออาเฮ่อและหลิงซิ่วมากมาย พวกเขาคุ้นเคยและรู้จักสนามพลังวิญญาณอยู่บ้าง  แต่หลังจากที่พวกเขาอ่านสมุดบันทึกนี้  พวกเขาจะมีแรงบันดาลใจที่ยอดเยี่ยม

ถังเทียนรวบรวมสินสงครามเอาไว้ที่ด้านหนึ่ง

เส้าเต๋อเป็นคนที่มีอารมณ์ชืดชา  เขาไม่พกสมบัติติดตัวมาก  แต่ที่สำคัญเขาเป็นนักสู้ระดับเซียน  ดังนั้นจะพกของที่ดีที่สุดติดตัวเขาเท่านั้น

ดาบโค้งที่เหมือนกับน้ำในทะเลสาบและมีน้ำไหลช้าๆนี่ควรจะเป็นอาวุธสำรองของเส้าเต๋อ ไม่มีใครรู้ว่าใครสร้างมันขึ้นมา มันนุ่มและมีความยืดหยุ่นมาก มีความทนทานน่าทึ่ง  ถังเทียนพยายามทำลายดาบหลายครั้งแต่ล้มเหลวไม่มีคนใกล้ตัวเขาที่ฝึกดาบ ดังนั้นเขาตั้งใจจะมอบให้เซรีน โลหะแปลกแบบนั้นอาจจะเหมาะกับเซรีน  และนางอาจทำอะไรบางอย่างกับมันก็ได้

ของอื่นๆก็มีลูกหินสีเทา

ดูเหมือนว่าจะเป็นหินอ่อนธรรมดา  ไม่มีอะไรพิเศษ  แต่เมื่อถังเทียนกำไว้แน่น  มันไม่มีปฏิกิริยาอะไร  เขาลองส่งพลังดวงดาวเข้าไป  แต่ยังคงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ  จากนั้นเขาลองใช้ไฟเผา แช่น้ำ เอาเลือดป้ายแต่ก็ยังไม่มีอะไร  ถังเทียนได้แต่ยอมแพ้และเก็บเอาไว้ก่อน

แม้ว่าเขายังสับสนอยู่ว่าลูกหินนั้นใช้ทำอะไรกันแน่  แต่สิ่งแปลกๆทั้งหมดนี้บ่งบอกว่าไม่ธรรมดาแน่นอน ไม่ใช่ว่าของทุกอย่างจะมีคุณค่าพอให้นักสู้ระดับเซียนพกติดตัวไว้

สิ่งที่ทำให้ถังเทียนหงุดหงิดก็คือเขาไม่พกเงินติดตัวเลย

ที่สำคัญคือเขาเป็นนักสู้ระดับเซียน  เขาน่าทึ่ง แต่ยากจนเหลือเกิน  เขาไม่มีเงินแม้แต่เหรียญเดียว  แล้วจะเข้าสังคมกับผู้คนได้อย่างไร?

ถังเทียนไม่เคยรู้  เส้าเต๋อใช้ชีวิตสันโดษอยู่ในภูเขา  ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงิน  ดังนั้นทำไมเขาจึงต้องพกด้วยเล่า? ถังเทียนนึกเหตุผลนี้ไม่ได้ดังนั้นเขาจึงรวบรวมเศษชิ้นดาบเงิน

ที่สำคัญคือมันคือดาบของนักสู้ระดับเซียน โลหะของมันน่าจะขายทำเงินได้

ถังเทียนไม่ยอมรับวิธีที่ทำให้เขาไม่ได้อะไร

ความจริงถ้าไม่ใช่เพราะเส้าเต๋อต้องการแปลงดาบเป็นดาบปีกและเขาเพียงแต่หลบหนีไปเอง ด้วยความสามารถของถังเทียนเขาจะไม่มีทางทำลายดาบของนักสู้ระดับเซียนได้

รวบรวมเสร็จแล้วถังเทียนที่ยังไม่พอใจกวาดตาดูรอบๆอีกครั้ง แต่ไม่มีอะไรเหลือแล้ว สถานที่ดูราบเรียบเหมือนเพิ่งผ่านการทำความสะอาด

ถังเทียนเหลือบไปเห็นลำแสงในที่ไกลออกไป

พลังดวงดาวในตัวของเขาก็คือพลังดวงดาวของกลุ่มดาวหมีใหญ่ความรู้สึกอ่อนไหวของเขาจึงยากจะหาใครเทียบได้เป็นธรรมดา เขารู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่นที่ยังไม่ตายซึ่งแฝงอยู่ในแสงนั้น

น่าเศร้า  เยี่ยนหย่งเลี่ยตายแล้ว  มันเป็นจิตวิญญาณยุทธของเขากำลังเผาผลาญอยู่ตอนนี้

ถังเทียนเคารพคู่ต่อสู้อย่างเขา  แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าถังเทียนจะยอม  เนื่องจากพวกเขาเป็นคู่ต่อสู้  การสู้กันอย่างสุดความสามารถเป็นการแสดงความเคารพต่อคู่ต่อสู้

อาเฮ่อและหลิงซิ่วฟื้นฟูพลังเต็มที่ทั้งสองคน  พวกเขาเริ่มเดินทางต่ออีกครั้ง

“ถังจอมห้าว และเจ้าจะตั้งชื่อวิถียุทธของเจ้าว่ากระไร?”  อาเฮ่อถาม

“ข้าต้องตั้งชื่อด้วยเหรอ?”  ถังเทียนสับสน

“วิถียุทธหรือมรรคาวิชาบู๊ล้วนมีชื่อที่แข็งแกร่งทรงพลังทั้งนั้น”  อาเฮ่อว่าตามตำรา

“หวา..งั้นข้าก็ต้องตั้งชื่อเท่ๆ” ถังเทียนตาเป็นประกาย

หลิงซิ่วเสริมต่อ“วิชาหน้าทนสมองกลวงเป็นไง”

“สมองกลวง,อือ..ไม่เลว”  ถังเทียนพยักหน้าหงึกหงัก

หลิงซิ่วคาดไม่ถึงว่าถังเทียนจะตอบสนองแบบนั้น  เขาตกตะลึง และโคลงศีรษะ “โอวพระเจ้า,หมดหวังเยียวยาจริงๆ...”

“ทำไมข้าต้องฉลาดด้วยเล่า?”ถังเทียนยิ้มอย่างภูมิใจ “แค่เพียงคนงี่เง่ากลายเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่  ดังนั้นก็จะเรียกว่ากระแสของวีรบุรุษงี่เง่า...”

“ช่างเถอะน่า  รีบเดินทางกันเถอะ”  อาเฮ่อเลิกให้คำแนะนำกับเขา

สายตาคนทั้งสามจ้องอยู่ที่ลำแสงที่ไกลออกไป

หลิงซิ่งบ่นพึมพำ  “นั่นแหละควรจะเป็นวีรบุรุษที่แท้จริง”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด