ตอนที่แล้วตอนที่ 435 ชัยชนะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 437 เป้าหมายไขว่คว้า

ตอนที่ 436 มังกรบุก


“พวกคนเหล่านี้ทั้งหมดรับมือได้ยากมาก”  ถังเทียนหน้ามุ่ย  สีหน้าของเขาดูหงุดหงิด  “พวกเขารู้ว่าพวกเขาจะต้องตาย  แต่ก็ยังพยายามอย่างหนักนับว่าพวกเขาแข็งแกร่งทรงพลังจริงๆ”

อีกสองคนมีท่าทางเหนื่อยปรากฏอยู่บนใบหน้า  แต่ก็ยังมีเรี่ยวแรงพยักหน้าเห็นด้วย

พวกเขาพบกับการขัดขวางนับไม่ถ้วนนักสู้ทุกคนอ่อนแอกว่าพวกเขาต่างกรูกันเข้ามาดุจสายน้ำโดยไม่คำนึงถึงชีวิตพวกเขาเอง  ทั้งสามคนเข่นฆ่ามาตลอดทางอดทนจนกระทั่งมาถึงวัง

เมื่อเห็นลำแสงยิงขึ้นไปในท้องฟ้าจากวังหมีใหญ่  ทั้งสามคนมีสีหน้าเคารพให้เกียรติ

“วีรบุรุษที่ควรแก่การเคารพ”  อาเฮ่อมองลำแสงพึมพำ  “เพื่อกลุ่มดาวของเขา เพื่ออนาคต  เขายอมเสียสละตนเอง และเราเตรียมจะทำลายการเสียสละสุดท้ายของเขา มันช่างว้าวุ่นใจจริงๆ”

หลิงซิ่วส่ายศีรษะและกล่าว “เพื่อกลุ่มดาวหมีใหญ่เขาสามารถละทิ้งทุกอย่างและทุ่มเททุกอย่าง นั่นนับเป็นวีรบุรุษที่แท้จริงในฐานะที่เป็นศัตรูของเขา เราทำได้เพียงสู้สุดกำลังที่เรามี ขอเพียงละเว้นทุกอย่างเราจะสามารถคว้าชัยชนะนี้ได้  วีรบุรุษตายในสนามรบอาจจะรู้สึกเสียใจแต่ไม่รู้สึกผิด”

ทั้งสามคนสีหน้าจริงจังเป็นการให้เกียรติเยี่ยนหย่งเลี่ย

“ปล่อยข้าเอง”  ถังเทียนกล่าว พลังดวงดาวของกลุ่มดาวหมีใหญ่ในร่างของเขามีหนาแน่นที่สุด  และเขารู้สึกใกล้ชิดกับกลุ่มดาวส่วนใหญ่นอกจากทั้งสามคนแล้ว มีเพียงเขาที่สามารถตัดสินใจเรื่องการเผาผลาญของดวงดาว

ถังเทียนยื่นฝ่ามือออกไปสัมผัสลำแสงมีความรู้สึกเหมือนกับว่าเขาสัมผัสไฟ เปลวเพลิงที่ร้อนแรงทำให้เขาต้องการถอยหลัง  แต่เขาฝืนกระตุ้นตัวเอง  ไม่ว่าต้องทุ่มเทเท่าใด เขาจะต้องยื่นมือเขาเข้าไปในลำแสงให้ได้

พลังดวงดาวในร่างของเขาทะลักออกมาด้านนอก

เขารู้สึกว่าเหมือนอยู่ในทะเลเพลิง  ความรู้สึกนั้นคุ้นเคยมากเหมือนกับว่าเขาสามารถเห็นเข้าไปในส่วนลึกของวัง ภายในทะเลเพลิงยังคงมีการเผาไหม้จิตวิญญาณยุทธต่อเนื่อง

จิตวิญญาณยุทธยังคงปลดปล่อยพลังต่อสู้ที่ประหลาด   ปณิธานสู้หนาแน่นมากจนเกิดเป็นเปลวไฟรอบๆ

“ท่านแพ้แล้ว”  ถังเทียนพูดดังๆกับจิตวิญญาณยุทธที่วิวัฒนาการไปเป็นเปลวเพลิง “ข้าชื่นชมปณิธานต่อสู้ของท่าน แต่ทุกอย่างจบแล้ว!เลือดไม่ควรเสียไปกับการต่อสู้ที่ไร้ความหมายกลุ่มดาวหมีใหญ่ไม่ควรถูกทำลายอย่างนี้”

ร่างที่พลิ้วไหวมีเปลวไฟห่อหุ้มยังคงยืนนิ่ง  และปณิธานสู้ที่รุนแรงระเบิดออกมา

“ข้าไม่รู้ว่าจะโน้มน้าวให้ท่านหยุดการสันดาปภายในได้อย่างไร  แต่ถ้าท่านไม่ยอมแพ้  ข้าจะสู้กับท่านเอง”  ถังเทียนพูดช้าๆ  “ข้าจะไม่ยอมให้กลุ่มดาวหมีใหญ่ถูกทำลาย  ปิงและคนที่เหลือทำได้ดีกว่าท่านเสียอีก แม้ว่ากลุ่มดาวหมีใหญ่จะไม่ใช่กลุ่มดาวที่ท่านปกป้องอยู่เสมอก็ตาม”

พลังดวงดาวในตัวถังเทียนเริ่มหมุน

พลังดวงดาวสีทองและหนาแน่นเปลี่ยนไปเป็นวังวนพลังสีทองและดูดกลืนพลังดวงดาวรอบตัวเขาอย่างบ้าคลั่ง

เปลวเพลิงที่ลุกโชนไหลเข้ามาในตัวของถังเทียน

ตัวถังเทียนปลดปล่อยพลังกระแทกกระทั้นและมีเสียงวิ้งๆดัง เสื้อผ้าบนตัวเขามอดไหม้จนเหลือแต่เถ้าถ่านและลำแสงหมองลง

ถังเทียนยังคงใจเย็นการสันดาปของพลังดวงดาวเหมือนกับสัตว์ร้ายที่สูญเสียความควบคุม  กระบวนการความคิดของถังเทียนนั้นง่ายการดูดซับพลังดวงดาวเข้ามาในร่างของเขาโดยใช้พลังดวงดาวภายในร่างของเขาข่มมันให้เชื่องเชื่อและเปลี่ยนสภาพของมัน  สมบัติชั้นเซียนของกลุ่มดาวหมีใหญ่ยังไม่ได้อยู่ในมือของเขายังดีที่ในตัวเขามีพลังดวงดาวถึงหนึ่งในสาม

แต่...มันเจ็บปวดมาก..

เขารู้สึกถึงทะเลเพลิงก่อนหน้านี้  แต่ตอนนี้ เขารู้สึกเหมือนกับว่าร่างของเขาเป็นเตาเผา  และเขาต้องการทำให้ผิวของเขาแข็ง  และพยายามอย่างหนักเพื่อแปลงพลังสันดาปดวงดาว

หลิงซิ่วและอาเฮ่อยืนคุ้มกันอยู่ข้างตัวเขา  พวกเขาคอยป้องกันมิให้ใครๆต้องการเข้ามาทำร้ายถังเทียน

ถังเทียถูกหุ้มอยู่ในพลังดวงดาวที่ลุกโชน  เข้าไปในลำแสงเขากำลังสั่นอย่างต่อเนื่องเหมือนกับว่าสามารถล้มลงได้ทุกเมื่อ

“เจ้าบ้านี่ระห่ำจริงๆ”  หลิงซิ่วไม่สามารถทนต่อไปได้และพูดออกมา  “เขาสามารถทนอยู่ได้โดยไม่ระเบิด!”

“ใช่แล้วจอมห้าวถังมีพื้นฐานที่ไม่ธรรมดา” อาเฮ่อพยักหน้า “ข้าเพียงแต่ไม่สามารถนึกออกได้เลยว่าพลังเส้นชีพจรไหนที่สามารถทนต่อพลังดวงดาวหมีใหญ่ขนาดหนึ่งในสามไว้ได้  น่าเสียดายมารดาของจอมห้าวถังเสียชีวิตไปนานแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นคงไม่ปล่อยให้ยุ่งยากแน่”

เมื่อพูดถึงตอนนั้นหัวใจของเขาอดพลุกพล่านมีอารมณ์มิได้ เขานึกถึงตนเอง บิดาของเขาจากไปเร็ว ทิ้งบาดแผลลึกไว้ในใจของเขา วัยเด็กของเขาต้องติดอยู่กับความเดียวดายและความมืดมิดอยู่หลายปี

และเขายังคงมีมารดาของเขา..

อาเฮ่อไม่สามารถนึกถึงชีวิตของถังเทียนออกหลังจากที่มารดาของเขาเสียชีวิตไปแล้ว

อาเฮ่อพูดอย่างนุ่มนวล  “สำหรับเขาเป็นอย่างนี้ในตอนนี้  เขาต้องผ่านเรื่องราวมาหลายอย่าง”

หลิงซิ่วเม้มริมฝีปากและยิ้มอย่างไม่เห็นด้วย  “ถ้าไม่เล่า? จะรำพันต่อฟ้าและก่นด่าโลกหรือ? ร้องไห้เสียใจทุกวัน  อย่างน้อยพวกเจ้าก็ยังมีพ่อแม่  ข้ายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อแม่ข้าเป็นใครแต่ข้าก็ยังไม่ปรารถนาจะรู้”

อาเฮ่อตะลึง

สายตาของหลิงซิ่วเหม่อมองกว้างไกลใบหน้าที่ภูมิใจของเขาสงบไม่มีเปลี่ยนแปลง “เมื่ออาจารย์ข้าตาย ข้าอายุสิบเอ็ดปี ข้าลำบากอย่างหนักและจากนั้นกลายเป็นสิ้นหวังและท้อแท้ ข้าต้องการจะแก้แค้นให้อาจารย์ แต่ข้ารู้ว่าข้ายังไม่สามารถทำได้  พรสวรรค์ของข้าก็เพียงอย่างนั้นๆสภาพร่างกายของข้าย่ำแย่ ข้ายังไม่อาจทำให้อาจารย์พอใจได้ แต่ศัตรูของข้าเป็นคนที่อาจารย์ยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะ  เมื่อหัวใจของเจ้าเต็มไปด้วยความเกลียดชัง  แต่เจ้าก็รู้ ต่อให้เจ้าฝึกเป็นร้อยปี เจ้าก็ไม่สามารถเอาชนะศัตรูของเจ้าได้ และเจ้าก็รู้ว่า แม้แต่อาจารย์ของเจ้าก็ไม่ปรารถนาให้เจ้าล้างแค้นเพราะเขารู้ว่าเจ้ายังแย่กว่าศัตรูของเขา เขาไม่ต้องการให้เจ้าเอาชีวิตไปทิ้งความสิ้นหวังนั้นมันน่ากลัวมากกว่าความเจ็บปวดและเสียใจ”

“ข้าบอกตัวเองข้าต้องไปจากที่นี้ จากไปเพื่อที่ว่าข้าจะไม่ต้องทนทุกข์ต่อไป  และข้าจากไป มันกะทันหันข้าไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ดังนั้นข้าได้แต่เดินดุ่มๆ ข้าเดินไปเรื่อยๆใครจะรู้ว่าข้าเดินไปไกลแค่ไหน และข้าไม่รู้ว่าข้าอยู่ที่ไหน เมื่อข้าหิว ข้าจะฆ่าอสูรดวงดาว เมื่อข้ากระหาย ข้าจะมองหาแหล่งน้ำ ข้าฆ่าขโมยมาหลายคนจนกระทั่งผู้อาวุโสตระกูลกู้พบข้าและคิดว่าข้าเป็นคนป่าเถื่อน”

“ศพเดินได้  เจ้ารู้จักไหม?นั่นแหละคือสิ่งที่ข้าเป็น” หลิงซิ่วเบะปาก  เขาอยากยิ้มแต่กลับดูน่าเกลียดกว่าร้องไห้ “ความจริงผู้อาวุโสตระกูลก็ดีต่อข้า และให้ทุกอย่างที่ข้าต้องการถ้าข้าไม่พบกับจอมห้าวถังถ้าข้าไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับกู้เสวี่ยซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเกลียดมากข้าก็ยังคงเป็นเหมือนผีดิบตนหนึ่ง”

อาเฮ่อมองดูหลิงซิ่วอย่างว่างเปล่า

“แต่เจ้าพูดถูกเจ้าห้าวถังแข็งแกร่งมากจริงๆถ้าไม่ใช่เพราะเขา ข้าคงไม่รู้เรื่องทุกอย่างด้วยตัวเอง” หลิงซิ่วกำหมัดแน่น  “เฮ้อแต่ในที่สุดข้าก็เข้าใจ!ความสิ้นหวังทั้งหมดไม่ได้ถูกกำหนดโดยชะตากรรม มันคือบางสิ่งที่เจ้าบอกกับตัวเอง! ถ้าเจ้าบอกตัวเจ้าเองว่าพรสวรรค์ของเจ้าธรรมดาและไม่สามารถไล่ตามคนอื่นได้ตลอดไป  เจ้าพร่ำบอกตัวเองว่าเจ้าน่าสงสารและเศร้าเฮ้อ..อย่างนั้นเจ้าก็จะตาย เจ้าเท่ากับขุดหลุมฝังศพตัวเอง  ข้าไม่ต้องการเช่นนั้น!”

“ใจของข้าเต็มไปด้วยความเกลียด  ข้าต้องการแก้แค้น!  แม้ว่าข้าจะโง่เหมือนหมู  ข้าก็จะคลานและคลานไปหาเจ้าคนชั่วนั่น!  ถ้าข้ามีชะตากรรมต้องตาย  อย่างนั้นข้าก็ต้องการตายด้วยหอกของคนผู้นั้น! ไม่ว่ายังไง ข้าจะไม่ขุดหลุมฝังศพตัวเองแน่นอน

อาเฮ่อตะลึงมองดูท่าทางที่น่ากลัวและดุร้ายของหลิงซิ่ว

หลิงซิ่วกลับสู่ความสงบและหันหน้ามาจากนั้นก็พึมพำกับตนเอง “ข้าคิดว่าเป็นเรื่องกล้าหาญความจริงข้าได้เรียนรู้เรื่องนั้นจากเด็กหนุ่มจอมห้าวและเป็นเวลาสองสามปีข้าได้ใช้ชีวิตเหมือนสุนัขตัวหนึ่ง”

อาเฮ่อตะลึงสิ้นเชิง  เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไร

หลิงซิ่วแตะคิ้วของเขา ใบหน้าเขามีท่าทีไตร่ตรอง  “เอ๋? นั่นยังไม่ทรงพลังหรือ?เจ้าได้ผ่านการไถ่บาปโดยได้ยินคำพูดของข้าแล้วใช่ไหม?”

อาเฮ่อพูดไม่ออก

จากนั้นหลิงซิ่วพูดเรื่องที่น่ารำคาญ  “ไม่ว่าเจ้าต้องการจะพูดอะไรก็พูดออกมาไม่ต้องกระบิดกระบวนมากได้ไหม? มันน่ารำคาญ”

“งั้น...ข้าจะต้องพูดจริงๆหรือ?” อาเฮ่อถามอย่างสงสัย

“พูด!”

“คะ..ความสิ้นหวังนั้น  เสี่ยวซิ่วซิ่ว..พรสวรรค์เจ้ามันจะแย่ได้ยังไง?” อาเฮ่อถามด้วยความเห็นใจ

หน้าของหลิวซิ่วโกรธทันที  เขาหันหน้าควับทันที อาเฮ่อสามารถมองเห็นเส้นเลือดปูดโปนบนหน้าผากของหลิงซิ่ว  เขารีบเตือนทันที  “เฮ้ เฮ้ เฮ้ เจ้าบังคับให้ข้าพูดเองนะ...”

“ตัวแสบ! เจ้าตายซะเถอะ!” หลิงซิ่วระเบิดอารมณ์โกรธ

ทันใดนั้น ทั้งสองคนหยุด

“มีบางคนจะฉวยโอกาสเอาเปรียบเราหรือ?  เทพไท้ส่วยทรงรู้สรรพสิ่ง  เขาไม่ต้องการชีวิตหรือไง”หลิงซิ่วขมวดคิ้วและหัวเราะอย่างชั่วร้าย

“ไปดูกันเถอะ” อาเฮ่อเสนอ

ทั้งสองคนเคลื่อนไหว  กระโดดขึ้นไปที่สูงบนวังมองหาพื้นที่สูงสุดและมองไกลออกไป

บนพื้นที่ราบเป็นกลุ่มกองทัพคดเคี้ยวกำลังเดินหน้า  แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ไกล  แต่เสียงสั่นสะเทือนก็สามารถได้ยิน

“ตั้งขบวนรบเสียใหญ่โต”  หลิงซิ่วเย้ยหยัน  รังสีฆ่าฟันท่วมท้น

“น่าสนใจ”  อาเฮ่อยิ้มอย่างสุภาพ

ในที่ห่างไกลออกไปกองกำลังใหญ่ซึ่งเป็นกองทัพที่สร้างจากตะกวดสะท้านภูผา ตะกวดสะท้านภูผาเป็นสัตว์ประหลาดที่พบอยู่ในกลุ่มดาวมังกรเท่านั้น  มันเป็นสัตว์ประเภทสายธาตุดินมีร่างกายใหญ่โตสูงเกินหกเมตรและยาวเกินยี่สิบเอ็ดเมตร  มันดูเหมือนกับภูเขาที่เคลื่อนไหวได้  พวกมันแข็งแกร่งทรงพลัง  แต่ร่างกายใหญ่โตของพวกมันเทอะทะ  ตะกวดสะท้านภูผาเชื่อง แต่กล้าหาญในการรบมาก  บนหน้าผากของมันมีเขาสั้นแต่แข็ง  ตะกวดสะท้านภูผาไม่ว่าระดับใดก็สามารถชนปะทะกับภูเขาได้ง่าย

กองทัพสะท้านภูผาของกลุ่มดาวมังกรมีชื่อเสียงมาก

ที่ด้านหน้าสุดเป็นตะกวดสะท้านภูผาที่ตัวใหญ่กว่าตัวอื่นๆบนหลังของมันมีศาลาเก๋งจีนที่คลุมม่าน ได้ยินเสียงบรรเลงเพลงลอยมาตามลม

หลงจู้มองผ่านม่านไม้ไผ่ และเห็นลำแสงที่ยิงตรงขึ้นท้องฟ้าจากวังหมีใหญ่ซึ่งอยู่ไกลออกไปและอุทานออกมา  “เยี่ยนหย่งเลี่ยเป็นผู้ปกครองของรุ่นนี้ แต่ข้าไม่คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะพลาดท่าในสถานการณ์เช่นนี้ ในพริบตาเดียวกลุ่มดาวหมีใหญ่กำลังจะล่มสลาย  ช่างน่าเศร้าจริงๆ”

หลงจู้เท้าเปล่านั่งอยู่กับพื้นชุดของเขาหลวมใหญ่ ผมดำยาวประบ่า ที่ด้านข้างมีหญิงงามคอยพัดโบกให้อย่างนุ่มนวล

“ถูกแล้วความสุขจะพบได้ในที่เจริญรุ่งเรือง และความตายจะพบได้ในที่ประมาท” ที่อยู่ต่อหน้าเขาเป็นบุรุษวัยกลางคนถอนหายใจอย่างต่อเนื่อง  “ไม่มีราชวงศ์ใดที่ไม่พ่ายแพ้ภายใต้สวรรค์นี้  ทุกราชวงศ์ที่แข็งแกร่งอย่างเช่นราชวงศ์แมงป่องก็ยังสูญสลายเหลือแต่เถ้าถ่าน น่าเสียดายสำหรับกลุ่มดาวหมีใหญ่”

หลงจู้ยกแก้วเหล้าและดื่ม  เขาพูดด้วยอาการมึนเมาเล็กน้อย“เยี่ยนหย่งเลี่ยเป็นวีรบุรุษ แต่สิ่งที่น่าเสียดายที่สุดคือไม่สามารถได้สู้กับถูชิงกองทัพพญาหมีได้รับการยกย่องว่าเป็นกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดของกลุ่มดาวขั้วขอบฟ้าไม่สามารถได้เจอกันนับว่าน่าเสียดายจริงๆ”

“เมื่อเราโค่นล้มกลุ่มดาวหมีใหญ่ได้  ทำไมท่านกังวลเรื่องจะไม่มีศัตรูด้วยต้าหลง?  เรื่องต้าหลงสามารถฆ่าคนได้นั่นจะทำได้มากกว่านี้”  บุรุษวัยกลางคนหัวเราะ

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”หลงจู้หัวเราะลั่น  “พูดได้ดี  ข้าต้องปรับตัวเอง ดื่มอีกหนึ่งจอก”

เขาชูแก้วเหล้าและดื่มลงคอแล้วหัวเราะลั่น  “หลังจากศึกนี้เราจะไปสนุกกันและดื่มกันให้เต็มที่”

“ดี!”  บุรุษวัยกลางคนลุกขึ้นยืน

สายลมพัดม่านและลำแสงที่เห็นอยู่ในระยะไกลเริ่มสั่นทันทีทำให้หน้าของหลงจู้เขียวคล้ำชะงักการหัวเราะทันที

“ไม่เคยนึกเลยว่ายังจะมีคนที่เดินเท้ามาถึงก่อน  น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด