ตอนที่แล้วบทที่ 7 แมลงวันซากศพ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 9 อร่อยมาก

บทที่ 8 ว่านเฟิงอีกคน


"ว่านเฟิง เจ้าเป็นอะไรหรือไม่"

ลู่อวิ๋นดูร่างของว่านเฟิงสั่นสะท้านเซถลา เขาก็รีบพยุงนางขึ้นมา

“นายท่าน ทำไมท่านไม่ไป”

ว่านเฟิงทำท่าเหมือนจะร้องไห้เมื่อเห็นซากแมลงวันที่เกลื่อนกลาด

แมลงวันซากศพพวกนี้ทำอะไรนางไม่ได้ แต่ตราบเท่าที่แมลงวันซากศพผ่านไปได้ ลู่อวิ๋นก็จะต้องตาย

"ไปด้วยกัน"

ลู่อวิ๋นมีกีบลาดำอยู่ในฝ่ามือ สายตาของเขาจับจ้องไปที่ ซ่งสือพันปี

ซ่งสือพันปีดูเหมือนกับถูกไฟเผา ร่างของมันดำมิด ไม่สามารถมองเห็นหน้าได้ชัด

แต่ลู่อวิ๋นก็ยังสัมผัสได้ถึงสายตาเย็นชาของซ่งสือพันปีที่ตกลงมาบนร่างของเขา และบนกีบลาดำในมือ

เห็นได้ชัดว่าซ่งสือพันปีนี้ให้กำเนิดสติปัญญาเล็กน้อยแล้ว ทั้งยังตระหนักถึงสิ่งที่สามารถสะกดข่มตัวเองได้

"ไป!"

ลู่อวิ๋นเห็นซ่งสือพันปีไม่ขยับ เขาจึงดึงว่านเฟิงวิ่งไปที่ทางออก

แมลงวันซากศพถาโถมเข้ามาอีกแล้ว จำนวนมากกว่าตอนก่อนหน้านี้นับสิบเท่า

"ไฮ่!"

ว่านเฟิงตะโกนก้อง นางบังคับลมหายใจอึดหนึ่ง ส่งพายุหมุนลูกใหญ่อีกลูกระเบิดออกไปจากร่างของนาง ม้วนไปทางแมลงวันซากศพเหล่านั้น

หลังจากการต่อสู้หลายครั้ง ความเชี่ยวชาญทักษะของว่านเฟิงก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

"โฮก!"

ทันใดนั้น ซ่งสือพันปีก็ส่งเสียงคำรามออกมา ร่างกายของมันก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ

ว่านเฟิงราวกับโดนฟ้าผ่า ใบหน้าของนางซีดเผือด เลือดไหลรินออกจากมุมปากของนางอีกครั้ง

เสียงคำรามของซ่งสือพันปี โจมตีว่านเฟิงอย่างหนักอีกครั้ง

แต่ในเวลานี้ ว่านเฟิงดูเหมือนจะเห็นว่ามีเงามังกรดำเก้าตัววาบออกมาจากร่างของลู่อวิ๋น

ลู่อวิ๋นดึงว่านเฟิงเข้าไปในเส้นทางนั้นอย่างรวดเร็ว

"ทางตัน!"

ทันใดนั้น ลู่อวิ๋นก็มีท่าทางตกตะลึงและหยุดชะงัก

ทั้งสองด้านของเส้นทางนี้ ยังมีตะเกียงน้ำมันสีเขียวแขวนอยู่สองสามดวง ด้วยแสงสีเขียวนั้น ลู่อวิ๋นมองเห็นจุดจบของทางเดินว่าเป็นกำแพง!

ลู่อวิ๋นผลักกำแพงนี้อย่างแรง แต่กำแพงนี้ไม่เคลื่อนไหว

ทางตัน ไม่มีทางไปต่อ!

หึ่งหึ่งหึ่งหึ่งหึ่ง……

ตามติดมาด้านหลัง ฝูงแมลงวันซากศพก็ได้ใกล้เข้ามา

ต่อจากนั้น ก็คือเสียงฝีเท้าอันหนักหน่วงของผีดิบพันปี

ในดวงตาของว่านเฟิง ก็ปรากฏความสิ้นหวังขึ้นมาด้วยเช่นกัน

"ไม่ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง!"

ลู่อวิ๋นบังคับตนเองให้สงบลง สมองของเขาเริ่มหมุนอย่างรวดเร็ว ไตร่ตรองถึงสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกตรงหน้า

"ใช่ กลไก! ต้องมีกลไกที่นี่แน่!"

ทันใดนั้น จิตวิญญาณของลู่อวิ๋นก็สั่นสะท้าน

"ว่านเฟิง เจ้าสกัดกั้นแมลงวันซากศพเหล่านั้น ถ้าผีดิบนั้นมา ให้โยนสิ่งนี้เข้าใส่มัน!"

ลู่อวิ๋นยื่นกีบลาดำไปที่มือของว่านเฟิง

"เจ้าค่ะ!"

ว่านเฟิงเห็นท่าทางของลู่อวิ๋น รีบตกลงที่จะทำตาม

อาวุธวิญญาณกระบี่ยาวในมือของนางสว่างขึ้นอีกครั้ง เบ่งบานถักทอเป็นตาข่ายกระบี่ ปิดกั้นแมลงวันซากศพเหล่านั้นไว้

แต่ตอนนี้ ว่านเฟิงโดนโจมตีไปอย่างรุนแรงสองครั้ง

แสงของกระบี่จึงไม่คมชัดเหมือนก่อนหน้านี้ แม้ว่ามันจะสามารถต้านทานแมลงวันซากศพเหล่านี้ได้อย่างยากลำบาก แต่ก็เป็นการยากที่จะรองรับไว้เป็นเวลานานเกินไป

"กลไก กลไก… กลไกอยู่ที่ไหน?"

ลู่อวิ๋นเริ่มคลำไปบนกำแพง

"นายท่าน กลไกคืออะไรเจ้าคะ"

ว่านเฟิงที่ต่อสู้อยู่กับฝูงแมลงวันซากศพ นางใช้โอกาสสูดลมหายใจและก็ได้ยินคำพูดของลู่อวิ๋น จึงอดไม่ได้ที่จะถาม

"หือ?"

ลู่อวิ๋นตกตะลึง จากนั้นเขาก็ตบหน้าผากอย่างแรง

นี่มันโลกเซียน ไม่ใช่โลก!

ในฐานะโจรปล้นหลุมศพมือฉมัง เขาต้องพบเจอเรื่องแปลกๆ ได้ทุกที่ทุกเวลา ดังนั้นลู่อวิ๋นจึงเปิดกว้างอย่างมาก

"ถ้าหากไม่มีกลไกใดๆ เช่นนั้นก็เป็นค่ายกล… รูปแบบฮวงจุ้ย!"

ลู่อวิ๋นลืมตากว้าง สังเกตกำแพงนี้

บนกำแพง ราบเรียบสะอาด แต่ก็ยังมีชุดลายเส้นที่ละเอียดอ่อนสลักไว้อยู่

"ช่างแยบยล แยบยลจริงๆ ไม่คาดคิดว่าวิธีการของรูปแบบฮวงจุ้ย จะกลายเป็นค่ายกลที่สลักอยู่บนผนัง"

ประกายของความประหลาดใจแวบผ่านดวงตาของลู่อวิ๋น

รูปแบบฮวงจุ้ยและค่ายกลในโลกเซียนเป็นสองด้านของเหรียญเดียวกัน

ลู่อวิ๋นไม่ทราบเรื่องของค่ายกล แต่เขาสามารถดูผ่านรูปแบบฮวงจุ้ยได้ ทันทีที่เห็นทะลุรูปแบบแล้ว จากนั้นค่ายกลก็จะถูกถอดออกมาตามนั้น

อย่างไรก็ตาม เทคนิคการเปลี่ยนชุดของฮวงจุ้ยให้กลายเป็นเส้น แล้ววาดลงบนผนังนั้น เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

"อย่างไรก็ตาม ประตูลับเล็กๆ นี้ จะยับยั้งข้าได้อย่างไรกัน? โครงสร้างฮวงจุ้ยในโลกย่อมไม่พ้นไปจาก หนึ่งหน่วย สองลักษณ์ สามผู้รู้ สี่รูป ห้าธาตุ หกทิศ เจ็ดดาว แปดไตรแกรม เก้าวัง สิบแดน(1)”

"ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลง ยังไม่อาจทิ้งความเป็นจริง!"

“ว่านเฟิง กระบี่!”

ทันใดนั้น ลู่อวิ๋นก็ตะโกนไปทางว่านเฟิง

โดยไม่รู้ตัว ว่านเฟิงก็โยนกระบี่ในมือไปที่ลู่อวิ๋น ต่อจากนั้น นางก็ประสานมือแล้วส่ง พลังอาคมอีกลูกกระแทกฝูงแมลงวันซากศพเหล่านั้นกลับไป

ผีดิบพันปีปรากฏตัวที่ปากช่องทาง

ว่านเฟิงมีท่าทางตึงเครียด นางถือกีบลาดำไว้ในมือเท่านั้นไม่ได้โยนมันออกไป

ลู่อวิ๋นคว้าอาวุธวิญญาณกระบี่ยาวจากด้านหลัง

"อืม หนักมาก!"

มือของลู่อวิ๋นตกลง เกือบจะล้มลงกับพื้นไปพร้อมกับกระบี่ยาว

ลู่อวิ๋นบังคับยกกระบี่ในมือของเขาขึ้นและตัดเป็นแนวบนผนังเปลือยอย่างรุนแรง

โอม――

ดูเหมือนจะมีเสียงกระหื่มเบาๆ พร้อมกับแสงสีฟ้าเล็กๆ วาบผ่าน

ช่วงเวลานี้ ลู่อวิ๋นรู้สึกว่ามีแรงกดดันอย่างหนักกดลงในหัวใจของเขา จากนั้นก็หายไปในทันใด

"นายท่าน แล้วพบกันใหม่ชาติหน้า!"

เมื่อถึงตอนนี้ มีเสียงร่ำร้องด้วยความสิ้นหวังออกมาจากปากของว่านเฟิง นางพุ่งเข้าไปหาผีดิบพันปี

"ว่านเฟิง! เพียงแค่โยนสิ่งที่อยู่ในมือเจ้าไปที่นั่น เจ้าวิ่งไปตรงนั้นทำไมกัน!"

เพียงแค่ตัดเส้นนั้น ความแข็งแกร่งของลู่อวิ๋นก็เกือบหมดตัว ตอนนี้เมื่อเขาเห็นว่านเฟิงพุ่งไปหาผีดิบพันปี จึงรีบตะโกนออกมา

"หือ?"

ในตอนนี้ ว่านเฟิงก็มีปฏิกิริยาตอบสนองเช่นเดียวกัน นางรีบหยุดและโยนกีบลาดำในมือของตนเองไป

บูม!

กีบลาดำแตกออกกลางอากาศ และข้าวเหนียวเมล็ดกลมๆ แต่ละเมล็ดก็เปล่งแสงเรืองแล้วพุ่งเข้าไปทางผีดิบ

"กีบลาดำที่ยังไม่ผ่านการรมควันยังไม่ดีพอจริงๆ”

ลู่อวิ๋นดูกีบลาดำระเบิดกลางอากาศด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว

เขารู้ว่าตนเองเป็นคนใจร้อนอยู่บ้าง น่าจะรออีกสองสามวัน ไม่มีคำว่าสายเกินไปที่จะเข้ามาหลังจากที่ได้เตรียมการทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว

"ฮึ่ม!!"

เมื่อผีดิบพันปีเห็นข้าวเหนียวโปรยเข้าใส่ร่าง เสียงคำรามรุนแรงก็ออกมาจากปากของมัน

เสียงน่ากลัวนั้น ยกตัวของว่านเฟิงขึ้นมาโดยตรง และกระแทกไปทางร่างของลู่อวิ๋นอย่างแรง

"ข้ากำลังจะตายอีกแล้ว"

ลู่อวิ๋นถอนหายใจ

โอม――

แต่ในเวลานั้น เงามังกรดำก็ปรากฏขึ้นบนร่างของลู่อวิ๋น พร้อมแบกโลงศพไว้

ร่างของ ว่านเฟิงหล่นทับบนร่างของลู่อวิ๋น เหมือนผ้าสำลีผืนใหญ่ อบอุ่นและนุ่มนวล ไม่ได้ทำร้ายเขา

"สาวน้อยคนนี้อายุยังไม่มาก… รูปร่างดีมาก"

นี่เป็นสิ่งเดียวที่มีอยู่ในใจลู่อวิ๋นในตอนนี้

แรงกระแทกขนาดใหญ่นั้นยังยกตัวลู่อวิ๋น และกระแทกพวกเขาทั้งสองคนเข้ากับกำแพงอย่างแรง

บนกำแพง ระลอกคลื่นเล็กๆ วาบผ่าน และร่างของพวกเขาทั้งสองก็หายไป

เส้นที่ถูกตัดโดยลู่อวิ๋นก็ยังค่อยๆ รักษาตนเอง

ข้าวเหนียวเหล่านั้นที่โปรยลงบนผีดิบพันปี ลดความเร็วของมันลงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรให้มันมากมายนัก

ผีดิบพันปีมาถึงที่กำแพง ยกแขนขึ้น กระแทกกำแพงอย่างแรง แต่กำแพงไม่ขยับ

……

ความสว่างไสวของไข่มุกราตรี ส่องห้องศิลานี้ให้สว่างขึ้น

โครงสร้างของห้องศิลานั้นเรียบง่าย

ตรงกลางเป็นเตาหลอมขนาดใหญ่ ข้างเตามีรูปปั้นมนุษย์ยืนอยู่ ตรงกันข้ามกับเตาเป็นประตูศิลาที่ปิดสนิท

นอกเหนือจากนั้น ก็ไม่มีอะไรอื่นอีกสำหรับที่นี่

หลังจากพักชั่วขณะ ลู่อวิ๋นก็ลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล โดยมีไข่มุกราตรีถือไว้ในมือ

“ว่านเฟิง เจ้าเป็นอะไรหรือไม่”

ลู่อวิ๋นไออย่างรุนแรงสองสามครั้ง ก่อนที่จะถาม

"บ่าวสบายดี"

ว่านเฟิงมีเลือดไหลออกจากมุมปาก หน้าซีด เห็นได้ชัดเจนว่าอาการบาดเจ็บนั้นไม่ใช่เล็กน้อย

ในเวลานี้ นางนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บอย่างรวดเร็ว

"นายท่าน สัมผัสวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของบ่าวกลับคืนมาแล้ว!"

ทันใดนั้น ว่านเฟิงก็พูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ

"ว่านเฟิง บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเรียกข้าว่า นายท่าน”

ลู่อวิ๋นแก้ไขให้ถูกต้องอย่างจริงจัง

"เจ้าค่ะ… คุณชาย"

ว่านเฟิงกัดริมฝีปากของนาง ในที่สุดก็ยอมเปลี่ยนชื่อ

รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของลู่อวิ๋น

"ที่นี่ปลอดภัย เจ้ารักษาตัวให้หายก่อน"

"อืม"

หลังจากนั้นอีกชั่วขณะ เมื่อฟื้นคืนสีสันบนใบหน้าของนางได้บางส่วน ว่านเฟิงก็ลุกขึ้นยืน

"หือ? รูปปั้นหินนี้เหมือนคนจริงๆ"

ว่านเฟิงยืนขึ้น ไปที่รูปปั้นศิลา ลูบมันเบาๆ

รูปปั้นศิลาเย็นเหมือนปฏิมากรรมน้ำแข็ง ว่านเฟิงอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น

"นี่ควรจะเป็นห้องเก็บของ ที่ใช้เก็บสิ่งของต่างๆ ของเจ้าของสุสาน”

ขณะที่ว่านเฟิงรักษาตัว ลู่อวิ๋นก็ได้สังเกตห้องศิลานี้

เขาว่าพบที่นี่ ยกเว้นรูปปั้นนั้นและเตาใหญ่ตรงกลาง นอกนั้นก็ไม่มีอะไรอื่นอีก วัตถุของศพนี้น่าจะเป็นเตาใหญ่นั้น

"นี่คือเตาปรุงยาของผู้ปรุงยา!"

ทันใดนั้น ว่านเฟิงก็พูดด้วยความประหลาดใจ "ฝังเตาปรุงยาไว้ด้วย เป็นไปได้ไหมว่าเจ้าของสุสานเป็นผู้ปรุงยา?"

"ผู้ปรุงยางั้นหรือ?”

ลู่อวิ๋นรีบถาม

"นี่… บ่าวยังไม่ชัดเจน โอสถทองเก้าทวารเป็นโอสถวิญญาณที่หายไป ตามคำร่ำลือ แม้กระทั่งก่อนที่มันจะสูญหายไป ก็ยังมีผู้ปรุงยาน้อยคนนักที่ทำได้"

ว่านเฟิงส่ายหน้า "แต่เตาปรุงยานี้ควรเป็นอาวุธวิญญาณ มันต้องมีค่า!"

ในแววตาคู่นั้นของว่านเฟิง เกือบจะเรืองแสงออกมา

ลู่อวิ๋นเหลือบไปมองที่เตาปรุงยา

ทั้งชิ้นถูกสร้างขึ้นด้วยสำริด สูงประมาณสามหรือสี่เมตร น้ำหนักอย่างน้อยสองสามพันกิโลกรัม

"ว่านเฟิง เจ้าสามารถขยับมันหรือไม่"

ลู่อวิ๋นถามด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว

ว่านเฟิงส่ายหน้าอย่างว่างเปล่า "ข้าสามารถลองหลอมรวมดูได้ แต่จะใช้เวลาสองสามวัน"

"ลืมมันไปซะ สองสามวัน… ข้าสงสัยว่าจะอดตายก่อน ไปหาที่อื่นดูดีกว่า เนื่องจากว่านี่เป็นผู้ปรุงยา ถ้าเช่นนั้น สุสานเซียนนี้ก็น่าจะมีโอสถวิญญาณอยู่บ้าง"

ลู่อวิ๋นถือไข่มุกราตรีไว้ในมือ เดินไปที่ประตูห้องศิลา

ในสุสานโบราณ ควรจะมีการแลกเปลี่ยน หากหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่ไม่มีทางได้รับ เช่นนั้นก็อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างได้

วืด――

ทันใดนั้นเอง ก็มีเงาดำไหววูบ

บูม!

ไข่มุกราตรีในมือลู่อวิ๋นดูเหมือนจะกระทบเข้ากับอะไรบางอย่าง มันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

ห้องศิลาที่เดิมสว่างไสว ปกคลุมไปด้วยความมืดในทันที

"นาย… คุณชาย!"

ว่านเฟิงก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว มาถึงที่ด้านข้างของลู่อวิ๋น

"เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น"

ลู่อวิ๋นขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเอียงตัวหนีว่านเฟิงอย่างระมัดระวัง

"ข้าไม่รู้"

ว่านเฟิงตอบกลับ

ลู่อวิ๋นรู้สึกว่าขนลุกทั้งตัวในทันใด

"ใครพูด"

เสียงที่น่ากลัวของว่านเฟิงดังขึ้นข้างลู่อวิ๋น "เจ้าพูดเสียงเดียวกับข้าได้ยังไง"

ว่านเฟิงได้ยินเสียงนั้น… แต่ในสัมผัสวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของนาง ยกเว้นนางและลู่อวิ๋น ที่นี่ไม่มีบุคคลที่สาม!

แต่กลับกัน มันมีเสียงแปลกๆ ดังขึ้น!

"ว่านเฟิง จุดไฟ"

ลู่อวิ๋นบังคับตัวเองให้ใจเย็นลง เขากระซิบเบาๆ

เพี๊ยะ!

ว่านเฟิงดีดนิ้ว

เพี๊ยะ!

ในความมืดอีกด้านหนึ่ง ก็มีคนดีดนิ้วด้วย

จากนั้น เปลวไฟขนาดเล็กสองดวง ก็ลุกขึ้นพร้อมกันในความมืด

จากไฟสลัว ลู่อวิ๋นเห็นว่านเฟิงอีกคน!

"คุณชาย คนข้างตัวเจ้าเป็นตัวปลอม ข้าเป็นตัวจริง"

ว่านเฟิงอีกคนนั้นมีรอยยิ้มแปลกๆ บนใบหน้า

—----------------------------------------

(1) 一元=หนึ่งหน่วย-ไม่เปลี่ยนแปลง* (*一元 หนึ่งหน่วย มีความหมายว่าจุดเริ่มต้นของจักรวาล)

两仪=สองลักษณ์* (*两仪 สองลักษณ์ สมดุลของสองสิ่ง เช่น หยินหยาง ฟ้าดิน)

三才=สามผู้รู้ (*三才 สามผู้รู้ ประกอบด้วยสามผู้รู้ คือ ฟ้า ดิน มนุษย์)

四相=สี่รูป* (*四相 สี่รูป ประกอบด้วยรูปของ Ātman(อาตมัน) Pudgala Sattva Jīva อีกทางบอกว่า สี่รูปคือ การเพิ่มส่วนย่อยของไท่จี๋ จากสองเป็นสี่ กลายเป็น สี่ฤดู สี่ทิศ สี่สัตว์เทพ)

五行=ห้าธาตุ* (*五行 ห้าธาตุ ไม้ ไฟ ดิน เหล็ก น้ำ)

六合=หกทิศ* (*六合 หกทิศ เหนือ ใต้ ออก ตก บน ล่าง หรืออาจแปลว่าจักรวาล)

七星=เจ็ดดาว* (*七星 เจ็ดดาว หมายถึง ดาวกระบวย ดาวจระเข้)

八卦=แปดไตรแกรม* (*八卦 แปดไตรแกรม ไตรแกรมคือเส้นขีดสามเส้นแปดรูปแบบ มักจะเห็นล้อมรอบ

九宫=เก้าวัง* (*九宫 เก้าวัง เป็นตารางตัวเลขขนาด 3x3 ด้วยการใช้หลักห้าธาตุทำให้เกิดเป็นวัฏจักรของตัวเลข ใช้ในวิชาการทำนาย)

十方=สิบแดน* (*十方 สิบแดน ประกอบด่วย สวรรค์ โลก ตะวันออก ตะวันตก เหนือ ใต้ ประตูเกิด ประตูตาย อดีต อนาคต)

PS: บทนี้เฉพาะ สิบค่านี้ กินเวลาไปหนึ่งวัน เฉพาะบทนี้สองวัน  (╥﹏╥)

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด