ตอนที่แล้วตอนที่ 12-12 ตัวแปรใหม่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 12-14 การเยี่ยมเยือนจากเยล

ตอนที่ 12-13 เริ่มเข้าสมาธิฝึกฝน


แสงจากตะวันยามเช้าลอยขึ้นเหนือเส้นขอบฟ้าเหมือนเทพธิดาแห่งธรรมชาติทอดสายตาลงมายังพื้นพิภพโลก

ภายในพื้นที่ฝึกฝนของปราสาทเลือดมังกร มีคนนับหมื่นคนรวมตัวกัน พวกเขามาที่นี่เพื่ออำลาและส่งกลุ่มของถูลี่กับเดลี่กลับ

“ลินลี่ย์, ตอนนี้งานนี้จบลงแล้ว  เจ้าควรจะเริ่มขังตัวฝึกฝีมือได้แล้วข้าคิดว่าเมื่อเราพบกันครั้งต่อไป เจ้าควรจะถึงระดับเทพไปแล้ว”  เดลี่หัวเราะพลางถอนหายใจ

ลินลี่ย์หัวเราะเช่นกัน “เดลี่, ถูลี่,อย่าลืมสิว่าลอร์ดเบรุตบอกว่าถ้าอย่างเร็วท่านจะกลายเป็นระดับเทพได้ในวันเดียว  บางทีสองท่านอาจจะถึงระดับเทพก่อนข้าเสียอีก”

ถูลี่และเดลี่เริ่มหัวเราะทั้งคู่

“พอเถอะ, เราจะไปกันแล้ว” ลินลี่ย์มองดูขณะที่กลุ่มของเดลี่และถูลี่บินขึ้นฟ้า จากนั้นเปลี่ยนเป็นจุดดำหายลับไปในขอบฟ้า

“บิน... มันคงจะยอดเยี่ยมมากเลยถ้าข้าบินได้”  เทย์เลอร์ยืนอยู่ด้านหลังลินลี่ย์มีแววอิจฉาอยู่ในสายตาของเขา

ลินลี่ย์อดหันมามองดูเทย์เลอร์ไม่ได้

ซีน่ายืนอยู่ใกล้ๆ หัวเราะ “เทย์เลอร์ทำไมต้องรีบร้อนด้วยเล่า? ฝึกอีกสองสามปี เจ้าก็ถึงระดับแปดไปแล้ว  เมื่อเจ้ากลายเป็นนักรบระดับเก้า  เจ้าจะเป็นระดับเซียนเมื่อเจ้าแปลงร่างมังกรไม่ใช่หรือ? ถึงตอนนั้นเจ้าก็จะบินได้”

“เทย์เลอร์,เป็นความผิดของเจ้าเองที่ไม่เลือกมังกรทองในปีนั้น”ที่ด้านหลังลินลี่ย์คนพูดเป็นหญิงสาวงดงามผมทอง

ชาชาที่ยังเป็นเด็กสาวมาตลอดหลายปีกลายเป็นหญิงงามที่น่าหลงใหล  เนื่องจากว่านางมีสถานะสูงส่งมากจึงมีชายหนุ่มชนชั้นสูงนับไม่ถ้วนหมายปองพะเน้าพะนอนาง  แต่ในเมืองบาลุคนี้โชคไม่ดีที่ความต้องการของชาชาสูงเกินไป และนางไม่ให้ความสนใจขุนนางท้องถิ่นแม้แต่น้อย

“พอเถอะกลับไปท้องพระโรงกันก่อน”  ลินลี่ย์กล่าวกับเทย์เลอร์และชาชา

“ครับ (ค่ะ) ท่านพ่อ” เทย์เลอร์กับชาชารับคำพร้อมกัน

แม้ว่าลินลี่ย์เองก็ไม่เข้มงวดกับเทย์เลอร์และชาชามากนัก ลูกทั้งสองไม่ได้พบเขาเลยเนื่องจากระหว่างสิบปีที่ลินลี่ย์ใช้เวลาอยู่ในสุสานเทพเจ้า   ระหว่างที่พวกเขาเติบโตขึ้นเรื่อยๆพวกเขาไม่ได้พบเห็นลินลี่ย์เลยซึ่งเป็นเหตุให้พวกเขารู้สึกเกรงกลัวและเคารพต่อบิดาของพวกเขาผู้กลายเป็นตำนานของจักรวรรดิบาลุคไปแล้ว

ภายในโถงใหญ่

มีโต๊ะตัวหนึ่งยาวสิบเมตรตั้งอยู่ตรงกลาง  ยอดฝีมือของจักรวรรดิรวมทั้งซาสเลอร์และพี่น้องบาร์เกอร์นั่งอยู่ในแต่ละข้าง

“การรวมตัวซึ่งตระกูลเราจัดให้มีในวันนี้บางทีในอีกสองสามปีข้างหน้าอาจจะเป็นการประชุมที่มีคนมากมายเข้าร่วมก็ได้”  ลินลี่ย์ทำใจไว้แล้วว่ากิจการของตระกูลได้รับการจัดการแล้ว  เขาจะเริ่มต้นฝึกฝนและเข้าสมาธิ

เพียงแต่...

การมาเยือนของลอร์ดเบรุตในคืนก่อนเนื่องจากคำเตือนที่แปลกอย่างกะทันหันทำให้ลินลี่ย์รู้สึกค่อนข้างไม่สบายใจ

เขายังคงมีความรู้สึกแปลกนี้เหมือนกับว่ามีอันตรายที่มองไม่เห็นบางอย่างหมอบรออยู่ในทวีปยูลาน..และตอนนี้, อันตรายซ่อนเร้นกำลังจะเปิดเผยตัวเอง แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ต้องให้ความสำคัญกับการฝึกไว้สูงสุด  ที่สำคัญ การรออย่างโง่ๆเป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์ ทันทีที่เขาเข้าถึงระดับเทพ คงจะดีต่อครอบครัวและสหายของเขามากกว่า

ที่สำคัญคือทั้งเดเลียและบาร์เกอร์ได้ประกายศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว  แต่แม้ว่าพวกเขาจะกลายเป็นระดับเทพบางทีพวกเขาอาจจะยังไม่คุ้นเคยกับวิธีใช้กฎธรรมชาติสู้ในศึกแรก

แหล่งพลังสำหรับสู้รบจริงๆ ของพวกเขาก็ยังเป็นลินลี่ย์  และบีบีทันทีที่เขากลายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว

“ลินลี่ย์, เจ้ากำลังจะขังตัวฝึกสมาธิใช่ไหม?”  ซาสเลอร์เข้าใจสิ่งที่ลินลี่ย์สื่อความทันที

ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย “แต่ก่อนที่ข้าจะทำเช่นนั้น มีบางอย่างที่ข้าจะปรึกษา  ซีน่า”

“ท่านลุง”

ลินลี่ย์มองดูซีน่าและพูดด้วยเสียงเข้ม  “เมื่อคืนนี้ แม้ว่าข้าจะได้บอกข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับสงครามโลกที่จะมาถึง ขณะนั้นข้านึกว่าการรบครั้งนี้จะเป็นงานง่าย  แต่ตอนนี้ข้าต้องเตือนเจ้าอยู่สองสามเรื่อง เจ้าต้องจำไว้ให้ดี!”

“ท่านลุง, เชิญบอก”  ซีน่าพูดด้วยความเคารพ

คนที่รายรอบรวมทั้งเดเลีย พี่น้องบาร์เกอร์วอร์ตันและซาสเลอร์ รู้สึกสับสนกันหมด

“ประเด็นแรกก็คือเรื่องนี้ ในตอนนี้จักรวรรดิบาลุคจักรวรรดิยูลานและจักรวรรดิโอเบรียนกำลังวางแผนรบเพื่อพิชิตและแบ่งโลกอย่างต่อเนื่อง เป้าหมายแต่เดิมของจักรวรรดิบาลุคเราคือปราบจักรวรรดิโรฮอลท์และพิชิตทุ่งราบใหญ่ตะวันออก  แต่ตอนนี้ข้าต้องการให้เจ้าชะลอระดับการโจมตีให้ช้าลง อย่าใจร้อนและไม่ต้องโลภมาก ต่อให้เราสามารถได้รับดินแดนพวกเขาเกินครึ่ง,หนึ่งในสามหรือน้อยกว่าดินแดนพวกเขาก็ตาม  นั่นก็ยังยอมรับได้”

ซีน่าสับสนทันที

เมื่อคืนนี้เขายังได้ยินและเข้าใจว่าเซียนของสามจักรวรรดิมีความเหนือกว่าอย่างแน่นอน  ไม่น่าจะมีตัวแปรอื่นในสงครามนี้เลยแม้แต่น้อย

“ท่านลุง...” ซีน่าอดแทรกไม่ได้

“ฟังข้าก่อน” ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว ซีน่าไม่กล้าส่งเสียงต่อไปทันที

ลินลี่ย์พูดอย่างจริงจัง เขาขมวดคิ้ว  “ประเด็นที่สองก็คือ...ในสงครามทวีปที่กว้างใหญ่นี้,เป้าหมายของจักรวรรดิบาลุคของเราไม่ใช่เพื่อพิชิต แต่เป็นเพื่อปกป้องตัวเอง”

ตอนนี้ ซีน่ายิ่งสับสนมากขึ้น

“ประเด็นสุดท้าย ข้าต้องการให้เจ้า, ซีน่า..ระมัดระวัง, รอบคอบไว้, รอบคอบ”  ลินลี่ย์เองเข้าใจความสำคัญตรงนี้  “การกระทำทั้งหมดของเจ้าควรจะมีเป้าหมายเพื่อให้ปกป้องพวกเราเองได้”

ลอร์ดเบรุตเป็นคนระดับไหนแล้ว?

เขาคือคนที่สามารถสั่งได้กระทั่งมหาพรต,เทพสงครามและลินลี่ย์เอง ลอร์ดเบรุตเน้นเรื่องนี้กับเขาเอง ดังนั้นนี่จะต้องเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก  ที่สำคัญที่สุด เหตุการณ์ที่ลอร์ดเบรุตพิจารณาว่าน่าสังเกตต้องมีอยู่น้อยมากแน่นอน

“เจ้าได้ยินคำพูดของข้าชัดไหม?”  ลินลี่ย์ย้ำ

“ข้าทราบแล้ว” ซีน่าขมวดคิ้วจากนั้นถามอย่างสงสัย “ท่านลุง, ข้าอยากถาม.. แม้ว่าเราจะยังไม่เริ่มทำสงคราม  แต่การเริ่มต้นและการจบสิ่งที่ได้ตั้งเป้าไปแล้วก็ควรทำ  แล้วทำไมท่านลุง..”

ซาสเลอร์ บาร์เกอร์และน้องๆ รวมทั้งคนอื่นที่อยู่ใกล้ๆล้วนเข้าใจสิ่งที่ลินลี่ย์พูด... แต่พวกเขายังงงอยู่บ้าง

พวกเขาทำลายศาสนจักรเจิดจรัสไปแล้ว ขณะที่การทำลายลัทธิเงาก็ถูกจัดการโดยกองกำลังภายใต้บัญชาการของเทพสงครามและมหาพรต  ถ้าสงครามเริ่มขึ้นจริงๆ  พวกเขาก็น่าจะชนะได้แน่นอน

ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ “ทั้งหมดที่ข้าบอกพวกเจ้าได้ก็คือมีอันตรายแฝงอยู่ในสงครามครั้งนี้มากกว่าที่พวกเจ้าจะจินตนาการได้ แม้แต่ระดับเทพก็ยังไม่ประมาทกับอันตรายเหล่านี้”

ยอดฝีมือทั้งหมดในห้องโถงรู้ตกตะลึงอยู่ในใจ

ระดับเทพ?

ปัจจุบันนี้ปราสาทเลือดมังกรยังไม่มีนักสู้เข้าถึงระดับเทพที่แท้จริงสักคน เดเลียเพียงแต่หลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์ของนางได้ครึ่งทางเท่านั้น  ขณะที่บาร์เกอร์เพิ่งจะเริ่ม

“ท่านลุงไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ให้ท่านต้องกังวลเกินไป” ตอนนี้ซีน่ารู้ว่าสถานการณ์จริงจังแค่ไหน จึงรับปากทันที

ลินลี่ย์พยักหน้า

เขาค่อนข้างมั่นใจในตัวซีน่า  ความจริง แม้แต่ตอนก่อนจะเข้าสุสานเทพเจ้าวอร์ตันปรึกษาเรื่องจักรพรรดิคนต่อไปถัดจากเขา เวลานั้นวอร์ตันเตรียมจะตั้งให้เทย์เลอร์บุตรของลินลี่ย์เป็นจักรพรรดิคนถัดไป แต่ลินลี่ย์เข้าใจดีถึงอารมณ์ของเทย์เลอร์กับซีน่า

ซีน่าเป็นคนที่ปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างมีเมตตา แต่เมื่อเวลาต้องลงมือเขาจะทำได้รวดเร็วและทรงพลังราวสายฟ้าฟาด  นี่คือคนที่เหมาะกับการเป็นจักรพรรดิ

“หลังจากพูดคุยกันเรื่องนี้แล้ว  มีแค่อีกเรื่องเดียวที่เหลืออยู่”  ลินลี่ย์เริ่มหัวเราะ เมื่อเห็นแววตาของทุกคนลินลี่ย์เข้าใจว่าพวกเขากำลังคิดอะไร “เอาล่ะ, ข้ากำลังจะเตรียมตัวขังตัวฝึกฝนระยะยาว  แต่แน่นอนว่าเดเลียจะเข้าไปฝึกกับข้าบาร์เกอร์ก็ต้องการฝึกฝนเช่นกัน สำหรับสถานที่ สถานที่จะเป็นที่ห้องฝึกฝนใต้ดิน”

ซีน่า เทย์เลอร์และชาชามองดูลินลี่ย์นัยน์ตาพวกเขาเต็มไปด้วยความเทิดทูน

บิดา (ลุง) ของพวกเขาไม่ต้องฝึกเป็นเวลาร้อยปี เพียงอาศัยความสามารถของตัวท่านเองก็กำลังจะกลายเป็นเทพแล้ว!

นักสู้ระดับเทพสำหรับพวกเขาคือผู้ที่น่าเคารพและมองด้วยความเทิดทูน

“ลอร์ดลินลี่ย์” บาร์เกอร์กล่าว

“หืม?” ลินลี่ย์มองดูบาร์เกอร์

บาร์เกอร์พูดอย่างจริงใจ “ท่านลอร์ดลินลี่ย์  กระบวนการหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์ต้องให้ผู้หลอมรวมศึกษาความลึกลับของกฎธาตุที่บรรจุอยู่ในนั้นไม่จำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติ”

ลินลี่ย์พยักหน้า

การกลายเป็นเทพวิถีธรรมชาติจำเป็นต้องฝึกฝนกันอย่างต่อเนื่องให้สอดคล้องกับธรรมชาติจึงจะได้รับการรู้แจ้งใหม่ ก็หมายความว่าทุกอย่างที่เขาค้นพบในเส้นทางการฝึกต้องมาจากภายใน

การหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์ ตรงกันข้ามหมายถึงความลึกลับกฎธรรมชาติจะถูกวางอยู่ต่อหน้าท่านและทั้งหมดที่ท่านต้องทำก็คือเรียนรู้ ขณะที่การหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์ผู้หลอมรวมไม่ต้องปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติ

“นั่นคือเหตุผลที่ข้าคิดว่าบางทีข้าไม่จำเป็นต้องเข้าห้องฝึกใต้ดินก็ได้ ข้าจะอยู่ที่ปราสาทเลือดมังกรและฝึกของข้าที่นี่ก็ได้”  บาร์เกอร์กล่าว ความจริงจุดใหญ่ใจความก็คือบาร์เกอร์ต้องการใช้เวลากับภรรยาของเขามากขึ้น  ที่สำคัญก็คือเขาสามารถหยุดการหลอมรวมเมื่อใดก็ได้ที่เขาต้องการ

นี่เหมือนกับการอ่านหนังสือท่านไม่ต้องอ่านหนังสือตลอดเวลารวดเดียวก็ได้

แต่แน่นอนว่า เหตุผลที่สองก็คือบาร์เกอร์ไม่ต้องการรบกวนลินลี่ย์กับเดเลีย  ที่สำคัญทั้งสองเป็นสามีและภริยากัน!  มีคู่สามีกับภรรยาฝึกวิชาด้วยกันถ้าเขาต้องอยู่ที่นั่นด้วย บางครั้งหลายๆ อย่างอาจจะน่าอึดอัด

“บางทีอย่างนั้นอาจจะดีที่สุดก็ได้”  ลินลีย์พยักหน้าหัวเราะ

แต่จากนั้น ลินลี่ย์หันไปมองทุกคนอย่างจริงจัง  เขากล่าว “คืนนี้ข้ากับเดเลียจะเริ่มขังตัวฝึกฝน ขณะที่เราฝึกฝนเว้นแต่มีเรื่องสำคัญเกิดขึ้น ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้มารบกวนเราที่ห้องใต้ดิน”

ทุกคนพยักหน้า

ทันใดนั้นลินลี่ย์นึกถึงคำเตือนของเบรุตอีกครั้ง

เขารีบเสริมต่อ “แต่แน่นอน ถ้าพวกเจ้าเผชิญพบกับเรื่องวิกฤติยุ่งยากเมื่อจำเป็นก็แจ้งให้เราทราบได้ ทุกคนต้องแน่ใจว่าพวกเจ้ารู้ขีดจำกัดของตนเองดี  โดยทั่วไปถ้าพวกเจ้าเผชิญเรื่องที่แปลกประหลาดหรืออันตราย ดีที่สุดให้แจ้งข้าให้เร็ว  อย่ากระทำการบุ่มบ่าม”

เมื่อไม่ให้คำแนะนำเพิ่มเติม  ลินลี่ย์ไม่อาจไว้วางใจได้เด็ดขาด

“พี่ใหญ่ อย่ากังวลไปเลย เราจัดการได้” วอร์ตันหัวเราะขณะกล่าว

“ซาสเลอร์” ลินลี่ย์หันไปมองซาสเลอร์ที่อยู่ใกล้ๆ “ท่านเป็นผู้ที่มีประสบการณ์มากที่สุดในกลุ่มของพวกเรา  ถ้าเกิดเรื่องใหญ่ใดๆ ขึ้น ท่านปล่อยให้พวกนี้สุมหัวฝืนแก้ปัญหาจะเกิดเรื่องยุ่งยากได้” ลินลี่ย์เข้าใจอารมณ์ของวอร์ตันและพี่น้องบาร์เกอร์ดี

แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่คนบุ่มบ่ามใจร้อนมาก  แต่เมื่อพวกเขาโกรธจริงๆไม่ว่าใครก็มักจะสูญเสียความคิดปล่อยให้ความโกรธครอบงำ

“ตกลง, ลอร์ดลินลี่ย์” ซาสเลอร์กล่าว

ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย

เขาพูดทุกอย่างที่เขาต้องพูดไปแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามีอะไรซ่อนอยู่ภายในทวีปยูลานแน่  และเหตุผลที่เบรุตเตือนเขา  อย่างน้อยลินลี่ย์ก็ยังได้เตรียมตัวไว้บ้าง

เมื่อความมืดโรยตัว ลึกลงไปในปราสาทเลือดมังกร ภายในห้องมิติ

ห้องมิติถูกรายล้อมไปด้วยมิติที่ปั่นป่วนไม่มีที่สิ้นสุดทั้งสี่ด้าน

พื้นที่ปั่นป่วนมีสีสันแตกต่าง...แน่นอนว่าเต็มไปด้วยความลี้ลับและลึกลับแต่ลินลี่ย์และคนอื่นรู้ดีว่ามิติที่ปั่นป่วนนั้นอันตรายแค่ไหน  แม้แต่นักสู้ระดับเทพก็ยังไม่กล้าบุกเข้าไปในพื้นที่นั้น

ลินลี่ย์โอบเดเลียไว้ในอ้อมแขนจุมพิตนางเบาๆ  จากนั้นมองและแนะนำนาง  “เดเลีย, เจ้านั่งอยู่บนเตียงศิลาในตอนฝึก  ข้าจะนั่งอยู่บนพื้น”

เมื่อลินลี่ย์ฝึกสัจธรรมแห่งความเร็วจำเป็นต้องมีการทดสอบและเคลื่อนไหวบางอย่าง ปกติเขาต้องการพื้นที่มากกว่าเดเลียที่ไม่ต้องเคลื่อนไหวขณะที่หลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์

“เข้าใจแล้ว” เดเลียพยักหน้าอย่างว่าง่าย และจากนั้นมองดูลินลี่ย์อย่างคาดหวัง “ลินลี่ย์, จงตั้งใจฝึก ไม่ต้องห่วงข้า”

ลินลี่ย์และเดเลียแยกกันนั่งทำสมาธิคนหนึ่งอยู่บนเตียงศิลา อีกคนหนึ่งอยู่บนพื้น

แทบจะทันทีลินลี่ย์พบว่าเขาเองดำดิ่งปรับตัวเข้ากับธาตุลม ครั้งนี้ลินลี่ย์ทุ่มเทจิตใจวิเคราะห์กฎธาตุลม ที่สำคัญลินลี่ย์เกือบจะถึงระดับเทพผ่านความรู้แจ้งสัจธรรมแห่งความเร็ว  เนื่องจากสัจจธรรมแห่งธาตุดินหนทางยังไม่เปิด

สิ่งที่ลินลี่ย์ต้องทำในตอนนี้ก็คือเข้าถึงระดับเทพผ่านสัจจธรรมแห่งความเร็วให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้

“ตั้งแต่ข้าบรรลุเป็นเซียนจอมเวทและพลังวิญญาณเปลี่ยนไป แม้แต่ความเร็วในการฝึกและการสร้างทฤษฎีก็เพิ่มขึ้นมากมาย”  ลินลี่ย์รู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้นและจากนั้นพลังวิญญาณของลินลี่ย์ขยายออกไปปรับตัวเข้ากับความสั่นสะเทือนของแก่นธาตุลมโดยรอบ

ภายในสำนึกของเขา ด้าน ‘เร็ว’ และด้าน ‘ช้า’สองด้านที่แตกต่างกันนี้เริ่มรวมตัวเข้าด้วยกัน และกระบี่ลวงตาทั้งสองด้านพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า  ลินลี่ย์ทดสอบความต่างกันของด้านทั้งสองสามารถส่งเสริมและสนับสนุนกันอย่างไรอย่างไหนจะช่วยให้เขารู้แจ้งความรู้ในสัจธรรมแห่งความเร็วได้  ในใจเขาเขายังคงมองเห็นกระบี่ที่สามซึ่งแสดงให้เห็นถึงกระประยุกต์ใช้สัจธรรมแห่งความเร็ว...

เมื่อใดก็ตามที่การสร้างภาพทางใจไม่สามารถคลี่คลายความสงสัยของลินลี่ย์ได้  ลินลี่ย์จะลุกขึ้นยืนและลองทฤษฎีในชีวิตจริง

การปรับ วิเคราะห์ ผสมผสาน ใช้งาน ได้รับความรู้และทดสอบ...

ลินลี่ย์จะหมกมุ่นอยู่กับสิ่งเหล่านี้เป็นส่วนใหญ่  เขาลืมเวลาที่ผ่านไป  โลกภายในใจของเขาไม่มีอะไรนอกจากกระบี่สามเล่ม  กระบี่ ‘เร็ว’ กระบี่ ‘ช้า’ และกระบี่ที่ผสานสัจธรรมแห่งความเร็วกระบี่ในจิตสำนึกทั้งสามเล่มนี้เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พลังของกระบี่ลวงตาสัจธรรมแห่งธาตุลมเพิ่มขึ้นไม่หยุดหย่อน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด