ตอนที่แล้วChapter 6 : เสริมความเร็ว (ขั้น1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 8 : ศาสตร์การต่อสู้ (ระดับ1)

Chapter 7 : เสริมจิตวิญญาณ (ระดับ1)


โจวเฉินหมุนตัวกลับและเดินลึกเข้าไปในทางเดินของตัวตึกต่อ ในตอนที่เขากำลังจะเข้าไปตรวจสอบห้องถัดพลันเขาพลันสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของบางสิ่งบางอย่างจากทางด้านหลัง

เขารีบหันกลับไปดูและพบว่าประตูของห้องที่เขายอมแพ้ไม่คิดจะเปิดนั้นได้ถูกผลักเปิดออกมาอย่างเงียบๆ ซอมบี้ชายที่ในมือถือไม้เบสบอลผิดรูปเดินออกมาและกำลังจะเข้ามาลอบโจมตีเขาจากทางด้านหลัง

“ห่าไรเนี่ย...คิดจะแทงข้างหลังแต่ดันไม่มีน้ำอดน้ำทนเอาซะเลย”

โจวเฉินรู้สึกว่าซอมบี้ตัวนี้ฉลาดกว่าซอมบี้ตัวอื่นๆอยู่นิดหน่อยแต่ก็เพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น ถ้ามันรอจนกว่าเขาเดินไปไกลกว่านี้แล้วค่อยออกมาลอบโจมตีโอกาสสำเร็จน่าจะสูงกว่านี้

โจวเฉินยกพลั่วในมือขึ้นและพุ่งเข้าใส่ซอมบี้ตัวนั้นจากนั้นเขาก็ฟาดไปที่หัวของมันอย่างรุนแรง ซอมบี้ตัวนี้ฉลาดกว่าซอมบี้ตัวอื่นๆอย่างที่เขาคิดจริงๆเพราะมันกระทั่งสามารถยกไม้เบสบอลขึ้นมาป้องกันการโจมตีของโจวเฉินเอาไวได้

ซอมบี้ชายตัวนี้ค่อนข้างแข็งแกร่งที่เดียวและโจวเฉินก็ไม่อาจข่มมันได้ในพริบตาเหมือนที่เคยทำกับซอมบี้ตัวอื่นๆ

ยังไงก็ตามหลังจากโดนโจวเฉินเตะเข้าไปที่หัวเข่ารอบหนึ่งจนเสียสมดุล ในช่วงที่มันกำลังเซถลาไปด้านข้างโจวเฉินก็ใช้พลั่วในมือฟาดเข้าใส่หัวมันได้อย่างจัง ซอมบี้ที่สามารถใช้อาวุธได้ตัวนี้จึงจบชีวิตลง

[พรสวรรค์ช่วงชิงสกิลติดตัวทำงาน : ท่านได้ช่วงชิงสกิลติดตัวของซอมบี้ [เสริมจิตวิญญาณ (ระดับ1)] ต้องการหลอมรวมหรือไม่?]

“จัดไปเลย!”

แค่ได้ยินชื่อสกิลเขาก็รู้แล้วว่ามันเป็นความสามารถแบบไหนดังนั้นเขาจึงเลือกหลอมรวมอย่างไม่ลังเล

จากนั้นเขาก็เปิดหน้าต่างค่าสถานะขึ้นมาและเห็นว่าความสามารถของสกิลนี้เป็นไปอย่างที่เขาคิด มันทำให้ค่าพลังจิตวิญญาณของเขาเพิ่มขึ้นมา0.4หน่วย

“สมองของเราดูเหมือนจะแล่นไวกว่าเดิม ตอนนี้ฉันกระทั่งสัมผัสได้ถึงสถานการณ์รอบๆอย่างเลือนลางในระยะสิบเมตรนี้เลยด้วยซ้ำ”

หลังจากได้รับสกิลติดตัวนี้มาโจวเฉินก็รู้สึกได้ว่าความแข็งแกร่งของเขายกระดับขึ้นมาอีกช่วงใหญ่ แม้ว่าความสามารถในการต่อสู้จะไม่เปลี่ยนแปลงแต่ประสาทสัมผัสของเขาทรงพลังกว่าเดิมมากนัก ยกตัวอย่างเช่นเขาสามารถยืนยันได้เลยว่าในห้องที่เขาเพิ่งจะผ่านมาไม่มีซอมบี้เหลืออยู่อีกแล้วแต่มีซากร่างไม่สมประกอบอยู่ร่างหนึ่งแทน

“ความรู้สึกมหัศจรรย์แบบนี้เรียกว่าเป็นพลังเหนือมนุษย์ก็คงได้มั้งเนี่ย”

ค่าพลังจิตวิญญาณที่สูงถึง1.6หน่วยทำให้โจวเฉินรู้สึกว่าตัวเขาเหนือกว่าระดับของมนุษย์ทั่วๆไปแล้ว มันทำให้เขามีสัมผัสที่หกที่สามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งต่างๆรอบตัว

หลังจากเข้ามาในห้องโจวเฉินก็พบว่ามีร่างไม่สมประกอบอยู่บนพื้นร่างหนึ่งจริงๆ ร่างนี้เป็นร่างของชายผิวขาว ส่วนหัวของเขาแตกกระจายและครึ่งนึงของร่างกายก็ถูกกัดจนแหว่ง ดูแล้วน่าจะเป็นฝีมือของซอมบี้ถือไม้เบสบอลตัวเมื่อกี้

หลังจากยืนยันแล้วว่าศพบนพื้นเป็นเพียงแค่ศพไม่ใช่ซอมบี้โจวเฉินก็เดินข้ามซากร่างนั้นไปโดยไม่คิดจะสนใจอีก

ภายในห้องนี้มีตู้เย็นอยู่ตู้หนึ่งแต่เนื่องจากไม่มีพลังงานไฟฟ้าหล่อเลี้ยงมาเนิ่นนานตู้เย็นตู้นี้จึงส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งออกมา เขาบอกได้เลยว่ากลิ่นนี้แตกต่างจากกลิ่นศพด้านนอกคนละเรื่องเลย

“ในตู้เย็นนี่ไม่มีซอมบี้”

โจวเฉินเดินเข้าไปใกล้ๆตู้เย็นและมั่นใจมากว่าภายในตู้เย็นนี้นั้นไม่มีอันตรายอะไร

เขาเปิดตู้เย็นออกมาดูและพบว่าภายในไม่มีสัตว์ประหลาดอะไรซ่อนอยู่อย่างที่คิดแต่มีแฮมเบอร์เกอร์ นม สเต๊กและอาหารอื่นๆที่เน่าเสียไปจนหมดแล้วทำให้เขารู้สึกเสียดายของขึ้นมา

“ดูเหมือนต้องหาที่ที่ยังมีพลังงานไฟฟ้าใช้อยู่ถึงจะเจออาหารที่กินได้....”

เขารู้ดีว่าการหาอะไรกินไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าเขาหาตึกที่ยังมีพลังงานไฟฟ้าไม่เจอเขาก็จะเจอแต่อาหารบูดๆนี่แหละ เว้นเสียแต่ว่าเขาจะเจอพวกอาหารแห้งหรืออาหารกระป๋องสภาพดี

เขาหมุนตัวเดินไปที่หัวเตียงและดึงทิชชู่ออกมาเล็กน้อย เขายัดทิชชู่ใส่ในกระเป๋าและเอามาเช็ดมือด้วยอีกแผ่นหนึ่ง จากนั้นเขาก็เดินออกมาจากห้องและหยิบไม้เบสบอลของซอมบี้ตัวเมื่อครู่ขึ้นมา หลังจากใช้ทิชชู่ทำความสะอาดอย่างตั้งอกตั้งใจอยู่ซักพักเขาก็เปลี่ยนมาใช้อาวุธชิ้นนี้แทน

พลังโจมตีของไม้เบสบอลอาจจะไม่แรงเท่าพลั่วก็จริงแต่ก็ใช้ง่ายกว่ามากและยังไม่หนักขนาดพลั่วอีกด้วย ดังนั้นโจวเฉินจึงเลือกที่จะเปลี่ยนอาวุธ

ส่วนพลั่วโจวเฉินก็ไม่ได้ทิ้งมันไปแต่ยัดเอาไว้ใต้เตียงภายในห้องแทน

เขาคิดว่าเขาอาจจะกลับมายังห้องแห่งนี้อีกเนื่องจากกลอนประตูยังใช้งานได้ ถ้าเขาล็อคประตูและเข้าไปซ่อนอยู่ข้างในก็น่าจะปลอดภัยกว่ามากและน่าจะใช้มันเพื่อผ่านค่ำคืนนี้ไปได้

โจวเฉินตั้งใจจะรีบตรวจสอบตัวตึกและรีบจากไป

สถานการณ์ภายในตึกนี้ก็ไม่ต่างจากที่เขาคิดเท่าไหร่นัก ภายในตึกยังมีซอมบี้ซ่อนอยู่อีกนิดหน่อยและยังคงไม่มีอาหารที่กินได้เช่นเดิม

จากนั้นเขาก็เข้าไปตรวจสอบตึกใกล้ๆอีกซักพักและพบว่าภายในตึกไม่มีไฟฟ้าแล้วเช่นเดียวกันซึ่งนั่นก็หมายความว่าอาหารที่เขาพบล้วนเป็นอาหารที่เน่าเสียแล้วทั้งสิ้น

“นี่ฉันต้องทนหิวไปอีกหลายวันเลยจริงดิ?”

โจวเฉินรู้สึกหนักใจขึ้นมาเล็กน้อย การไม่มีอะไรตกถึงท้องสามวันสำหรับชายหนุ่มอย่างเขาแล้วมันไม่ถึงตายก็จริงอยู่แต่ก็น่าจะรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่นัก นอกจากนี้ยังส่งผลต่อความสามารถในการต่อสู้ของเขาด้วย ผลกระทบของมันอาจจะทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายยิ่งกว่าเดิมก็ได้ถ้าเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันในอนาคต

โจวเฉินเดินเตร่ไปมาในเขตเมืองอย่างเงียบๆและใช้ไม้เบสบอลที่ได้มาฆ่าซอมบี้ที่ขวางทางทิ้งอยู่บ่อยๆ ไม่นานนักเขาก็เดินมาจนถึงสถานที่ที่ดูเหมือนจะเป็นโรงพัก

เขารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเพราะคิดว่าอาจจะหาพวกอาวุธปืนจากที่นี่ได้ก็ได้ ถ้าเขาได้ปืนมาจริงๆความสามารถในการต่อสู้ของเขาคงยกระดับไปอีกขั้นใหญ่

ยังไงก็ตามไม่นานนักโจวเฉินก็ต้องทิ้งความคิดนี้ไป

เขาพบว่าไม่เพียงแต่ภายในสถานีตำรวจจะมีซอมบี้อยู่มากมายเท่านั้นแต่บางตัวยังกระทั่งเดินไปเดินมาพร้อมกับถือปืนไว้ในมืออีกด้วย เห็นได้ชัดเลยว่าพวกมันใช้ปืนเป็น

เขายังไม่อยากจะเอาร่างไปทดสอบรับกระสุนจากลำกล้องปืนของซอมบี้พวกนั้นหรอกนะ

“โรงพักนี่ดูเหมือนจะจัดการยากกว่าห้างเมื่อกี้อีก...อย่าผลีผลามดีกว่า”

คิดได้ดังนั้นเขาจึงหมุนกายเดินออกมาจากโรงพักและเข้าไปในตึกที่ดูเหมือนจะเป็นร้านสะดวกซื้อขนาดเล็กแทน

ภายในตัวตึกนี้ยังมีแสงไฟจากหลอดไฟให้เห็นนั่นก็แปลว่ายังมีไฟฟ้าอยู่ นอกจากนี้ยังมีเสียงการต่อสู้ดังออกมจากด้านในอีกด้วย

“หรือจะมีเซอร์ไวเวอร์มาถึงที่นี่ก่อนเรา?”

โจวเฉินคาดเดาจากนั้นจึงเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้ออย่างเงียบๆและพบว่าเซอร์ไวเวอร์หนุ่มคนเดิมกำลังเหวี่ยงท่อนเหล็กในมือฟาดซอมบี้ที่พุ่งเข้ามาใส่เขาอย่างมันส์มือ

“เป็นหมอนี่จริงๆด้วย เจ้าหมอนี่นี่ตัวนำโชคจริงๆ....”

เมื่อเห็นโอกาสโจวเฉินจึงเดินเข้าไปด้านในอย่างไม่ลังเลและเริ่มค้นหาอาหารที่ยังพอกินได้จากบนแผงขายของ

ยังไงก็ตามแผงวางของส่วนใหญ่ที่เขาพบมักจะว่างเปล่าหรือไม่ก็พังยับไปแล้วซะมากกว่าเขาเลยหาอาหารไม่ได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นในร้านสะดวกซื้อขนาดเล็กแห่งนี้ยังไม่มีตู้แช่อีกด้วยดังนั้นเขาจึงหาพวกอาหารแช่แข็งไม่ได้ด้วย

“อาหารที่อยู่บนแผงวางของอยู่กับฉันหมดแล้ว! ช่วยฉันจัดการกับซอมบี้พวกนี้ก่อนแล้วเดี๋ยวจะแบ่งให้ครึ่งนึง!”

ในเวลานี้เองชายหนุ่มที่กำลังสู้กับซอมบี้อยู่ตรงบริเวณมุมของร้านก็สังเกตุเห็นโจวเฉินที่เดินเข้ามาอย่างเงียบๆแล้วเช่นกันเขาจึงตะโกนบอกกับโจวเฉิน

โจวเฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็พุ่งเข้าใส่ซอมบี้พร้อมกับไม้เบสบอลในมืออย่างไม่ลังเล

เขาตกลงรับข้อเสนอของอีกฝ่ายไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนจิตใจดีแต่เพราะเสียงตะโกนของชายหนุ่มเมื่อครู่ทำให้ซอมบี้สังเกตุเห็นเขาและพุ่งเข้ามาหา

โชคดีที่ซอมบี้ส่วนใหญ่ยังคงมุ่งเป้าไปที่ชายหนุ่มดังนั้นโจวเฉินจึงสามารถจัดการกับซอมบี้ที่หลุดรอดล่างแหมาไม่กี่ตัวๆได้อย่างไม่ยากเย็น

แต่ถึงสถานการณ์จะเปลี่ยนไปจนเลวร้ายยิ่งกว่าเดิมเขาก็ยังสามารถหันหนีจากไปได้อย่างไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด