ตอนที่แล้วตอนที่ 352 เม็ดผลึกกระเรียน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 354 ความเปลี่ยนแปลงจากพลังงานเกลียว

ตอนที่ 353 พลังงานท่วมท้น


เมื่อกินเม็ดผลึกกระเรียนแล้ว  ร่างของถังเทียนสั่นอย่างมิอาจควบคุมได้ เหมือนกับว่ามีพลังระเบิดอยู่ภายในร่างของเขา  พลังงานที่น่าทึ่งทะลักกระจายไปทั่วร่างของเขา

เหมือนกับสายฝนเทลงมามันครอบคลุมไปทั่วทุกมุมเส้นชีพจรของถังเทียน

เส้นชีพจรของถังเทียนอัดเต็มแน่นทันทีทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าเส้นชีพจรของเขากำลังจะปริแตกออก  ร่างของเขาเหมือนกับจะระเบิด พลังงานที่สะสมอยู่ในเม็ดผลึกกระเรียนมีมากเกินไป มันทะลักเข้ามาในเส้นชีพจรและตรงเข้าสู่ตันเถียนของเขา

ที่อยู่เหนือตันเถียนของถังเทียนแยกออกเป็นดำและฟ้าชัดเจน  สีฟ้าก็คือหัวใจน้ำแข็งฟ้า  ขณะที่สีดำก็คือเพลิงดำมิติว่าง  พลังงานที่แตกต่างทั้งสองรูปแบบ แบ่งแยกอยู่ในตันเถียนของถังเทียนเป็นพื้นที่สองสีที่แตกต่างกัน

เมื่อพลังงานเข้าไปจนถึงตันเถียนของเขา  พลังงานทั้งสองสามารถรู้ถึงอันตรายได้ทันทีและขณะเดียวกันพลังงานทั้งสองเปล่งแสงพร้อมกัน

ปัง!

เหมือนกับว่าใจของเขาถูกหมัดกระทุ้งอย่างแรง  ใจของถังเทียนถึงกับว่างเปล่าและโลกเหมือนกับจะหยุดนิ่ง

มีพลังงานสามรูปแบบปะทะกันทำให้ปราณและเลือดและสภาวะใจของเขาสูญเสียการควบคุมทันทีไปช่วงเวลาหนึ่ง  เมื่อเขาได้สติ คลื่นพลังก็ทะลักกดดันพลังงานทั้งสองในร่างของเขา

หัวใจน้ำแข็งฟ้าถูกกดอัดจนเป็นรูปบอลแสงสีฟ้า  ขณะที่เพลิงดำมิติว่างเหมือนราชสีห์พิโรธไม่ยอมถอยสักก้าว

เพลิงดำมิติว่างมีความสามารถในการทำลายล้างที่รุนแรงและพลังงานที่กำลังหลากเข้ามาเหมือนกับน้ำถูกเผาจนเป็นไอ ตันเถียนของถังเทียนเต็มไปด้วยควันหนาสีฟ้าซึ่งดูงดงามมาก  แต่ทำให้เขาเจ็บปวดเหลือประมาณ

หมอกก็คือพลังงานปริมาณมากและถูกควบแน่นโดยที่ก่อนนั้นมีเป็นปริมาณมหาศาล ดังนั้นร่างกายของถังเทียนจึงมีความรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังถูกเป่าเหมือนลูกโป่ง

เขาต่อต้านความเจ็บปวดและความเจ็บปวดของเส้นชีพจรของเขาดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อกระตุ้นพลังเกลียวในตัวของเขา

พลังเกลียวเดินหน้าอย่างยากลำบากมาก พลังงานที่ปล่อยออกมาจากเม็ดผลึกกระเรียนรวมตัวกันหนาแน่นมากทำให้พลังงานเกลียวไม่สามารถดูดซับได้  แต่ถังเทียนรู้  ถ้าเขาไม่ทำ เขาจะต้องตายแน่  นอกจากพลังงานเกลียวแล้ว เขาไม่มีความคิดอื่น

สิ่งที่ทำให้ถังเทียนสามารถระบายลมหายใจได้ก็คือพลังงานเกลียวมีประโยชน์เนื่องจากเป็นรูปแบบพลังที่ก้าวหน้าและใช้งานได้  ถึงจะช้าแต่ก็ทนทานและก้าวหน้าได้อย่างแน่นอน

ขณะที่พลังงานเกลียวเคลื่อนที่ พลังหมุนวนจะเพิ่มขึ้น ความเจ็บปวดก็ยังเพิ่มขึ้นจนถึงจุดที่สภาพใจของถังเทียนว่างเปล่า  แต่พลังใจของเขาแข็งแกร่ง  แม้ว่าสถานการณ์จะวิกฤติและเจ็บปวดเหลือประมาณ  แต่เขาก็ไม่คิดยอมแพ้ และความคิดเดียวที่ผุดขึ้นมาในใจก็คือปล่อยให้พลังงานเกลียวเคลื่อนไปข้างหน้า

เวลาผ่านไปไม่ทราบว่านานเท่าใด  พลังงานเกลียวผ่อนคลายลงทันที

ถังเทียนที่กำลังเวียนหัวเรียกความรู้สึกกลับมาทันที  พลังงานเกลียวมาถึงตันเถียนของเขาแล้วและเข้าไปในขอบเขตเพลิงดำมิติว่าง ความเข้มข้นของเพลิงดำมิติว่างอ่อนแอกว่าเมื่อก่อน และทั่วทั้งตันเถียนมีพลังงานหมอกปราณสีฟ้าห่อหุ้ม  สิ่งที่ทำให้ถังเทียนกระโดดด้วยความตกใจก็คือเกิดรอยแตกบนผนังตันเถียนของเขา

ถ้าผนังตันเถียนถูกอัดกระแทก  นั่นหมายถึงว่าตันเถียนจะถูกทำลาย

แย่แล้ว

ถังเทียนรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที และเริ่มคิดหาวิธีโต้ตอบ  ใครจะรู้ว่าภายใต้แรงกดดันของพลังงานเขาจะรู้สึกอึดอัดมาก ขณะนั้นคลื่นพลังงานก็คือศัตรูของเขา

ศัตรูต้องถูกฆ่าอย่างไม่ปราณี

ทันใดนั้นถังเทียนเห็นพลังเกลียวบินหมุนอยู่ในเพลิงดำมิติว่างและให้ความรู้สึกที่แตกต่าง เขาอดกลั้นความเจ็บขณะที่เขาสงบใจลง หลังจากนั้นชั่วขณะ เขาก็ตระหนักได้ว่าพลังเกลียวไม่สามารถกลืนพลังงานที่หนาแน่นซึ่งระเบิดออมาจากเม็ดพลังกระเรียน แต่พลังงานนั้นกลับถูกเล่นงานด้วยฝีมือของเพลิงดำมิติว่างที่สามารถดูดกลืนได้

เมื่อทราบเช่นนั้นตาของถังเทียนเป็นประกาย  เขาตั้งสติควบคุมพลังเกลียววนไปรอบๆเพลิงดำมิติว่างอย่างรวดเร็ว ความเร็วของพลังเกลียวเพิ่มขึ้นและอัตราการดูดกลืนพลังงานเพิ่มขึ้น

เพียงแค่ไม่กี่อึดใจพลังงานเกลียวก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด

ก่อนที่จะพูดอะไรได้พลังงานเกลียวที่หนาและแข็งแบ่งตัวออกเป็นสอง เหมือนกับว่ามันโคจรสร้างเป็นลวดลาย ขณะที่เวลาผ่านไป จำนวนพลังงานเกลียวในตัวของเขาก็เพิ่มขึ้นเกินสิบและเป็นเหมือนกลุ่มปลาสีขาวกำลังหากินอยู่ในน้ำ  พลังงานเกลียวแตกต่างจากเมื่อก่อนมากมันสว่างและคล่องแคล่วมากขึ้น ปราณแท้คุกคามและกลายเป็นประณีตกระชับขึ้นเป็นสองเท่าหรือมากกว่าขนาดดั้งเดิม

ด้วยการเพิ่มขึ้นของปริมาณและคุณภาพของพลังเกลียว  อัตราการดูดซึมพลังงานจึงเพิ่มขึ้น

พลังงานหมอกรอบเพลิงดำมิติว่างจางลงอย่างรวดเร็ว  ในที่สุดก็รอดพ้นจากพลังงานระเบิดที่น่ากลัว

แต่เขาใช้เพลิงดำมิติว่างมาเป็นเวลานาน  และตอนนี้มันจางไปมาก  พลังงานเริ่มมากขึ้นทำให้ถังเทียนสะดุ้ง   จากนั้นเขาพยายามใช้พลังงานเกลียวดูดซับพลังที่อยู่ในสภาวะของเหลว  แต่ก็ต้องตระหนักว่าทำไม่ได้

ไม่,ข้าไม่อาจปล่อยเพลิงดำมิติว่างพร่องและหมองลง ถังเทียนตระหนักทันใดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับใช้สู้ที่เขาเรียนรู้ได้ก็ต้องอาศัยเพลิงดำมิติว่างเป็นที่สุด

ข้าต้องการเพลิงดำมิติว่าง

แต่ ข้าจะเอาเพลิงดำมิติว่างเพิ่มได้จากไหน

วิชากระบี่แปลกประหลาดปรากฏขึ้นในหัวถังเทียน  และในวิชานั้นจะต้องเรียกเพลิงดำมิติว่างออกมาในจุดนี้ ถังเทียนไม่สนใจประวัติศาสตร์วิชากระบี่ ชีวิตของเขาสำคัญมากกว่า

เมื่อเหลือบมองดูอีกครั้ง  ถังเทียนอดสบถไม่ได้

หลังจากตัววิชากระบี่ถ้าถังเทียนต้องการจะเรียกเพลิงดำมิติว่าง อันดับแรกเขาจำเป็นต้องเรียกกระบี่เซียนกักสมุทร  และวิธีเรียกกระบี่เซียนกักสมุทรนั้นซับซ้อนมากและถ้าไม่ฝึกอย่างยาวนาน ก็ไม่มีทางบรรลุได้ เมื่อคิดถึงวิชากระบี่ ถังเทียนรู้สึกมึน

มันซับซ้อนมากจริงๆ

เพียงมองดูจากความรู้สึกของกระบี่เซียนกักสมุทรจากนั้นดึงมันออกมาจากมิติว่าง จะต้องผ่านปราณแท้สิบเจ็ดรูปแบบแตกต่างกัน ถังเทียนไม่เคยได้ยินวิชาที่ซับซ้อนอย่างนั้นมาก่อน อย่าว่าแต่เห็นเลย

เขาอยากจะด่าคนที่บัญญัติวิชาที่ยากเย็นขนาดนั้น? นั่นก็หมายความว่ามันเป็นเรื่องที่ยากเกินไปสำหรับคนหรือเปล่า?

นอกจากนี้ ปราณแท้สิบเจ็ดรูปแบบ ยังไม่ใช่ขั้นตอนแรก ขั้นตอนแรกก็คือเขาต้องรู้สึกให้ได้ถึงกระบี่เซียนกักสมุทร  จะรู้สึกและเข้าใจถึงกระบี่ได้นั้น  มันไม่ได้ถูกเขียนไว้

โธ่เว้ย, มันจะแปลกประหลาดพิสดารไปถึงไหนกัน?

แต่ ถังเทียนไม่มีเวลาด่า  เนื่องจากมันคือเส้นทางอยู่รอด  ไม่ว่าจะประหลาดพิสดารเพียงไหน  ไม่ว่าจะซับซ้อนอย่างไร  เขาต้องแข็งใจพยายามต่อไป

หนุ่มชาวฟ้าทำได้ทุกอย่าง! ถังเทียนทบทวนประโยคนั้นในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า  พยายามสะกดจิตตัวเอง

ขั้นตอนแรก รู้สึกถึงกระบี่

แล้วข้าจะรู้สึกมันได้ยังไง...

ถังเทียนหงุดหงิดอยู่ครึ่งค่อนวัน  เขาเพ่งถึงเพลิงดำมิติว่า  และไม่ลังเลใจที่จะจดจ่ออยู่มัน  ความคิดของเขาง่าย  ถ้ามีอะไรที่สามารถเชื่อมไปยังกระบี่เซียนกักสมุทรได้  อย่างนั้นก็ต้องเป็นตัวเพลิงดำมิติว่างนั่นเอง

ขณะนี้ เขาไม่สนใจอะไรแม้แต่น้อย  เขาจะพยายามลองและทดสอบก่อนจะพิจารณาทุกอย่าง

ใจของเขาล่องลอยเข้าไปในเพลิงดำมิติว่าง  ถังเทียนเพียงแต่รู้สึกถึงว่ารอบๆตัวเขากลายเป็นที่มืดยิ่งขึ้น เหมือนกับว่าเขาเข้าไปในมิติว่าง ความเจ็บปวดและทรมานที่เขาทนรับอยู่หายไป ภายในมิติว่าง  ไม่มีแสง ไม่มีเสียง

ถังเทียนกวาดมองดู  แต่ไม่สามารถเห็นอะไรได้เลย

เขากัดริมฝีปาก  จากนั้นโก่งคอตะโกนเสียงดังลั่น  “กักสมุทร!  กักสมุทร!  จงออกมา!  กักสมุทร....”

ถังเทียนได้แต่วิงวอนว่ากระบี่เซียนกักสมุทรจะฟังภาษาคนได้  ‘ในเมื่อเจ้าเป็นกระบี่เซียน อย่างน้อยเจ้าต้องฉลาดกว่ากระบี่ปลอดสำเนียง  กระบี่ปลอดสำเนียงยังฟังข้าออก  ดังนั้นน้องกักสมุทร, พี่กักสมุทร,ลุงกักสมุทร, ปู่กักสมุทร...”

ออกมา!

ถังเทียนมีความสุข  เขาช่างเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง!

ร่างที่เลือนรางร่างหนึ่งออกมาจากภายในความว่างไม่ห่างจากถังเทียน  ถังเทียนสามารถเห็นได้แต่เพียงเค้าโครงของคนๆหนึ่ง  แต่รูปหน้าพร่าเลือนไม่ชัดเจน และความรู้สึกของพื้นที่คุ้นเคยพลิกตลบทันที  ระยะห่างของคนผู้นี้ดูเหมือนจะใกล้มาก  แต่ก็เหมือนไกลมากเช่นกัน เป็นครั้งแรกที่ถังเทียนพบกับความรู้สึกที่แปลกประหลาด

ถังเทียนผ่อนลมหายใจ และลูบหน้า  “เอ่อ... กักสมุทร...”

“เจ้าคือถังเทียนใช่ไหม?”  เสียงของอีกฝ่ายดังเหมือนชราภาพมาก

งั้นก็ต้องเป็นปู่เซียนกักสมุทร..

ถังเทียนประหลาดใจ  เขาตั้งสติและผงกศีรษะทันที  “ใช่แล้ว ใช่แล้ว! หวัดดี ปู่เซียนกักสมุทร!”

“ปู่เซียนกักสมุทร?”  ร่างนั้นสะดุ้ง  จากนั้นก็รู้ตัวและหัวเราะลั่น  “น่าสนใจ!  น่าสนใจ”

น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนทันทีและถาม  “ถังเทียน, เจ้ากลัวตายหรือเปล่า?”

“แน่นอน!” หัวใจของถังเทียนกังวลและต้องการตะโกนว่า ปู่เซียนกักสมุทรมากับข้าเถอะ!  แต่ดูเหมือน  กักสมุทรจะไม่โง่  ดังนั้นเขาได้แต่อธิบายอย่างอดทน  “ปู่เซียนกักสมุทร  เราเป็นมนุษย์ และท่านเป็นกระบี่... เอ่อ..จะอาวุธอะไรก็ต่างกันทั้งนั้น ตราบใดที่เราประมาท เราก็จะตาย”

“แล้วทำไมเจ้าถึงกลัวตาย?”  คนผู้นั้นถาม

“ทำไม?”  ถังเทียนสะดุ้ง  “ถ้าเราตาย เราก็จะไม่มีอะไร ไม่มีครอบครัว  ไม่มีสหาย  ไม่มีความฝัน มีชีวิตลำบากยังดีกว่าตายดี”

ถังเทียนสนองตอบทันที  สีหน้าเขาเปลี่ยนไป

ไม่ดีเลย ปู่นี่ไม่คิดอย่างเดียวกัน และต้องการให้เราฆ่าตัวตาย ถ้าไม่อย่างนั้น  ทำไมเขาต้องถามเรื่องนั้น

ท่านไม่ดี หนุ่มชาวฟ้าผู้นี้  ในที่สุดมีโอกาสก็ต้องการความช่วยเหลือของคนอื่นเพื่อความอยู่รอด  ถ้าเจ้าปล่อยผ่าน เจ้าจะมีชีวิตอยู่จนโอกาสทองนี้ส่งมาจากสวรรค์ได้อย่างไร?

ถ้าไม่อย่างนั้น...  ก็ช่วยข้าก่อน จากนั้นท่านค่อยหาโอกาสของตัวท่านเอง..

ถังเทียนกลืนน้ำลายและพยายามตีสีหน้าโน้มน้าวจิตใจ “ปู่เซียนกักสมุทร มีภาษิตกล่าวไว้ มีชีวิตลำบากยังดีกว่าตายดี  นั่นคือเรื่องที่ถูกต้องที่สุดแล้ว  คนตายทุกคนก็ต้องมีเรื่องเสียใจหนักอยู่แล้ว”

“ไม่มีอะไรในความว่างเปล่านี้,  ไม่มีเวลา ไม่มีแสง  ไม่มีเสียง  เป็นก็เหมือนกับตาย”  เขาตอบอย่างเฉื่อยชา

ซูดดดด

ถังเทียนสูดอากาศหนาวเหน็บ  ทัศนคติของเฒ่าผู้นี้มุ่งมั่นมาก

ถังเทียนรู้สึกจนคำพูดเล็กน้อย  เขาไม่รู้จะแนะนำอย่างไร  ดังนั้นเขาเค้นสมองจนแทบเป็นน้ำ  “ปู่เซียนกักสมุทร  สถานที่นี้เหงาและน่าเบื่อจะตาย  แต่ทำไมปู่ถึงได้อยู่ที่นี่มานานนักเล่า  และแม้แต่วันนี้ท่านก็ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?”

ชายชราเงียบ

ถังเทียนพึมพำ  “ข้าคิดว่าปู่เซียนกักสมุทรมีบางอย่างที่ท่านไม่สามารถละทิ้งไว้ในเบื้องหลัง มีบางอย่างที่ท่านไม่ยินดีจะปล่อยวางอยู่ในนี้  นั่นคือความหมายของชีวิต  จะต้องมีบางเรื่องที่ท่านต้องการทำ  ไม่ว่าท่านจะหนุ่มหรือแก่  แต่ท่านจะไม่มีทางลืมมัน แต่มันจะวนเวียนและผุดขึ้นมาในใจท่านเป็นครั้งคราว  การมีชีวิตอยู่จะสามารถทำปณิธานนั้นให้เต็มได้ และข้ารู้สึกว่านั่นคือเหตุผลที่ทำให้ปู่ยังคงมีชีวิตอยู่ ท่านยังคงมีเรื่องค้างคาอยู่ในใจและทนแบกรับความทุกข์ทรมานไว้  แต่ท่านก็ยังมีชีวิตต่อไปเพื่อปณิธานนั้น”

ชายชรานิ่งเงียบเป็นเวลานานมาก

ทันใดนั้น เขาหัวเราะหึหึ  และค่อยๆ หัวเราะดังลั่น “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า....”

เสียงหัวเราะเต็มไปด้วยพลังประหลาดราวกับว่าสามารถฉีกมิติว่างได้

และเสียงหัวเราะนั้นก็หยุดทันที  “เด็กน้อย, กระบี่กักสมุทรอยู่นี่แล้ว  จงรับไป!”

กระบี่ยาวสีดำลอยอยู่อย่างสงบ ในกลางอากาศ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด