ตอนที่แล้วตอนที่ 325 จิ่งหาวตัดสินใจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 327 ข่าวร้าย

ตอนที่ 326 ม่อเว่ยเทียนตกตะลึง


เวลาผ่านไปเงียบๆ

ด้วยความขัดแย้งมานานในที่สุดพวกเขาก็ทำให้เย่จิ่วหมดความอดทนเชื่อถือ ในที่สุดพวกเขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าถังเทียนกับพวกไม่ซื่อสัตย์  เขากังวลมากขึ้นในที่สุดก็มีเหตุผลให้พวกเขาเคลื่อนไหวลงมือ เป็นเพราะอาจารย์ของจิ่งหาว เขาตระหนักดีถึงความขัดแย้งภายในและไม่ต้องการเอาชนะคู่ต่อสู้ของเขาด้วยการลงมือรวดเดียวแต่

แรงกดดันจากกลุ่มดาววาฬเป็นเพียงข้ออ้างของเขา เนื่องจากเขาไม่เห็นกลุ่มดาววาฬอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย

แต่คำเตือนจากกลุ่มดาวคนยิงธนูทำให้เขาต้องชะงักและไม่กล้าขัดขืนคำสั่ง

“การเจรจากับทางด้านถังเทียนไม่ก้าวหน้าเลย  เราจำเป็นต้องเตรียมการเคลื่อนไหวอย่างอื่น

เย่เฉาเกอที่อยู่ต่อหน้าเขามีลักษณะที่ไม่โดดเด่นอะไร  ผมของเขาพันกันเหมือนลวดเหล็กกองอยู่บนหัว  เคราของเขาหนานุ่มมองดูเหมือนกระบี่  ขากรรไกรของเขาเด่นชัดให้ความรู้สึกเหมือนคนโกง

“จิ่งหาวเดินทางไปกลุ่มดาวหมาป่า”

เสียงของเย่เฉาเกอต่ำและแหบแต่เต็มไปด้วยพลังที่น่าทึ่งเขานั่งขัดสมาธิมีกระบี่ชำรุดวางพาดอยู่มีร่องรอยการต่อสู้อยู่ที่ขาของเขา  เขามองดูผ่อนคลายแต่ให้ความรู้สึกเหมือนพยัคฆ์ร้ายที่พร้อมจู่โจมทำร้ายใครก็ได้ทุกคน

เย่จิ่วมองดูบุตรชายของตนด้วยความภูมิใจ กลิ่นอายแหลมคมจากตัวเขาแข็งกล้ารุนแรงต่างกันกับบิดาของเขา

อารมณ์ของเขาเหมือนกับจนใจแต่สงบ เขาหัวเราะ “เจ้ายังกังวลเรื่องจิ่งหาวอยู่หรือ?  ข้าคิดว่าไม่ว่าจิ่งหาวจะทำอะไร  เจ้าต้องให้ความสนใจเขาด้วยหรือ?”

“ข้าไม่เคยดูแคลนจิ่งหาว”  เย่เฉาเกอไม่หลบสายตาบิดา  เสียงต่ำแหบของเขาก้องอยู่ในห้อง  “เขาเป็นคนยึดมั่น แน่วแน่จิตใจเปิดเผยซื่อสัตย์, เขามีหัวใจนักสู้ที่กล้าแกร่งขอเพียงเป็นนักสู้ผู้มีหัวใจก็สามารถกลายเป็นนักสู้ผู้แข็งแกร่งได้  และข้ารอคอยเขาอยู่เสมอ  เร็วๆ นี้เขาสำเร็จสุดยอดวิชาโดดเด่นได้ข้ากำลังรอคอยจะได้ต่อสู้กับเขา”

“จิ่งหาวสำเร็จสุดยอดวิชาโดดเด่นหรือ?”  หน้าของเย่จิ่วเปลี่ยนไป  เขาตื่นตัว การถูกถังเทียนถ่วงเวลาทำให้เขาไม่รู้ความจริงที่ว่าจิ่งหาวกำลังก้าวหน้า  เขาเริ่มจะปวดหัว  “ข้าน่าจะหาวิธีกำจัดเขาตั้งแต่ปีที่แล้ว เป็นความจริงที่ว่าเลี้ยงเสือไว้เพื่อเชื้อเชิญภัยพิบัติมาหาตัวชัดๆ”

เย่เฉาเกอไม่แสดงความคิดเห็นอะไรเกี่ยวกับคำพูดของบิดาเขา

เขาลุกขึ้นยืน

“ข้าจะไปกลุ่มดาวหมาป่า” จากนั้นเขาออกไป

เย่จิ่วไม่ทันได้ยับยั้งเขา  ร่างของเขาก็หายไปแล้ว  หน้าของเย่จิ่วเคร่งเครียด ทันใดนั้นเองเขาตระหนักได้ทันทีว่าสถานการณ์กำลังจะไม่เป็นผลดีต่อเขา

ความคิดบ้าๆอย่างหนึ่งผุดเข้ามาในใจเขา

หรือว่าถังเทียนและพวกพ้องวางแผนทรยศสมาพันธ์ชาวยุทธ?

เขากำจัดความเป็นไปได้โดยไม่รู้ตัว  ถ้าพวกเขาทรยศสมาพันธ์ชาวยุทธ  นั่นก็หมายความว่าพวกเขาจะตกอยู่ภายใต้รายชื่อเป้าไล่ล่าโจมตีโดยสมาพันธ์ชาวยุทธ และเขาเชื่อว่าพวกเขาคงไม่โง่พอจะทำเช่นนั้น พวกเขายินดีจะเสี่ยงชีวิตเพื่อกระบี่เล่มเดียวเชียวหรือ?

เขาไม่เชื่อว่าถังเทียนจะเลือกเงื่อนไขเช่นนั้น ดังนั้นเมื่อถังเทียนเพิ่มเงื่อนไขขึ้นมาเขาจึงเห็นด้วย

แต่จะเป็นยังไงถ้าถังเทียนไม่ต้องการวางมือจากกระบี่จริงๆ?

ทันใดนั้นเย่จิ่วนึกถึงคำเตือนจากกลุ่มดาวคนยิงธนู  ที่สมาพันธ์ชาวยุทธยอมให้เพียงเย่เฉาเกอคนเดียวเข้ากลุ่มดาวหมาป่า  และไม่มีใครอื่น จักรพรรดินีคาดการณ์ว่าถังเทียนคงไม่ยอมวางมือจากกระบี่กระมัง?

ในที่สุดเย่จิ่วก็รู้ได้ เขาต้องทำอย่างอื่นควบคู่ไปด้วย

อนุญาตให้เพียงเย่เฉาเกอเข้ากลุ่มดาวหมาป่า?  เย่จิ่วไตร่ตรองชั่วขณะและเขามีนัยน์ตาเป็นประกายทันที ถ้าสมาพันธ์ชาวยุทธไม่สามารถเข้ากลุ่มดาวหมาป่าได้  อย่างนั้นข้าจะหาคนอื่นแทน

เขาตัดสินใจทันที

แม้ว่าถังเทียนและสหายจะแสดงพลัง,กองทัพ, กระบี่เซียนของพวกเขา แต่สำหรับระดับของเย่จิ่วแล้ว ก็แค่นั้นเอง นักสู้กลุ่มดาวหมาป่าไม่สามารถเข้าใจว่านักสู้ของกลุ่มดาวที่แข็งแกร่งกว่านั้นแข็งแกร่งมากขนาดไหน  สำหรับเย่จิ่วผู้เคยเห็นทหารที่แท้จริงมาก่อนนั่นเป็นแค่ตัวตลก

ถ้าพวกเจ้าโง่ขนาดนั้นจริงๆ อย่างนั้นข้าจะแสดงพลังทหารที่แท้จริงให้พวกเจ้าดู

เย่จิ่วแค่นเสียง

**************

ฐานในเมืองสามวิญญาณเกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว  แม้ว่าถังเทียนจะของดึงมาใช้บางส่วน  แต่สำหรับเซรีนทำงานหนักอยู่แล้ว  ขอเพียงมีเงิน ที่เหลือย่อมไม่เป็นปัญหา

นางได้จ้างช่างจักรกลที่เก่งแต่ไม่มีชื่อเสียงผ่านตระกูลม่อ ปัจจุบันนี้วงการอาวุธจักรกลในเมืองสามวิญญาณมีชื่อเสียง

เมื่อเห็นปิงเซรีนหยุดงานที่นางกำลังทำก่อน ปิงมีธุรกิจเร่งด่วนถึงได้ตามหานาง แต่นางกลับถาม “เกิดอะไรขึ้น?”

ปิงไม่ได้แจ้งเซรีนให้ทราบเรื่องบทฝึกมรณะพิเศษ ถ้าเซรีนรู้ว่าเขาทำให้ถังเทียนเข้าห้องฝึกมรณะพิเศษ  นางคงใช้ค้อนเหล็กบรอนซ์ทุบเขาให้ตายโดยไม่ลังเลใจแน่

“ไม่มีอะไรมาก” ปิงยังใจเย็นอยู่ได้

เซรีนถอนหายใจโล่งอก  “นั่นก็ดี เอาล่ะ,ม่อเว่ยเทียนรอท่านอยู่หลายวันแล้ว”

ปิงประหลาดใจ  “ข้าคิดว่าเขาจะมาตอนหลังสงครามเสียอีก”

“บางทีให้เขาพบท่านเองจะดีกว่า”  เซรีนพูดด้วยท่าทางไม่เห็นด้วย

“ข้าจะไปพบเขา” ปิงโยนกระดาษในมือของเขาให้เซรีน “ช่วยดูให้ด้วย ดูซิว่าเจ้าสามารถซ่อมได้หรือไม่”

“อะไรน่ะ?” เซรีนลูบคลำกระดาษและถาม

ปิงไม่ได้ตอบโดยตรง  “เจ้าจะรู้เมื่อเห็นเอง  ข้าจะไปหาประมุขตระกูลม่อก่อน”

ม่อเว่ยเทียนมายืนที่ดูพื้นที่ฝึกฝนทุกวันมองดูนักสู้จักรกลฝึกฝน  เขาใช้เวลาส่วนใหญ่จับตามองม่อจื่อหวีและม่ออู๋เว่ย เขาพยักหน้าอยู่ภายใน แม้ว่าตัวเขาเองจะแข็งแกร่ง แต่หลังจากมีปฏิสัมพันธ์กับอาวุธจักรกลเป็นเวลาหลายปี  เขาสามารถบอกได้ว่าความก้าวหน้าที่คนทั้งสองมีเหมือนกับได้ถือกำเนิดใหม่

แม้ว่าหกร้อยล้านจะเป็นราคาน่าเจ็บปวด  แต่มันคุ้มค่าแน่นอน

และเซรีนยังได้สร้างอาวุธกลที่ทรงพลังมากกว่าเมื่อเทียบกับอาวุธจักรกลของตระกูลม่อ  ผี่ผาพอมีเวลาว่าง มักจะมาอยู่กับม่อเว่ยเทียนเมื่อเห็นว่าเขาปลาบปลื้มพอใจ  นางกล่าว“จื่อหวีและอู๋เว่ยมีความแข็งแกร่งเหนือคนอื่นมาก อาวุธจักรกลธรรมดาไม่พอมือของพวกเขาแล้ว แน่นอนอาจารย์เซรีนจึงสร้างอาวุธจักรกลให้พวกเขาอีกสองชุดอาวุธจักรกลของจื่อหวีมีนามว่าดาบเพลิง และของอู๋เว่ยนามว่าน้ำแข็งห้าวหาญ  ท่านปิงได้ปรับแต่งและกำหนดรูปแบบต่อสู้ที่เหมาะสมกับพวกเขา  และท่านปิงยังได้บอกไว้ก่อนว่า ถ้าพวกเขาผสานกันต่อสู้พวกเขาสามารถต่อสู้กับนักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีร้อยอันดับท้ายได้”

“ท่านปิงพูดอย่างนั้นจริงๆ หรือ?”  ม่อเว่ยเทียนตะลึง  แต่เขามีความสุขจริง

“ถูกแล้ว” ผี่ผายิ้ม “ทั้งสองคนได้ต่อสู้ผู้อาวุโสบอดซอกำศรวลและยังเสมอได้”

“เจ้าหมายถึงผู้เฒ่าบอดซอกำศรวลน่ะหรือ?”  ม่อเว่ยเทียนประหลาดใจ

“ถูกแล้ว” ผี่ผาพยักหน้า

ม่อเว่ยเทียนตกใจพอๆกับปลื้มใจ ปลื้มใจที่ในที่สุดตระกูลม่อก็มีนักสู้ที่แข็งแกร่งเป็นของตนเองและประหลาดใจที่ความจริงถังเทียนยังมีพรสวรรค์ซ่อนอยู่ในตัวเขา  เขาคิดถึงเรื่องที่จื่อหวีและอู๋เว่ยได้พูดถึงในคืนก่อน

จื่อหวีและอู๋เว่ยฝึกฝนอย่างหนักในตอนกลางวันและไม่มีเวลาว่าง  อาจารย์ผู้สอนของเขาเข้มงวดมาก ดังนั้นทั้งสองคนจึงไม่กล้ามีความคิดเป็นอื่นขณะฝึกฝน  แต่ตอนกลางคืน พวกเขาสามารถทำอะไรตามต้องการได้ ม่อเว่ยเทียนและทั้งสองคนคุยกัน และเขาได้รับข้อมูลหลายอย่าง ตัวอย่างเช่นกลุ่มของผู้เยาว์ และคนอายุน้อยที่ยังอ่อนแอ จะมีความก้าวหน้าได้รวดเร็วมากทำให้ทั้งสองคนรู้สึกกดดัน พวกผู้เยาว์ทุกคนมีพรสวรรค์ที่โดดเด่นกับอาวุธจักรกลวิญญาณ  และอาจารย์ผู้สอนจะให้เวลากับพวกเขามากอีกทั้งมีผู้เชี่ยวชาญพลังสายเลือด กล่าวได้อย่างมั่นใจว่าพลังของนักสู้รุ่นเยาว์จะมีมาตรฐานแตกต่างทุกวัน

โครงการโดยรวมของถังเทียนไม่ใช่เล็กน้อย!

ม่อเว่ยเทียนคิดอยู่ตลอดเวลาและมักถอนหายใจเสมอ มันคือฐานทัพบรอนซ์ขนาดใหญ่และครั้งแรกที่เขาได้เห็นเขาถึงกับสั่นไปทั้งตัว ด้วยขนาดจำนวนเงินรวมขนาดนี้ นี่จะเป็นแค่เพียงแผนการเล็กๆ ได้ยังไง?

เขาเข้าไปดูห้องทำงานของเซรีนและเห็นแบบแปลนอาวุธจักรกลวิญญาณใหม่ของเซรีน แบบอาวุธจักรกลใหม่ยังดูด้อยเมื่อเทียบกับดาบเพลิงและน้ำแข็งห้าวหาญ  แต่มูลค่าของมันยังคงสูงกว่าหิมะหมึกมากหากเขาจะขาย เขารู้ว่าเซรีนเตรียมแบบเหล่านี้ไว้ให้ตระกูลม่อ

เขาไม่สามารถประเมินได้ว่ามาตรฐานการค้นคว้าวิจัยจักรกลของเซรีนสูงส่งขนาดไหนได้อีกต่อไป

เมืองสามวิญญาณกำลังรุ่งเรืองและเติบโตเนื่องจากทุกสิ่งทุกอย่างกำลังถูกจัดระบบ

ถ้ามีเวลาพอสถานที่ทั้งหมดจะกลายเป็นกองกำลังที่น่ากลัวในอนาคต!

“ท่านประมุขตระกูลม่อ”

ม่อเว่ยเทียนหันมาและอาวุธจักรกลวิญญาณสีฟ้าปรากฏอยู่ในสายตาเขา   เขาสังเกตได้ทันทีว่าพยัคฆ์ฟ้ามีจุดที่ปรับปรุงอยู่สองสามแห่ง

เขาหัวเราะโดยไม่สะดุ้งตกใจ  “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะท่านปิง  ข้านึกว่าคุณชายถังจะอยู่ที่นี่เสียอีก?”

“ตอนนี้เขาขังตัวฝึกฝนอยู่”  เสียงของปิงดังออกมาจากพยัคฆ์ฟ้า

ม่อเว่ยเทียนผงกศีรษะรับทราบ  “เมื่อกระบี่เซียนกักสมุทรปรากฏก็สามารถเขย่าสวรรค์ได้ คุณชายถังถึงกับทุ่มเทเพื่อความก้าวหน้าขังตนเองฝึกฝน  ปณิธานและความตั้งใจของเขาคือสิ่งที่คนธรรมดาไม่สามารถเทียบได้เลย  แต่ที่ข้าจะมาที่นี่  คุณชายถังคุยกับข้าเกี่ยวกับเรื่องกองทัพและท่านก็ดูแลอย่างเต็มที่ ข้าสงสัยว่า...”

“ใช่แล้ว ปล่อยให้ข้าจัดการ” ปิงพูดตรงๆ

ม่อเว่ยเทียนตัดสินใจพูดให้ตรงจุดเช่นกัน “ข้าสงสัยว่าท่านปิงเห็นว่าลูกศิษย์ทั้งสองของตระกูลม่อฝึกฝนเป็นยังไงบ้าง?”

ปิงไม่ตอบ แต่กลับย้อนถาม “ท่านประมุขม่อกำลังคิดจะสร้างกองทัพบ้างใช่ไหม?”

ม่อเว่ยเทียนพูดเฉื่อยชา  “เมื่อเกิดเหตุการณ์รุนแรง  บางครั้งตระกูลม่อก็ต้องใช้วิธีป้องกันตัวบ้าง”

“ท่านประมุขตระกูลม่อพูดถูก”  น้ำเสียงของปิงชมเชยเขาจากนั้นก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง “แต่ตระกูลม่อมีผู้นำทหารแล้วหรือ? ไม่มีผู้นำทหาร จะเริ่มสร้างกองทัพไปก็ไร้ประโยชน์”

ม่อเว่ยเทียนเป็นผู้ใหญ่และมีประสบการณ์สามารถอ่านความหมายระหว่างคำพูดของปิงได้ และกล่าว“ข้าอยากขอร้องให้ท่านปิงช่วยสอน”

“ข้าไม่กล้ารับบทบาทอาจารย์  แต่ข้ามีความคิดบางอย่าง”  คำพูดของปิงทำให้เขาประหลาดใจ  “ตระกูลม่อไม่มีผู้นำกองทัพ  แต่เรามี”

“ท่านปิงตั้งใจจะนำกองทัพด้วยตนเองใช่ไหม?  หรือว่าถังอี้?”  ม่อเว่ยเทียนถามอย่างสงสัย

เกินจากความคาดหวังปิงตอบ “ไม่ ข้าไม่มีความตั้งใจจะสั่งการกองทัพในตอนนี้  ถังอี้จะยังคุมกองทัพหมาป่า”

ม่อเว่ยเทียนตะลึงและจ้องมองตาแทบถลน “อย่าบอกนะว่าท่านยังมีผู้นำทหารคนที่สาม?”

“ก็มีความก้าวหน้า”  ปิงพูดอย่างคลุมเครือ

แม้ว่าปิงจะคลุมเครือแต่ม่อเว่ยเทียนก็เชื่อในตอนนั้นแล้ว กลุ่มอิทธิพลนับไม่ถ้วนมีความมั่งคั่ง  แต่ไม่สามารถสร้างกองทัพได้  เจ้าเมืองอ้วนหลี่ก็เหมือนกัน  ดังนั้นตระกูลม่อจะทำอะไรได้

ยากนักที่จะหากองทัพได้  นี่ไม่ใช่เรื่องพูดเกินจริง  ไม่ว่าจะเป็นสี่สิบสองกลุ่มดาวขอบฟ้าใต้หรือสิบเก้ากลุ่มดาวขอบฟ้าเหนือ  ผู้นำทหารคือสิ่งที่มีค่ามากและถังเทียนกลับมีถึงสามคน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด