ตอนที่แล้วตอนที่ 10-31 แหล่งอัญมณีเวท
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 10-33 ระดมทัพระดมพล

ตอนที่ 10-32 ร่วมกองกำลัง


แหล่งแร่อัญมณีเวทที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ทวีปยูลานถูกพบเจอโดยอาณาจักรบาลุคซึ่งก่อตั้งขึ้นมาเพียงสิบสองปี

“ดินแดนอนารยชนเป็นพื้นที่เกิดสงครามและการสู้รบมาโดยตลอด  ในรอบหลายพันปีไม่มีกลุ่มอำนาจแม้แต่กลุ่มเดียวที่มีโอกาสได้ขุดแร่และทำเหมือง  ข้าไม่คาดเลยว่าในพื้นที่ก่อตั้งนี้  เราจะหาแหล่งแร่ใหญ่ขนาดนั้นได้ทันที”  ลินลี่ย์อดถอนหายใจอย่างทึ่งมิได้

แต่ขณะเดียวกันลินลี่ย์ค่อนข้างสงสัย

ขอบเขตของแร่อัญมณีเวทถูกสร้างมาจากแก่นธาตุขนาดมหึมาที่ค่อยๆผ่านแรงอัดกดดันจนแข็งเป็นรูปอัญมณี จะสร้างเป็นแหล่งอัญมณีเวทใหญ่มหาศาลขนาดนั้นได้จำเป็นต้องมีแก่นธาตุตามธรรมชาติมากมายมหาศาล  ทำไมถึงมีแก่นธาตุมากมายที่นี่?

แต่เมื่อลินลี่ย์ตรวจสอบพื้นที่ด้วยพลังจิตของเขา เขาไม่พบอะไรที่เป็นลักษณะพิเศษเกี่ยวกับพื้นข้างล่าง

“ไม่ดีแน่” สีหน้าวอร์ตันเปลี่ยน

“มีอะไรหรือ?” ลินลี่ย์มองดูวอร์ตันด้วยความประหลาดใจ และบีบีก็รู้สึกเหมือนกัน “วอร์ตันน้อย  เราเพิ่งจะพบแหล่งอัญมณีเวทใหญ่ทำไมเจ้าถึงบอกว่าไม่ดี?”

วอร์ตันส่ายศีรษะ  เขาพูดน้ำเสียงจริงจัง  “พี่ใหญ่,ท่านบอกว่าแหล่งแร่อัญมณีเวทนี้มีมูลค่าเป็นร้อยพันล้านเหรียญทอง  นอกเหนือจากในด้านการเงินแล้วในด้านที่สำคัญที่สุดของแหล่งอัญมณีเวทก็คือ.. สามารถเอามาใช้ในสงครามได้ท่านน่าจะรู้เรื่องนี้ดีใช่ไหม?”

ลินลี่ย์พยักหน้า

“เจ้ากำลังพูดถึงปืนใหญ่พลังอัญมณีเวทใช่ไหม?”  ลินลี่ย์ถาม

ปืนใหญ่อัญมณีเวทถูกสร้างขึ้นมาด้วยฝีมือนักเล่นแร่แปรธาตุและช่างทำอาวุธโลหะ พวกเขาทำให้การใช้ประโยชน์ของเวทมนตร์เป็นไปในวงกว้างโดยไม่ต้องใช้จอมเวทระดับสูง  ในอดีตในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์เฟนไลก็ยังมีปืนใหญ่พลังอัญมณีเวทแต่น่าเสียดาย วันหายนะแม้แต่อสูรเวทระดับเซียนก็เข้ามาร่วมด้วยจำนวนอสูรเวทบินได้ก็มีมากมายมหาศาลเช่นกัน นี่ทำให้ไม่มีเวลาให้ปืนใหญ่พลังอัญมณีเวทได้เริ่มยิง

ความจริงปืนใหญ่พลังอัญมณีเวทเป็นของที่สร้างพลังโจมตีที่มีประสิทธิภาพมากในสงคราม

ตัวอย่างเช่น ปืนใหญ่พลังอัญมณีเวทคุณภาพสูงต้องใช้อัญมณีเวทในปริมาณที่มากในการยิงแต่ละครั้งพลังที่ปลดปล่อยออกมาเทียบเท่ากับเวทระดับเจ็ดหรือระดับแปด สามารถฆ่าคนเป็นร้อยได้ง่าย  ในสนามรบถ้าฝ่ายไหนสามารถยิงปืนใหญ่พลังอัญมณีเวทสักสิบกระบอกและยิงได้สองสามครั้ง..

กองกำลังของศัตรูจะมีกำลังทหารลดน้อยลงไปเป็นหมื่นนี่จะส่งผลกระทบใหญ่ต่อผลของสงคราม

แต่ปืนใหญ่พลังอัญมณีเวทเป็นหลุมสูบเงินที่ไร้ก้นปริมาณของอัญมณีเวทที่ต้องใช้ไปมีจำนวนที่น่ากลัว ในอดีตเมื่ออาณาจักรบาลุคก่อตั้งในพื้นที่นี้ศัตรูไม่ได้ใช้ปืนใหญ่พลังมณีเวทเลย  เพราะพื้นที่แร้นแค้นอย่างนี้ไม่สามารถหามาใช้ได้

ด้วยการยิงจากปืนใหญ่พลังอัญมณีเวทในแต่ละครั้ง  อัญมณีเวทจะถูกใช้ไปในปริมาณมาก  และสิ่งเหล่านี้มีค่ามากกว่าทอง!

“อัญมณีเวทในปริมาณน้อยก็สามารถซื้อขายกันได้ด้วยทอง”  หน้าของวอร์ตันเคร่งเครียด “แต่ปริมาณมากมายจะถูกจำกัดตรวจสอบโดยจักรวรรดิต่างๆ  พวกเขาจะไม่ยอมให้คนภายนอกได้ซื้อของเหล่านี้  แม้ว่าบางคนจะมีส่วนร่วมในการลักลอบค้า  แต่จะทำได้มากสักแค่ไหน?”

ลินลี่ย์พยักหน้า เป็นไปได้ยังไงที่ประเทศจะยอมให้ประเทศศัตรูซื้อยุทธภัณฑ์ทหารจากพวกเขาในปริมาณมาก?

วอร์ตันพูดอย่างจริงจัง  “เป็นเรื่องง่ายที่จะซื้อปืนใหญ่พลังอัญมณีเวท  และในความเป็นจริง  เนื่องจากอาณาจักรของเราก็มีพลังเข้มแข็ง  ถ้าเราใช้เงินบางส่วนเราสามารถทำได้ด้วยตัวเอง ด้วยเหมืองอัญมณีเวทที่ใหญ่ขนาดนั้นบวกกับปืนใหญ่พลังอัญมณีเวท..กำลังของทหารของเราก็เพิ่มขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์”

ที่สำคัญยังมีนักเวทอยู่น้อย กระบวนการทดสอบที่ลินลี่ย์ได้ทำมาในอดีตเป็นเครื่องพิสูจน์เรื่องนั้น

หลังจากกลายเป็นจอมเวทคนหนึ่ง  การเข้าถึงระดับเจ็ดหรือสูงกว่านั้น?   นั่นยิ่งมีแนวโน้มน้อยลง  ในทวีป มีแต่เพียงจักรวรรดิยิ่งใหญ่,สหภาพศักดิ์สิทธิ์และพันธมิตรมืดจึงจะสามารถสร้างกลุ่มนักเวทได้

อาณาจักรบาลุคของลินลี่ย์ยังไม่มีความสามารถสร้างกลุ่มนักเวทดังกล่าวได้

แต่ปืนใหญ่พลังอัญมณีเวท...ปืนใหญ่พลังอัญมณีเวทสิบกระบอก ถ้าประเทศมีอัญมณีเวทอย่างเพียงพอ ก็คงไม่ด้อยไปกว่ามีกลุ่มนักเวทอยู่ด้วย

“พี่ใหญ่” วอร์ตันมองดูลินลี่ย์ “เจ้าควรจะรู้ว่าในทวีป มีสี่จักรวรรดิใหญ่และอาณาจักรอื่นๆในการต่อสู้ของพวกเขาจะไม่ใช้เซียนเข้าร่วมเว้นแต่จะกลายเป็นสงครามเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ถ้าพวกเซียนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย..อย่างนั้นปืนใหญ่พลังอัญมณีเวทจะมีความสามารถเปลี่ยนสนามรบได้  ถ้าศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิมืดพบว่าตอนนี้เรามีแหล่งแร่อัญมณีเวทขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปยูลาน  อย่างนั้น.....”

สีหน้าของลินลี่ย์กลายเป็นขึงขังเช่นกัน

เขาใช้เวลาฝึกฝนมานานจนทำให้เขาลืมเรื่องการสู้รบในโลกไปแล้ว

“เจ้าพูดถูก เมื่อศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาพบเรื่องนี้เข้าพวกเขาอาจร่วมกำลังกันโจมตีตีอาณาจักรของเรา” ลินลี่ย์รู้สึกได้ถึงการคุกคามในบัดนี้ ในอดีต พวกเขาทำข้อตกลงกันว่าในสงครามธรรมดาเซียนไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

อย่างนั้น...

อาณาจักรบาลุคมีประชากรเพียงร้อยล้านคนจะสู้กับกองกำลังร่วมของศาสนจักรเจิดจรัสและลิทธิเงาซึ่งควบคุมพลเมืองเป็นจำนวนมากมายกว่าได้อย่างไร

ทั้งสองฝ่ายมีอาณาเขตใหญ่กว่าพื้นที่ซึ่งลินลี่ย์มี  และยังมีพลเมืองมากมายยิ่งกว่า ประชากรที่ศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาควบคุมมีจำนวนรวมกันราวสี่ถึงห้าร้อยล้าน

“พี่ใหญ่ เราควรทำยังไงดี?”  วอร์ตันมองดูลินลี่ย์

ตาของลินลี่ย์เป็นประกายเยือกเย็น  “ไม่ต้องคิดมาก ตอนนี้เราต้องหาทางซื้อปืนใหญ่พลังอัญมณีเวทก่อน  เราจะให้หอการค้าดอว์สันช่วย!  และจากนั้นเราต้องเริ่มต้นทำเหมืองอย่างจริงจัง ถ้าศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงามาจริงๆ อย่างนั้นเราจะอาศัยปืนใหญ่อัญมณีเวทช่วยสนับสนุนกองทัพที่เล็กกว่าของเรา”

“ได้เลย, พี่ใหญ่”  ตาของวอร์ตันเป็นประกายเช่นกัน

ลินลี่ย์ตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่ายังไงก็ตาม  พวกเขาจะไม่ซ่อนตัวหรือขลาดเขลา

ในไม่ช้าคนจำนวนมากถูกส่งเข้าไปในพื้นที่นี้เพื่อเริ่มทำเหมืองอัญมณีเวท ขณะเดียวกันทหารจำนวนมากก็เข้ามาคุ้มครองที่นี่  เมื่อมีการทำเหมืองคนงานทำเหมืองจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมกับกิจกรรมภายนอก  และเป็นธรรมดา เงินเดือนของพวกเขาสูงเช่นกัน

สำหรับคนภายนอก  พวกเขาประกาศว่าได้พบแร่ที่มีค่ามาก

คำสั่งเงียบของอาณาจักรบาลุคได้ผลเป็นอย่างดี ผ่านไปหนึ่งเดือนเต็มไม่มีข้อมูลนี้รั่วออกไป  อย่างไรก็ตามศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงายังมีหน่วยสอดแนมสองสามคนอยู่อาณาจักรบาลุค  บางครั้งข่าวบางอย่างอาจจะรั่วออกไปได้  ในที่สุดศาสนจักรเจิดจรัสก็พบความจริงของข่าวนี้จากสมาชิกครอบครัวของชาวเหมือง

ภายในคฤหาสน์ที่สง่างามแห่งหนึ่ง

“เหมืองอัญมณีเวทที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยูลานน่ะหรือ?  อย่างน้อยขนาดสิบกิโลเมตร?”  บุรุษหนุ่มผมขาวอ่านจดหมายในมือของเขา  สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที และยิ่งเขาอ่านมากขึ้นก็ยิ่งมีสีหน้าเคร่งเครียด

บุรุษหนุ่มผมขาวนี้ดูเหมือนยังอายุเยาว์  แต่ในความเป็นจริงทั้งไฮเดนส์และโอเซนโนไม่ได้แก่ไปกว่าเขาเลย

ทั้งนี้เป็นเพราะ...เขาเป็นเทวทูตระดับเซียนของศาสนจักรเจิดจรัส สามพันปีที่แล้วเขาลงมายังทวีปยูลาน แม้ว่าพลังของเขาในฐานะเทวทูตจะไม่เพิ่มขึ้นและศักยภาพของเขาไม่อาจเทียบได้กับมนุษย์ แต่เขาอยู่มานานเป็นผลให้เขามีสติปัญญาสูงส่งพอๆ กับมนุษย์

อาร์ฟานเทวทูตสี่ปีก หัวหน้าคนปัจจุบันของกองกำลังศาสนจักรเจิดจรัสในดินแดนอนารยชน

“ข่าวดี” หน้าของอาร์ฟานมีรอยยิ้ม จากนั้นเขาสั่งคนส่งข้อความทันที  “จงรีบไปปล่อยข่าวให้พวกลัทธิเงาทราบเดี๋ยวนี้  คอยดูด้วยว่าพวกเขามีปฏิกิริยายังไง”

“ขอรับ, ใต้เท้า”  บุรุษวัยกลางคนตอบด้วยความเคารพ

อาร์ฟานพยักหน้าเล็กน้อย

ถ้าพวกลัทธิเงาสนใจจะโจมตีอาณาจักรบาลุค  นั่นจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีทีเดียว  แม้ว่าพวกเขาจะไม่โจมตีการแจ้งข่าวให้พวกเขาทราบก็ไม่ส่งผลต่อศาสนจักรเจิดจรัสอยู่ดี

“ส่งข่าวนี้ไปที่เกาะศักดิ์สิทธิ์ทันที  ขอให้เกาะศักดิ์สิทธิ์มอบหมายคำสั่งจะให้เราทำยังไงต่อไป!”  อาร์ฟานสั่ง เขารู้...การตัดสินใจในเรื่องสำคัญเช่นนั้นในแดนอนารยชนมาจากเกาะศักดิ์สิทธิ์

ในไม่ช้า....

คำสั่งจากเกาะศักดิ์สิทธิ์ก็มาถึง

อาร์ฟานอ่านข้อความและเป็นไปตามที่เขาคาดการณ์

“รวมกำลังกับพวกลัทธิเงาและโจมตีอาณาจักรบาลุค  เราต้องได้แหล่งแร่สามในสี่  นั่นคือส่วนแบ่งขั้นต่ำ”  คำสั่งง่ายมาก ที่สำคัญ หลายอย่างต้องไม่พูดโดยเปิดเผย” ในฐานะผู้จัดการพื้นที่นี้ อาร์ฟานไม่ใช่คนโง่  ตัวอย่างเช่นเขาจะต้องทำอย่างดีที่สุดเพื่อให้พวกลัทธิเงาต้องใช้พลังงานและอำนาจมาก

อาร์ฟานยิ้ม  เขาคิดเอาเองว่า  “ดูเหมือนว่าได้เวลาตอบรับจากลัทธิเงาแล้ว”

เมื่อครู่นี้เมื่อเขาส่งคนปล่อยข่าวไปให้พวกลัทธิเงา พวกลัทธิเงาก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว... พวกเขาเชิญอาร์ฟานไปปรึกษาเรื่องนี้  อาร์ฟานไม่ตอบรับพวกเขาทันที แต่กลับขอให้พวกเขารอแทน  และตอนนี้ เขาถือคำสั่งของเกาะศักดิ์สิทธิ์แล้ว

ทุกอย่างเริ่มขึ้นตอนนี้

ในเมืองเล็กธรรมดาที่ไม่เป็นที่สังเกต  คฤหาสน์เล็กธรรมดาหลังหนึ่ง  เทวทูตสี่ปีกอาร์ฟานและตุลาการศาลลัทธิเงาโอคาซี่ย์  ทั้งสองนั่งตรงข้ามประจันหน้ากันต่างคนต่างดื่มไวน์

“ไม่เลว รสชาติและสีสันยอดเยี่ยมมากน่าจะเป็นไวน์น้ำฟ้าจากจักรวรรดิยูลานใช่ไหม?” โอคาซี่ย์หัวเราะ

“ท่านโอคาซี่ย์รู้เรื่องไวน์ดีจริงๆ”  อาร์ฟานหัวเราะอย่างใจเย็น  “อย่ามัวแต่อ้อมค้อมอยู่เลย  วันนี้ท่านเชิญข้ามาที่นี่ ท่านโอคาซี่ย์จะคุยปัญหาเรื่องเหมืองอัญมณีเวทของอาณาจักรบาลุค ท่านต้องการพูดอะไรกันแน่ท่านโอคาซี่ย์?”

โอคาซี่ย์ขยิบตาจากนั้นจิบไวน์ด้วยความพอใจ  “ท่านอาร์ฟาน,ท่านจะว่าอะไรไหม ถ้าข้าจะขอเหล้านี้ติดมือกลับไปด้วยสักหลายขวด?  ข้าคิดว่า ข้า.. ข้าหลงรักเจ้านี่เสียแล้ว”

อาร์ฟานขมวดคิ้ว  เขารู้สึกหงุดหงิด

แต่เนื่องจากนี่เป็นการเจรจาเขาต้องอดทน

ท่านโอคาซี่ย์เป็นไปได้หรือว่าท่านต้องการจะคุยเรื่องไวน์กับข้ายันค่ำคืน?”  อาร์ฟานพูดจริงจัง

โอคาซี่ย์มองดูอาร์ฟานและเริ่มหัวเราะลั่น  “ท่านอาร์ฟาน, ข้าก็แค่หยอกท่านเล่น  ก็ได้ ลัทธิเงามีความคิดบางอย่างเกี่ยวกับเหมืองอัญมณีเวทแห่งจักรวรรดิบาลุค  อย่างไรก็ตาม...เราไม่ต้องการพัวพันทำสงครามกับอาณาจักรบาลุค”

“ท่านไม่ต้องการหรือ?”  อาร์ฟานมองดูโอคาซี่ย์อย่างระมัดระวัง

โอคาซี่ย์ผู้นี้มีแผนอะไรอยู่กันแน่?  เขาไม่ต้องการร่วมรบกับอาณาจักรบาลุคหรือ?  อย่างนั้นการประชุมครั้งนี้จะมีประโยชน์อะไร?

“ท่านโอคาซี่ย์ ท่านหมายความว่ายังไง?” หน้าของอาร์ฟานไม่พอใจ

โอคาซี่ย์ยิ้ม  “ความจริง, อาร์ฟาน เจ้าควรจะเข้าใจ พวกเราทั้งหมดต้องส่งคนไปยังอาณาจักรบาลุคและพูดว่า... ‘ศาสนจักรเจิดจรัสกำลังเตรียมการโจมตีอาณาจักรบาลุค  และเชิญลัทธิเงาเข้าร่วมกับพวกเขาด้วย ตราบใดอาณาจักรบาลุคยินดียกอัญมณีให้บางส่วน อย่างนั้นลัทธิเงาจะเตรียมปลีกตัวออกห่างจากเรื่องนี้ไม่เข้าข้างฝ่ายใด  ถ้าท่านยินดีให้เพิ่มมากอีกนิด เราสามารถช่วยท่านรับมือกับศาสนจักรเจิดจรัสได้”

โอคาซีย์มองดูอาร์ฟานที่ในตอนนี้มีสีหน้าบิดเบี้ยว  “อาร์ฟาน, บอกข้ามา,  ลินลี่ย์กับวอร์ตันจะเลือกอะไร?”

อาฟาร์เงียบ

“ความเป็นปฏิปักษ์ที่ลินลี่ย์มีต่อศาสนจักรเจิดจรัสมีไม่ใช่เรื่องเล็ก”  โอคาซี่ย์พูดอย่างสบายใจ

ความจริงโอคาซี่ย์พูดถูก ด้านลินลี่ย์บางทีจะไม่ยินดีให้แร่อัญมณีเวทกับลัทธิเงาหรือบางทีอาจจะมอบให้ลัทธิเงามากมายเพื่อให้ช่วยพวกเขาจัดการกับศาสนจักรเจิดจรัสร่วมกัน

ที่สำคัญศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาเป็นฝ่ายตรงกันข้ามอยู่แล้ว

อาร์ฟานรู้ว่าในตอนนี้สถานการณ์ไม่เป็นใจให้กับพวกเขาอย่างมาก

“ท่านโอคาซี่ย์”อาร์ฟานมองดูโอคาซี่ย์อย่างจริงจัง “ท่านรู้ไหมว่าแหล่งอัญมณีเวทมีขนาดเท่าใด?”

“ข้าไม่รู้ แต่น่าจะใหญ่กว่าเหมืองอัญมณีเวทชั้นเลิศหลายสิบเท่า”  โอคาซี่ย์กล่าว  มีคนน้อยมากที่รู้ขนาดที่แน่นอนของเหมือง  ที่สำคัญ ยังไม่มีการขุดเหมืองอย่างเต็มที่มีแต่คนอย่างลินลี่ย์เท่านั้นที่สามารถตรวจสอบพื้นที่ด้วยพลังจิตของเขาและสามารถรู้ขนาดแน่นอนชัดเจนได้

แต่ศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาจะกล้าส่งยอดฝีมือระดับเซียนไปเสี่ยงสู้กับลินลี่ย์อย่างนั้นหรือ?

บางทีลินลี่ย์คงจะฆ่าเซียนนั้นได้ทันที

ที่สำคัญในการทำสนธิสัญญาก่อนหน้านั้นพวกเขาเพียงแต่บอกว่าเซียนไม่สามารถเข้าร่วมในการสู้รบได้ แต่ลินลี่ย์ยังคงได้รับอนุญาตให้ฆ่าเซียนอื่นได้

อาร์ฟานพยักหน้า “เนื่องจากเจ้าไม่รู้ขนาดของแหล่งอัญมณีเวท อย่างนั้นถ้าลินลี่ย์ให้อัญมณีเวทคุณภาพดีที่ดูเหมือนมากกับท่าน  ท่านก็ยังไม่ทราบขนาดของเหมืองทั้งหมดอยู่ดี”

“ก็จริง” โอคาซี่ย์ยอมรับเรื่องนี้

ลินลี่ย์อาจจะประกาศขนาดของเหมืองไว้เพียงบางส่วนซึ่งมีค่าเพียงไม่กี่แสนล้านเหรียญทั้งที่ขนาดอาจจะใหญ่กว่านั้นถึงสิบเท่า ที่สำคัญ ไม่มีใครรู้ขนาดที่ใหญ่แน่นอน... มันง่ายที่ลินลี่ย์จะโกหกพวกเขา

“ตราบใดที่เราร่วมกองกำลังกันต่อต้านอาณาจักรบาลุค  เราจะแบ่งเหมืองอัญมณีเวทครึ่งต่อครึ่งก็แล้วกัน  ไม่ว่าเหมืองจะมีขนาดใหญ่เพียงไหนก็ตาม”  อาร์ฟานกล่าว

“ครึ่งหนึ่ง?” โอคาซี่ส่ายศีรษะ  “เจ็ดสิบ-สามสิบเราเจ็ดสิบ เจ้าสามสิบ”

อาร์ฟานพูดเย็นชา  “โอคาซี่ย์ อย่ามากเกินไปนัก  ถ้าเราแบ่งครึ่งเราก็สามารถร่วมมือกันได้ในอนาคต” โอคาซี่ย์ยักคิ้วจากนั้นหัวเราะ “เมื่อเป็นอย่างนั้น.. ข้าจะไปช่วยฝ่ายลินลี่ย์  เราไม่ต้องเสี่ยงอะไรเลย  และเราก็จะได้อัญมณีมาจำนวนมาก”

อาฟานขมวดคิ้ว

“หกสิบสำหรับฝ่ายเจ้า  สี่สิบสำหรับฝ่ายเรา  คำเดียว จะเอาหรือไม่?”  หน้าของอาร์ฟานขึงขังมากขึ้น

โอคาซี่ย์มองดูอาร์ฟาน  จากนั้นยกแก้วเหล้าของเขา  เขายิ้มพลางกล่าว  “ท่านอาร์ฟาน มาเถอะ มาดื่มฉลองการร่วมกำลังกันของพวกเรา!”

หน้าของอาร์ฟานค่อยมีรอยยิ้ม

“ยินดีด้วย” เขายกแก้วเหล้าด้วยเช่นกัน

ศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาเพื่อประโยชน์ความมั่งคั่งมหาศาลภายในเหมืองอัญมณีเวท ยินดีร่วมกองกำลังกัน  นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่าไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูตลอดกาลมีแต่ความสนใจผลประโยชน์ตลอดกาลเท่านั้นที่ยั่งยืน  และผลประโยชน์เหล่านี้บางครั้งก็เป็นเงิน  บางครั้งก็เป็นอำนาจ บางครั้งก็เป็นความเสน่หา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด