ตอนที่แล้วตอนที่ 9-10 สองอัจฉริยะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 9-12 วุ่นวายราวกับตลาด

ตอนที่ 9-11 ท้าทาย


ยุติการต่อสู้?

ผู้ชมทั้งแปดหมื่นคนเริ่มบ่นพร้อมกันเมื่อได้ยินคำพูดนี้จากเซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซน  บางคนลอบสบถใส่เขาเงียบๆ

ลินลี่ย์และโอลิเวอร์เป็นสองคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดของทวีปยูลาน นักรบหลายคนสละชีวิตพวกเขากันเลยทีเดียวหากหมายความว่าพวกเขาจะได้เห็นการต่อสู้เช่นนั้นระหว่างยอดฝีมืออัจฉริยะระดับเซียน

แต่ขณะที่การต่อสู้กำลังดำเนินไปถึงจุดที่ตื่นเต้นที่สุด  เซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซนก็โผล่ออกมา

จะไม่ให้พวกเขาโกรธได้ยังไง?

แต่คนที่ยุติการต่อสู้ก็คือเฮนด์เซน เซียนหมายเลขหนึ่งของโลก

“ดีที่สุดแล้วถ้าเรายุติการต่อสู้ที่เกิดขึ้นไว้เพียงเท่านี้และเดี๋ยวนี้”  หน้าผากพ่อบ้านแอชลี่ย์เต็มไปด้วยเหงื่อ

ไม่ใช่แค่พ่อบ้านแอชลี่ย์ ฮิลแมน วอร์ตันและคนอื่นๆที่ห่วงลินลี่ย์กันทุกคนเท่านั้น ฝีมือที่โอลิเวอร์แสดงออกมาไม่ด้อยไปกว่าของลินลี่ย์เลย และวิชากระบี่อัคนีนั้นดูเหมือนจะแปลกประหลาดด้วยเช่นกัน

สัจธรรมแห่งธาตุดินของลินลี่ย์ก็ทรงพลังอย่างแท้จริง

แต่พลังโจมตีซึ่งโอลิเวอร์พัฒนาขึ้นมาจากพื้นฐานความเข้าใจกฎธรรมชาติของธาตุมืดจะอ่อนแอกว่าสัจธรรมแห่งธาตุดินของลินลี่ย์จริงๆหรือ? โอลิเวอร์เองก็บอกว่าเขาไม่สามารถควบคุมพลังของกระบี่อัคนีได้เมื่อชักออกจากฝักแล้วไม่ใช่หรือ?

เพราะเซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซนเข้ามาแทรกแซงกะทันหัน ลินลี่ย์และโอลิเวอร์ยืนอยู่ที่ปลายสนามประลองในกลางอากาศตรงกันข้ามกันมองหน้ากันและโดยมีเฮนด์เซนคั่นอยู่ตรงกลางพวกเขา

ยอดฝีมือระดับเซียนสามคน สองคนเป็นสุดยอดอัจฉริยะ ขณะที่คนที่สามเป็นยอดฝีมือระดับเซียนที่เก่งที่สุดในโลก

“ยุติการต่อสู้?” โอลิเวอร์จ้องมองเฮนด์เซน

ลินลี่ย์ก็จ้องมองเฮนด์เซนเช่นกัน

“พลังของเฮนด์เซนผู้นี้น่าประหลาดจริงๆวิชาที่เขาเพิ่งแสดงออกมาไม่ได้ขึ้นอยู่กับปราณยุทธบริสุทธิ์ แต่น่าจะเป็นเคล็ดพลังป้องกันที่พัฒนาขึ้นมาจากกฎธาตุดินที่ลึกล้ำของเขา”

ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ว่าคลื่นสีธาตุดินที่เฮนด์เซนเปล่งออกมาก่อนนั้นบรรจุไปด้วยชั้นพลังงานคล้ายคลื่น

“อย่างไรก็ตาม เขาคงไม่อาจทนต่อสัจธรรมแห่งธาตุดินของเราได้แน่”  ลินลี่ย์ยังมั่นใจในระดับพลังโจมตีสูงสุดของเขา

ความจริงเมื่อต่างคนต่างพุ่งเข้าโจมตีกันในลักษณะนี้ ลินลี่ย์และโอลิเวอร์ทั้งสองคนอยู่ในสภาพเร่งพลังขึ้น

ระดับของลินลี่ย์และของโอลิเวอร์ยอดฝีมือระดับเซียนชั้นสูง  พวกเขาไม่ได้สูญเสียพลังงานไปแต่อย่างใด  ทั้งวิชาสัจธรรมแห่งธาตุดินทั้งพลังโจมตีของโอลิเวอร์จะต้องรอจนกระทั่งเมื่อพลังโจมตีของทั้งสองฝ่ายปะทะกันก่อนที่พลังของพวกเขาจะปะทุออกมาทันที

ผู้ตกเป็นเหยื่อของสัจธรรมแห่งธาตุดินหลายคน เมื่อปะทะกับดาบหนักอดาแมนเทียม ในตอนแรกจะไม่รู้สึกถึงอันตรายแต่อย่างใด  แต่หลังจากนั้นในทันที...

พวกเขาจะรู้สึกถึงคลื่นโจมตีที่สั่นสะเทือนชั้นแล้วชั้นเล่าส่งผ่านเข้ามายังอวัยวะภายในของพวกเขา

เพียงแค่นั้น เฮนด์เซนผลักทั้งลินลี่ย์และโอลิเวอร์ด้วยวิชาเดียวได้จริงๆ  แต่นั่นเป็นเพราะไม่ว่าจะเป็นลินลี่ย์ไม่ว่าจะเป็นโอลิเวอร์ทั้งคู่ไม่ได้ใช้พลังโจมตีสุดยอดต่อเฮนด์เซน  มิฉะนั้นเฮนด์เซนคงไม่สามารถป้องกันพลังโจมตีของพวกเขาได้ง่ายแน่นอน

“ฮ่าฮ่า โอลิเวอร์, ลินลี่ย์” ตอนนี้จักรพรรดิโจฮันน์ลุกขึ้นยืนแล้ว ภายใต้สายตาผู้ชมแปดหมื่นคน จักรพรรดิโจฮันน์เดินออกมาจากที่นั่งกรรมการผู้ตัดสินตรัสด้วยเสียงดัง  “โอลิเวอร์, ลินลี่ย์การสู้กันระหว่างพวกเจ้าทั้งสองคนเป็นภาพที่เหลือเชื่อจริงๆและขยายมุมมองของเราด้วย  นอกจากนี้พวกเจ้าหาได้มีความแค้นเคืองจริงจังจนถึงกับต้องคลี่คลายกันด้วยความตายไม่”

จักรพรรดิโจฮันน์ไม่ปรารถนาให้ลินลี่ย์หรือโอลิเวอร์ต้องตาย

ถ้าอัจฉริยะทั้งสองคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ อย่างนั้นอิทธิพลของจักรวรรดิโอเบรียนในทวีปยูลานจะต้องแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ลินลี่ย์และโอลิเวอร์มองหน้ากัน

“ก็ได้” โอลิเวอร์พยักหน้า และหัวเราะอย่างใจเย็น “เมื่อน้องลินลี่ย์สามารถรับพลังโจมตีจากกระบี่เงาแสงของข้าได้  ข้าก็ไม่มีความต้องการจะสู้ต่อไปอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามข้าเองก็ผิดอยู่บ้างในเรื่องนี้เช่นกัน..”  โอลิเวอร์มองลินลี่ย์

“พลังของน้องลินลี่ย์เหนือกว่าที่ข้าคาดไว้มาก ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าวิชากระบี่ที่เขาแสดงออกมาตอนแรกเริ่มจะเป็นความสามารถผิวเผินของเขา”  โอลิเวอร์ยิ้มให้ลินลี่ย์  “ข้ายอมรับว่าพลังของน้องลินลี่ย์ไม่ด้อยไปกว่าข้าเอง”

เห็นได้ชัดว่าโอลิเวอร์ตั้งใจแสดงความเป็นมิตรต่อลินลี่ย์  ถึงกับเรียกลินลี่ย์เป็นพี่น้องเลยทีเดียว

วิชากระบี่อัคนีทรงพลังจริง แต่วิชาดาบหนักอดาแมนเทียมก็แข็งแกร่งเช่นกัน ถ้าอัจฉริยะทั้งสองคนนี้สู้กันเต็มที่จนถึงจุดที่มีความตายเกิดขึ้นนั่นจะเป็นความสูญเสียและไม่คุ้มค่าเลย

เนื่องจากโอลิเวอร์พูดคุยด้วยมารยาทอันสมควร ลินลี่ย์จึงไม่กดดันต่อแต่อย่างใด

ที่สำคัญคือ เขาเพิ่งเข้ามาในจักรวรรดิโอเบรียนมาได้ไม่นาน  ไม่สร้างศัตรูมากเกินไปจะดีที่สุด

“ถ้าอย่างนั้นยุติการต่อสู้ไว้แต่เพียงเท่านี้ก็ได้”เสียงสงบของลินลี่ย์ดังก้องไปทั่วทั้งสนามประลองและผู้ชมทั้งแปดหมื่นคนเข้าใจได้ว่าการต่อสู้ระหว่างสุดยอดอัจฉริยะทั้งสองคงจะไม่มีต่อในวันนี้อีกแล้ว

แต่สิ่งที่ตามมาทันที...

เสียงปรบมือดังสนั่นทั่วทั้งสนามประลอง ผู้ชมทุกคนเปล่งเสียงเชียร์สนับสนุนอย่างเต็มที่  แม้ว่าการประลองจะต้องยุติลงแต่พวกเขาก็ยังตื่นเต้นอย่างควบคุมมิได้

“โอลิเวอร์!” “โอลิเวอร์!” “โอลิเวอร์!”

“ลินลี่ย์!”  “ลินลี่ย์!”  “ลินลี่ย์!”  “ลินลี่ย์!”

คลื่นเสียงแสดงความยินดีดังสนั่นแสบแก้วหูของทุกคน  ทุกคนส่งเสียงเชียร์แบบอย่างของพวกเขา

ในช่วงเวลานี้เองพวกเขาลืมไปว่าการประลองในวันนี้เกิดขึ้นระหว่างวอร์ตันกับบลูเมอร์

เห็นได้ชัด..

แม้ว่าวอร์ตันกับบลูเมอร์จะเป็นอัจฉริยะ แต่เมื่อเทียบกับพี่ๆ ของพวกเขาแล้วยังคงมีช่องว่างใหญ่ระหว่างพวกเขาในทุกด้าน พลกำลังที่น่าทึ่งของลินลี่ย์และโอลิเวอร์ข่มขวัญทุกคนในสนามประลองได้

เมื่อเห็นการต่อสู้ของพวกเขายุติลง เซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซน ก็รู้สึกยินดีมากเช่นกัน  ขณะนี้เองลินลี่ย์บินลงมาทางด้านของเขาเอง

เสียงโห่ร้องยินดีทั่วทั้งสนามประลองยังคงดังกระหึ่ม  ตอนนี้สายตาของผู้คนลินลี่ย์มีคุณค่าในระดับเดียวกับสถานะของโอลิเวอร์ ถ้ารวมปัจจัยเรื่องที่ลินลี่ย์อายุเยาว์และเป็นผู้เชี่ยวชาญงานสลักหินระดับปรมาจารย์ด้วยแล้วบางทีคุณค่าของลินลี่ย์อาจมากกว่าฉายากระบี่อัจฉริยะโอลิเวอร์ก็เป็นได้

“พี่ใหญ่..” จากตำแหน่งที่เขานั่ง วอร์ตันเห็นลินลี่ย์บินลงมา  เขาเรียกพี่ชายด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น

“ใต้เท้า”  บาร์เกอร์และน้องๆต้อนรับการกลับมาของเขาเช่นกัน เจนน์ รีเบ็คกาและลีนาทุกคนถอนหายใจโล่งอกขณะที่พวกนางออกมาต้อนรับเขาด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน

ลินลี่ย์กลับคืนร่างมนุษย์ปกติและสวมชุดยาว

“ใต้เท้า, ขืนสู้ต่อไป! โอลิเวอร์นั่นไม่ใช่คู่มือใต้เท้าแน่นอน ข้าคนหนึ่งล่ะที่ไม่เชื่อว่าเขาจะสามารถต้านรับพลังโจมตีของสัจธรรมแห่งธาตุดินของท่านได้”  เกทส์พูดเบาๆ ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

บาร์เกอร์และคนอื่นๆรู้กันทุกคนว่าสัจธรรมแห่งธาตุดินของลินลี่ย์ทรงพลังมากเพียงไหน  ทุกคนเชื่อมั่นว่าลินลี่ย์สามารถเอาชนะได้

แต่ลินลี่ย์ส่ายศีรษะและหัวเราะ  “อย่าประเมินโอลิเวอร์ต่ำเกินไป  เพราะว่าเขาสามารถสร้างพลังโจมตีที่พิเศษได้  วิชากระบี่เงาแสง หมายความว่าพลังของกระบี่อัคนีของเขานั้นประหลาดอย่างมาก  เจ้าต้องคิดถึงเรื่องนี้  ข้าสามารถรู้แจ้งสัจธรรมนี้ได้  แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคนอื่นไม่ได้มีความสามารถจริงไหม? กฎธรรมชาติแห่งธาตุกว้างขวางไร้ขอบเขตเหมือนกับมหาสมุทร และความรู้แจ้งของข้าเป็นแค่น้ำหยดเดียวในมหาสมุทรเท่านั้น”

บาร์เกอร์และคนอื่นๆ ทุกคนพยักหน้าเหมือนกับว่าพวกเขาเข้าใจ

แต่ขณะนั้นเองมีเสียงดังขึ้นจากกลางอากาศเหนือสนามประลอง  “ท่านเฮนด์เซน ท่านยังจำได้ไหมการสู้กันระหว่างเราเมื่อหกปีที่แล้ว?”

ลินลี่ย์หันหน้าไปมองท้องฟ้าทันที คนที่กล่าวคำพูดเหล่านี้ก็คือเซียนกระบี่อัจฉริยะ โอลิเวอร์  ตาของเขาโอลิเวอร์เต็มไปด้วยประกายแสง และเขาจ้องเซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซนซึ่งเตรียมจะบินกลับลงมา

เฮนด์เซนชะงักและหันไปมองโอลิเวอร์ เขาพยักหน้ากล่าว  “หกปีที่แล้วคืนวันพระจันทร์เต็มดวง  แน่นอนข้ายังจำการต่อสู้คราวนั้นได้  ความเร็วของเจ้าทำให้ข้าประทับใจจริงๆ”

โอลิเวอร์มองดูเฮนด์เซน เขาพูดอย่างจริงจัง  “ข้าท่องเที่ยวมาหลายอาณาจักรและได้รับชัยชนะต่อยอดฝีมือต่างๆในจักรวรรดิอื่นๆ มาโดยตลอด  แต่ข้าแพ้ท่านและท่านผู้เดียวเท่านั้น  หกปี... หกปีเต็มระหว่างหกปีเหล่านี้ ข้าได้พัฒนาวิชากระบี่ศิลาดำเพื่อรับมือท่านโดยเฉพาะ”

สนามประลองเงียบลงอีกครั้ง

ดูเหมือนว่าจะมีประวัติที่ค้างคาใจกันเล็กน้อยระหว่างยอดฝีมือระดับเซียนทั้งสองคนนี้

“โอว, ใช้รับมือกับข้าน่ะหรือ?” เฮนด์เซนหัวเราะอย่างใจเย็น  “เจ้าเชื่อว่ากระบี่อัคนีของเจ้าสามารถทำลายแนวป้องกันของข้าได้งั้นหรือ?”

หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่สุดซึ่งเฮนด์เซนเป็นที่รู้จักกันดีในนามว่าเซียนดาบจ้าวภูผาก็คือเพราะมีพลังป้องกันที่แข็งแกร่ง ยอดฝีมือระดับเซียนชั้นสูงหลายคนไม่สามารถทำลายได้หรือทำให้เขาบาดเจ็บเท่าใดนัก

โอลิเวอร์นึกย้อนกลับไปถึงการต่อสู้เมื่อหกปีที่แล้ว  นั่นเป็นความอัปยศอย่างมาก!

ไม่ว่าเขาจะโจมตีเฮนด์เซนเพียงใด เขาก็ไม่สามารถทำร้ายเฮนด์เซนได้แม้แต่รอยขีดข่วน เขาเองได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากผลกระทบในการโจมตีแต่ละครั้ง  นอกจากนี้ เฮนด์เซนไม่ได้ช้ากว่าเขาแม้แต่น้อย

ความเหนือชั้นกว่า!

แม้ว่าโอลิเวอร์จะเป็นนักสู้ระดับเซียนชั้นสูง  แต่เมื่อเทียบกับเฮนด์เซน  เขาเหนือชั้นกว่าสิ้นเชิง  เหมือนกับว่าพวกเขามีระดับที่แตกต่างกันคนละชั้น ชื่อเสียงของเขาในฐานะยอดฝีมือชั้นเซียนอันดับหนึ่งมิใช่ได้มาง่ายๆ

“เราจะรู้กันว่าข้าจะสามารถทำลายพลังป้องกันของท่านได้หรือไม่  ถ้าเราได้ทดสอบกันจริงไหม?  ท่านเฮนด์เซน วันนี้ที่สนามประลองข้าขอท้าทายท่านอย่างเป็นทางการ ถ้าท่านยอมรับ อย่างนั้นอีกสามเดือนเราจะประลองกันนอกเมือง”  โอลิเวอร์กล่าว

วันนี้โอลิเวอร์ใช้ปราณยุทธไปมากแล้วในการต่อสู้กับลินลี่ย์เขาจึงไม่อยู่ในสภาพพร้อมสูงสุด

“ท้าทาย?”

เฮนด์เซนย่นหน้าผาก  แต่มีรอยยิ้มบนใบหน้า

สนามชมการประลองเริ่มเต็มไปด้วยเสียงฮือฮาตื่นเต้น  เซียนกระบี่อัจฉริยะโอลิเวอร์ท้าทายเซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซนอย่างเปิดเผย  หลายคนตื่นเต้นจนหน้าพวกเขาแดง

ทุกคนหันไปมองเซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซน

“ก็ได้ ข้ายอมรับ” เฮนด์เซนยิ้มและพยักหน้า  “สามเดือนจากนี้ไป ข้าจะขอลองพลังของวิชากระบี่อัคนีซึ่งเจ้าพัฒนาขึ้นมาในช่วงหกปีมานี้”

“แน่นอน ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง” หน้าของโอลิเวอร์เต็มไปด้วยความมั่นใจสูงสุด

รอยยิ้มบนใบหน้าของเฮนด์เซนสดใสขึ้น

หกปีที่แล้ว มีความเหนือชั้นถึงขนาดที่เขาไม่เหลือความรู้สึกอยากต่อสู้ต่อไป โอลิเวอร์ได้เรียนรู้ว่าพลังป้องกันของเฮนด์เซนนั้นแข็งแกร่งเพียงใด  แต่โอลิเวอร์ยังมั่นใจขนาดนี้   โอลิเวอร์ไม่ใช่คนโง่  เห็นได้ชัดว่าเขาต้องมีบางอย่างที่เขาวางใจได้

“ไม่ทำให้ข้าผิดหวังน่ะหรือ?  ข้าหวังจริงๆว่าจะเป็นอย่างที่เจ้าพูด”  เฮนด์เซนเต็มไปด้วยความคาดหมายบางอย่าง

เขาไม่ได้พบกับคู่ต่อสู้ที่สามารถคุกคามเขาได้มาเป็นเวลานานแล้ว

เพียงก้าวสั้นๆ สามก้าวเซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซนก็มาปรากฏที่นั่งผู้ตัดสินอีกครั้ง สำหรับโอลิเวอร์ก็บินมาอยู่ที่ข้างตัวน้องชายเขา

ทั่วทั้งสนามชมการประลองเต็มไปด้วยเสียงพึมพำปรึกษากัน

ลินลี่ย์พอลงสนามต่อสู้ก็เอาชนะเคนยอนได้อย่างง่ายดายและจากนั้นยังยืนหยัดสู้กับโอลิเวอร์ได้อีกด้วย  และตอนนี้โอลิเวอร์ท้าประลองกับเซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซน

เหตุการณ์ต่อเนื่องครั้งนี้น่าตื่นเต้นอย่างไม่มีที่สุด

“ทุกท่าน”  ขณะนั้นบุรุษชราผมหงอกกลับขึ้นไปอยู่บนเวทีประลอง  “เมื่อครู่นี้ข้าเตรียมจะประกาศผลของการประลอง แต่คาดไม่ถึงเลยว่าท่านโอลิเวอร์จะมาถึง”

บุรุษชราผมเงินมีใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “นั่นยิ่งทำให้ข้าตื่นเต้นมากขึ้น นี่เป็นวันที่ตื่นเต้นที่สุดในชีวิตที่ยาวนานของข้า  การต่อสู้ของท่านโอลิเวอร์กับท่านลินลี่ย์คือสิ่งที่ข้าเชื่อว่าจะไม่มีใครลืมไปได้ในตลอดชีวิตที่ยังเหลือของพวกท่าน  แค่มองจากเวทีประลองและดูเสาธงเหล่านั้น”

การต่อสู้ที่เพิ่งเกิดขึ้นทำให้เวทีเกิดรอยแตกร้าวและรูพรุนไปทั่วเสาธงส่วนใหญ่ที่รายล้อมรอบเวทีหักไปครึ่งหนึ่ง และเสื้อผ้าของผู้ชมก็ปลิวกระจายไปอยู่ตามซอกมุมต่างๆของสนามประลอง มันภาพภัยพิบัติฉากหนึ่ง

แต่ฉากภัยพิบัตินี้กลับทำให้คนทั้งแปดหมื่นคนเริ่มหัวเราะ

“ฮ่าฮ่า พูดพอแล้วทุกท่านคงทราบกันแล้วว่าการประลองก่อนนั้นระหว่างวอร์ตันและบลูเมอร์ เป็นบลูเมอร์คว้าชัยชนะไปได้อย่างเฉียดฉิว”  บุรุษชราผมทองหัวเราะให้จักรพรรดิโยฮันน์  “ฝ่าบาทมีพระดำรัสจะตรัสบอกข้าหวังว่าทุกท่านจะตั้งใจฟังให้ดี”

หลังจากพูดเพียงเท่านี้บุรุษชราผมเงินก็ลงมาจากเวที

ตอนนี้จักรพรรดิโจฮันน์ประทับยืน ประชาชนบางส่วนในสนามประลองมองดูจักรพรรดิโจฮันน์ขณะที่คนอื่นๆมองดูลินลี่ย์ โอลิเวอร์และเฮนด์เซน ยอดฝีมือระดับเซียน

“วันนี้เป็นวันที่ตื่นเต้นที่สุดในชีวิตของเรา ไม่ว่าจะเป็นการประลองระหว่างวอร์ตันกับบลูเมอร์  หรือพี่ชายพวกเขา ลินลี่ย์กับโอลิเวอร์สิ่งที่เราเห็นประจักษ์ตานั้นน่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง

จักรพรรดิโจฮันน์ทรงแย้มพระโอษฐ์  “ทุกท่านก็รู้ว่าทั้งวอร์ตันและบลูเมอร์ต่างก็สู่ขอธิดาคนที่เจ็ดของเราแต่งงาน  หลังจากเห็นบุรุษหนุ่มทั้งสองผู้ฉลาดนี้ในวันนี้แล้วเราตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว เราตัดสินว่าวันที่ 15 มีนาคม ณ ตำหนักผู้กล้าเราจะประกาศอย่างเปิดเผยถึงผู้ที่จะแต่งงานกับธิดาคนที่เจ็ดของเรา”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด