ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 119 เจตนาสังหารที่ซ่อนอยู่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 121 นางโลมอันดับหนึ่ง

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 120 หอเมฆาพิรุณ


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 120 หอเมฆาพิรุณ

แปลโดย iPAT  

แม้หลี่ฉิงซานจะมั่นใจในความแข็งแกร่งของตนแต่เขาไม่ใช่คนโง่ไร้สมอง เขาตอบทุกคำถามของเฉียนหรงจื่อที่พยายามสอบสวนเขาด้วยการโกหกคำโต

งานเลี้ยงสิ้นสุดลง ทุกคนแยกย้ายกันไป

บนจุดสุงสุดของยอกเขา ภายในที่พักพิเศษของผู้บัญชาการ

จ้าวจื่อป๋อถาม “การสอบสวนของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? เด็กคนนี้มีความสัมพันธ์อย่างไรกับผู้บัญชาการกู่”

เฉียนหรงจื่อนั่งบนขาของจ้าวจื่อป๋อขณะกัดฟันกล่าว “เขาพูดวกไปวนมาและไม่ยอมบอกความจริง” ดังที่หลี่ฉิงซานคาดเดา เฉียนหรงจื่อสร้างความสัมพันธ์พิเศษกับจ้าวจื่อป๋อในช่วงสามวันก่อนการแข่งขัน

จ้าวจื่อป๋อกล่าว “รออีกหน่อย ข้าจะติดตามเรื่องนี้ด้วยตนเอง หากเขาเป็นคนที่นางโปรดปรานจริง เจ้าก็ควรลืมความขุนเคืองของเจ้าเช่นกัน”

เฉียนหรงจื่อระงับความเกลียดชังในใจและใช้นิ้วลูบไล้ใบหน้าของจ้าวจื่อพร้อมโปรยรอยยิ้มที่ทรงเสน่ห์ “การแก้แค้นของข้าไม่สำคัญเลย ข้ามีพี่น้องมากมาย สิ่งสำคัญคือใบหน้าและความภาคภูมิใจของท่าน ผู้บัญชาการจ้าว ท่านเห็นทัศนคติของเด็กคนนี้ที่มีต่อท่านแล้ว”

จ้าวจื่อป๋อกล่าว “หากเจ้ายืนอยู่ข้างหลังเขา แม้เขาจะลากความภาคภูมิใจทั้งหมดของเข้าลงโคลน มันก็ไม่เป็นไร อย่างไรก็ตามหากมันมิใช่เช่นนั้น ฮืม!” จากนั้นเขาก็ตีก้นเฉียนหรงจื่อ “เจ้าไม่จำเป็นต้องกระตุ้นข้า แม้นางจะโปรดปรานเขา แต่ข้าก็ยังมีวิธีจัดการเด็กคนนี้ แม้เขาจะสูงส่งเพียงใดแต่ข้าก็สามารถทำให้เขากลายเป็นเศษขยะ เพียงคอยดูต่อไป”

เฉียนหรงจื่อหัวเราะคิกคักและดิ้นไปมาอยู่ในอ้อมแขนของจ้าวจื่อป๋อซึ่งทำให้ฝ่ายหลังรู้สึกถูกกระตุ้น อย่างไรก็ตามเขายังถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ในเมื่อเจ้าไม่รังเกียจที่เขาฆ่าพี่ชายของเจ้า เหตุใดเจ้าจึงยืนกรานที่จะแก้แค้น?”

เฉียนหรงจื่อตอบ “เพราะเขาดูถูกข้า ทุกคนที่ดูถูกข้าต้องชดใช้”

หากหลี่ฉิงซานอยู่ด้วย เขาคงตกตะลึงกับทัศนคติของหญิงสาวผู้นี้อย่างแน่นอน

จ้าวจื่อป๋อมองเฉียนหรงจื่ออย่างลึกซึ้ง เขาไม่ได้ตัดสินนาง เขาเคยเล่นสนุกกับผู้หญิงมามากมายแต่มีผู้หญิงที่บ่มเพาะพลังปราณเพียงไม่กี่คนและไม่มีสักคนที่มาพร้อมกับความงาม ดังนั้นเฉียนหรงจื่อจึงดึงดูดความสนใจของเขา ในเวลาเดียวกันเฉียนหรงจื่อก็ต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อความก้าวหน้า ทั้งสองถูกดึงดูดเข้าหากันโดยธรรมชาติ ความสัมพันธ์ของพวกเขาพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เมื่ออายุมากขึ้น การบ่มเพาะพลังปราณก็ยิ่งสิ้นหวัง ด้วยเหตุนี้การไขว่คว้าความสุขให้กับตนเองจึงกลายเป็นเป้าหมายสูงสุดของเขา

เฉียนหรงจื่อกล่าว “ข้าได้ยินมาว่าผู้บ่มเพาะร่างกายค่อนข้างแข็งแกร่ง” หลังจากได้ยินสิ่งนี้ จ้าวจื่อป๋อก็พุ่งเข้าหานาง “วันนี้ข้าจะให้เจ้าลิ้มรสความแข็งแกร่งของข้า” เฉียนหรงจื่อหัวเราะคิกคักขณะที่พวกเขาเข้าไปห้องนอน

ปัจจุบันหลี่ฉิงซานกำลังจมอยู่ในหอตำรา ห้องสมุดของผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์เต็มไปด้วยเคล็ดวิชาและคู่มือลับมากมายที่พวกเขาสามารถเรียนรู้ได้อย่างอิสระ มันครอบคลุมความรู้ทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นการใช้กำปั้น การเตะ หรือการใช้ดาบ พวกมันอาจนำไปสู่การต่อสู้หากถูกโยนเข้าไปในยุทธภพ แต่พวกมันเหมือนขยะสำหรับที่นี่ พวกมันถูกวางไว้อย่างเลินเล่อโดยมีชายชราเพียงคนเดียวเฝ้าอยู่

อย่างไรก็ตามหลี่ฉิงซานยังล้มเหลวในการหาวิธีบ่มเพาะพลังปราณ เมื่อเขากำลังจะขึ้นบันไดไปชั้นบน ชายชราก็หยุดเขา “แต้มผลงานสิบแต้มสำหรับหนึ่งชั่วยาม”

หลี่ฉิงซานทำได้เพียงยอมแพ้ แต่เคล็ดวิชาของชั้นล่างก็สร้างแรงบันดาลใจให้เขาได้มากทีเดียว เขาอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสองชั่วโมงก่อนที่จะกลับไปหาเสี่ยงอัน

หลังจากนั้นเขาก็เริ่มวงจรการบ่มเพาะที่น่าเบื่อหน่ายต่อไป

อย่างไรก็ตามในช่วงพลบค่ำ เก้อเจี้ยนมาเคาะประตูบ้านของเขาและกล่าวอย่างลึกลับว่า “ข้าจะพาเจ้าไปสถานที่ที่น่าสนใจ” เขายังจงใจบอกให้หลี่ฉิงซานเปลี่ยนเสื้อผ้าและทิ้งดาบไว้เบื้องหลัง

‘อย่าบอกว่าพวกเขาพยายามสร้างปัญหาให้ข้าแล้ว?’ นี่คือสิ่งที่หลี่ฉิงซานคิด แต่เขายังตกลงอย่างง่ายดาย ท้ายที่สุดปัญหาก็จะมาหาเขาไม่ช้าก็เร็ว เขาเพียงต้องระวังตัวเท่านั้น อย่างมากเขาก็ต้องฆ่าคนเหล่านั้น เขาให้เก้อเจี้ยนรอขณะที่เขากลับไปที่ห้องและนำเสี่ยวอันไปพร้อมกัน

เมื่อมาถึงซุ้มประตู เขาพบว่าเตียวเฟยรออยู่แล้ว

หลี่ฉิงซานถามด้วยความสงสัย “เราจะไปที่ใด?” ไม่มีความจำเป็นที่พวกเขาจะต้องฆ่าเตียวเฟยไปพร้อมกับเขา ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างสงสัย

เตียวเฟยกล่าว “พี่เก้อบอกว่าจะพาเราไปเดินเล่นเปิดหูเปิดตาที่ตัวเมืองเจียเผิงในยามค่ำคืน กล่าวถึงเรื่องนี้ เหตุใดเราไม่พาเฉียนหรงจื่อไปด้วย?”

“สถานที่เช่นนั้นไม่เหมาะกับสตรี” เก้อเจี้ยนยิ้มเพื่อทำให้ผู้ชายทุกคนเข้าใจตรงกัน

หลี่ฉิงซานและเตียวเฟยชำเลืองมองกันและกัน ทั้งสองไม่กล่าวสิ่งใด มันยากที่จะปฏิเสธตั้งแต่ครั้งแรกโดยยังไม่ต้องกล่าวถึงความปรารถนาดีจากเพื่อนร่วมงาน ส่วนตัวแล้วหลี่ฉิงซานเชื่อว่าตนเองเป็นบุรุษที่เคยทานอาหารกับสาวงามมาก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่ถือสาเรื่องเช่นนี้

เก้อเจี้ยนอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มเมื่อเห็นปฏิกิริยาของพวกเขา เขานึกถึงคำสั่งของจ้าวจื่อป๋ออีกครั้งที่ให้พาหลี่ฉิงซานออกไปเล่นสนุกและทำให้เขาพอใจโดยไม่ต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่าย ยิ่งมากยิ่งดี มันจะดีที่สุดหากเด็กหนุ่มทิ้งการบ่มเพาะไปโดยสิ้นเชิง

หลี่ฉิงซานไม่รู้เลยว่าจ้าวจื่อป๋อเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงใดๆเพื่อกำจัดคนผู้หนึ่ง หลายครั้งที่กระสุนเคลือบน้ำตาลน่ากลัวยิ่งกว่าการทรมานหรือการเฆี่ยนตี ความหรูหราและความเย้ายวนใจสามารถบั่นทอนกำลังใจของผู้คนและทำให้พวกเขาจมดิ่งอยู่ในความสุขขั้นพื้นฐานที่สุดของมนุษย์

เมืองเจียเผิงสว่างไสวตลอดเวลาแม้แต่ในยามค่ำคืน มันแตกต่างจากเมืองชิงหยางมาก สิ่งนี้ทำให้หลี่ฉิงซานนึกถึงเมืองใหญ่จากชีวิตก่อนหน้าของเขาอีกครั้ง ภายใต้คำแนะนำที่กระตือรือร้นของเก้อเจี้ยน คนทั้งสามไปถึงสถานที่พร่างพรายและพลุกพล่านในที่สุด

หอเมฆาพิรุณ

มันฟังดูไม่เหมือนชื่อของหอโคมแดงแต่มันเป็นสถานบริการที่ใหญ่ที่สุดและหรูหราที่สุดในรัศมีหลายร้อยเมตร

จากมุมหนึ่ง หลี่ฉิงซานมองเห็นอาคารรูปทรงเจดีย์เจ็ดชั้นที่โคมไฟทำให้มันสว่างไสวและงดงามเป็นอย่างยิ่ง

ผู้คนจำนวนมากเดินเข้าออกตลอดเวลาราวกับมันเป็นตลาดสด

ก่อนที่พวกเขาจะเข้าไป กลิ่นหอมแปลกๆก็ลอยออกมาและทำให้หลี่ฉิงซานยักไหล่ “มันก็คือหอโคมแดง”

เก้อเจี้ยนกล่าวอย่างลึกลับว่า “เจ้าจะรู้เมื่อเจ้าเข้าไป นี่ไม่ใช่หอโคมแดงธรรมดา”

ก่อนที่คนทั้งสามจะเข้าไป คนผู้หนึ่งก็ถูกโยนลงมาจากชั้นสามและตกกระแทกพื้นราวกับกระสอบมันเทศ

‘คดีฆาตกรรมงั้นหรือ?’ หัวใจของหลี่ฉิงซานสั่นไหว ในแง่หนึ่ง ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์เป็นตำรวจของโลกใบนี้ หลี่ฉิงซานไม่เคยคิดว่าเขาจะพบคดีทันทีที่เข้ารับตำแหน่ง อย่างไรก็ตามคนที่เดินผ่านไปมาทำตัวราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

สำหรับคนที่อยู่บนพื้น เขายืนขึ้นพร้อมกับเสียงคร่ำครวญสาปแช่งและใช้มือถูกเอวของตนเอง แต่คำสาปแช่งที่ดังออกมาจากหอเมฆาพิรุณกลับดังกว่า “หัวหน้าสาขาอันใด? หากไม่มีเงินก็ออกไปซะ! หากเจ้าไม่ไป เราจะทำลายวรยุทธ์ของเจ้าและทำให้เจ้ากลายเป็นขันที!”

แท้จริงแล้วชายที่ถูกโยนลงมาจากชั้นสามเป็นนักสู้ชั้นหนึ่ง นั่นเป็นเหตุผลที่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ อย่างไรก็ตามบุคคลที่สามารถจัดการนักสู้ชั้นหนึ่งย่อมทรงพลังกว่า

ด้วยเหตุนี้ชายที่ถูกโยนออกมาจึงทำได้เพียงเดินหายไปในกลุ่มฝูงชนและทำตัวราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

เก้อเจี้ยนกล่าว “ที่นี่กระทั่งผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ก็ยังต้องจ่าย มันจะดีที่สุดหากเราไม่สร้างปัญหาใดๆ”

หลี่ฉิงซานกล่าว “มันเป็นเพียงหอโคมแดง เหตุใดพวกเขาจึงสามารถหยิ่งผยองได้ถึงเพียงนี้?”

เตียวเฟยกล่าว “นิกายเมฆาพิรุณมีชื่อเสียงไปทั่วมณฑลชิงเหอ พวกเขาก่อตั้งหอเมฆาพิรุณในเมืองใหญ่หลายแห่ง พวกเขาฝึกเคล็ดวิชาการบ่มเพาะคู่ขนาน นี่เป็นเพียงหนึ่งในนั้นแม้มันจะเป็นครั้งแรกที่ข้ามาที่นี่ก็ตาม”

เก้อเจี้ยนยิ้ม “ดูเหมือนเตียวเฟยจะค่อนข้างรอบรู้ ฉิงซาน เจ้ารู้หรือไม่ว่าการบ่มเพาะคู่ขนานคือสิ่งใด?”

“มัเป็นอย่างไร?” หลี่ฉิงซานรู้สึกราวกับได้เปิดโลกทัศน์ของเขาให้กว้างขึ้น

เก้อเจี้ยนกล่าว “การบ่มเพาะคู่ขนานก็เหมือนกับการกินยาและสมุนไพร ทั้งสองเป็นวิธีการบ่มเพาะของนักพรตเต๋ายุคโบราณ มันมุ่งเน้นไปที่การเป็นหนึ่งเดียวของหยินและหยาง อย่างไรก็ตามเจ้าก็พูดถูกบางส่วน มันเป็นการสมสู่กันของชายหญิง ลองคิดดู ผู้หญิงที่ถูกเลี้ยงดูโดยนิกายเช่นนี้จะมีความสามารถพิเศษอย่างไร...”

หลี่ฉิงซายิ้ม “อย่าบอกว่าพวกนางล่อลวงหยางเข้ามาเพื่อบ่มเพาะหยิน!” เขาไม่แปลกใจอีกต่อไปที่จ้าวจื่อป๋อต้องการให้เขาอยู่กับผู้หญิงเหล่านี้

เก้อเจี้ยนหัวเราะ “หากเป็นเช่นนั้นจริงเหตุใดจึงมีผู้คนมากมายมาที่นี่? อย่างไรก็ตามเจ้าจะรู้เมื่อเจ้าได้ลอง”

หลี่ฉิงซานส่ายศีรษะ “ข้าว่าเราควรลืมมันไปซะ” เขาไม่รู้สึกว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่ดี

เตียวเฟยก็อยากกลับเช่นกัน เขาไม่รังเกียจหากมันเป็นหอโคมแดงทั่วไป เขาเคยได้ยินข่าวลือมากมายเกี่ยวกับหอเมฆาพิรุณมาก่อน หลังจากทั้งหมดการแสวงหาความสุขไม่เป็นประโยชน์ต่อการบ่มเพาะพลังปราณ

เก้อเจี้ยนเริ่มร้อนรน “การบ่มเพาะพลังปราณเป็นเรื่องที่น่าเบื่อและเหนื่อยมาก เหตุใดเราไม่ควรให้รางวัลตัวเอง? การทำงานและการพักผ่อนเป็นสิ่งที่ต้องทำให้เกิดสมดุล มันไม่เป็นไรหากเราจะเล่นสนุกสักครั้งหรือสองครั้ง เราเป็นบุรุษ เหตุใดต้องกลัวสตรี?”

เขาเล่นบนเป็นสหายที่ดีแต่แฝงไว้ด้วยเจตนาร้าย สหายเช่นนี้น่ากลัวยิ่งกว่าศัตรูที่น่าประทับใจ

หลังจากเกลี้ยกล่อมและกระตุ้น เก้อเจี้ยนก็ลากคนทั้งสองเข้าไปในหอโคมแดงได้สำเร็จในที่สุด เสียงอึกทึกดังเข้าหูของพวกเขา ชายหญิงจำนวนมากกอดกันด้วยเสื้อผ้าที่ดูระทึกใจ

“ท่านเก้อ ท่านทำให้สาวๆรอนานแล้ว ท่านจองห้องที่ดีที่สุดเอาไว้ เชิญขึ้นไปด้านบน” หญิงอวบอ้วนที่แต่งหน้าจัดเดินเข้ามาต้อนรับพวกเขา นางมองหลี่ฉิงซานและเตียวเฟยก่อนกล่าว “ดูเหมือนพวกท่านจะไม่คุ้ยเคยกับที่นี่”

หลี่ฉิงซานมองเห็นพลังปราณที่ไหลเวียนอยู่ในร่างของหญิงอวบผู้นี้ ปรากฏว่านางก็เป็นจอมยุทธ์พลังปราณเช่นกัน

เก้อเจี้ยนแนะนำคนทั้งสอง “นี่คือสมาชิกใหม่ของหน่วยผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ที่พึ่งได้รับการคัดเลือกเข้ามา ข้าหวังว่าท่านจะดูแลพวกเขาเป็นพิเศษ”

นางยื่นมือออกไปแตะหน้าอกของหลี่ฉิงซานและอุทาน “โอ้ นายน้อยท่านนี้ ท่านต้องเป็นผู้บ่มเพาะร่างกาย!” สายตาของนางราวกับต้องการกลืนกินหลี่ฉิงซานเข้าไปทั้งตัว