ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 120 หอเมฆาพิรุณ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 122 ละเลงหอเมฆาพิรุณด้วยเลือด (1)

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 121 นางโลมอันดับหนึ่ง


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 121 นางโลมอันดับหนึ่ง

แปลโดย iPAT  

หลี่ฉิงซานปัดมือของนางออก เก้อเจี้ยนกล่าว “หากท่านต้องการให้เราพอใจ นั่นขึ้นอยู่กับสิ่งที่ท่านมี”

“อย่ากังวล ฟู่หรงกำลังรออยู่ วันนี้นางไม่ได้รับแขกคนอื่นนอกจากพวกท่าน พวกท่านไม่รู้ว่าเราทำให้ผู้คนขุ่นเคืองเพราะเรื่องนี้ไปมากเท่าใด”

ในจังหวะนี้ราวกับเป็นการพิสูจน์คำพูดของนาง ชายร่างผอมคว้ามือนางและสะอื้นไห้ “ท่านแม่ คืนนี้ข้าต้องพบฟู่หรง ข้าจะมอบทุกสิ่งที่ท่านต้องการ” หลังจากนั้นผู้รักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งสอคนก็รีบเข้ามาจับและโยนเขาออกไป

ผู้ชายทุกคนที่นั่นรู้สึกอิจฉาเมื่อได้ยินว่าฟู่หรงจะดูแลพวกเขาทั้งสามในคืนนี้

หญิงร่างท้วมนำทางคนทั้งสามขึ้นไปชั้นบนพร้อมกับเกี้ยวพาราสีเก้อเจี้ยน

หลี่ฉิงซานชื่นชมสถาปัตยกรรมของหอเมฆาพิรุณ มันเป็นอาคารที่ถูกออกแบบมาให้มีโพลงอยู่ตรงกลางซึ่งสามารถมองเห็นชั้นบนและชั้นล่าง มีภาพวาดหญิงงามประดับไว้รอบๆ ทางเดินของแต่ละชั้นมีเสียงกระดิ่งและเสียงดนตรีดังไปทั่ว ลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ที่ชั้นล่างสุดและใช้เวลาอยู่กับสาวงามระดับต่ำสุด

หลี่ฉิงซานมองหญิงงามในภาพวาด เขารู้สึกว่าดวงตาของพวกนางกำลังจ้องมองเขาและพยายามทำให้เขาลุ่มหลง

ห้องที่ดีที่สุดอยู่ที่ชั้นบนสุดของหอเมฆาพิรุณ คืนนี้ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์คือลูกค้าที่ทรงเกียรติที่สุดของที่นี่

ด้วยการเดินผ่านห้องต่างๆ พวกเขาได้ยินเสียงพลอดรักของชายหญิงอย่างชัดเจนซึ่งเพียงพอให้ผู้คนรู้สึกรุ่มร้อน

เมื่อไปถึงจุดหมาย พวกเขาก็นั่งลงบนเบาะรองนั่งที่หรูหราที่ทอจากด้ายสีทอง เสียงดนตรีหลายชิ้นดังออกมาจากหลังม่านสร้างบรรยากาศที่ทำให้พวกเขาต้องหยุดหายใจ ทันใดนั้นนางรำที่ดูราวกับดอกกล้วยไม้กลุ่มหนึ่งก็ร่ายรำเข้ามา

พวกเขาดื่มสุราและเพลิดเพลินไปกับเสียงดนตรีและนางรำที่อยู่ตรงหน้า ในเวลาเดียวกันกลิ่นหอมจางๆก็ลอยเข้าจมูกของหลี่ฉิงซาน มันเพียงพอที่จะทำให้ผู้คนจมดิ่งลงไปในห้วงแห่งความสุขสำราญโดยไม่สนใจโลกภายนอก

ท่ามกลางนางรำทั้งหมด สตรีนางหนึ่งดูราวกับดวงจันทร์บนท้องฟ้าที่รายล้อมไปด้วยหมู่ดาว ร่างของนางถูกซ่อนไว้บางส่วน ใบหน้าของนางถูกปกคลุมไว้ด้วยผ้าคลุม พวกเขาสามารถมองเห็นนางได้เป็นครั้งคราวเท่านั้น ดูเหมือนนางจะเป็นหญิงที่ชื่อฟู่หรง

เมื่อเสียงดนตรีเปลี่ยนจังหวะ นางรำทั้งหมดแยกย้ายกันไปและเผยให้เห็นร่างของหญิงผู้นั้น นางร่ายรำเพียงลำพังอย่างเร่าร้อน หลี่ฉิงซานและเตียวเฟยเฝ้ามองอย่างไม่สามารถละสายตาโดยไม่รู้ตัวเลยว่าเก้อเจี้ยนจากไปแล้ว

บนทางเดินด้านนอก เก้อเจี้ยนกล่าวกับแม่เล้า “นี่คือคำสั่งของผู้บัญชาการจ้าว ท่านไม่สามารถละเลยมัน เข้าใจหรือไม่?”

แม่เล้ายิ้ม “ข้าจะกล้าได้อย่างไร? หอเมฆาพิรุณของเราไม่มีแผนที่จะปิดกิจการที่เมืองเจียเผิง ไม่ว่าจะเป็นธูปรัญจวน นางรำยั่วยวน หรือเสียงลุ่มหลง ข้าใช้ไปหมดแล้ว ข้ารับรองได้เลยว่าพวกเขาจะถูกอาคมของข้าสะกดอย่างแน่นอน” จากนั้นนางก็มองไปที่เป้ากางเกงของเก้อเจี้ยน “ท่านเก้อเจี้ยน ท่านทนไม่ไหวแล้วใช่หรือไม่? ท่านต้องการให้ฟู่หรงของเรา...”

เก้อเจี้ยนกล่าว “หุบปาก!” อย่างไรก็ตามใบหน้าของเขากลับเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างเห็นได้ชัด สิ่งล่อลวงทั้งหมดส่งผลกระทบต่อเขาเช่นกัน แต่จ้าวจื่อป๋อสั่งเขาไม่ให้แตะต้องหญิงผู้นั้น หลังจากทั้งหมดผู้บ่มเพาะพลังปราณจำนวนไม่น้อยถูกทำลายเพราะพวกเขาสมสู่กับนาง ส่วนที่น่ากลัวที่สุดของมันคือไม่มีผู้ใดเสียใจเลย พวกเขาเต็มใจมอบทุกสิ่งที่ครอบครองให้นางด้วยความเต็มใจ

ทันใดนั้นผ้าคลุมบนใบหน้าของฟู่หรงก็ตกลงบนพื้นราวกับมันเป็นอุบัติเหตุเล็กน้อยระหว่างการร่ายรำที่เร่าร้อน ฟู่หรงยืนอยู่ตรงนั้นและแสดงออกราวกับไม่รู้จะทำอย่างไร เพลงหยุดลงทันที

หลี่ฉิงซานรู้สึกประหลาดใจ เขาไม่สามารถอธิบายรูปร่างหน้าตาของหญิงผู้นี้ได้อย่างถูกต้อง มันมืดครึ้มราวกับมีชั้นหมอกแยกทั้งสองออกจากกัน นอกจากนั้นเขายังเห็นภาพที่คลุมเครือของซวนเยว่และกู่เยี่ยนหยินอยู่ในกลุ่มหมอกซึ่งทำให้เขารู้สึกเคลิบเคลิ้มและหลงใหล

เตียวเฟยมองฟู่หรงและพึมพำ “อาหนิง!” สุราในจอกของเขากระฉอกลงบนพื้นแต่เขาไม่รู้ตัวเลย ความทรงจำมากมายหลั่งไหลเข้าสู่สมองของเขา มันมาพร้อมกับความเจ็บปวดและความสุขที่ยากจะลืมเลือน เขาต้องการนางและครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างของนาง

ฟู่หรงหัวเราะเย้ยหยันกับความสำเร็จของนาง นี่เป็นเรื่องง่ายๆสำหรับนางโดยเฉพาะเมื่อเป้าหมายของนางเป็นเพียงเด็กหนุ่มไร้ประสบการณ์ นางเริ่มคิดแล้วว่าจะหาผลประโยชน์จากพวกเขาอย่างไร นางเคยได้ยินว่าผลประโยชน์ที่ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ได้รับค่อนข้างน่าประทับใจ ดังนั้นนางควรรีดเค้นพวกเขาให้มาก บางทีมันอาจทำให้นางกลายเป็นจอมยุทธ์ขั้นสามหลังจากนี้

“ก๊อกๆ” เสียงเคาะสองสามครั้งดังขึ้นจากขวดกระเบี้ยงที่เอวของหลี่ฉิงซานและทำให้เขาสะดุ้งตื่นขึ้นจากภวังค์ เสียวอันฉลาดมากและเขาจะไม่มีวันยอมให้หลี่ฉิงซานพบกับความยากลำบาก

หลี่ฉิงซานรู้สึกได้ทันทีว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับร่างกายของเขา เขาเริ่มใช้ทักษะจิตวิญญาณเต่าขณะที่แก่นปีศาจรูปกระดองเต่าในร่างของเขาก็เริ่มหมุนและเรืองแสง ไม่ว่าจะเป็นพลังปราณหรือความคิดที่ยุ่งเหยิง ทุกสิ่งถูกระงับทั้งหมด

จิตใจของเขากลับมากระจ่างชัดอีกครั้ง พลังปราณไหลไปรวมกันที่ดวงตาของเขาขณะที่เขามองหญิงที่ชื่อฟู่หรงอีกครั้ง ชั้นหมอกที่ปกคลุมใบหน้าของนางหายไปแล้ว ความงามที่น่าหลงใหลของนางก็หายไปเช่นกัน แท้จริงแล้วหน้าตาของนางธรรมดามาก ความงามของนางยังไม่แม้แต่จะสามารถแข่งขันกับเหล่านางรำ กระทั่งการแสดงออกบนใบหน้าของนางก็ยังดูเสแสร้งมาก มันแตกต่างจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง

เรื่องนี้ทำให้เขานึกถึงผู้หญิงบนอินเทอร์เน็ตในชีวิตก่อนหน้า หลังจากล้างเครื่องสำอางออก หญิงเหล่านั้นก็เปลี่ยนเป็นอีกคน อย่างไรก็ตามนางฉลาดมาก นางสามารถส่งอิทธิพลต่อความรู้สึกของเป้าหมายโดยใช้ประโยชน์จากสิ่งต่างๆรอบตัว

ไม่มีชายใดต้องการหญิงคนนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการหญิงในจินตนาการของพวกเขา กล่าวได้ว่าหญิงผู้นี้ใช้ประโยชน์จากความทรงจำของคนเหล่านั้นอย่างไร้ยางอาย

หลี่ฉิงซานขมวดคิ้ว เขาไม่ใช่คนโง่ เขาเข้าใจธรรมชาติที่บิดเบี้ยวและเลวทรามเหล่านี้ เดิมทีเขาเชื่อว่าแม้เขาจะไม่สามารถท่องเที่ยวในเมืองเจียเผิงได้อย่างอิสระด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันแต่ก็ไม่มีคู่ต่อสู้คนใดที่เขารับมือไม่ได้ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาไม่กลัวที่จะเข้ามาในหอเมฆาพิรุณ เขามั่นใจว่าตราบเท่าที่เขายังสามารถควบคุมตนเอง จะไม่มีผู้ใดสามารถทำร้ายเขา อย่างไรก็ตามกลอุบายของโลกใบนี้กลับเกินกว่าจินตนาการของเขา

มีคำกล่าวที่ว่าปีศาจในใจน่ากลัวที่สุด นี่ไม่ใช่สิ่งนั้นงั้นหรือ?

จากนั้นเขาก็มองเตียวเฟยที่อยู่ข้างๆ เตียวเฟยถูกสะกดอย่างสมบูรณ์ เขามองไปที่ฟู่หรงอย่างไม่ละสายตา อย่างไรก็ตามฟู่หรงกลับมองมาที่หลี่ฉิงซานด้วยความประหลาดใจ นางไม่เคยคิดว่าจะมีบางคนที่สามารถปลดปล่อยตนเองจากมนต์เสน่ห์ของนาง ภายใต้สายตากดดันของเขา นางอดไม่ได้ที่จะก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว

“เพียะ!” เสียงตบดังขึ้น

เก้อเจี้ยนและแม่เล้ามองหน้ากันก่อนจะรีบเข้าไปในห้อง สิ่งที่พวกเขาเห็นคือหลี่ฉิงซานยืนขึ้นขณะที่เตียวเฟยล้มอยู่บนพื้นเพราะถูกตบหน้าอย่างแรง รอยมือที่ชัดเจนยังประทับอยู่บนใบหน้าของเขา เลือดไหลซึมออกมาจากปากของเขาซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแรงของการตบ

เตียวเฟยกำลังจะต่อสู้ด้วยความโกรธแต่มือข้างหนึ่งคว้าคอของเขาไว้ เจตนาสังหารที่น่าสะพรึงกลัวทำให้ร่างของเขากลายเป็นแข็งค้าง เขารู้สึกว่าตราบเท่าที่เขาขยับเพียงเล็กน้อย คอของเขาจะถูกหัก

“เจ้าพยายามทำสิ่งใด?”

หลี่ฉิงซานยกเขาขึ้นต่อหน้าฟู่หรง “ดูให้ดี!”

เตียวเฟยโคจรพลังปราณในร่างโดยไม่รู้ตัว ความโกรธและความกลัวทำให้เขาหลุดพ้นจากอาคม ดังนั้นเตียวเฟยจึงประสบกับความรู้สึกเดียวกับหลี่ฉิงซานก่อนหน้านี้ เขารู้สึกประหลาดใจและตกตะลึงเป็นอย่างมาก นั่นไม่ใช่อาหนิงของเขา อาหนิงไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว

แม่เล้ากรีดร้อง “พะ...พวกเจ้ากำลังทำสิ่งใด?”

เก้อเจี้ยนตะโกนด้วยน้ำเสียงที่ชอบธรรม “หยุด!”

หลี่ฉิงซานปล่อยมือ “ท่าทางของเขาก่อนหน้านี้ดูน่าขนลุก ข้าเลยอดไม่ได้ที่จะตบเขา”

เตียวเฟยทรุดตัวลงบนพื้นและกล่าวเพียงว่า “ขอบคุณ” เขารู้จักคาถาอาคมเหล่านี้มากกว่าหลี่ฉิงซาน เขารู้ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นหากเขายังติดอยู่ในมนต์สะกด เมื่อคนผู้หนึ่งลุ่มหลงมากเกินไป แม้แต่ครอบครัวของพวกเขาก็ไม่สามารถปลุกพวกเขาให้ตื่นขึ้น

หลี่ฉิงซานชี้ไปที่ฟู่หรงและกล่าวกับแม่เล้าว่า “นำหญิงอัปลักษณ์ผู้นี้ออกไป มิฉะนั้นข้าจะส่งนางออกไปด้วยตนเอง!”

ฟู่หรงกรีดร้อง “เพียงเจ้างั้นหรือ!?” เสียงของนางทุ้มและแหบมาก ใบหน้าของนางบิดเบี้ยว นั่นยิ่งทำให้นางดูน่าเกลียดมากขึ้นไปอีก หลังจากทั้งหมดนางไม่เคยถูกปฎิบัติเช่นนี้มาก่อนโดยเฉพาะอย่างยิ่งคำว่าหญิงอัปลักษณ์ที่ทำให้นางโกรธอย่างสมบูรณ์

แม่เล้ากล่าวด้วยความโกรธ “ท่านเก้อ เด็กใหม่ของท่านก้าวร้าวเกินไปหรือไม่?” จอมยุทธ์ขั้นหนึ่งจะหยาบคาบกับนางได้อย่างไร หากไม่ใช่เพราะตำแหน่งผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ นางคงโจมตีเขาไปแล้ว

ทันใดนั้นหลี่ฉิงซานก็หายตัวไปและปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งต่อหน้าฟู่หรง เขายกมือขวาขึ้นและตบนางอย่างโหดเหี้ยม

หลี่ฉิงซานใช้ร่างกายอันทรงพลังของเขาทำตามสิ่งที่เขาพูด แม้ฟู่หรงจะเป็นจอมยุทธ์ขั้นสองแต่นางไม่เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ นางฝึกฝนด้านมนต์เสน่ห์เป็นหลัก

ความโกรธที่ถูกหลอกทำให้เขาเลือกที่จะตอบโต้อย่างรุนแรงด้วยการกระทำ

ฟู่หรงที่ถูกตบหน้าหมุนรอบตัวเองเหมือนลูกข่าง ใบหน้าของนางปูดโปนขึ้น ฟันสองสามซี่ในปากของนางกระเด็นออกมา จากนั้นนางก็ล้มลงบนพื้นด้วยอาการมึนงง

นางรำและทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกตะลึง ท้ายที่สุดนี่ก็คือฟู่หรง นางโลมอันดับหนึ่งของหอเมฆาพิรุณ นางมักจะยืนอยู่บนศีรษะผู้คนเสมอ กระทั่งคนรับใช้ตัวเล็กตัวน้อยยังถูกนางเฆี่ยนตีเป็นประจำ สำหรับการดูถูกนางด้วยวาจา แม้แต่การตั้งคำถามถึงความงามของนางเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้พวกเขาตกตายได้