ตอนที่แล้วEp.462 - ตัวแทนใหม่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.464 - ข้อตกลงอันยอดเยี่ยม

Ep.463 - เครือข่ายขุนนางเล็ก


1/3

Ep.463 - เครือข่ายขุนนางเล็ก

ณ เมืองฟ้าเดียวดาย

ออร์คชุดม่วงคุกเข่าลงเบื้องหน้านาเซอร์

“ท่านผู้ครองแคว้น สัมภาระพร้อมแล้ว ข้าจะนำพวกมันไปส่งมอบแก่เมืองธารทะเลทรายด้วยตัวเอง”

นาเซอร์พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “นับจากนี้ไป เจ้าคือหัวหน้าของหอการค้าออร์ค รับผิดชอบการแลกเปลี่ยนระหว่างเมืองฟ้าเดียวดายกับเมืองธารทะเลทราย”

ออร์คชุดม่วงคือรองขุนนางอีกตนหนึ่งของเมืองฟ้าเดียวดาย ชื่อว่าดาบพิษ

ชื่อของชาวโลกวิญญาณโดยทั่วไปแล้วจะแบ่งออกเป็นสองประเภท : ภาษาอังกฤษ และทับศัพท์

อย่างนาเซอร์ เฮสการ์ ชาลู่ คาลิมัว เป็นแบบแรก

ส่วนอีกประเภทคือไม่ใช่ชื่ออังกฤษแต่เป็นชื่อทับศัพท์เช่นดาบพิษ กระบองทอง ฟันแดง ฯลฯ

ชื่อของออร์คชุดม่วงนี้แม้ดูเหมือนเป็นนักรบ แต่จริงๆแล้วเขาคือผู้ใช้วิญญาณ พลังรบใกล้เคียงกับขุนนางใหญ่

แต่ไม่เหมือนกับซาร์โก ดาบพิษกับนาเซอร์เกิดในช่วงเวลาเดียวกัน ต่างฝ่ายต่างรู้ไส้รู้พุงกัน ทั้งสองเป็นสมาชิกของพันธมิตรหนามทมิฬ ดังนั้นนาเซอร์ไว้ใจเขา

นาเซอร์ตัดสินใจใช้ดาบพิษติดต่อกับเมืองธารทะเลทรายเป็นการส่วนตัว  หรือให้ละเอียดกว่านั้นคือติดต่อประสานงานกับเผ่ามนุษย์

ดาบพิษอดถามไม่ได้ว่า “มันจะอันตรายเกินไปหรือเปล่าที่พวกเราจะร่วมมือกับมนุษย์? สุดท้ายแล้ว ในระยะยาวเผ่ามนุษย์มีศักยภาพมากกว่าเผ่ามังกร เมื่อพวกเขาขึ้นเป็นผู้ปกครอง อาจก้าวร้าวยิ่งกว่าเผ่ามังกรก็เป็นได้”

นาเซอร์กล่าว “นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมการลงทุนกับมนุษย์จึงคุ้มค่า ศักยภาพของพวกเขาไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ในอาณาจักรมังกรโลกา พวกเขาสามารถช่วยผลักดันพวเราให้ไปได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่ได้”

ดาบพิษยังคงกังวลเล็กน้อย แม้ผู้ครองแคว้นจะลงนามในสัญญากับอีกฝ่ายแล้ว แต่อำนาจผูกมัดของสัญญามีจำกัด หากฮังอวี่แกร่งเกินอำนาจสัญญา เขาอาจล้มสะพานปิดทางข้ามแม่น้ำได้

นาเซอร์กล่าวว่า “การไปเยือนเมืองธารทะเลทรายในครั้งนี้ นอกจากทำการแลกเปลี่ยนครั้งแรกให้สำเร็จแล้ว เจ้ายังต้องตรวจสอบอาณาเขตของเมืองธารทะเลทรายเพิ่มเติม ข้ออยากรู้พลังรบที่แท้จริงของเผ่ามนุษย์ และอยากรู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่”

“ขอรับ!”

ดาบพิษไม่เสียเวลา นำคนสนิทสี่คนออกจากเมืองทันที

ทั้งห้าโดยสารสัตว์วิญญาณที่บินได้ เหาะเหินด้วยความเร็วไม่ด้อยไปกว่าเครื่องบินโดยสาร ใช้เวลาเพียงครึ่งวันก็มาถึงอาณาเขตของเมืองธารทะเลทราย

ดาบพิษไม่ได้ตรงไปยังเมืองธารทะเลทรายในทันที แต่ตัดสินใจลาดตระเวนเมืองเล็กๆในอาณาเขตของเมืองธารทะเลทรายในฐานะทูตพิเศษของผู้ครองแคว้น สังเกตสภาพความเป็นอยู่ของชาวพื้นเมืองในท้องถิ่น

เริ่มจากเมืองธารกระจ่างเป็นอันดับแรก

นี่คือเมืองของเผ่าจิ้งจอก ตัดสินจากข้อมูลที่ได้รับ เผ่าจิ้งจอกเป็นหนึ่งในเมืองแรกๆที่ให้คำสัตย์ปฏิญาณว่าจะจงรักภักดีต่อเผ่ามนุษย์

พอดาบพิษมาถึงเมืองธารกระจ่าง เขาก็ต้องประหลาดใจ เมื่อพบว่าเมืองเล็กๆแห่งนี้เจริญกว่าที่คาดไว้มาก

สวนพืชวิญญาณทั้งหมดในเมืองถูกปลูกไปด้วยพืชวิญญาณนานาชนิด และบริเวณใกล้เคียงมีทหารรวบรวมวัตถุดิบรวมตัวกันหนาแน่น

สัดส่วนของทหารฝ่ายผลิตในเมืองธารกระจ่าง คำนวณเป็นประมาณครึ่งหนึ่งของกองทัพ เรื่องอะไรแบบนี้พบเจอได้ยากมากๆ อีกทั้งทหารต่อสู้ส่วนใหญ่ ยังไม่เฝ้าเมือง ถูกส่งกระจายไปออกล่ารอบนอก

กำแพงเมือง เขตป้องกัน และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ทั้งหมดได้รับการอัพเกรดจนอยู่ในสถานะเกือบสูงสุดทั้งหมด

และในเมืองนี้ไม่ได้มีแค่เผ่าจิ้งจอกหลายสิบตนเท่านั้น แต่ยังมีเผ่าพันธุ์เร่ร่อนจากต่างถิ่นอีกประมาณ 20 - 30 ตน

จิ้งจอกเก้ารองขุนนางเมืองธารกระจ่างได้ออกมาพบดาบพิษ เขาไม่เข้าใจว่าเถ้าแก่ใหญ่อย่างเมืองฟ้าเดียวดายเหตุใดจึงมาเยือนเมืองเล็กๆเช่นนี้? คงไม่ได้มีจุดประสงค์อะไรเป็นพิเศษหรอกนะ?

ความตื่นตัว หวาดระแวง และท่าทีไม่เป็นมิตรแสดงออกอย่างชัดเจน

ดาบพิษกล่าวว่า “ไม่ต้องกังวล เราแค่สงสัยเรื่องระบบและการบริหารของเมืองธารทะเลทรายในช่วงนี้ ข้ามาที่นี่ตามคำสั่งของผู้ครองแคว้น ไม่ได้มีเจตนาเป็นศัตรูแต่อย่างใด”

หลังจากจิ้งจอกเก้าแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้มุ่งร้าย เขาถอนหายใจโล่งอก รีบเอ่ยว่า “เกือบสองเดือนมาแล้วที่เผ่ามนุษย์ย้ายไปตั้งรกรากในเมืองธารทะเลทราย ที่ผ่านมาเกิดการเปลี่ยนแปลงไม่น้อยในดินแดนของพวกเรา”

เขาอธิบายสั้น ๆ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในเมืองธารกระจ่าง

ตั้งแต่พวกมนุษย์มาที่นี่ ภาษีได้ถูกละเว้น จากนั้นมีการสร้างเครือข่ายทางการค้าโดยมีเมืองธารทะเลทรายเป็นศูนย์กลาง

ภายในเวลาไม่ถึงสองเดือน เมืองธารกระจ่างได้รับการเปลี่ยนแปลงชนิดสั่นสะเทือนโลก

ในช่วงเวลานี้ สมาชิกสี่ตนสามารถสืบทอดมรดกขั้น 3  และจิ้งจอกสามได้เตรียมหินสกิลสำหรับสืบทอดมรดกขั้น 3 อาชีพที่ 2 และ 3 เอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ตราบใดที่ฝึกฝนและออกล่าสะสมแต้มวิญญาณได้มากพอ เขาก็พร้อมสืบทอดมรดกใหม่

หินสกิลเหล่านี้ไม่อาจหาได้โดยง่าย แต่ปัจจุบันเพียงสั่งซื้อกับเมืองธารทะเลทราย หากไม่ใช่ที่หายากเป็นพิเศษ สามารถได้รับในเวลาไม่เกินสองวัน

นอกจากนี้

ทรัพยากร โพชั่น สูตรอาหาร พิมพ์เขียว ฯลฯ จำนวนมากที่ไม่อาจหาได้ในแคว้นเดียวดายกำลังหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ภายใต้การบริหารของเมืองธารทะเลทรายในช่วงที่ผ่านมา เทคนิคเหนี่ยวนำมนตรา , เทคนิคกลั่นโพชั่น , เทคนิคหลอมอาวุธ ฯลฯ รวมไปถึงการก่อสร้างเขตแดน ทั้งหมดพัฒนาเป็นอย่างมาก

ขุนนางเล็กกว่า 20 ตนในแดนเหนือล้มเลิกความคิดที่จะต่อสู้กันแล้ว เพราะยังไงซะ การทำสงครามกันมันจะทำเงินได้สักแค่ไหนเชียว? อีกทั้งนั่นยังเป็นการละเมิดกฏของขุนนางใหญ่ ดังนั้นแทนที่จะทำแบบนั้น สู้มาทำงานดีๆแล้วเน้นไปที่การผลิตดีกว่า

ทำแบบนี้จึงจะพัฒนาเมืองได้เร็วขึ้น

ซึ่งไม่ใช่แค่เมืองธารทะเลทรายที่คิดแบบนั้น

แต่หลายเมืองยังลดจำนวนทหารต่อสู้ลง แล้วเริ่มเพิ่มจำนวนทหารฝ่ายผลิตแทน

นอกจากนี้พวกสิ่งประดิษฐ์และผลงานสร้างสรรค์ของโลกมนุษย์ ยังหลั่งไหลเข้าสู่ดินแดนต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

ชีวิตของขุนนางและชาวพื้นเมืองเหล่านี้ กลายเป็นมีสีสันขึ้นทันตา อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาไม่อาจตัดขาดจากเมืองธารทะเลทรายได้อีกต่อไป

ณ ใจกลางเมือง เมื่อเงยหน้าขึ้น มีหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่

เป็นตารางคล้ายกับจอในตลาดหลักทรัพย์ แสดงราคาของวัสดุในปัจจุบัน และมีตัวเลขกระพริบไปมาตลอดเวลา ทุกๆ 2 3 วินาทีจะมีราคาใหม่เกิดขึ้น เผ่าจิ้งจอกหลายตนกำลังบันทึกอย่างเร่งรีบ

“ราคาแร่มิธริลเพิ่มขึ้น 13% ในสองวัน!”

“ดูจากโมเมนตัมนี้อาจยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป”

“ข่าวล่าสุด เมื่อเร็วๆนี้เมืองธารทะเลทรายมีแผนจะอัพเกรดลานบำเพ็ญเพียรกับสังเวียน ไม้เหล็กดำเริ่มขาดตลาด ราคาของไม้เหล็กดำต้องขึ้นในเร็วๆนี้แน่นอน! รีบส่งคนไปเก็บรวบรวมมันซะ”

“...”

ดาบพิษไม่เข้าใจ เอ่ยปากถาม “พวกเขากำลังทำอะไรกัน?”

จิ้งจอกเก้าอธิบาย “นี่คือราคาแบบเรียลไทม์จากเมืองธารทะเลทราย”

“ไม่ว่าทรัพยากรจะมากน้อยเพียงใด เมืองธารทะเลทรายยินดีรับซื้อทั้งสิ้น พวกเราสามารถเฝ้าสังเกตความผันผวนของราคา รวบรวมวัตถุดิบและกักตุนล่วงหน้าได้ เพื่อทำกำไรสูงสุด”

ทั้งสองเดินเข้าไปในห้องๆหนึ่ง ที่นี่มีการติดตั้งคอมพิวเตอร์หลายสิบเครื่อง

จิ้งจอกสามนั่งอยู่หน้าคอมพร้อมสมาชิกอีกนับสิบ บ้างก็นั่งดูละคร บ้างก็นั่งเล่นเกม มีบางตนเปิดเพลงฟัง ราวกับเป็นร้านเน็ตเล็กๆ

จิ้งจอกสามได้ยินเสียงของจิ้งจอกเก้า มันตะโกนทันที “จิ้งจอกเก้า เจ้ามาทันเวลาพอดี เมืองธารทะเลทรายเพิ่งประกาศว่าจะจัด ‘สตาร์คราฟลีก’ มีหลายสิบเมืองตัดสินใจเข้าร่วม ผู้ชนะครั้งนี้จะได้รับรางวัลมากมาย!”

“จริงๆแล้วเรื่องรางวัลไม่สำคัญ เมืองธารทะเลทรายของพวกเราไม่ขาดแคลนทรัพยากร แต่ไม่นานมานี้ในการแข่งขันไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ด พวกเราแพ้ให้กับพวกโนมส์ในรอบชิง ดังนั้นครั้งนี้จะแพ้ไม่ได้!”

“...”

จิ้งจอกสามตัวแข็งทื่อไปครู่หนึ่ง

เขาสังเกตเห็นอีกคนหนึ่งยืนอยู่ข้างจิ้งจอกเก้า เป็นเผ่าออร์คในชุดคลุมสีม่วงที่แผ่แรงกดดันอันรุนแรง นี่ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป

‘ชายผู้นี้แข็งแกร่งมาก เกรงว่าไม่ง่ายที่จะรับมือ’

“นี่คือทูตจากเมืองฟ้าเดียวดาย”

“ทูตจากเมืองฟ้าเดียวดาย?” จิ้งจอกสามเผยท่าทีไม่เข้าใจ “ทำไมคนจากเมืองฟ้าเดียวดายถึงมาที่นี่?”

เมืองฟ้าเดียวดายใช่ต้องการให้พวกเราเกิดความขัดแย้งกับเมืองธารทะเลทรายงั้นหรือ? พวกเขากำลังคิดติดสินบนขุนนางเล็กใช่ไหม?

ฮึ่ม! ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ฝันไปเถอะ! นอกเหนือจากเผ่ามนุษย์แล้ว เมืองธารทะเลทรายไม่ยินดีต้อนรับขุนนางใหญ่คนใหม่ และเชื่อว่าเมืองอื่นๆก็เช่นกัน

ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร!

ไม่ว่าเมืองฟ้าเดียวดายจะยิ่งใหญ่เพียงใดก็ตาม!

ตราบใดที่กล้าโจมตีเมืองธารทะเลทราย ก็เตรียมรอรับการตอบโต้จากกองทัพทั้งหมดในแดนเหนือได้เลย!

ดาบพิษเห็นท่าทีของจิ้งจอกสาม เขาคาดไม่ถึงว่าในเวลาไม่ถึงสามเดือน ตำแหน่งของเมืองธารทะเลทรายในใจขุนนางเล็กจะฝังรากลึกถึงขนาดนี้

หากกองกำลังภายนอกคิดตีเมืองธารทะเลทราย คงยากเกินจินตนาการ ต่อให้เป็นกองทัพระดับเมืองฟ้าเดียวดาย ก็คงตีเมืองไม่ง่ายและไม่คุ้มค่ากับการสูญเสีย!

“สตาร์คราฟต์ลีกที่เจ้าเพิ่งพูดถึงคืออะไร”

“มันคือเกมที่ถูกคิดค้นโดยเผ่ามนุษย์ เป็นเกมยึดครองแดนดินที่ต้องใช้สติปัญญา” หลังจากจิ้งจอกสามยืนยันว่าอีกฝ่ายไม่มีเจตนาร้าย ท่าทีของเขาก็เป็นมิตรขึ้นมาทันที “กล่องวิเศษที่เรียกว่าคอมพิวเตอร์นี้น่าสนใจมาก มันสามารถเล่นเกมที่น่าสนใจได้มากมาย ทั้งยังสามารถชมงานศิลปะต่างๆของมนุษย์ได้อีกด้วย”

ระหว่างการสนทนา

จิ้งจอกสามเล่นเกมต่อหน้าดาบพิษ

ต้องบอกเลยว่า สตาร์คราฟต์ที่เป็นเกมต่อสู้ กลายเป็นที่นิยมอย่างมากของชาวโลกวิญญาณ

คงไม่มีชาวโลกวิญญาณคนใดเคยจินตนาการว่าหลังจากถูกเมืองธารทะเลทรายสั่งห้ามทำสงครามแล้ว พวกเขายังสามารถยึดดินแดนและสร้างกองทัพอันยอดเยี่ยม และส่งมันออกสังหารศัตรูได้อีก

แต่ด้วยเกมๆนี้ เหล่าขุนนางเล็กและชาวพื้นเมืองแห่งโลกวิญญาณได้ค้นพบวิธีใหม่ในการทำสงครามกัน

เวลานี้จิ้งจอกสามกำลังสู้กับมนุษย์หมีแห่งเมืองศิลาล่อง

จิ้งจอกสามเลือกเผ่าเซิร์ก อีกฝ่ายเลือกผ่ามนุษย์

ทั้งสองฝ่ายตั้งฐานอย่างรวดเร็ว เริ่มสร้างป้อมป้องกัน ยกทัพ แย่งชิงทรัพยากร ต่อสู้ด้วยไหวพริบและความกล้าหาญ

สุดท้ายจิ้งจอกสามเป็นฝ่ายเหนือกว่า มันใช้กลยุทธ์และเทคนิคเข้าหลอกล่อ ไม่ช้าก็ระเบิดฐานฝ่ายตรงข้ามได้

เผ่าจิ้งจอกที่อยู่ใกล้ๆหัวเราะลั่น “เจ้าหมีโง่ คิดแข่งกับขุนนางของพวกเรา ผลลัพธ์จึงลงเอยเช่นนี้!”

จิ้งจอกสามก็ภูมิใจเช่นกัน เขารู้สึกว่านี่คือชัยชนะอันรุ่งโรจน์!

ชีวิตของชาวโลกวิญญาณเหล่านี้จำเจมาก เนื่องจากประชากรเบาบาง การสร้างอารยธรรมจึงเป็นไปไม่ได้ สิ่งที่รู้จักคือการต่อสู้และฆ่าตลอดทั้งวัน

พวกเขาไม่เคยเห็นสื่อบันเทิงเหล่านี้

ดาบพิษเมื่อเห็นภาพยนตร์ อนิเมะ และเกมที่น่าสนใจเหล่านี้ จะมีสิ่งที่น่าสนใจเช่นนี้อยู่จริงๆ

แม้เผ่าจิ้งจอกเมืองธารกระจ่างจะอ่อนแอมาก แต่การใช้ชีวิตของพวกเขาน่าสนใจยิ่งกว่าเมืองฟ้าเดียวดายเสียอีก!

มีจิ้งจอกบางตนชอบดูภาพยนต์และซีรี่ย์ของมนุษย์ พวกเขาได้เริ่มฝึกฝนภาษาจีน  ภาษาเกาหลี และภาษาอังกฤษ มีกระทั่งบางตนอยากอพยพไปใช้ชีวิตในโลกมนุษย์

ในความคิดของพวกเขา โลกมนุษย์ช่างเจริญรุ่งเรือง แม้เป็นประชาชนธรรมดา แต่การเป็นอยู่สะดวกสบายกว่าที่นี่มาก!

เป็นเวลาเพียงสองเดือนเท่านั้นที่มนุษย์ยึดครองเมืองธารทะเลทราย!

แต่การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น!