ตอนที่แล้ว0 คลาส 1-A ไร้หนทาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป2 ทากัตซูกิ มาโกโตะ ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

1 ทากัตซูกิ มาโกโตะนั้นอ่อนแอเกินไป


ตอนที่ 1 ทากัตซูกิ มาโกโตะนั้นอ่อนแอเกินไป

สำหรับตอนนี้, ลองหาคนที่รู้จักเถอะ

ผมเดินไปที่ประตูด้วยก้าวที่ไม่มั่นคง

ผมได้ยินเสียงคนพูดกันห่างออกไป

เอิ่ม…จากข้างล่างบันได, คิดว่านะ?

ผมเดินไปที่บันไดหินอย่างช้าๆ, และเปิดประตูที่คุณภาพชุ่ยๆ

ห้องที่อยู่เหนือประตูนั้นกว้างขวางมาก, และผมสามารถเห็นหน้าที่คุ้นเคยของเพื่อนร่วมชั้นที่นั่น

โล่งใจหน่อย

ผมไม่ได้อยู่คนเดียว

“โออ้, ทากัตซูกิ ในที่สุดก็ตื่น”

“ฮ-เฮ้”

ระหว่างที่ผมกำลังสงสัยว่าควรจะคุยกับใคร มีใครบางคนพูดกับผม

เพื่อนร่วมชั้นของผม คิตะยามะ, หือ

แยงกี้ที่คุ้นเคยกับทุกคนมากเกินไป

“ท่าน-ทักกิ, ร่ายกายโอเคมั้ย?” (ฟูจิวาระ)

“ชั้นดีใจ ที่นายโอเค, ฟูจิ-ยัง”

“นายทำให้ชั้นเป็นห่วง นายนอนไปมากกว่าทุกคนตั้งครึ่งวัน” (ฟูจิวาระ)

“เอ๋? ชั้นหลับไปนานเท่านั้นเลยหรอ?”

“ใช่, มันมีคำพูดว่านายอาจไม่ลืมตาขึ้นอีกเลย ฮ่าฮ่าฮ่า!”(คิตะยามะ)

คิตะยามะหัวเราะเต็มที่

“แหะแหะแหะ”

ผ-ผมไม่คิดว่านั่นตลก

“อืมห์, ทุกคนทำอะไรกันอยู่ที่นี่ล่ะ?”

“โออ้! ฟังแล้วก็ตะลึงซะ, ทากัตซูกิ นี่มันโลกคู่ขนาน! อัศจรรย์มั้ยล่ะ?”

ออ้า, มันคืออิเซไกจริงๆ, หือ

หลังจากดูทิวทัศน์นั้นแล้ว, ผมบอกได้ว่านี่ไม่ใช่ญี่ปุ่น

โลกคู่ขนาน…

รู้สึกได้ที่หลังของผม คือเหงื่อของความกลัว

โดยไม่สังเกตเห็น, คิตะยามะผู้ร่าเริงตบไหล่ผมรัวๆ

ทำไมแยงกี้ภาษากายเยอะจัง? มันเจ็บ

“ที่นี่เรียกว่าวอเทอร์เทมเพิล หลังจากสลบไป, เราควรได้รับที่พักพิงที่นี่” (ฟูจิวาละ)

มันดูเหมือนพระวิหาร(เทมเพิล)อย่างแท้จริง

“อีกอย่าง, เรามาฟังสเตตัสนายกับสกิลดีกว่า, ทากัตซูกิ” (คิตะยามะ)

คิตะยามะเอามือโอบไหล่ผม

“สแตท? สกิล?”

“เห็นได้ชัดว่าเราได้รับพลังลึกลับหลังจากมาถึงโลกนี้ ชั้นได้สกิล: [เวทมนตร์จัดเก็บ: เกรดเหนือกว่า], และ [การประเมิน: เกรดเหนือกว่า]” (ฟูจิวาระ)

“ชั้นได้: [อัศวินมังกร: เกรดสูง], [นักใช้หอก: เกรดสูง], แล้วก็ [ความเร็วสวรรค์]!” (คิตะยามะ)

“ง-งั้นเหรอ”

แม้อยู่ดีๆจะมาบอก, ผมก็ไม่เข้าใจหรอก

แต่พวกมันฟังดูเหลือเชื่อ

“พวกเขาดูสแตทกับสกิลให้นายได้ในห้องนั้น” (ฟูจิวาระ)

“ขอบใจ, ชั้นจะไปดู ยังไงเถอะ, ชั้นเป็นคนสุดท้ายมั้ยที่ตื่น?”

ผมถามคำถามนี้และหน้าของฟูจิยังมืดมนลงเล็กน้อย

“ไม่ใช่ทุกคนที่จะรอด พวกที่เหลือ…” (ฟูจิวาระ)

“พวกที่เหลือ…?”

เสียงของเขามัวหมอง

“รู้สึกว่าตัวเลขของนักเรียนเราจะไม่ครบ” (ฟูจิวาระ)

“อะไรนะ?”

เมื่อผมเชคดูอีกครั้ง, ผมเห็นว่ามีจำนวน⅔ของชั้นเรียนที่นี่

ผมแทบจะไม่มีเพื่อนในชั้นเรียน, แต่พวกเขายังคงเป็นเพื่อนร่วมชั้นที่ผ่านปีกันมา

ถ้าเป็นไปได้, ผมอยากให้ทุกคนปลอดภัย

งั้นระหว่างที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้

“ฟูจิ-ยัง, ซาซากิ-ซังล่ะ?

“ท่าน-ซาซากิไม่ได้อยู่ที่นี่…” (ฟูจิวาระ)

“เอ๋…?”

เธอนั่นอยู่ใกล้เรา, และเราพูดกันจนจังหวะสุดท้าย, ผมจึงคิดว่าเธอโอเคชัวร์

แต่แน่นอนว่าผมไม่เห็นเธอรอบๆ

“งั้น…เหรอ…”

เราพูดอะไรกันเป็นครั้งสุดท้ายนะ?

หูแมว?

นั่นคือคำพูดสุดท้ายเหรอ, หือ

เราน่าจะพูดอะไรที่ดีกว่านั้นนะ

ขอโทษนะ, ซา-ซัง…

“อย่าเพิ่งท้อ, ทากัตซูกิ พวกเราโชคดี พวกเพื่อนชั้นก็ไม่อยู่ที่นี่ด้วย” (คิตะยามะ)

เอามือวางไว้บนไหล่ผม, คิตะยามะปลอบใจผม

เขากำลังทำหน้าเศร้าเหมือนฟูจิ-ยัง

คิตะยามะมีเพื่อนมากมาย

อารมณ์ที่ร่าเริงน่าจะเป็นเพราะเขาทำตัวให้เข้มแข็ง

“แค่นั้น, แม้ว่าเราจะรอด, มันไม่ได้หมายความว่าเราโล่งใจได้นะ” (ฟูจิวาระ)

“เอ๋, ทำไมล่ะ?”

เราไม่ได้ ได้ที่พักพิงหรอกเหรอ?

“ดูเหมือนว่าเข้าให้ที่พักพิงแก่คนที่จะไม่มีที่ไปอย่างเรา, แต่เราต้องหาทางช่วยตัวเองให้ได้ โลกนี้คือโลกที่มอสเตอร์ออกอาละวาด นายต้องมีความเข้าใจในความสามารถของตัวเองก่อน” (ฟูจิวาระ)

หืม, งั้นเหรอ

แต่มันสมเหตุสมผลที่พวกเขาจะไม่ดูแลเราตลอดไป

เพราะมันยังมีปัญหาเรื่องทรัพยากร

ผมโล่งใจที่ถูกช่วยจากการถูกทิ้ง, แต่จากนี้ต่อไปคงจะยาก

ผมยังไม่รู้ว่าเราจะกลับไปโลกเราได้มั้ย

แต่ส่วนที่เกี่ยวกับมอนสเตอร์รบกวนจิตใจผม และยังมีส่วนที่เกี่ยวกับสแตทและสกิล

ผมต้องถูกสอนหลายเรื่อง

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ

“เราสื่อสารได้มั้ย?”

“นั่นคือสิ่งที่น่าประทับใจเกี่ยวกับวิหารนี้! มันมีเวทมนตร์แปลภาษาอัตโนมัติร่ายในวิหาร” (ฟูจิวาระ)

“โฮ่ห์, นั่นสะดวกจัง”

“นั่นเห็นได้ชัดว่าเป็นสาเหตุที่เขาพาคนต่างโลกมาที่นี่” (คิตะยามะ)

มันเป็นความจริงที่คุณไม่สามารถสนทนาได้หากไม่เข้าใจภาษาของกันและกัน

แต่แปลภาษาอัตโนมัติ, หือ โลกคู่ขนานนี่ล้ำหน้าจริงๆ

“เราจะต้องเรียนภาษาของโลกนี้ก่อนจะจากวิหารไปนะ” (ฟูจิวาระ)

“งันซินะ”

มันไม่สะดวกขนาดนั้น

ระหว่างที่เราสนทนา, เราได้มาถึงหน้าห้องของนักบวช

“นายต้องฟังคำอธิบายเกี่ยวกับสกิลด้วยตัวเอง, นั่นคือสิ่งมี่เขาบอกเรา” (ฟูจิวาระ)

“ทากัตซูกิ, บอกฉันด้วยนะว่าได้สกิลอะไร” (คิตะยามะ)

คิตะยามะยิ้มและตบไหล่ผม

“งั้น, ชั้นไปละนะ”

ผมเคาะประตูและเข้าห้อง

◇◇

“ขอโทษที่รบกวน”

เมื่อผมเข้ามาในห้อง, นักบวชที่ร่างกายกำยำนั่งอยู่หน้าโต้ะใหญ่ ข้างๆ มีผู้หญิงสวยที่ดูเหมือนจะเป็นนักบวชหญิง

นักบวชที่ยิ้มแย้ม และแม่ชีสวยที่ดูเยือกเย็น

“สวัสดี, คนต่างโลก รู้สึกยังไงบ้าง?”

“ยินดีที่ได้รู้จัก, ผมชื่อทากัตซูกิ ผมคิดว่าผมรู้สึกสบายดี”

“หยั่งงั้นเหรอ ได้โปรดบอกเราให้เร็วที่สุดถ้าไม่นะ อีกอย่าง, ได้ฟังเกี่ยวกับที่นี่จากเพื่อนเธอรึยัง?”

“นิดหน่อยครับ”

“เข้าใจแล้ว, เข้าใจแล้ว งั้น, ชั้นจะอธิบาย มันอาจทำให้เธอตกใจเพราะมันกะทันหัน, แต่นี่เป็นโลกที่แตกต่างจากโลกของเธอ เธอต้องกังวลแน่ที่ไม่ได้เห็นครอบครัวของเธอ ถึงอย่างนั้น, ได้โปรดอย่าเป็นห่วง เราจะให้การสนับสนุนเธอฟรีหนึ่งปีจนกระทั่งเธอดูแลตัวเองได้

ผมได้ฟังนั่นมาจากฟูจิ-ยัง

“เอิ่ม, เรากลับโลกเราไม่ได้?”

สีหน้าของนักบวชมืดลง

หืม? ผมพูดอะไรประหลาดไปรึ?

“งั้นเธอก็ไม่ได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนั้นซิ ทากัตซูกิ-ซัง, เธอกำลังใกล้ตายก่อนจะมาที่โลกนี้, ถูกมั้ย?”

“ช-ใช่, นั่นใช่ พวกเราติดอยู่ที่ภูเขาหิมะ”

“ใช่แล้ว, แล้วเพื่อนเธอก็เหมือนกัน เงื่อนไขของการมาโลกคู่ขนานคือเธอต้องตายในโลกก่อนหน้านี้

“เอ๋?”

อะไรนะ?! งั้น, ผมตายเหรอ?

เมื่อเห็นผมตกใจ, นักบวชก็ได้ยิ้ม

“แต่ได้โปรดอย่าเพิ่งกลุ้มใจ เทพเจ้าของโลกนี้ช่างมีเมตตา ก่อนจะตายก่อนวัย, พวกท่านส่งเธอมาก่อน”

นักบวชแสดงท่าทีเกินจริง รู้สึกเหมือนเค้าจะเคยชินกับสิ่งนี้

“ข-เข้าใจแล้ว”

พูดอีกอย่าง, เรายังไม่ได้ตาย

“อีกอย่างนึง, การกลับไปโลกของเธอหมายถึงเธอจะตาย นั่นคงเป็นปัญหา, ใช่มั้ย?”

“จริงด้วย”, คือสิ่งที่ผมตอบได้

“ถ้าอย่างนั้น, งั้นเรามาพูดเรื่องดีๆเกี่ยวกับการที่เธอจะใช้ชีวิตต่อจากนี้ยังไงกันเถอะ เธอได้ยินเกี่ยวกับสกิลแล้วรึยัง?”

“เอิ่ม, นิดหน่อยจากเพื่อนของผม แต่ไม่ละเอียด”

“โอเค งั้น ชั้นจะบอกเธอ เธอควรจะได้รับทักษะโดยประจำตัว ให้เจาะจง, บางอย่างเช่น [เมจ] หรือ [ซอร์ดแมน] คือเรื่องปรกติ เธอสามารถพูดได้ว่า, ขึ้นอยู่กับว่ามันจะอ่อนแอหรือแข็งแกร่งมันจะมีผลต่อชีวิตเธอต่อไป

“โออ้…ฟังดูสำคัญ”

ฟูจิ-ยังและคิตะยามะนั้นได้กล่าวถึงว่าสกิลสำคัญ

“และตอนนี้, สแตท คนต่างโลกทุกคนล้วนมีสแตทที่โดดเด่น

“จ-จริงหรอครับ”

“ใช่, มากกว่าคนปรกติอย่างเราๆเป็นสิบเท่า!”

เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรก

“สกิลและสแตทผมเป็นยังไง”

“ฟุฟุฟุ, ไม่ต้องรีบร้อน เราจะเชคมันเดี๋ยวนี้ เธอ, เอานั่นมา”

“ค่ะ, หัวหน้านักบวช-ซามะ”

แม่ชี-ซัง ที่เงียบอยู่ข้างๆ ยื่นหนังสืออะไรซักอย่างให้นักบวช

“นี่คือไอเท็มที่เรียกว่าโซลบุคมันสามารถบอกสกิลและสแตท”

“ฮ-โฮ่ห์”

ผมกลืนน้ำลาย

ของที่น่าประทับใจได้ปรากฏ

“ไม่ต้องกังวลมาก โปรดอธิษฐานต่อรูปปั้นเทพธิดาตรงนี้”

“โอเค”

อย่างงี้หรอ?

ผมยืนอยู่หน้ารูปปั้นเทพธิดาและยืนท่าอธิษฐาน

“ชั้นจะตั้งตารอ คนต่างโลกทุกคนล้วนได้รับพรด้วยสแตทที่ยอดเยี่ยม”

คือที่ผมได้ยินจากด้านข้าง

งั้นเหรอ? มันสะดวกปานนั้น?

ความคาดหวังของนักบวชดูเหมือนจะเหนือฟ้า

ผ่านไปซักพักหนึ่ง, แสงสลัวได้ปกคลุมร่างกายของผม, และจากนั้น, หนังสือของนักบวชก็ส่องแสง

“สกิลและสแตทเธอได้รับการพิจารณาแล้ว”

นักบวชประกาศอย่างผ่าเผย

หัวใจผมเต้นแรง

“สกิลประจำตัวเธอคือ: [โล่งจิต], [นักเวทย์น้ำ: เกรดประถม]...และสุดท้ายคือ [ผู้เล่นอาร์พีจี]

โออ้, นักเวทย์! แต่ประถม, หือ

นอกนั้น, ยังมีสกิลชื่อประหลาดอีก

“มันเป็นสกิลที่แข็งแกร่งไหม?”

“หืมม, อันสุดท้ายชั้นเพิ่งจะเคยเห็น, แต่สองอย่างก่อนหน้านั้นธรรมดา”

ธรรมดา, หึ

“และสแตทผม…”

นักบวชแสดงท่าทีมีพิรุธ

“นี่มันมีอะไรผิดพลาดแน่?”

“เป็นไปไม่ได้ เกิดอะไรขึ้น?”

“ดู, นี่ ตัวเลขนี้…”

“มันจริงที่ว่าเมื่อเทียบกับคนต่างโลกอื่น, จะเป็นตัวเลขที่ต่ำ, แต่ถ้าเทียบกับเรา…ตัวเลขก็ยังต่ำ”

เอ๋? อะไร?

“เอิ่ม, สแตทของผมมีปัญหาอะไรเหรอ…?”

“ไม่ ไม่! มันโอเค, ทากัตซูกิ-ซังดูเหมือนว่าสแตทจะไม่พอ, แต่ไม่ต้องกังวล”

นักบวชยังคงยิ้มเหมือนเดิม

แต่เทียบกับก่อนหน้า, เขาใช้การยิ้มแบบธุรกิจ

หมายความว่าไม่ใช่ที่นักบวชหวัง, หือ

การทำตัวเห็นได้ชัดนั้นน่าตกใจ

“ชั้นขอเธอรับช่วงต่ออธิบายแทนได้มั้ย?”

“เข้าใจแล้วค่ะ, หัวหน้านักบวช-ซามะ”

แม่ชีก้มหัวลง

“งั้น, ทากัตซูกิคุง, สู้ๆนะ”

หัวหน้านักบวชออกจากห้องหลังจากนั้นไม่นาน

เหลือแม่ชี-ซังและผมอยู่กันลำพังในห้องนี้

“งั้น ชั้นจะอธิบายเกี่ยวกับโซลบุค โปรดดูนี่”

เมื่อมองดูหนังสือที่ได้รับ, มันมีชื่อและอายุผม, สกิลที่ได้ยินมาก่อนหน้า, และบางอย่างเช่น สเต็นท์, เอ็นดูรานซ์, เมจิก, และอื่นๆ

ผมบอกอะไรไม่ได้แค่ดูตัวเลขพวกนี้

แต่มีส่วนนึงกวนใจผมอย่างน่ารำคาญมาก

อายุขัย: 10 ปี

หือ?! นี่มันอะไร?!

“อ-อึ่ม, อายุขัยนี่มันอะไร?”

ผมจะตายในอีกสิบปีเหรอ?

ไม่ ไม่ ไม่, นั่นมันตลกมากไปแล้ว

“ชั้นจะอธิบาย ในโลกของเรา, พวกเราจะเรียนรู้อายุขัยของเราผ่านโซลบุค

“ทำไมผมเหลือแค่สิบปีล่ะ”

ผมยังอายุสิบห้า

คุณกำลังจะบอกว่าผมจะตายตอนยี่สิบห้า?!

“อายุ สิบปีเป็นอะไรที่คนต่างโลกมีทุกคน”

“อย่างนั้นเหราะ”

นั่นหมายถึง ฟูจิ-ยัง, คิตะยามะ, และทุกคนล้วนมีสิบปี

มันยากที่จะอธิบาย แต่พอได้รู้ว่าทุกคนอยู่ในสถานการณ์เดียวกันทำให้ผมใจเย็นลงเล็กน้อย

นั่นสั้นไปนะ

“อายุขัยนี้เพิ่มขึ้นได้ด้วยการเสนอผลงานต่อเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์”

“...อายุขัยคืออะไรที่สามารถเพิ่มได้หรอ?”

โลกคู่ขนานนั้นน่าประทับใจ

“ช่วยบอกรายละเอียดเกี่ยวกับผลงานต่อเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ได้มั้ยครับ”

ผมอยากจะเรียนเกี่ยวกับวิธียืดอายุขัยของผมนี้

ผมไม่อยากตายในอีกสิบปีแท้

“มันมีได้หลายทาง ทางที่เร็วที่สุดคือบริจาคให้โบสถ์”

“ง-เงินเหรอ, หึ้”

“ใช่, เงิน”

“คุณซื้ออายุขัยด้วยเงิน?”

“ใช่, คุณทำได้”

เงินเพื่ออายุขัย

ทุกอย่างใช้ได้ในอิเซไก, หื้อ

“แต่นั่น, ยืดอายุขัยไปหลายปีนั้นต้องใช้เงินมหาศาล ทากัตซูกิ-ซัง, เธอไม่มีสกุลเงินของโลกนี้, ดังนั้นวิธีนี้จึงไม่ใกล้ความจริง”

“ใช่…แล้วทางอื่นล่ะ?”

“มีการเอาชนะมอสเตอร์ที่สร้างความเสียหายให้กับผู้คน, หรือการช่วยคนจากภัยพิบัติ”

“เข้าใจแล้วครับ”

อันนี้เข้าใจง่าย

ช่วยคนอื่น

“เข้าใจแล้ว ใช้สกิลเพื่อช่วยคนอื่น”

“ใช่, ถูกต้อง งั้น, ชั้นจะอธิบายสกิลของเธอ ทากัตซูกิ-ซัง เธอมี 3 สกิลประจำตัว [โล่งจิต], [นักเวทย์น้ำ: เกรดประถม] และ [ผู้เล่นอาร์พีจี]

“มันเป็นสกิลแบบไหน?”

“คำอธิบายสกิลจะเขียนอยู่ในโซลบุค”

ฟูมุ, มาดูกัน

[โล่งจิต]: สกิลสำหรับรักษาสภาพจิตใจให้สงบ ด้วยสิ่งนี้, แม้นจะถูกโจมตีด้วยมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่ง, คุณสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องตื่นตระหนก

[นักเวทย์น้ำ: เกรดประถม: สกิลที่ช่วยให้คุณใช้เวทมนตร์น้ำระดับประถม มานาที่คุณมีนั้นน้อย, เพราะฉะนั้นมันช่วยไม่ได้ที่เป็นเกรดประถม! พยายามฝึกฝนเข้า, โอเค้?

[ผู้เล่นอาร์พีจี]: สกิลที่ช่วยให้คุณใช้มุมมองของผู้เล่นเกมส์อาร์พีจี คุณสมารถมองเห็นได้ 360องศา! สกิลประจำตัวที่จะมีเฉพาะคนต่างโลก! นั่นไม่เยี่ยมไปเลยหรอ?!

เฮ้ย เฮ้ย, นี่มันอะไร…?

คนเขียนค่อนข้างมีชีวิตชีวา

อย่างน้อยที่สุด, เขาเขียนกรณีที่สามารถใช้ได้และประเด็นสำคัญ

ผมควรจะอ่านอย่างละเอียดทีหลัง

“ตอนนี้, ผมเข้าใจสกิลโดยพื้นฐานแล้ว ดังนั้น, ผมควรจะทำอะไรต่อจากนี้ไป?”

“พวกเธอจะสามารถเรียนและใช้สิ่งอำนวยความสะดวกของวิหารได้หนึ่งปี เธอจะเลือกอาชีพที่เหมาะกับเธอที่สุด

แม่ชีอธิบายแบบไร้สีหน้า

“เอิ่ม, ว่าแต่ว่า, อาชีพอะไรที่คุณแนะนำผม?”

“...”

ทำไมเงียบ?

“มีชั้นเรียนหลายวิชาในวอเทอร์เทมเพิล มาลองเข้าชั้นเรียนให้หลากหลายก่อนจะตัดสินใจว่าทำอาชีพอะไรเถอะค่ะ?”

ไม่มีคำแนะนำ?!

หมายถึงไม่มีอาชีพอะไรที่เหมาะกับผม ณ ตอนนี้

ไม่มีทางเลือกนอกจากตัดสินใจด้วยตัวเอง

ช่วยไม่ได้, มาลองดูกัน

ผมไม่ได้เกลียดอาร์พีจีอิสระ

แต่, ดูเหมือนว่าผมมีพื้นฐานสแตทที่ต่ำไปมาก

“เข้าใจแล้ว อย่างนั้น, ช่วยบอกผมทีว่าจะเข้าร่วมชั้นเรียนยังไง? แล้วก็, เกี่ยวกับกฎการใช้ชีวิตที่นี่”

“หนังสือคู่มีมีข้อมูลพวกนี้อยู่แล้วทั้งหมด”

เธอมอบหนังสือเล่มหนา

หน้าปกอ่านว่า คู่มือวอเทร์เทมเพิล(สำหรับคนต่างโลก)

เตรียมตัวมาดีจัง

เห็นได้ชัดว่ามีผู็คนหลากหลายมายังที่นี่นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมคู่มือของพวกเขาจึงสมบูรณ์แบบ

“ถ้าอย่างนั้น, ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจ, โปรดถามแม่ชีหรือนักบวชที่ใกล้ที่สุดรอบดูนะ”

แม่ชีพูดโดยไม่มีแม้แต่รอยยิ้ม

เหมือนว่าการสนทนาได้จบแล้ว

คนคนนี้เยือกเย็นจนบทสุดท้ายจริงๆ

◇◇

ฟูจิ-ยังและคิตะยามะรออยู่ข้างนอก

“เป็นยังไงบ้าง, ท่าน-ทักกิ?” (ฟูจิวาระ)

“หืมม, พูดยากแหะ”

“ทากัตซูกิ, โชว์มันหน่อย” (คิตะยามะ)

“อ้า, ว้า?!”

คิตะยามะเอาโซลบุคของผมไป

“เฮ้ย เฮ้ย, สแตทนายไม่ต่ำไปหน่อยหรอ? หื้ม, ดูเหมือนว่าสกิลเสียงเหมือนไม่แข็งแกร่งเอาซะเลยนะ” (คิตะยามะ)

คิตะยามะดูเหมือนหมดความสนใจ

ไอบ้าเอ้ย! แย่งไปดูเองแบบนี้, แล้วยังพูดงี้เหรอ?!

ผมพูดออกมาดังๆไม่ได้, แต่ผมบ่นอยู่ในใจ

ยังไงก็ตาม, สกิลและสแตทผมต่ำมาก

“นายเป็นโอตาคุเกม, เลยมีสกิลชื่อแปลกๆ ยังไงเถอะ, พยายามเข้า” (คิตะยามะ)

นั่นพยายามปลอบใจเรอะ? เขาตบไหล่ผม

“เฮ้ยยย, พวกนายรู้มั้ย? สกิลของทากัตซูกิ…” (คิตะยามะ)

และต่อมา เขาเปิดเผยสกิลของผมให้เพื่อนร่วมชั้น

นี่มันไม่มีความเป็นส่วนตัว?

“คิตะยามะ-ซัง, คุณไม่ควรจะบอกสกิลของคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตนะ”

แม่ชีเตือนเขา

“ฟูจิ-ยัง, แล้วสกิลของนายล่ะ?”

ผมถามฟูจิ-ยังระหว่างดูโซลบุคของตัวเอง

“[เวทมนตร์จัดเก็บ: เกรดเหนือกว่า] คือเวทมนตร์ที่ช่วยให้เอาสิ่งของเข้าหรือออกได้ ด้วยเกรดเหนือกว่า, ดูเหมือนว่าจะเก็ฐได้เยอะ [ประเมิน: เกรดเหนือกว่า] สามารถวิเคราะห์คุณสมบัติของไอเท็ม” (ฟูจิวาระ)

“โฮฮ่”

ฟังดูคล่องมือ

จากนั้นมัน, ฟูจิ-ยังก็ได้เสียงเบาลง

“จริงๆแล้ว ชั้นไม่ได้บอกมาก่อน แต่ชั้นได้สกิลนี้เหมือนกัน” (ฟูจิวาระ)

ฟูจิ-ยังโชว์สกิลบุคให้ผมดู

“[ผู้เล่นกัลเกะ]?” <ซิมส์การเดทไปกับสาวสวย>

ชื่อสกิลคล้ายๆกับของผม

“มันเป็นสกิลที่ทำให้ผมเห็นบทสนทนาในรูปแบบการเขียน แล้ว, ยังสามารถย้อนดูบทสนทนาได้” (ฟูจิวาระ)

“กัลเกะมีระบบแบบนั้นจริงแหะ”

“มีคนบอกผมว่ามันก็เป็นทักษะเฉพาะของคนต่างโลก, แต่…ถ้าชื่อสกิลถูกเปิดเผยจะเป็นเรื่องน่าอายน่ะ…” (ฟูจิวาระ)

อือแหะ, นั่นก็จริง

“สกิลผู้เล่นอาร์พีจีก็คล้ายๆกัน จะได้สกิลแบบนี้ถ้าชอบเล่นเกมเหรอ?”

“ผมสงสัย ไม่มีสกิลไหนที่ใช้ได้ในการสู้, ผมเลยตัดสินใจเล็งจะเป็นพ่อค้าน่ะ” (ฟูจิวาระ)

“งั้นเหรอ, เส้นทางมั่นคงซินะ”

ประเมินนั้นดูเหมือนจะเหมาะกับพ่อค้าโดยแท้

“อาจจะ แต่นายรู้มั้ย, สกิลนายอาจจะแข็งแกร่งเมื่อตอนใช้จริงก็ได้, ท่าน-ทักกิ!” (ฟูจิวาระ)

“ไม่รู้ซิ”

จากท่าทางของหัวหน้านักบวชและแม่ชี, มันต้องมีการมองผิด

อย่างไรก็ตาม, มันมีเหตุผลว่าทำไมนักบวชถึงบอกว่าคนต่างโลกแข็งแกร่ง

ในอดีตมีคนต่างโลกที่หลงทางและพเนจรอยู่ในโลกนี้, พวกเขาล้วนมีสแตทและสกิลที่แข็งแกร่ง

มันมีบันทึกไว้ในอดีต

“ขออภัย ทำไมมีแต่สแตทผมที่ต่ำแม้ผมจะเป็นคนต่างโลกล่ะ?”

แม่ชีได้ผ่านมาใกล้ ผมเลยลองถาม

เพื่อนร่วมชั้นของผมมีสแตทมากกว่าคนทั่วไปถึงสิบเท่า

สำหรับฮีโร่แห่งแสง, ซากุไร-คุง, มันมากกว่าร้อยเท่า

ผมมีประมาน ⅓ ของคนปรกตินั่น

อ่อนแอเกินไปแล้ว

“ดูซิ…เธอต้องอ่อนแอมากตอนเธอมาที่โลกนี้ เพราะเธออ่อนแอที่สุดในบรรดาเพื่อนเธอ, มันคงทำให้มีผลกระทบต่อสแตทไปในทางลบ”

“ผมอ่อนแอขนาดนั้นจริงๆหรอ?”

“จริงๆแล้วหัวใจเธอได้หยุดเต้นไปพักหนึ่งแล้ว เวทมนตร์ของนักบวชชุบชีวิตเธอขึ้นมาได้”

“...ผมขอโทษครับที่สร้างปัญหาตอนนั้น”

ผมนั้นแย่หนักกว่าที่ผมคิดไว้

มันต้องเป็นเพราะว่าผมเล่นแต่เกมส์แล้วไม่ฝึกฝนร่างกาย

แม่ชีแนะนำให้ฝึกสกิลในวอเทอร์เทมเพิลซักพัก

เพื่อนร่วมชั้นของผมมีสกิลที่แข็งแกร่งกว่าครูฝึกของวิหาร, พวกเขาจึงได้เข้าไปอยู่ชั้นเรียนพิเศษ

สแตทและสกิลของผมนั้นไม่แข็งแกร่ง, ผมเลยอยู่ชั้นเรียนธรรมดา

ฮ่าาห์

มันทำผมเขวจริงๆ

สมดุลความยากง่ายนั้นห่วยแตกจริง

อิเซไกมันเกมส์ขยะ…

แปลโดย: wayuwayu

ติดตามได้ที่ดิสคอท https://discord.gg/dru8M3ZY

pdfไว้อ่านตอนกลางคืน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด