ตอนที่แล้วยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 41 กำราบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 43 สตรีผู้ชั่วร้ายอีกคน

ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 42 ไม่สามารถพูดคุยกันได้


ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 42 ไม่สามารถพูดคุยกันได้

ฝูงชนอ้าปากค้าง ยอดฝีมือสามคนจากภูเขาสวรรค์ถูกกดดันภายใต้กระบี่นั้น

ต้องรู้ว่าในสามคนนี้มีปรมาจารย์ยุทธอยู่ด้วยเช่นกัน

“นี่คือปรมาจารย์ขุนขาที่มีชื่อเสียงของสำนักเยียวยาสวรรค์ เย่ชิวใช่หรือไม่ เขายังหนุ่มอย่างที่ข่าวลือว่าไว้อย่างแท้จริง…”

ฝูเหยากล่าวชื่นชม นางเคยได้ยินเกี่ยวกับการกระทำของเย่ชิวมาก่อน ตอนแรกนางไม่เชื่อ ทว่าตอนนี้นางเห็นเย่ชิวกำรับหลี่เต๋าหยวนได้อย่างง่ายดายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว นางรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

“อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้บอกว่าเขาอยู่ขอบเขตชีวาเร้นลับขั้นที่ 5 เท่านั้นหรือ เหตุใดจู่ ๆ เขาถึงกลายเป็นปรมาจารย์ยุทธ”

หานเซิงอี้ก็ส่ายหัวเช่นกัน เขาไม่รู้จักเย่ชิวดีนักและได้แต่ถอนหายใจ “สำนักเยียวยาสวรรค์ได้ผลิตยอดฝีมือขอบเขตปรมาจารย์ยุทธมาอีกคน ยุคของพวกเขากำลังเฟื่องฟูและมีโอกาสผงาดขึ้นอีกครั้ง ฝีมือกระบี่ของบุคคลผู้นี้ไม่ได้ธรรมดา แม้แต่ข้าก็ยากจะต่อกร”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฝูเหยามองเขาด้วยความประหลาดใจและกล่าวว่า “ไม่มีทาง อาจารย์ลุงฮัน เป็นไปได้ไหมว่าเขาเป็นปรมาจารย์ยุทธขั้นต้นที่สามารถเทียบได้กับปรมาจารย์ยุทธขั้นกลางเช่นทาง”

“ข้าคิดว่าเหนือกว่านั้น เจตนากระบี่ของเขาน่าสะพรึงกลัวเกินไป ไม่ต้องพูดถึงข้า มองดูสหายเก่าที่อยู่ตรงข้ามข้าสิ พวกเขาทั้งหมดต่างดูหวาดกลัว”

ฝูเหยามองตามด้วยความสงสัยหลังจากได้ยินคำกล่าวของหานเซิงอี้ เช่นเดียวกับที่เขาพูด เหออู๋ซวงและยอดฝีมือที่อยู่เบื้องหลังกู่ไห่ถังต่างเปิดเผยให้เห็นถึงความหวาดกลัวเช่นกัน

เห็นได้ชัดว่าตอนนี้พวกเขาทั้งหมดตกตะลึงกับกระบี่ของเย่ชิว

ในขณะนี้ เย่ชิวดูราวกับมือกระบี่เซียนจากสวรรค์ ไม่มีผู้ใดเทียบได้

แรงกดดันที่น่าตกใจนั้นทำให้ทุกคนเงยหน้าขึ้นได้ยาก ทันใดนั้น ทุกคนก็หวนกลับนึกถึงไปนึกถึงเหตุการณ์ที่ซวนเทียนเจินเหรินกำราบพวกเขาในครั้งนั้น

“เป็นไปตามคาด! เทพเย่ช่างสุดยอดยิ่งนัก…” เซียวอี้สรรเสริญเยินยอเขาทันที เมื่อเขาเห็นเย่ชิวปรากฏตัว เขาก็รู้สึกโล่งใจ “นี่คือยอดฝีมือที่แท้จริง ดูจากท่าทาง นิสัยใจคอและความน่าเกรงขามของเขา ฮ่าฮ่า ใครจะกล้ายั่วยุพวกเราอีก”

เหตุใดหลายคนจึงรู้สึกว่าหลังจากที่เย่ชิวมาถึง ผู้ที่มีความสุขที่สุดนั้นไม่ใช่จ้าวว่านเอ๋อและหลินชิงจู้แต่เป็นเขา

จ้าวว่านเอ๋อปิดปากของนางและหัวเราะคิกคัก หลินชิงจู้มองไปยังเขาด้วยความดูถูกเหยียดหยามและโค้งคำนับให้เย่ชิว “คำนับท่านอาจารย์!”

เย่ชิวพยักหน้า “เอาล่ะ ลุกขึ้น!”

เย่ชิวจ้องมองหลี่ชางกงและอีกสองคนอย่างเย็นชา ความโกรธเกรี้ยวได้เพิ่มขึ้นในใจของเขา เขาจากไปเพียงช่วงสั้น ๆ ทว่าเขาไม่คาดคิดเลยว่าศิษย์ของเขาจะถูกรังแกเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายกล้าที่จะโอ้อวดอย่างไร้ยางอายและไม่ได้ไว้หน้าเมิ่งเทียนเจิ้งด้วยซ้ำ

“เมื่อครู่นี้เจ้าบอกว่าแม้ว่าเจ้าสำนักเยียวยาสวรรค์ของข้าจะอยู่ที่นี่ เขาก็ต้องแสดงความเคารพเจ้างั้นหรือ ข้าสามารถถือว่าสิ่งนี้เป็นการยั่วยุจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาสวรรค์ของพวกเจ้าได้หรือไม่” เย่ชิวกล่าวอย่างไร้ความรู้สึก ทำให้หลี่ชางกงรู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มเลวร้ายขึ้นทุกที

ในทางกลับกัน สีหน้าของหลี่เต๋าหยวนเปลี่ยนเป็นซีดเซียว เขาแค่แสร้งทำ ทว่าเขากลับโดนสวนกลับเอาคืน ช่างน่าอับอายเกินไป

เขาจะกล้าให้เมิ่งเทียนเจิ้งปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพได้อย่างไรกัน เมิ่งเทียนเจิ้งคือใคร นั่นคือยอดฝีมือขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสูงสุด เป็นบุคคลที่อาจได้รับการพิจารณาว่าอยู่ยงคงกระพันภายใต้ขอบเขตยอดยุทธ

“สหายเต๋าเย่ ทั้งหมดนี้เป็นความเข้าใจผิด ศิษย์พี่ไม่ได้หมายความเช่นนั้น เขาแค่พูดลอย ๆ โปรดอย่าเก็บมาใส่ใจ” หลี่ชางกงรีบอธิบายพร้อมสาปแช่งหลี่เต้าหยวนอยู่ภายในใจ

เขากำลังจะสามารถคลี่คลายปัญหานี้ได้ ใครจะไปคิดว่าจู่ ๆ หลี่เต๋าหยวนจะพ่นคำพูดไร้สาระเช่นนี้ออกมา ใครจะไปรู้ว่าเมิ่งเทียนเจิ้งจะตามไปสังหารพวกตนทั้งสามหรือไม่หากเขาได้ยินเช่นนี้

ต้องรู้ว่าเมื่อเมิ่งเทียนเจิ้งอายุยังน้อย เขามีอารมณ์ดุร้ายเป็นอย่างมาก และยังต่อสู้กับใครก็ตามที่เขาพบเจอ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เข้ารับตำแหน่งเจ้าสำนักเยียวยาสวรรค์ อารมณ์ของเขาก็สงบลงเล็กน้อย ทว่าเขาก็ไม่ใช่คนดีขนาดนั้น

“เข้าใจผิดหรือ” เย่ชิวหัวเราะเยาะและค่อย ๆ ลงมาจากด้านบน “ข้าไม่คิดเช่นนั้น หากข้าไม่มาวันนี้ ศิษย์ทั้งสองของข้าจะไม่ถูกเจ้าสังหารหรือ พวกเจ้าสามสหายช่างไร้ยางอายเสียจริง ไม่คิดว่าจะรังแกเด็กและกล่าวบิดเบือนเช่นนี้”

คำพูดเพียงไม่กี่คำหลี่ชางกงก็รู้สึกละอายใจอย่างยิ่ง เขาไม่ได้รังแกผู้อ่อนแอ ทว่าเป็นหลี่เต๋าหยวนที่แสร้งทำ

หลี่ชางกงยังคงคิดอยู่ในใจว่าจะจบเรื่องนี้อย่างไร ฉันพลัน หลี่เต้าหยวนกลับพ่นวาจาไร้สาระมาอีกคำ “แล้วหากวันนี้ข้ารังแกพวกเขาล่ะ”

ในฐานะปรมาจารย์ยุทธ เขามีความภาคภูมิใจในตนเอง เขาไม่เชื่อว่าเขาจะพ่ายแพ้เย่ชิวผู้ที่ซึ่งอยู่ในขอบเขตปรมาจารย์ยุทธเช่นกัน

“ดี ดีมาก… ไม่สามรถพูดคุยกันได้”

เย่ชิวกางมือออก เนื่องจากไม่สามารถพูดคุยกันได้ เขาต้องลงมือ ลูกศิษย์ของเขาถูกรังแก ในฐานะอาจารย์ หากเขาไม่สามารถแม้แต่จะตอบโต้ เขาจะเป็นอาจารย์ได้อย่างไร

ทันทีที่เขาพูดจบ พืชพรรณทั้งหมดที่อยู่ในรัศมีหลายสิบลี้ก็เคลื่อนไหวในทันที

เจตนากระบี่ที่น่าตะลึงก็ได้ปรากฏขึ้น บรรยากาศรอบข้างเย็นลง ภายใต้ความกดดันนี้ ทุกคนต่างเปียกโชกไปด้วยเหงื่ออันเย็นยะเยือก

ในฐานะที่เป็นผู้คลั่งไคล้กระบี่ เหออู๋ซวรีบงลุกขึ้นจากหลังคาทันทีหลังจากสัมผัสได้ถึงเจตนาของกระบี่นี้

“ไม่คาดคิดว่าเต๋ากระบี่ของชายคนนั้นมาถึงระดับดังกล่าวแล้ว เขาไม่ได้ด้อยกว่าซวนเทียนเจินเหรินในตอนนั้นเลย”

“สิ่งนี้น่าสนใจมากขึ้นยิ่งนัก! พวกท่านรู้สึกได้หรือไม่ว่ามีเจตนากระบี่ที่น่าอัศจรรย์ปลดปล่อยออกมาจากพืชพรรณโดยรอบ ราวกับว่ากระบี่ของเขากำลังควบคุมบริเวณนี้”

ชายชราที่อยู่ข้างหลังเหออู๋ซวงอธิบายด้วยรอยยิ้ม เขาอดไม่ได้ที่อยากประลองฝีมือกับยอดฝีมือเช่นนี้

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่จำลองการต่อสู้อยู่ภายในหัว เขาก็ยอมแพ้เพราะเขาไม่สามารถเอาชนะเย่ชิวได้แม้แต่น้อย

หลี่ชางกงและอีกสองคนที่เหลือหน้าซีดเมื่อเผชิญหน้ากับกระบี่นี้ ทั้งสองคนต่างสาปแช่งหลี่เต๋าหยวนหลายร้อยครั้งอยู่ภายในใจ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไม่สามารถหันหลังกลับได้อีกต่อไป ดังนั้นพวกเขาจึงป้องกันอย่างสุดกำลัง

“จัดขบวน!”

พวกเขาทั้งสามมีความเข้าใจกันยอดเยี่ยม เพียงแค่ชำเลืองมองกัน ก็สามารถทำงานประสานกันได้ดีอย่างยิ่ง

ในชั่วพริบตา ค่ายกลสวรรค์ปฐพีอัจฉิรยะก็ได้ก่อตัวขึ้น ปราณที่น่าตกใจได้กระจายออกไปและทำการขัดขวางปราณกระบี่ของเย่ชิวด้วยความโกรธ

เย่ชิวไม่ได้เคลื่อนไหว ตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่ได้ใช้อาวุธใด ๆ เขาอาศัยเพียงพืชพรรณในการควบคุมการต่อสู้ครั้งนี้

การควบคุมดังกล่าวล้วนทำให้ทุกคนตกตะลึง

เย่ชิววางมือขวาบนหน้าอกของเขาและโจมตีทันที

พริบตา ปราณกระบี่นับพันก็ได้ฟันลงมาจากท้องฟ้า เงากระบี่ขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมามหาศาล

“ป้องกัน!” หลี่เต๋าหยวนปล่อยเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวพร้อมใช้สุดกำลัง พร้อมหลี่ชางกงและหลี่ซานซีที่ช่วยเหลือเขา เขาได้ป้องกันกระบี่ด้วยพลังทั้งหมดที่มี

ภายใต้ปราณกระบี่นี้ ทุกคนต่างยืนขึ้น ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความนับถือ

“สวรรค์ นี่คือเคล็ดวิชากระบี่ขั้นสูงสุดที่แท้จริง”

ปัง…

เสียงอึกทึกดังขึ้นพร้อมกับฝุ่นที่ฟุ้งกระจาย เย่ชิวได้ร่อนลงมาจากท้องฟ้า

เมื่อฝุ่นสลายไป ร่างสามร่างก็ล้มลงกับพื้น

“อั่ก…” หลี่เต้าหยวนกระอักเลือดออกมา ในขณะนี้มีเพียงความหวาดกลัวในใจของเขาเท่านั้น เขาไม่ได้หยิ่งยโสเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป เขาไม่สามารถต้านทานการโจมตีจากคู่ต่อสู้ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ความมั่นใจของเขาถูกทำลายและหัวใจเต๋าของเขาก็ถูกสั่นคลอน มีความเสี่ยงที่ขอบเขตของเขาอาจจะล่มสลายได้

“ท่านอาจารย์…” เมื่อเห็นหลี่ชางกงล้มลงกับพื้น หยางเสี่ยวรู้สึกร้อนรนด้วยความวิตกกังวลขณะที่เขาจ้องมองไปยังเย่ชิว “ข้าจะสู้กับเจ้าเอง”

เขาชักกระบี่และพุ่งเข้าหาเย่ชิวทันที ขณะที่กระบี่แทงตรงไปยังหน้าอกของเย่ชิว มันกลับถูกหยุดห่างออกไปหนึ่งนิ้วโดยไม่คาดคิด

เย่ชิวเหลือบมองเขาอย่างเย็นชาและโบกมือส่งเขากระเด็นกลับไป

“ฮ่าฮ่า เด็กคนนี้ไม่รู้จักความยิ่งใหญ่ของสวรรค์และปฐพีจริง ๆ นั่นคือปรมาจารย์ยุทธ! เขานั้นเป็นเพียงผู้ฝึกตนตัวน้อยที่ยังไม่ถึงขอบเขตสวรรค์ด้วยซ้ำ ทว่ากลับกล้าที่จะโจมตีปรมาจารย์ยุทธอย่างไร้สมอง แม้จะอยู่ห่างออกไปเพียงหนึ่งนิ้ว แต่ก็เหมือนสุดขอบฟ้า เจ้าไม่สามารถสัมผัสได้”

“นี่คือเขตแดนห้วงมิติหลังจากบรรลุขอบเขตอนันตะมรรคา”

บนหลังคา เหออู๋ซวงอธิบายด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน

เขาเข้าใกล้ขอบเขตอนันตะมรรคาแล้ว ดังนั้นเขาจึงไวต่อเขตแดนนี้มาก

อาจกล่าวได้ว่าช่องว่างระหว่างขอบเขตสวรรค์และขอบเขตอนันตะมรรคาเป็นช่องว่างที่กว้างใหญ่มาก

5 2 โหวต
Article Rating
7 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด