ตอนที่แล้วยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 16 คลื่นใต้น้ำ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 18 คล็ดวิชากระบี่พงไพร

ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 17 เคล็ดวิชากระบี่เมฆาม่วง


ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 17 เคล็ดวิชากระบี่เมฆาม่วง

“เอาล่ะ เจ้าออกไปได้…” ฉีอู๋ฮุ่ยโบกมือเพื่อบอกให้ฉีฮ่าวออกไป

หลังจากที่ฉีฮ่าวจากไป ชายหนุ่มก็เดินเข้ามาคำนับเขาอย่างตื่นเต้น “ท่านอาจารย์ ข้าได้บรรลุขอบเขตฝึกปราณขั้นที่ 2 แล้ว…” ชายหนุ่มพูดราวกับว่าเขากำลังต้องการคำชื่นชม และต้องการแบ่งปันความสุขนี้กับอาจารย์ของเขา

ทว่าใครจะคิดว่าฉีอู๋ฮุ่ยจะมองเขาด้วยความรังเกียจ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามมากกว่าเดิมเมื่อเขานึกถึงหลินชิงจู้

เด็กคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหลี่ไค่ซือ ศิษย์ที่ฉีอู๋ฮุ่ยและหยางอู๋ตี๋ต่อสู้แย่งชิงกันเมื่อวันก่อน ตอนแรกเขาคิดว่าตนเองได้รับสมบัติชิ้นใหญ่ ทว่าเมื่อเขาเปรียบเทียบเย่ชิวตัวเองนั้น เขารู้สึกว่าราวกับว่าศิษย์ตนเองกำลังกินก้อนอึอยู่ก็ว่าได้ ลูกศิษย์ของขาอยู่ในขอบเขตฝึกปราณขั้นที่ 2 ทว่าในเวลาห้าวันหลินชิงจู้อยู่ในขอบเขตฝึกปราณขั้น 4 แล้ว

“มีอะไรที่น่าภาคภูมิใจกัน” ฉีอู๋ฮุ่ยพูดอย่างเย็นชา เมื่อหลี่ไค่ซือได้ยินเช่นนี้ เขาก็รู้สึกผิดหวังทันที

เขาไม่รู้เช่นกันว่าเหตุใดทัศนคติของอาจารย์ถึงเปลี่ยนไปราวกับพลิกแผ่นดินในเวลาเพียงวันเดียว กลายเป็นสิ่งที่ไม่คุ้นเคยเลยไม่แต้น้อย ความพยายามของเขานั้นทำให้ท่านอาจารย์ของเขาต้องผิดหวังหรือไม่

“เพียงแค่ความสำเร็จเล็กน้อยเจ้าก็ยังภูมิใจ เจ้าจะเป็นใหญ่ด้วยนิสัยเช่นนี้ได้อย่างไรกัน” ฉีอู๋ฮุ่ยพูดต่อ ทั้งคู่เกิดมาพร้อมกับกระดูกศักดิ์สิทธิ์ แต่เหตุใดศิษย์ของอีกฝ่ายถึงบรรลุขอบเขตฝึกปราณขั้นที่ 4 ในห้าวัน และลูกศิษย์ของเขาอยู่ในขั้นที่ 2 เท่านั้น

เป็นไปได้ไหมว่าเขานั้นย่ำแย่กว่าเย่ชิวเสียอีก

มันเป็นไปไม่ได้ เขายอมเชื่อว่าตัวเองเป็นขยะดีกว่ายอมรับว่าเย่ชิวสอนศิษย์ดีกว่า

หลี่ไค่ซือรู้สึกหดหู่ใจมาก เขาคิดว่าอาจารย์จะมีความสุขเนื่องจากความก้าวหน้าของตน ไม่คาดคิดว่าไม่เพียงแต่ฉีอู๋ฮุ่ยจะไม่มีความสุขเท่านั้น เขายังโกรธเกรี้ยวมากอีกด้วย “ท่านอาจารย์ ศิษย์ผิดไปแล้ว! ข้าจะพยายามให้หนักขึ้นและพยายามไปให้ถึงจุดสูงสุดที่ท่านต้องการ”

“เอาล่ะ เจ้าออกไปได้แล้ว!” ฉีอู๋ฮุ่ยกล่าวอย่างเฉยเมย เขาไม่ได้คาดหวังใด ๆ กับศิษย์คนนี้อีกต่อไป เขาเพียงหวังว่าฉีฮ่าวจะพยายามอย่างถึงที่สุด ท้ายที่สุด ฉีฮ่าวเป็นลูกชายและเป็นทายาทในอนาคตของเขา

เช้าวันถัดไป ดวงอาทิตย์ค่อย ๆ ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า

“ในช่วงเช้านี้เป็นตอนเช้าเต็มไปด้วยพลังและเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการฝึกฝน ศิษย์ต้องเข้าใจไว้ว่าในดินแดนรกร้างหากเจ้าต้องการเอาชีวิตรอด เจ้าพึ่งพาได้เพียงกระบี่ที่อยู่ในมือของเจ้าได้เท่านั้น เมื่อเจ้าแข็งแกร่งเพียงพอเท่านั้น คนอื่นจึงจะฟังสิ่งที่เจ้าพูด”

ในป่าไผ่ เย่ชิว พูดด้วยความสงบ หลินชิงจู้ ฟังอย่างตั้งใจ

“วันนี้ ข้าจะสอนเคล็ดวิชากระบี่เมฆาม่วงให้เจ้า!”

“เคล็ดวิชากระบี่นี้เป็นเคล็ดวิชากระบี่ที่สืบทอดมาจากขุนเขาเมฆาม่วงของเรา เป็นวิชากระบี่ที่สืบทอดมาจากการปรับแต่งตามหลักการเคล็ดวิชากระบี่ทั่วไปของสำนักเยียวยาสวรรค์ หลังจากที่ปรมาจารย์หลายรุ่นได้ทำการปรับปรุง อนุถาพของเคล็ดวิชากระบี่ก็ได้เพิ่มขึ้นสูงสุด

“ความลึกซึ้งของเคล็ดวิชากระบี่ไม่ใช่สิ่งที่สามารถเชี่ยวชาญได้ภายในวันเดียว ต้องฝึกฝนอย่างขยันหมั่นเพียรทุกวันโดยไม่สามรถละเลยได้เด็ดขาด…”

หลินชิงจู้ตั้งใจฟังอย่างระมัดระวังและพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “ท่านอาจารย์ ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะฝึกฝนอย่างขยันขันแข็งและพยายามฝึกฝนเคล็ดวิวชาที่เป็นเอกลักษณ์ของขุนเขาโดยเร็วที่สุด”

“ดีมาก เคล็ดวิชากระบี่เมฆาม่วงเน้นไปที่การเคลื่อนไหวที่ไร้ตัวตนและสง่างาม”

“มันอาจดูเหมือนการร่ายกระบี่ แต่จริง ๆ แล้วมันเหมือนการเต้นรำอย่างเชื่องช้าอยู่บนก้อนเมฆ มันอาจจะดูเบาและลึกซึ้ง แต่แอบแฝงด้วยพลังมหาศาล บ่อยครั้ง การฟาดด้วยกระบี่เพียงครั้งเดียวนั้นก็เพียงพอที่จะทำให้คู่ต่อสู้ต้องละทิ้งชุดเกราะและหลบหนีไป”

ขณะที่เขาพูด เย่ชิวก็หยิบไม้ไผ่ขึ้นมาและกล่าวว่า “ข้าจะสาธิตให้เจ้าดูสักครั้ง ต่อมา ข้าจะให้คู่มือกระบี่แก่เจ้า เจ้าเพียงแค่ต้องฝึกฝนตามคู่มือกระบี่”

“หากเจ้าพบปัญหาใด ๆ ที่เจ้าไม่เข้าใจ เจ้าสามารถถามข้าได้โดยตรง…”

เย่ชิวไม่ได้ใช้กระบี่เซียนเมฆา เหตุผลหลักเป็นเพราะกระบี่เล่นนี้นั้นทรงพลังเกินไป เขากลัวว่าตัวเองอาจจะเผลอทำลายกระท่อมที่เป็นบ้านของตนเองทิ้งไป ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขาในขอบเขตชีวาเร้นลับและกระบี่เซียนเมฆา แม้แต่ผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งในขอบเขตปรมาจารย์ยุทธก็ไม่ใช่คู่มือของเขา

เย่ชิวมีความมั่นใจเช่นนี้ส่วนใหญ่เป็นเพราะเคล็ดวิชาการบ่มเพาะจิตใจที่เขาฝึกฝัน มันเป็นเคล็ดวิชาการบ่มเพาะจิตใจระดับเทพเจ้า พลังวิญญาณของมันบริสุทธิ์และน่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง

ยิ่งไปกว่านั้น เขามีกระบี่เซียนอยู่ในมือ หากเขาไม่สามารถแม้แต่จะเอาชนะปรมาจารย์ยุทธได้ เขาคงต้องเอาหัวเขกเต้าหู้ตาย

สีหน้าของหลินชิงจู้เปลี่ยนเป็นตึงเครียดขณะที่นางจ้องไปยังเย่ชิวที่ยืนอยู่ในป่าไผ่ “ท่านอาจารย์ ข้าพร้อมแล้ว!”

เย่ชิวพยักหน้าและเริ่มร่ายกระบี่ทันที

ท่อนไม้ไผ่ที่อยู่ในมือของเขาร่ายรำออกไปและบุปผากระบี่ที่สวยงามก็ได้ผลิบานทันที ลวดลายดอกบัวได้ปรากฏขึ้นใต้ฝ่าเท้าของเขา ทันใดนั้น เย่ชิวก็กระโดดขึ้นและร่ายรำอยู่ท่ามกลางเวหา เสื้อผ้าสีขาวของเขาพร่ามัวราวกับฝุ่น ราวกับมือกระบี่เซียนจากสวรรค์ เมื่อรังสีของกระบี่แผ่ออกไป ทั่วทั้งป่าไผ่ก็เริ่มโงนเงน

หลินชิงจู้หลงใหลในทักษะกระบี่ของเย่ชิวอย่างสมบูรณ์ ศาสตร์แห่งการใช้กระบี่ลวงตาเช่นนี้ นอกจากกลิ่นอายในชุดขาวของเย่ชิวแล้ว เป็นการยากที่นางดึงสติตนเองกลับมา ในไม่ช้านางก็จมลงไปในห้วงความหลงใหล ขณะที่เย่ชิวกำลังร่ายกระบี่ของเขา ไม่นานนางก็เริ่มค้นพบบางสิ่ง

ทันใดนั้น เจตนาของกระบี่ของเคล็ดวิชากระบี่ธรรมดาในตอนแรกเริ่มก็เปลี่ยนเป็นแหลมคมในทันที และเจตนาสังหารก็พุ่งสูงขึ้น ไม้ไผ่ในมือของเย่ชิวถูกครอบงำด้วยเจตนากระบี่ที่น่าสะพรึงกลัวและฟาดฟันออกไปในทันที

ทันใดนั้นรอยแตกก็ได้ปรากฏขึ้นบนพื้นดิน...

“นี่…” หลินชิงจู้ตกใจ นางไม่เคยคิดเลยว่าอนุภาพของเคล็ดวิชากระบี่ที่ดูเรียบง่ายจะน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้

ในไม่ช้า เย่ชิวก็สาธิตการร่ายกระบี่ของเขาเสร็จ เขาค่อย ๆ ร่อนลงมาจากด้านบน พร้อมไม้ไผ่ที่อยู่ข้างหลังเขา ราวกับมือกระบี่เซียนจากสวรรค์

“ศิษย์เห็นชัดหรือไม่” เย่ชิวกล่าวอย่างรู้สึกผิด เขาเพิ่งรับรู้เมื่อไม่กี่วันก่อน

เนื่องจากความสามารถของบุปผามหาเต๋า เขาจึงสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วและเข้าใจความมหัศจรรย์ของเคล็ดวิชากระบี่เมฆาม่วงในเวลาเพียงไม่กี่วัน เขาไม่รู้ว่า หลินชิงจู้จะเข้าใจหรือไม่ มันคงน่าอึดอัดใจหากนางทำไม่ได้ ท้ายที่สุด เขาในฐานะอาจารย์ของนางนั้นเพิ่งได้เรียนรู้เคล็ดวิชาแต่ยังสามารถจับจุดได้

ทว่าเย่ชิวกลับต้องรู้สึกประหลาดใจเมื่อหลินชิงจู้ยิ้มและกล่าวว่า “เจ้าค่ะ… ข้ามองเห็นมันชัดเจน แม้ว่าท่านอาจารย์จะสาธิตเพียงครั้งเดียว แต่ข้าก็จดจำได้หมดแล้ว”

เย่ชิวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย สตรีคนนี้มีความทรงจำแบบภาพถ่าย เหตุใดนางถึงกล่าวว่าตนมองเห็นมันชัดเจน

“เจ้าจำทุกอย่างได้จริง ๆ หรือ” เย่ชิวถามด้วยความไม่อยากเชื่อในขณะที่หลินชิงจู้ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ

“มันยากอะไรขนาดนั้น นับประสาอะไรกับเคล็ดวิชากระบี่เหล่านี้ แม้ว่าจะเป็นคัมภีร์เต๋าเล่มหนา เพียงข้าเหลือบมองข้าก็สามารถจดจำได้อย่างคร่าว ๆ แล้ว”

ดวงตาของเย่ชิวเป็นประกาย ‘สตรีคนนี้มีความทรงจำแบบถ่ายภาพจริง ๆ หรือ ข้าคงประเมินนางต่ำไปจริงๆ แม้ว่าจะอาศัยอยู่มาหลายวันข้าก็ยังไม่ค้นพบ’

“ดีมาก! เนื่องจากเจ้ามองเห็นอย่างชัดเจนแล้วก็จงนำคู่มือกระบี่เล่มนี้และฝึกฝนตามที่ข้าได้แสดงให้เห็นเมื่อครู่นี้ หากเจ้าพบสิ่งที่เจ้าไม่เข้าใจ อย่าลังเลที่จะถามข้าโดยเด็ดขาด” เย่ชิวยิ้มและพูดต่อว่า “แม้ว่าความจำของเจ้าจะไม่แย่ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในการฝึกฝนเคล็ดวิชากระบี่ก็คือความเข้าใจ”

“มีเคล็ดวิชากระบี่มากมายในโลกนี้ แต่ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดวิชากระบี่แบบไหน ความลึกซึ้งสูงสุดของมันจะนำไปสู่เป้าหมายเสมอ และนั่นคือเจตนาของกระบี่! มีเพียงการเข้าใจเจตนาของกระบี่เท่านั้น เคล็ดวิชากระบี่จึงจะปลดปล่อยพลังที่แท้จริงของมันได้

“และไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าใจเจตนาของกระบี่ แม้แต่อัจฉริยะที่มีพรสวรรค์การทำความเข้าใจระดับสูงก็ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งหรือหลายปีจึงจะสามารถเข้าใจเจตนาของกระบี่ได้ ผู้ที่มีพรสวรรค์แย่กว่านั้นอาจไม่สามารถเข้าใจเจตนาของกระบี่ได้ชั่วชีวิต”

หลินชิงจู้ฟังอย่างจริงจัง นางมีเป้าหมายในใจทันทีหลังจากที่ได้ยินอาจารย์พูดถึงเจตนากระบี่ด้วยความยากลำบากเช่นนั้น “ท่านอาจารย์ไม่ต้องกังวล ข้าจะฝึกฝนอย่างดีและพยายามค้นหาเจตนาของกระบี่โดยเร็วที่สุด”

“เอาล่ะ ไปเถอะ ข้าไว้ใจเจ้า…”

หลินชิงจู้รู้สึกยินดีและกอดคู่มือกระบี่ไปอย่างมีความสุข ‘ท่านอาจารย์บอกว่าเขาเชื่อใจข้า ซึ่งหมายความว่าเขาพอใจกับข้ามาก ดูเหมือนว่าข้าไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง

5 1 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด