ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 60 พบสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 62 จิตสังหารที่ซ่อนอยู่

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 61 ฆาตกรรมและวางเพลิง


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 61 ฆาตกรรมและวางเพลิง

แปลโดย iPAT  

ในที่สุดหลี่ฉิงซานก็เข้าใจว่าเหตุใดวัวดำจึงดูแคลนมีดสั้นเรืองแสงขณะที่ไม่แม้แต่จะชำเลืองมองดาบมังกรทะยานที่คนทั่วไปยกย่องว่าเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ เปรียบเทียบกับกับสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณที่แท้จริง คุณภาพของมีดสั้นเรืองแสงและดาบมังกรทะยานถือว่าต่ำกว่ามาตรฐาน

หากซ่งเซียงอู๋ใช้ภาพวาดนี้ หลี่ฉิงซานจะเป็นฝ่ายเสียชีวิต อย่างไรก็ตามมันเป็นไปไม่ได้ที่ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปจะสามารถใช้งานสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณด้วยพลังภายในของพวกเขา ซ่งเซียงอู๋สามารถใช้ยันต์ราชันสงครามเพราะเขาใช้เลือดเป็นตัวขับเคลื่อน ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อภาพวาดนี้อยู่ในสภาพม้วนเก็บไว้ มันก็ไม่เรืองแสงใดๆออกมา ดังนั้นมันจึงไม่ได้รับความสนใจจากคนทั่วไป

วัวดำกล่าว “สิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณชิ้นนี้ดูเหมือนจะไม่สมบูรณ์ มีบางส่วนขาดหายไป”

หลี่ฉิงซานชำเลืองมองมัน ดังคาด บางส่วนของภาพวาดขาดหายราวกับบางคนตัดมันออกไป

ความเข้าใจของวัวดำนั้นไม่ธรรมดา มันกล่าวต่อ “ดูเหมือนสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณชิ้นนี้จะถูกสร้างขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ มันถูกเขียนขึ้นอย่างลวกๆด้วยการแทรกปราณดาบเข้าไป ดังนั้นมันจึงสามารถปลดปล่อยปราณดาบออกมา หากเจ้าต้องการ เจ้าสามารถเรียนรู้วิชาดาบจากมัน สิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณทั่วไปจะถูกทำลายเมื่อพลังอำนาจที่แฝงอยู่ถูกแยกออก คนที่สร้างสิ่งนี้ขึ้นมาถือว่ามีทักษะบางอย่าง”

หลี่ฉิงซานเข้าใจความหมาย วัวดำมีความหยิ่งทะนงของผู้ยิ่งใหญ่ ดังนั้นการประเมินว่ามีทักษะบางอย่างถือเป็นการประเมินที่น่าประทับใจแล้ว นี่ทำให้หลี่ฉิงซานตรวจสอบตัวอักษรในภาพอย่างถี่ถ้วนมากขึ้นและพยายามทำความเข้าใจวิชาดาบ

ในนิยายเรื่องหนึ่ง ซื่อป๋อเถียนสามารถบรรลุเคล็ดวิชาระดับสูงแม้เขาจะไม่มีการศึกษา ดังนั้นหลี่ฉิงซานจึงคิดว่าเขาที่ไม่รู้จักตัวอักษรของโลกใบนี้ก็สามารถเรียนบางสิ่งจากตัวอักษรเหล่านี้ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามไม่ว่าเขาจะมองมันอย่างไร เขาก็ไม่เข้าใจมันแม้แต่น้อย

เสี่ยวอันมองภาพวาดขณะที่เปลวไฟในเบ้าตาเต้นรำอย่างต่อเนื่อง ทันใดนั้นเด็กน้อยก็หยิบม้วนภาพวาดขึ้นมาจากพื้นและเริ่มเหวี่ยงมันไปรอบๆ เสียงลมดังขึ้นในห้องลับราวกับม้วนภาพวาดไม่ใช่ม้วนภาพวาดแต่เป็นดาบที่แท้จริง

มันควรเป็นภาพที่แปลกประหลาดและดูตลกเมื่อโครงกระดูกเล็กๆเต้นรำไปรอบๆพร้อมกับม้วนภาพวาดที่อยู่ในมือ แต่หลี่ฉิงซานไม่รู้สึกเช่นนั้น เขารู้สึกเหมือนมองเห็นนักดาบที่สง่างามกำลังร่ายรำดาบที่อยู่ในมือไปรอบๆ เขาอดไม่ได้ที่จะบ่น “นิยายล้วนเป็นเรื่องโกหก”

‘คนไร้การศึกษาจะเรียนรู้ทักษะยุทธ์ได้เร็วกว่าคนมีการศึกษาได้อย่างไร? ช่างไร้สาระนัก!’

วัวดำชำเลืองมองหลี่ฉิงซานก่อนกล่าว “นั่นคือสิ่งที่เรียกว่าความสามารถในการทำความเข้าใจ”

หลี่ฉิงซานเชื่อว่าความสามารถในการทำความเข้าใจของเขาไม่ได้เลวร้ายมากนัก เขาก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในการฝึกหมัดปีศาจวัวและเขายังได้รับการยกย่องจากวัวดำ คำอธิบายเดียวที่เขาคิดได้คือพรสวรรค์ในการทำความเข้าใจของเสี่ยวอันเหนือกว่าเขามาก แน่นอนว่าบางทีมันอาจเป็นเพราะเด็กน้อยเข้าใจตัวอักษร

เสี่ยวอันหยุดเคลื่อนไหวในที่สุดขณะที่ม้วนภาพวาดเต็มไปด้วยรอยแตกร้าวก่อนจะสลายกลายเป็นฝุ่นผง หลังจากนั้นโครงกระดูกน้อยก็มองไปทางหลี่ฉิงซาน แม้มันจะไม่สามารถแสดงความรู้สึกใดๆออกมาแต่เปลวไฟในเบ้าตาของมันก็สั่นไหวราวกับต้องการกล่าวว่า “เร็วเข้า ชมข้า!”

หลี่ฉิงซานลูบศีรษะเสี่ยวอัน “เก่งมาก!”

เสี่ยวอันมีความสุขมากเมื่อได้รับการชื่นชม จากนั้นเด็กน้อยก็ใช้นิ้วเขียนบนฝ่ามือของหลี่ฉิงซานว่า “ข้าจะสอนท่านเอง!”

หลี่ฉิงซานยิ้ม “ดูเหมือนข้ายังมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้อีกมาก อย่างไรก็ตามตอนนี้เราต้องหาบ้านใหม่ให้เจ้าก่อน!” เขาพบเครื่องลายครามที่ดูเหมือนแจกันโบราณเล็กๆใบหนึ่ง “นี่ดูเล็กไปหน่อย”

อย่างไรก็ตามเสี่ยวอันกลับแยกชิ้นส่วนร่างกายและบินเข้าไปในแจกันกระเบื้องลายครามใบเล็กอย่างน่าอัศจรรย์ นั่นทำให้หลี่ฉิงซานแทบกระโดดขึ้นจากพื้นด้วยความตกใจ เขามองเข้าไปในแจกันและพบกระโหลกศีรษะเล็กๆและเปลวไฟสีแดงเลือดจ้องมองกลับมาที่เขาอย่างร่าเริง

‘เอ่อ...เดิมทีข้าคิดว่าการเลี้ยงผีเด็กก็แปลกมากแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะแปลกมากขึ้นไปอีก’ เขาคิดแต่กล่าวอีกอย่าง “ราตรีสวัสดิ์!” จากนั้นก็ปิดฝาแจกัน

หลี่ฉิงซานเก็บแจกันใบเล็กและตั๋วแลกเงินไว้ในอกเสื้อ เขายังนำม้วนภาพวาดติดตัวไปด้วย เขาพบน้ำมันและราดมันรอบๆป้อมวายุทมิฬ เว้นเพียงยุ้งฉางและห้องเก็บของ สุดท้ายเขาก็จุดไฟ

ตั้งแต่โบราณ การฆาตกรรมและการวางเพลิงมักเกิดขึ้นพร้อมกันเสมอ

แม้หิมะจะตกหนัก แต่เปลวเพลิงยังลุกไหม้และแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ในชั่วพริบตามันก็กลายเป็นทุ่งเพลิง ใบหน้าของหลี่ฉิงซานกลายเป็นสีแดงจากแสงสะท้อน

หลี่ฉิงซานยังเทน้ำมันลงบนกองซากศพ ใครจะรู้ว่าหากบางคนค้นพบสิ่งผิดปกติจากศพที่ถูกสูบเลือดออกไปเหล่านี้ มันจะเกิดสิ่งใดขึ้น ดังนั้นเขาจึงต้องเผาพวกมันทิ้งทั้งหมด

บนเส้นทางภูเขา กลุ่มคนที่ออกเดินทางมาปราบโจรอย่างยากลำบากมาถึงป้อมวายุทมิฬในที่สุด

ฮวงปิงหูที่คิดว่าพวกเขามาสายเกินไปตกใจเมื่อเห็นแสงสีแดงที่ร่ายรำอยู่บนท้องฟ้า ‘อย่าบอกว่า...’ เขาเร่งออกคำสั่ง “เร็วเข้า!” หลังจากข้ามสันเขา ฮวงปิงหูยิ่งตกตะลึงมากขึ้นไปอีก หลิวหงก็เช่นกัน ทุกคนกลายเป็นพูดไม่ออก

ป้อมวายุทมิฬที่เคยยิ่งใหญ่กำลังถูกเผาทำลายอยู่ในทะเลเพลิง

‘อย่าบอกว่าเขาทำทั้งหมดนี้ด้วยตัวคนเดียว?’ คำถามนี้ผุดขึ้นในใจของทุกคน

หลังจากฟื้นคืนสติ พวกขาก็รีบวิ่งลงจากสันเขาด้วยความเร็วสูงสุดกระทั่งมาถึงป้อมวายุทมิฬ พวกเขาเดินผ่านทางเข้าที่พังทลายด้วยความลังเลก่อนจะเห็นภาพที่ไม่มีวันลืม

ท่ามกลางทะเลเพลิง หิมะบนพื้นถูกย้อมด้วยเลือดและไฟ อาวุธที่แตกหักจำนวนมากตกอยู่บนพื้น หลี่ฉิงซานนั่งพักผ่อนอยู่ด้านหน้ากองซากศพที่กำลังถูกเผาทำลาย

กลุ่มคนสี่หรือห้าร้อยคนหยุดเคลื่อนไหว ฮวงปิงหูและหลิวหงก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น พวกเขาจ้องมองเด็กหนุ่มที่ปลดปล่อยกลิ่นอายราวกับเทพปีศาจออกมาด้วยใบหน้าแข็งค้าง

หลี่ฉิงซานเปิดเปลือกตาขึ้น “ในที่สุดพวกท่านก็มา!” แสงไฟสะท้อนอยู่ในดวงตาของเขาแต่มันดูราวกับเปลวไฟที่ลุกโชนขึ้นจากภายในตัวเขาเอง

ไม่มีสัญญาณตอบรับ!

หลี่ฉิงซานฆ่า เผา และทดลองใช้สิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ ดังนั้นความแข็งแกร่งและพลังปราณของเขาจึงหมดลงในที่สุด เขารู้สึกถึงคลื่นความเหนื่อยล้าพุ่งเข้าโจมตีจิตใจ ด้วยเหตุนี้เขาจึงเริ่มนั่งสมาธิอยู่ในทะเลเพลิง สถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับการพักผ่อนของเขาก็คือพื้นที่ว่างเปล่าที่เขานั่งอยู่ในปัจจุบัน แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะสามารถสร้างภาพที่น่าประทับใจเช่นนี้

ในฐานะคนธรรมดา เย่ต้าฉวนไม่มีประสบการณ์เหมือนฮวงปิงหูหรือหลิวหง เขาเดินเข้าไปและถาม “จะ...เจ้าทำทั้งหมดนี้งั้นหรือ?” อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถมองตรงไปยังกองซากศพที่อยู่ด้านหลังหลี่ฉิงซาน ความร้อนแรงของเปลวไฟและกลิ่นเนื้อไหม้ทำให้เขาเวียนศีรษะ

หลี่ฉิงซานพยักหน้าและกระโดดลุกขึ้นยืน เขาประกาศ “หลี่ฉิงซานทำลายป้อมวายุทมิฬตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับคนหมู่บ้านกระทิงหมอบรวมถึงเจ้าเมืองและตัวข้าเองแล้ว!”

ฮวงปิงหูและหลิวหงสังเกตเห็นหน้าไม้ที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น พวกเขารู้จักความน่าสะพรึงกลัวของอาวุธเหล่านี้

‘เคล็ดวิชาชนิดใดที่ทำให้เขาแข็งแกร่งถึงเพียงนี้?’ หลิวหงเชื่อว่าตัวเขาไม่สามารถบรรลุสิ่งเดียวกันกับที่หลี่ฉิงซานทำ แม้พวกโจรจะยืนนิ่งให้เขาทุบตี แต่เขาก็คงหมดแรงก่อน โดยไม่ต้องกล่าวถึงกลุ่มโจรที่กวักแกว่งอาวุธรวมถึงผู้เชี่ยวชาญอีกหลายคน

หลิงหงมองไปที่เอวของหลี่ฉิงซานและคาดเดาบางสิ่ง แต่เขารีบหลบสายตาทันทีภายใต้การจ้องมองของหลี่ฉิงซาน